ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Dr.Kwind สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สุราษฎร์ธานี จังหวัดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรรตามชอบใจ ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก หรือวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ยังคงน่าสัมผัส รวมถึงเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบครบครัน มีการคมนาคมที่สะดวก เพราะฉะนั้น วันนี้เราเลยขอเอาใจคนที่อยากออกไปพักสายตา ทอดกายบนเปลชิล ๆ พักผ่อนเพิ่มพลังให้กายและใจ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ด้วยการนำเอาบันทึกการเดินทางที่มาพร้อมภาพถ่ายงาม ๆ ของ คุณ Dr.Kwind สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสไปสัมผัสกับความสวยงามของ "เขื่อนเชี่ยวหลาน"..."เกาะเต่า" และ "เกาะนางยวน" จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วนำมาบอกถ่ายทอดให้เราได้เห็นถึงความงดงามเหล่านั้นกัน
* ภาพในรีวิวสามารถนำไปใช้ได้เลยครับ ใส่เครดิตให้ก็พอครับ
** ภาพทั้งหมดถ่ายด้วย Nikon D7000 + tokina 11-16 DX II, ภาพที่ tilt shift และภาพใต้น้ำถ่ายด้วย Nikon1 aw1 ครับ
กลับมารีวิวอีกครั้ง ถัดจากทริปจอมเทียน สัตหีบ The Glass House แค่ 1 สัปดาห์ ก็ออกเดินทางอีกครั้งครับ ครั้งนี้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่เรียนมหาลัยด้วยกัน ได้ไปแบบบังเอิญ ๆ เพราะเอารูปเขื่อนเชี่ยวหลานไปโพสต์ใน FB ว่าอยากไป เพื่อนจัดทริปอยู่แล้วเลยได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย
เกือบจะไม่ได้ไปเหมือนกันครับ เพราะโกรธนกแอร์ ตอนแรกจองตั๋วผ่าน internet เช็กราคามีโปรโมชั่นพอดี ค่าตั๋วดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี แค่ 690+ บาท กำลังจองเลย แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด เปิดมาอีกที ราคาตั๋วโปรฯ ไม่มีแล้ว กลายเป็น 1590+ บาท เซ็งเลย ตอนแรกทำใจไม่ได้ 555 เกือบจะไม่ไปอยู่แล้ว แต่มาดูกระทู้รีวิวเกาะเต่าแล้วเกิดความอยาก เบื่อด้วย เลยยอมตัดใจจองกับนกแอร์ไป
ทริปนี้แพลนไว้ว่าจะไปพักที่เขื่อนเชี่ยวหลาน 1 คืน หลังจากนั้นจะไปนอนที่เกาะเต่าอีก 2 คืน รวมเป็น 4 วัน 3 คืนครับ กระทู้นี้เขียนสดนะครับ อาจช้านิดนึง เพราะทำงานไปด้วย
เริ่มออกเดินทางจากดอนเมืองตั้งแต่ 6 โมงเช้า มาถึงสุราษฎร์ธานี 7 โมงนิด ๆ ครับ (ยังเคืองนกแอร์อยู่นะครับ)
ทริปนี้มีสมาชิก 9 คน เราจึงเหมารถตู้ สนามบิน-เข้าเมือง (รับเพื่อนจากสมุยอีก 2 คน)-ท่าเรือเขื่อน ขากลับรับจากท่าเรือเขื่อน-ท่าเรือดอนสัก ราคาเหมา 5,000 บาทครับ คิดแล้วถ้าต้องนั่งรถตู้ที่ท่ารถเองคงพอ ๆ กัน เลยตกลงเหมารถกันดีกว่าครับ
ตอนเช้าพอมาถึงสนามบินรถตู้มารออยู่แล้ว แต่ต้องรอเพื่อนนั่งเรือมาจากเกาะสมุย เลยแวะไปกินอาหารเช้ากันก่อนครับ เนื่องจากไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมากินอาหารเช้าเลยไม่ได้หาข้อมูลมา น้องคนขับรถตู้เลยพาไปร้านนี้ครับ
