เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ tookzzz-iloveyoursmile สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ประเทศญี่ปุ่น ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางผู้ชื่นชอบความงามของดอกซากุระ อาหารการกินที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงอาคารบ้านเรือนที่แปลกตา เหมือนกับบันทึกการเดินทางของ คุณ tookzzz-iloveyoursmile สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้แบกเป้ไปเยือนดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย เพื่อทำตามความฝันสมัยเด็ก ๆ คือ ไปตามหาซากุระ และสัมผัสกลิ่นอายความเป็นเมืองญี่ปุ่นนั่นเอง เอาเป็นว่าลองตามบันทึกการเดินทางที่มาพร้อมภาพถ่ายสวย ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
ครั้งนี้เป็นการแบกเป้ท่องเที่ยวครั้งที่สามแล้วค่ะ แต่มันแตกต่างจากครั้งอื่นตรงที่ว่า ครั้งนี้คือการแบกเป้ไปประเทศญี่ปุ่น ทำตามความฝันสมัยเด็ก ๆ นั่นก็คือ ไปตามหาซากุระ และสัมผัสกลิ่นอายความเป็นเมืองญี่ปุ่น นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดทริปเกิดขึ้นค่ะ
ก่อนอื่นเลยคงจะเป็นเรื่องการหาตั๋วเครื่องบิน ก็อย่างที่บอกค่ะได้ประสบการณ์จากพี่ ๆ ในห้องบลูฯ เยอะ เลยเข้ามาเก็บข้อมูลได้เยอะ แต่อาจจะไม่ได้กล่าวถึงพี่ ๆ นะคะ เพราะอ่านมาจากหลาย ๆ ที่จริง ๆ ขอขอบคุณค่ะ เนื่องด้วยเราไม่อยากเสียเวลาในการเปลี่ยนเครื่อง และตัวเรานั้นบ้านไกลจากกรุงเทพฯ มาก ๆ ต้องเสียเวลาเดินทางอีก 8 ชั่วโมง ประจวบกับลาได้ไม่มากนัก เลยตัดสินใจจองแบบบินตรง คราวนี้แหละ จะจองกับสายการบินไหนดี และแล้วก็มี Delta ออกโปรฯ บินในราคา 10,900 บาท ราคานี้ยังไม่รวมภาษีน้ำมัน ภาษีสนามบินนะคะ เป็นราคาโปรฯ ช่วงก่อนปีใหม่ แต่ ๆๆๆๆๆ ตอนนั้นยังลังเลเลยไม่ได้กดจองไปเพราะเพื่อน ๆ ยังคิวไม่ลงตัว
พอปีใหม่ราคาตั๋วกลับพุ่งซะงั้น เลยทำใจแล้วล่ะว่าคงจะต้องจ่ายแพง สายการบินไหนก็ได้ กด ๆ ดูราคาปาไปหลักสองหมื่น แต่ว่าโชคยังเข้าข้างบ้างมีราคาโปรฯ มาอีก คือ ราคา 11,900 บาท (ยังไม่รวมภาษีนะคะราคานี้) เลยรีบคว้าไว้อย่างไม่ลังเล แต่มีข้อแม้ว่าต้องบินไปกลับก่อนช่วงเมษายน เราก็ตัดสินใจกับเพื่อน ๆ ว่าโอเค เอาอันนี้แหละ ได้ตั๋วมาในราคา 19,xxx บาท เป็นราคาเบ็ดเสร็จที่รวมทุกอย่าง ><
ทริปนี้ออกเดินทาง 21-30 มีนาคม 2557 มีเพื่อนร่วมทริปทั้งหมด 6 คนค่ะ เช็กพยากรณ์ซากุระก็ยังไม่ออก คิดในใจเป็นไงเป็นกัน ถ้าดวงไม่มีปีหน้าจะมาแก้ตัวใหม่ 55555555 สุดท้ายก็ได้เจอซากุระสมใจอยาก ส่วนเรื่องการเดินทางเราซื้อ JR pass แบบ 7 วัน จากงาน TITF ได้ในราคา 8,499 บาท เรื่องที่พักก็เอาแบบถูก ๆ ไว้ก่อนค่ะ นอน Hostel ประหยัดงบดี คิดว่าเรื่องอื่น ๆ ทุกคนน่าจะมีข้อมูลหรือหาข้อมูลได้ง่ายอยู่แล้ว ขอข้ามไปเลยละกันค่ะ (จริง ๆ คือไม่ค่อยเก่ง กลัวบอกผิด)
DAY : 0
ตัดมาที่การเดินทางของเราเลยดีกว่าค่ะ Delta เครื่องออกตอน 05.30 น. ไทย เราก็บึ่งไปถึงสนามบินกันตั้งแต่ตีสามเลยค่ะ กลัวตกเครื่อง เดี๋ยวจะอดไปตามหาซากุระกันพอดี
DAY : 1