ร้านอยู่ใต้โรงแรมเสรี ชื่อร้าน เสรีแต่เตี้ยม อาหารเช้าของคนใต้ส่วนใหญ่คล้ายกันครับ ร้านนี้ขายติ่มซำ ข้าวต้มปลา บักกุดเต๋ อาหารรสชาติใช้ได้ครับ แต่เพื่อนบอกว่าบักกุดเต๋ที่ภูเก็ตอร่อยกว่า (อันนี้คงแล้วแต่คนชอบ) กาแฟเย็นรสชาติดีเลยครับ อร่อย ๆ
หน้าร้านจะมีติ่มซำให้เลือกมากมายครับ เราก็ไปเลือก ๆ ร้านจะนึ่งแล้วก็เอามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะครับ จำราคาแต่ละอย่างไม่ได้ มื้อนี้กินกัน 7 คน หมดไป 920 บาทครับ
กินอาหารเช้าเสร็จเกือบ 9 โมงแล้ว ก็ไปรับเพื่อนต่อที่ท่ารถในเมืองครับ เพื่อนนั่งเรือมาจากสมุย 6 โมงเช้า ต่อรถเข้ามาในเมือง มาถึงตอนกินเสร็จพอดี รับเพื่อนเสร็จก็ออกเดินทางไปเขื่อนเชี่ยวหลานกันเลย ใช้เวลานานเหมือนกันครับ เพราะรถตู้ต้องแวะไปเอากระเป๋าเพื่อนที่มาจากสมุย เพราะมีฝรั่งหยิบผิดไป แถมคนขับรถตู้ยังแวะไปเอาของระหว่างทางอีก กว่าจะถึงเขื่อนเกือบ 11 โมง ละครับ ที่ท่าเรือของเขื่อนจะมีมินิมาร์ท แนะนำให้ซื้อขนม+ของกินไปด้วยนะครับ ในเขื่อนมีขายแต่แพงกว่า และมีแค่ไม่กี่อย่าง
พาหนะหลักของเราทริปนี้ครับ
เขื่อนเชี่ยวหลานเราเลือกพักที่ "แพสายชล" ครับ ตอนแรกเพื่อนจองมาแค่ 8 คน ได้ราคา 2 วัน 1 คืน คนละ 2,400 บาท ผมมาเพิ่มที่หลังเป็นคนที่ 9 เลยเหลือคนละ 1,950 บาทครับ ราคานี้รวมเรือรับส่ง เขื่อน-แพ ทริปวันเดย์ไปถ้ำปะการัง อาหาร 3 มื้อ (แต่พวกเราได้กินแค่ 2 มื้อ) และขากลับพาไปแวะดูกุ้ยหลินเมืองไทยครับ
มาถึงท่าเรือที่เขื่อนก็จะมีเรือจากแพที่เราจองไว้มารออยู่แล้วครับ ตอนมาถึงแดดเริ่มแรงแล้ว ถ้าให้ดีเลย ผมว่ามาถึงช่วง 9-10 โมงเช้าจะดีมากครับ เพราะเวลาที่เรานั่งเรือไปที่แพ แดดจะอยู่ด้านหลัง เวลาถ่ายภาพท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าสวยมาก (ถ้าไม่เจอฝน)
ตอนแรกกลัวจะเจอฝนเหมือนกัน น้องในทีมคนหนึ่งบอกว่าปักตะไคร้มาเรียบร้อยละ เดี๋ยวมาดูกันจะรอดรึเปล่า
ระหว่างทางจากสันเขื่อน ไปที่แพสายชล วิวข้างทางสวยมากครับ ถ่ายรูปกันจนคนขับเรือเคือง เดี๋ยวขับเดี๋ยวหยุด ตอนแรกก็นึกว่าเค้าจอดให้เราถ่ายรูป หยุดบ่อยเลยถาม เค้าเลยบอกว่าเพราะเรือมันโครง พวกเราก็เลยต้องทำตัวสงบเสงี่ยม งดถ่ายรูปกันไปพักหนึ่งเลย
ตอนนี้ฟ้ายังใสอยู่ครับ
เรือใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จากท่าเรือเขื่อนมาที่แพสายชล ตอนแรกฟ้าก็ใส ๆ ครับ แดดร้อนด้วย นั่งเรือเข้ามาในเขื่อนสักพักฟ้าเริ่มมืดบ้าง สว่างบ้าง มองเห็นเหมือนมีเมฆฝนอยู่ข้างหน้าเป็นหย่อม ๆ เกือบถึงแพยิ่งมืดขึ้นเรื่อย ๆ อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว "ฝนตก" ครับ ตกตรงแพของเราพอดี ไม่มีอะไรกันฝน ก็เปียกกันคนละหน่อย พอมาถึงแพ คนที่แพบอกว่านี่ฝนเพิ่งตกวันแรกนะ เมื่อวานไม่ตกเลย...เอิ่ม ดวงดีกันจริง ๆ
มากับสายฝนกันเลยทีเดียว
ที่เลือกแพสายชลเพราะแพนี้มีห้องแบบที่มีห้องน้ำครับ พักห้องละ 2 คน ไฟฟ้าใช้ได้ 6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้า เป็นห้องพัดลม ไม่มีแอร์ครับ ตอนกลางวันจะค่อนข้างร้อนมาก แต่ส่วนใหญ่คงออกไปเที่ยวภายในเขื่อนกันมากกว่า
เตียงนอนสบายดีครับ
ห้องน้ำเล็ก ๆ น้ำไหลเบาไปหน่อย
มาถึงก็กินอาหารกลางวันกันเลยครับ เหมือนทุก ๆ แพ กับข้าวเติมได้ครับ แต่ผลไม้เติมไม่ได้ อาหารอร่อยเลยครับ เหรอหิว ก็ไม่รู้ 555
แตงโมเป็นอย่างเดียวที่เติมไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ สงสัยจะแพงรึเปล่า
หลังจากกินเสร็จ ได้เวลาไปดูถ้าปะการังครับ คนขับเรือของเราจะเป็นคนเดิมตลอดนะครับ ตั้งแต่รับมาเขื่อน พาไปถ้ำ พากลับ (เพื่อน ๆ ทุกคนแอบอยากเปลี่ยน อ่านจากรีวิวอื่น ๆ คนขับจะแนะนำโน่นนี่ พาเที่ยว คนนี้ไม่เลย) ใช้เวลาไม่นานครับ จากแพสายชลนั่งเรือไปประมาณ 15 นาทีก็ถึง ตรงนี้จะต้องเดินผ่านป่าระยะทางประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็ไปต่อแพด้านในเข้าไปชมถ้ำครับ เรือมาส่งตรงนี้ครับ หลังจากนั้นต้องเดินต่อ แต่มีเด็กน้อยพาไปนะครับ
เดินกันจนหลังเปียก เหนื่อยมาก ๆ ก็มาถึงท่าเรือใน
ตอนที่ผมมาถึงประมาณบ่าย 2 ครึ่งแล้ว มีคนรอแพอยู่ก่อนอีก 3 กลุ่ม น้องที่พาเดินมาบอกว่า แพมีเยอะ แต่ไม่มีคนขับ (นี่ผมมาวันหยุดยาวนะเนี่ย คนขับหายไปไหนหมด ???) รออยู่เกือบชั่วโมงครับ กว่าจะได้นั่งแพไปถ้า
ไกด์ที่พาชมถ้ำของเราวันนี้ เป็นน้องตัวน้อยเสื้อสีชมพูครับ น้องมีความรู้มาก สงสัยพานักท่องเที่ยวมาบ่อย ๆ
รูปในถ้ำไม่ได้ถ่ายมานะครับ หินงอกหินย้อยในถ้ำสวยมาก ทุกก้อนมีเรื่องราว เป็นอีกที่หนึ่งที่ควรเข้าไปชมครับ
ขากลับออกจากถ้ำ ฟ้าเริ่มมืด ๆ เหมือนฝนจะตกอีกแล้ว นึกว่าจะโดนฝนอีก แต่ครั้งนี้รอดครับ ตอนกลับเดินสบายกว่าขามามาก ๆ กลับถึงแพสายชลฝนตกพอดี แต่ไม่ใช่อุปสรรคในการเล่นน้ำของเรา ฝนตกก็เล่นมันทั้งอย่างนั้นละครับ
เล่นน้ำสักพักขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หลับไปได้แป๊บเดียวก็ได้เวลากินอีกแล้ว มื้อเย็นมีปลาแรดทอดกระเทียม (น้ำจิ้มอร่อยมากครับ) ใบเหลียงผัดไข่ แกงส้ม (หรือแกงเหลืองไม่รู้ครับ) แล้วก็ไข่เจียวไหม้ อาหารอื่นอร่อยหมดครับ ยกเว้นไข่เจียว มันไหม้ครับ แล้วก็อมน้ำมันด้วย มื้อนี้มืดแล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมา
แพสายชลจะมีส่วนบริการ ส่วนทานอาหารตรงกลาง มีห้องพัก 2 ฟากครับ ผมพักฟากนี้
อีกฟากหนึ่งจะมีแพใหญ่ตรงกลางเป็นห้องน้ำรวม ห้องพักจะเล็กกว่า คาดว่าเพราะไม่มีห้องน้ำครับ แต่ราคาก็ถูกกว่านะครับ
วันแรกค่อนข้างเพลีย 3 ทุ่ม เห็นดาวไม่ค่อยมาก ง่วงนอนด้วยครับ เลยเข้าไปนอน ตื่นเช้าทีเดียวเลย อากาศตอนกลางคืนกับช่วงเช้าเย็นสบายมากครับ ไม่ร้อนเลย นอนหลับสบาย พวกเราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือดอนสัก เพื่อไปเกาะสมุยตอน 10 โมง เลยต้องออกจากแพตั้งแต่ 06.30 น. เพื่อไปขึ้นรถตู้ตอน 07.30 น. วันนี้เลยอดกินอาหารเช้าเลย ตอนเช้าไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากแพนะครับ เพราะแพตั้งอยู่ตรงที่เหมือนเป็นหุบเขา มีเขาอยู่รอบเลย ตอนนั่งเรือออกมาฟ้าก็สว่างแล้ว ได้เก็บบรรยากาศอีกหน่อย แต่นั่งเรือตอนเช้าลมเย็นสบายมาก ๆ ครับ
ยอดเขาจะซ่อนตัวอยู่ในหมอกเลยครับ เลยได้ชื่อว่า เขาเสียบหมอก
ขากลับก็ต้องแวะกุ้ยหลินเมืองไทยหน่อยครับ
วิวสองฝั่งตอนขากลับ สวยมาก ๆ ครับ
ปกติถ้าเราไม่ได้กลับเลยตอนเช้าจะมีพาไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ส่องสัตว์นะครับ แต่พวกผมรีบไปเกาะเต่ากัน เลยได้เห็นพระอาทิตย์แค่นิดหน่อย
แสงตอนเช้าสวยมากครับ
ตอนใกล้ถึงสันเขื่อนมีหมอกลอยเหนือผิวน้ำเต็มเลยครับ เรือวิ่งฝ่าเข้าไปในหมอก อากาศตรงนี้เย็นมาก สดชื่นมาก ๆ ครับ
มาถึงท่าเรือที่เขื่อนก่อน 07.30 น. นิด ๆ ครับ หมอกยังมีอยู่เลย
ถึงท่าเรือเขื่อนก็รีบโทรหารถตู้เลย เพราะเราต้องรีบไปขึ้นเรือที่ท่าเรือดอนสักเที่ยว 10 โมง ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ครับกว่าจะไปถึงท่าเรือ เราแพลนว่าจะไปเกาะเต่าโดยนั่งเรือจากท่าเรือดอนสักไปลงเกาะสมุย แล้วค่อยนั่งเรือจากเกาะสมุยไปเกาะเต่าอีกทีครับ
เข้าไปซื้อตั๋วกันเลยครับ ค่าเรือ 150 บาท เรือรอบ 10 โมง ที่เราจะไปมาเทียบท่าแล้วครับ ใช้เวลาในการเดินทาง 1.30 ชั่วโมง
รีบไปขึ้นเรือกันดีกว่าครับ เรือลำใหญ่มาก มีรถบัส รถยนต์ บิ๊กไบค์ข้ามไปด้วยมากมายเลย ตอนนี้ฟ้ายังใสอยู่
ภายในเรือมาทั้งโซนที่เป็นห้องแอร์ โซนด้านนอกเอาไว้ตากลม เรือแบ่งที่นั่งเป็น 2 ชั้นครับ ชั้นบนที่เป็นห้องแอร์ต้องมีบัตรสมาชิกถึงจะเข้าได้ เที่ยวที่ผมไปไม่มีคนนั่งในห้องนั้นสักคนเดียว ในเรือมีมินิมาร์ท มีทั้งข้าวกล่อง ขนมจีบ มาม่า ขนม น้ำ มากมายครับ ราคาไม่ได้แพงมาก ในเรือมีห้องน้ำและมีห้องสปาด้วยครับ
ใช้เวลาแค่ 90 นาที เราก็มาถึงเกาะสมุย จากฟ้าใส ๆ ฝนตกซะงั้น คุณป้าข้างหน้าบอกว่าฝนไม่ตกมานานแล้ว แสดงว่าพวกเรามากับฝนจริง ๆ
จากท่าเรือหน้าทอน เราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ "บางรักษ์" เพื่อไปเกาะเต่าครับ เราเดินทางไป-กลับซีทรานดิสคัฟเวอรี่ ตรงนี้เราเหมารถตู้กันไป 9 คน คิด 800 บาท จากท่าเรือหน้าทอนไปท่าเรือบางรักษ์ประมาณ 30 นาทีครับ
ถึงท่าเรือบางรักษ์ก็ไปจองตั๋วไปเกาะเต่า เรือออกบ่ายโมงครึ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมงครับ โดยเรือจะแวะไปส่งคนที่เกาะพงันก่อน แล้วค่อยไปที่เกาะเต่า ค่าเรือ 600 บาท แต่เราซื้อตั๋ว ไป-กลับ ได้ราคา 1,100 บาท/คน
เด็ก ๆ เล่นน้ำอยู่ตรงท่าเรือครับ บอกตรง ๆ เลยไม่กล้าเล่นจริง ๆ ดูเหมือนทางระบายน้ำเสียลงทะเลมากครับ ฝนเริ่มมาอีกแล้ว
เรือที่เราไปเป็นเรือ 2 ชั้น ขนาดจะเล็กกว่าเรือที่นั่งข้ามมาสมุยครับ แต่แบ่งโซนคล้ายกัน มีห้องแอร์และส่วนที่นั่งรับลมครับ ถ้าเป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะนั่งข้างนอก แต่คนไทยส่วนใหญ่จะนั่งในห้องแอร์ บนเรือจะมีโซนขายขนม เครื่องดื่มนิดหน่อย (ไม่เยอะเท่าเรือที่ข้ามาสมุย) มีห้องน้ำครับ
ออกเดินทางกันดีกว่า
เรือจะแวะส่งคนที่เกาะพงันก่อนนะครับ ผมไปวันเสาร์ สังเกตว่าคนมากกว่าครึ่งลำลงที่เกาะพงันครับ เรือจอดประมาณ 10-15 นาที ก็เดินทางต่อไปที่เกาะเต่า เกาะเต่าอยู่ใกล้กับเกาะพงันมากครับ ใช้เวลาเดินทางแค่ 20-30 นาทีก็ถึง
พอขึ้นฝั่งจะเห็นคนมากมายจากรีสอร์ทต่าง ๆ มารอรับลูกค้าตัวเองอยู่ พวกเราพักที่ วินด์บีช รีสอร์ท ก็มีรถมารอรับอยู่แล้วครับ รถส่วนใหญ่เป็นรถกระบะติดที่นั่ง หรือรถสองแถวนั่นล่ะครับ ตรงท่าเรือจะมี 7-ELEVEN ของแพงกว่าบนฝั่งเล็กน้อย พอรับได้ครับ พวกเรารีบไปซื้อขนมกันใหญ่ นึกว่ารีสอร์ทที่เราไปอยู่กลางป่าเขา ที่ไหนได้ หน้ารีสอร์ทก็มี 7-ELEVEN มีร้านขายยา ร้านขนม สารพัดร้าน มีหมดครับ 555
วินด์บีช รีสอร์ท อยู่หาดทรายรี ตัวห้องพักไม่ติดทะเล โซนที่ผมพักไม่เห็นวิวทะเลนะครับ ตัวรีสอร์ทออกแนวยาว ๆ แต่หน้าแคบ ๆ สามารถเดินลงไปชายหาดได้ ไม่ไกลครับ มีสระว่ายน้ำ มีร้านอาหาร บาร์ เราจองมา 4 ห้อง นอนห้องละ 2 คน 4 ห้อง คืนละ 1,500 บาท/คืน อีกห้องนอน 3 คน ห้องใหญ่กว่าเล็กน้อย อยู่ใกล้ทะเลกว่า ห้องละ 2,400 บาท/คืน
อันนี้ห้อง 2 คนครับ ห้องใหญ่ไม่ได้ถ่ายรูปมา น้ำไหลแรงสะใจ มีน้ำร้อนครับ
มาละครับ วินด์บีช ที่ผมพักอยู่ที่หาดทรายรี เป็นหาดทรายยาวเลยครับ น้ำใสพอสมควร แต่ตรงบริเวณใกล้โลตัสบาร์ (ตรงต้นมะพร้าวหักน่ะครับ) มีทางระบายน้ำเสียลงทะเลโดยตรง ตอนที่ผมไปนั่งรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน ฝรั่งคนหนึ่งบอกว่าตัวเองเป็นวิศวกรน้ำ จะทำให้น้ำตรงนี่สะอาด แล้วเค้าก็เอาถังใหญ่ลงไปตักน้ำในทะเล มาเทใส่ทางระบายน้ำ เอาใบไม้ไปวางกรองตรงทางออกของน้ำ เค้าทำอยู่เป็นชั่วโมงเลยครับ อยากให้ชาวเกาะเต่าสำนึกรักบ้านของตัวเองเหมือนฝรั่งคนนี้ ไม่งั้นต่อไปอาจไม่ได้เห็นทะเลสวย ๆ น้ำใส ๆ อย่างทุกวันนี้ก็ได้ครับ
จุดนี้ใครผ่านมาก็ต้องถ่ายรูปครับ
ตรงนี้ คือ โลตัสบาร์ คนเกาะเต่าแนะนำให้มานั่งดริงก์ที่นี่ครับ คืนแรกผมไม่ได้ไปนั่งที่นี่เห็นคนไม่เยอะ คืนที่สองมีน้องออกมาเที่ยว บอกว่าสนุกมากครับ
ตามชายหาดทรายรีจะมีร้านอาหารริมหาดหลายร้านเลยครับ ร้านนี้ติดไฟเต็มต้นไม้เลย ล่อคนสุด ๆๆ ตอนกลางคืนเป็นบาร์ มีไฟแวบ ๆๆ มาล่ออีก ผมยังอยากไปเลย 555
ร้านนี้ คือ ตรงวินด์บีชที่ผมพักครับ
ส่วนใหญ่เด็กเสิร์ฟร้านแถวนี้ทั้งหมดจะเป็นชาวพม่า ซึ่งพูดภาษไทยไม่ค่อยได้ เวลาออร์เดอร์อาหารต้องสั่งเป็นภาษาอังกฤษ คืนแรกเพื่อนบอกอยากกินกุ้งอบวุ้นเส้น แต่ไม่รู้ว่าวุ้นเส้นเรียกว่าอะไรเลยอด 555
ริมทะเลตรงหาดทรายรีถึงจะมีแสงไฟจากร้านต่างริมหาด แต่ก็มองเห็นดาวเต็มฟ้าเลยครับ
ตอนที่ตามหาร้านกินข้าวตอนเย็น ก็หาเรือไปทริปรอบเกาะพรุ่งนี้ด้วยเลย ตรงริมหาดจะมีป้าย taxi boat ลองต่อลองราคากันดูครับ พวกเราไปกัน 9 คน ได้ราคามา 4,000 บาท พาไปจุดดำน้ำตื้นรอบเกาะ แล้วก็เกาะนางยวนครับ เคยอ่านรีวิวบางคนได้ราคาแค่ 2,500 บาทเองครับ
ตอนเช้าตื่นมาทานอาหารเช้า ห้องอาหารจะอยู่ริมหาดนะครับ อาหารไม่มีอะไรมาก มีแฮม ไส้กรอก ข้าวผัด ผัดผัก ขนมปัง แยม แล้วก็แตงโม น้ำส้มใช้ของมาลีครับ อร่อยดีมีเนื้อส้มด้วย
กินข้าวเสร็จเราเลยสั่งข้าวกล่องไปออกทริปด้วย จริง ๆ จะแวะกินที่อ่าวม่วง (Mango Bay) ก็ได้นะครับ แต่กลัวคนเยอะ เสียเวลา เลยสั่งไปเลยดีกว่า ถ้าจะไปกินที่อ่าวม่วงอาจจะต้องรีบนิดนึงครับ ตอนที่ผมไป 11 โมง มี speed boat จอดอยู่เต็มเลยครับ
อากาศเช้าวันที่จะออกทริป เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวฝนลงเม็ดเล็ก ๆ ตอนแรกยังกลัวว่าจะแดนฝนรึเปล่าวันนี้ (ที่เกาะเต่าก็เช่นกันครับ ไม่มีฝนตกมาหลายเดือน วันนี้ฝนเริ่มลงเม็ดละครับ รู้แล้วว่าเรามากับ "สายฝน" จริง ๆ)
นักท่องเที่ยวเริ่มเตรียมออกไปดำน้ำกันละครับ ที่เกาะเต่ามีชื่อเสียงเรื่องดำ scuba ด้วยนะครับ
เช้านี้พอมีแดด เริ่มเห็นความหวังรำไรละครับ
นัดเรือไว้ 08.30 น. ครับ การที่เราออกทริปแต่เช้าเป็นข้อดีครับ เพราะแต่ละที่ที่เราไปจะไปเป็นลำแรกเลย คนไม่พลุกพล่านดีครับ
ระหว่างนั่งรอเรือมารับเจอหมาทะเลด้วย มันวิ่งไปเล่นน้ำทะเล แล้วก็วิ่งมาหาพวกเรา ตัวเปียกแต่ไม่สะบัดขนเลย ฉลาดมากครับ คงคิดว่าเราจะให้ของกิน 555 เปล่าเลย รุมถ่ายรูปมันกันใหญ่ แต่ไม่ให้อะไรกินเลย
วันนี้ใช้บริการเรือลำนี้ครับ ชอบเลย...สีเยอะดี
ทริปดำน้ำรอบเกาะวันนี้ไปกัน 8 คน เพื่อนอีกคนไม่ไป ไปขับรถเล่นชมวิวในเกาะแทน กว่าจะเตรียมของลงเรือ ออกเรือก็เกือบ 9 โมงละครับ นั่งเรือชมวิวรอบเกาะไปสักพัก พี่คนขับเรือก็พาไปอ่าวแรกเลย Shark Bay อ่าวฉลามครับ อ่าวนี้ไม่ได้มีปะการังสวย ๆ นะครับ เค้าให้ลงไปว่ายดูฉลาม เพราะฉลามชอบว่ายเข้ามาที่อ่าวนี้ (อ่าวอื่นก็มีครับแต่ตัวเล็ก อ่าวนี้จะตัวใหญ่กว่า)
แต่การจะเจอฉลามต้องไม่ใส่ชูชีพครับ เพราะสีมันสะท้อนแสง แล้วก็พอเจอฉลามจะว่ายตามมันไม่ทัน (แอบคิดในใจ น่าจะว่ายหนีมันไม่มันส์มากกว่านะ) สรุปพวกเราก็ลงไปครับ แต่ไม่ถอดชูชีพ 555 คือปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ไม่เจอฉลามน่าจะเป็นการดีกว่านะ (แล้วลงไปทำไมกันเนี่ย)
เข้าใจเอาเองว่าที่เรียกว่าเกาะเต่าเพราะมุมนี้เหมือนเต่า
Shark Bay อยู่ตรงนี้
ปะการังตรงบริเวณนี้เป็นปะการังที่ตายแล้วครับ ถ้าลงมาตรงนี้ให้มองหา "ฉลาม" แต่ถามว่าเจอมั้ย ตอบเลยว่า "ไม่" 555
ลงไปแหวกว่ายกันแป๊บนึงก็ตกลงกันว่าไปที่อื่นดีกว่า เพราะกลัวจะเจอฉลามกัน 555 แนะนำสำหรับคนที่เบื่อแล้วเพื่อนยังดำไม่เสร็จ อย่าเพิ่งขึ้นไปนั่งบนเรือรอเพื่อนนะครับ เพราะคุณจะเมาเรือได้ ลอยคอในน้ำปลอดภัยสุดครับ ถัดจาก Shark Bay พี่คนขับเรือพาเราไปต่อที่ Deep Bay หรืออ่าวลึกครับ อ่าวนี้เริ่มมีปลา มีปะการังละครับ
ปะการังเริ่มมีสีสัน
น้ำตื้นมาก ๆ ครับ ตอนว่ายต้องคอยระวังขาจะไปโดนปะการัง
มาต่อแล้วครับ ถัดจากอ่าวลึกเราไปต่อกันที่อ่าวหินวงครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ ทุกอ่าวที่ดูมาอ่าวนี้สวยสุดในเกาะเต่าครับ มีปลามากมายเลย เยอะจริง ๆ ครับ ว่ายเข้ามาหาด้วย ไม่กลัวคนเลย ปลาเหลืองเยอะมาก ๆ ครับ (ไม่รู้ชื่ออะไรนะครับ เห็นพี่คนขับเรือเรียกปลาเหลือง)
มันชอบอยู่กันเป็นฝูงครับ
ขึ้นจากอ่าวหินวง มาต่อที่อ่าวม่วงครับ ที่อ่าวม่วงจะเห็นมีเรือมาจอดค่อนข้างเยอะ มีเรือใหญ่พาทัวร์มาลงด้วยครับ พี่คนขับเรือบอกว่า อ่าวนี้จะมีแต่ปะการังเขากวาง แล้วก็มีร้านอาหาร ตอนที่เรามามี speed boat จอดอยู่หลายลำ แล้วก็เราเตรียมอาหารกันมาแล้ว เลยไม่อยากแวะครับ อยากไปเกาะนางยวนมากกว่า อันนี้เป็นข้อผิดพลาดเลย คือ เกาะนางยวนไม่อนุญาตให้นำพลาสติกขึ้นเกาะ เพราะฉะนั้น ถ้าใครเตรียมอาหารมาแล้ว ควรแวะกินตั้งแต่ที่อ่าวม่วงนะครับ
ตอนนั้นพวกเราไม่รู้ เลยคิดว่าไปกินข้าวที่เกาะนางยวนเลยดีกว่า เกาะนางยวนอยู่ใกล้เกาะเต่ามาก ๆ ครับ ความจริงตัวเกาะอยู่ใกล้หาดทรายรีนิดเดียวเอง มองจากหาดก็เห็นครับ เราก็เพิ่งรู้ตอนที่เรือพาวนมา สรุปได้วนครบรอบเกาะพอดี
เกาะนางยวนเป็นเกาะขนาดเล็ก มีรีสอร์ทแห่งเดียวชื่อ "นางยวนไดฟ์ รีสอร์ท" ช่วงที่เรามาที่พักเต็ม อาจจะเป็นเพราะวันหยุดยาวด้วยครับ หลังวันที่ 16 พ.ค. เป็นหน้า Low แล้วครับ ราคาที่พักจะถูกลง เป็นรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่น่ามาพักครับ เพราะตัวเกาะสวยมากมายเลย
ตอนขึ้นเกาะมีทางขึ้นทางเดียวครับ เป็นทางเดินไปเสียค่าบำรุงเกาะ คนไทยคนละ 30 บาท ชาวต่างชาติไม่แน่ใจนะครับ น่าจะ 100 บาท
มาแล้วก็รีบไปจุดชมวิวกันก่อนเลย ทางขึ้นจุดชุมวิว เดินไปตามทางเดินไม้เรื่อยครับ มีป้ายบอกทาง เดินไม่ไกลมาก เหนื่อยพอสมควร แต่ขึ้นไปแล้วคุ้มค่ามากครับ ขึ้นไปรอแป๊บเดียวก็ได้เห็นวิวสวย ๆ แล้วครับ
รอบ ๆ เกาะชมวิวได้ทุกทิศเลย สวยไปหมดทั้งเกาะเลยครับ
ร่มเขียว ๆ นี่สัญลักษณ์ของเกาะนางยวนเลย
รอบเกาะนางยวนสามารถดำน้ำตื้นได้นะครับ ถ้าไปกับเรือให้เอาหน้ากากกับชูชีพลงไปด้วยนะครับ ตรงเกาะนางยวนสวยกว่าที่เกาะเต่าอีกครับ จุดแรกที่ผมลงไปดู คือ ตรงหาดหน้าร่มสีเขียว ๆ น่ะครับ ตรงนี้น้ำตื้นมาก ทางลงจะมีหินแล้วก็เศษปะการังเยอะมาก ต้องค่อย ๆ เดิน พอลงน้ำได้รีบลอยตัวเลยครับ เพราะเจ็บเท้ามาก ๆ ตรงนี้มีปลิงทะเลเยอะมาก มีหอยเม่นประปราย ต้องคอยระวังด้วยนะครับ
น้ำจะตื้นมากนะครับ ต้องระวังพวกหอยเม่นให้ดี
เดินไปอีกฝั่งของหาดนะครับ ตรงนี้จะมีเวิ้งน้ำสีฟ้าใส ทรายข้างล่างจะนุ่มละเอียด เหยียบลงไปได้เลยครับ แต่ทางเดินลงก็จะมีเศษปะการังเหมือนเดิม อดทนนิดเดียวแล้วเราจะรู้สึกเหมือนได้ว่ายน้ำอยู่ในสระกลางทะเลเลยครับ
ว่ายออกไปอีกนิด ถึงตรงนี้ ฟินสุด ๆ ครับ
น้ำใสแจ๋วเลยครับ เหมือนอยู่ในสระว่ายน้ำเลย
พอเลยสระว่ายน้ำของเราไปนิดเดียว น้ำจะลึกขึ้นครับ ตรงนั้นจะเป็นจุดที่เรือต่าง ๆ จะมาดำน้ำกัน เราก็ว่ายออกไปดำกับเค้าได้ ไม่ไกลครับ มีปะการังสวย ๆ ปลา ดอกไม้ทะเล น่าจะเป็นจุดที่สวยที่สุดในทริปนี้ละครับ
บ่าย 2 ครึ่งเพื่อนมาตามกลับแล้ว ไม่อยากกลับเลย ตอนกลับเร็วมากครับ อย่างที่บอก คือ ผมอยู่หาดทรายรี เรือแล่นแป๊บเดียวถึงเลย ถ้าใครไม่อยากดำน้ำ อยากมาเที่ยวแค่เกาะนางยวนอย่างเดียว พักหาดทรายรีเหมาะเลยครับ
วันนี้ฟ้าใสทั้งวันเลย ไม่เจอฝน
ไม่อยากกลับเลย เพื่อนไปรอที่เรือกันหมดละ ยังแอบถ่ายรูปอยู่ 555
กลับมากินข้าวกล่องกันที่ห้องครับ คือ แบบว่าเสียดาย กล่องละ 100 บาท เลยงดข้าวกลางวันกินข้าวกล่องแทน เพราะตอนเย็นมีนัดกันที่ร้าน Starlight อยู่ที่จามจุรีวิลล่าครับ
จากวินด์บีชเราจ้างรถไป-กลับ ได้ราคา 900 บาท เป็นพี่คนเดิมที่จ้างเรือเที่ยวรอบเกาะน่ะครับ แอบสงสัยพี่เป็นเจ้าของรีสอร์ทที่เราพักอยู่ด้วยรึเปล่า เห็นทำทุกอย่าง ตอนแรกเพื่อนบอก 900 บาท แพง แต่บางคันคิดแค่ไปอย่างเดียวคนละ 100 บาท หลังจากดูระยะทางแล้ว บวกกับพี่เค้าต้องไปส่ง แล้วค่อยไปรับตอนกลับอีกรอบ เลยคิดว่าราคานี้ไม่แพงหรอกครับ
ร้าน Starlight เป็นร้านอาหารที่ยื่นออกไปในทะเล สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกได้ครับ แนะนำให้โทรจองก่อนนะครับ วันแรกที่เราไป คือ คืนวันเสาร์ โทรไปโต๊ะเต็มแล้วตั้งแต่ก่อน 6 โมงเย็น เราเลยจองวันอาทิตย์ไว้ครับ
กำลังเห่อเลนส์ไวด์ใหม่ ขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์ด้วยครับ เลยได้มาแต่รูปมุมกว้าง
มีแสงสะท้อนไปอีกฝั่ง เหมือนภูเขาไฟระเบิดเลย
ร้านนี้ยิ่งมืดยิ่งสวยครับ ร้านมี 3 ชั้น อยู่ในตัวรีสอร์ทเลยครับ ผมไม่แน่ใจว่าอยู่หาดไหน แต่จ้างรถเค้ารู้จักแน่ครับ ตอนเย็นเค้าจะเปิดเฉพาะโซนที่ยื่นไปในทะเลมั้งครับ โต๊ะถึงเต็มเร็ว เพราะผมเดินถ่ายรูป ชั้น 2 กับชั้น 3 ไม่มีคนนั่งเลยครับ
อาหารรสชาติดีครับ อร่อย แต่ราคาก็คงตามทำเล ค่อนข้างแพงครับ คืนแรกที่เรากินริมทะเล อาหารพอ ๆ กัน หมดไป 3,200 บาท/9คน วันนี้หมดไป 6,400 บาท/9คน แต่แลกกับวิวสวย ๆ นาน ๆ ทีก็พอไหวครับ ไหน ๆ ถ้ามาเกาะเต่าแล้ว ร้านนี้เป็นอีกทางเลือกที่จะมาชมพระอาทิตย์ตกนะครับ
ที่มาของชื่อร้านครับ มองเห็นดาวเต็มฟ้าเลย
ขากลับเราจองตั๋วกลับไว้แล้ว รอบ 09.30 น. นัดกับโรงแรมไว้แล้วครับ โรงแรมมีรถมาส่งที่ท่าเรือ เรือออกตรงเวลาครับ เรือแบบเดิมเลย แต่ขากลับคนจะน้อยกว่าขามา เรือแวะไปจอดรับคนที่เกาะพงัน แล้วก็ตรงไปที่สมุยเลยครับ วันกลับนี่ร้อนสุด ๆ เลย ทำไมฝนไม่ตกวันนี้แทนนะ
ถึงท่าเรือบางรักษ์ ประมาณเที่ยงครับ
ก่อนขึ้นเครื่องกลับ แวะไปกินอาหารทะเลกันอีกรอบ เป็นทริปที่กินเยอะจริง ๆ ครับ เนื่องจากบนเกาะเต่าไม่มีประมง เลยไม่มีปูให้เพื่อนกิน พอมาฝั่งสมุยเพื่อนที่เกาะสมุยเลยพามาร้านนี้ครับ "ท่าเรือสมุย ซีฟู้ด" บรรยากาศดี แต่แมลงวันเยอะไปนิดนึง คงเป็นช่วงหน้าร้อนด้วยครับ
ได้กินปูกันซะที (แต่ผมไม่กินนะ ขี้เกียจแกะ)
ได้เวลากลับแล้ว ขาลับขอไฮโซนิดนึง เพราะต้องกลับมาทำงาน 2 ทุ่ม เลยกลับกับบางกอกแอร์เวย์ ก่อนกลับเพื่อนพาไปแวะจุดชมวิวอีกนิด วิวเดียวกับที่ร้านท่าเรือสมุยเลยครับ
สนามบินสมุยเป็นสนามบินเปิด ไม่ติดแอร์นะครับ อากาศโดยรวมร้อนถึงร้อนมาก เก้าอี้ที่อยู่หน้าพัดลมกับเครื่องเป่าลมเย็นจะถูกจับจองเต็มหมดเลย เลยต้องนั่งทนร้อนรอขึ้นเครื่อง ใกล้จะขึ้นเครื่องเดินไปเข้าห้องน้ำครับ ห้องน้ำติดแอร์ เย็นสบายเลย รู้งี้มานั่งรอในห้องน้ำซะก็ดี
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ต่อคนนะครับ (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินกับค่าอาหารนะครับ)
ค่าแพที่เขื่อนเชี่ยวหลาน | 1,950 บาท |
ค่ารถตู้ไป-กลับ สนามบิน-เขื่อนท่าเรือ | 555 บาท |
ค่าเรือสุราษฎร์ธานี-สมุย | 150 บาท |
ค่ารถตู้จากท่าเรือหน้าทอน-บางรักษ์ | 89 บาท |
ค่าเรือไป-กลับ สมุย-เกาะเต่า | 1,100 บาท |
ค่าที่พักเกาะเต่า 2 คืน | 1,500 บาท |
ค่าเรือเที่ยวรอบเกาะเต่า | 500 บาท |
ค่ารถไปกลับร้าน Starlight | 100 บาท |
ค่าเข้าเกาะนางยวน | 30 บาท |
ค่าเข้าเขื่อนเชี่ยวหลาน | 40 บาท |
รวมแล้วคนละ 6,014 บาท ค่ากินหารแล้วคนละประมาณ 2,000 บาทครับ