ตัดมาที่ญี่ปุ่นเลยดีกว่าเนอะจะได้ไม่เวิ่นเว้อ 555555 วันนี้มันวันอะไรกันคนเยอะมาก โอ้ ! สรุปว่าติดอยู่ตม. 1 ชั่วโมง ติดที่เคาน์เตอร์ JR 1 ชั่วโมง และเดินทางไปที่พักอีก 1 ชั่วโมง สรุปว่าไปถึงที่พักห้าโมงเย็น โอ้ ๆๆๆ อากาศก็หนาว ลมก็แรง เช็กอินที่พัก Khaosan Tokyo Ninja อ่อ ที่พักไม่มีลิฟต์นะคะ แบกกระเป๋ากันไหล่ทรุดเลย วันนี้เรายังไม่เปิดใช้ JR เพราะฉะนั้น เซฟตังเดินไปกินข้าวแถว Akihabara เดินไม่ไกล แป๊บ ๆ ก็ถึง ต่อไปจากนี้จะเป็นรูปซะส่วนใหญ่นะคะ เดินสำรวจห้าง Yodobashi ส่วนใหญ่ถูกใจวัยอย่างเรา ๆ และเพื่อน ๆ แต่ของราคาไม่ได้ถูกเลยค่ะ
สักพักออกหาอะไรกินและเดินสำรวจต่อ เจอ Gundam Cafe มีแต่ผู้ชายต่อคิวเข้าร้านเต็มเลย ข้าง ๆ กันเป็น AKB48 วันนี้ก็จบไปสำหรับวันแรกค่ะ เพลีย ๆ ไปซุกผ้าห่มนอนดีกว่า
DAY : 2
เนื่องด้วยเราซื้อตั๋ว NEX+Suica ทำให้การเดินทางสบายหน่อย ใช้ Suica แค่แตะบัตรก็ไปได้ทุกที่ค่ะ และพวกเราก็ได้เช่าไวไฟของ Global Advanced Communications ตกที่ราคา 10 วัน 6,450 เยน ใช้ง่ายมาก ๆ แถมหารแล้วราคาถูกมาก ๆ ค่ะ วันที่สองของทริป วันนี้เราเริ่มออกเดินทางตามหาซากุระก่อนเลย ไปที่ Sumida Park ตอนแรกแอบใจแป้วค่ะ เห็นแต่ตุ่มซากุระทุกต้นเลย เดินไปก็เจอแต่ตุ่ม ๆ แต่แล้วเดินไปเกือบท้าย ๆ สวนก็เจอแล้วซากุระ ดีใจและแอบตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ ทุกคนรุมมุงถ่ายรูปกันเต็มเลย
ต่อจากนั้นเราก็ไปวัดที่คนไทยชอบไปกันมาก ๆ นั่นก็คือ วัด Senso-ji นั่นเอง ต้องถ่ายโคมแดง ๆ นี่คือแลนด์มาร์ก
เจอน้องหมาฮาชิด้วย น่ารักมาก ๆ ยิ้มให้กล้อง คุณลุงเจ้าของลองให้ป้อนขนมด้วยค่ะ
คราวนี้ได้เวลาหิว ร้านอยู่ใกล้ ๆ ออกไปกินอะไรที่ดัง ๆ ในกระทู้รีวิวพันทิปกันหน่อย นั่นก็คือ ข้าวหน้าปลาไหลย่างนั่นเอง จะบอกว่ามาตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด มีคนรอคิว 33 คน โอ้พระเจ้า ยืนหนาวขาแข็งและหิวเกือบชั่วโมงครึ่งกว่าจะได้เข้าร้าน รสชาติเมื่อเทียบกับราคาและการยืนรอชั่วโมงครึ่ง ขออนุญาตให้ไม่ผ่านค่ะ TT แต่มันก็แล้วแต่ลิ้นนะเออ เพื่อนเราบอกอร่อยมาก ๆ
คราวนี้ท้องอิ่มก็ไปกันต่อที่ตลาด Ameyoko ได้สตรอว์เบอร์รีมา 3 แพ็ก ในราคา 1,000 เยน แต่เดี๋ยวก่อนพ่อค้าเสนอราคามาให้ว่า 6 แพ็ก 1,800 เยน เอามั้ย ทางเรานี่คิดว่ายังไงก็กินไม่หมดแน่นอน เลยมีการต่อราคากันขึ้น สุดท้ายเลยได้มา 5 แพ็ก ในราคา 1,500 เยน ต่อราคาครั้งแรกในญี่ปุ่นเลยนะนี่ 5555555
คราวนี้เดินข้ามถนนไปสวนอุเอโนะกันบ้างดีกว่า แอบรู้มาว่าซากุระหน้าสวนบานก่อน เสร็จเราอีกละ ข้างในสวนก็เริ่มบาน แล้วก็ริมแม่น้ำข้าง ๆ สวนก็เริ่มบานเช่นกัน
เมื่อเราอิ่มเอมกับการชมซากุระแล้ว ก็ไปต่อกันที่ Odaiba กันดีกว่า ไปชมกันดั้มตัวที่ใหญ่กว่าตึก พอได้เห็นก็อุทานในใจ มันอลังการมาก ๆ ส่วนเทพีเสรีภาพกับสะพานสายรุ้งรอถ่ายรูปตอนกลางคืน ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไป ปรากฏว่าถ่ายไม่ได้เลยค่ะ ลมแรงมาก ถือยังไงกล้องก็สั่น แถมฟ้ายังครึ้ม ๆ อีก เลยรีบกลับที่พักกัน
DAY : 3
วันนี้ออกเดินทางไปเยี่ยมคุณฟูจิ และเป็นการเปิดใช้ JR วันแรกด้วย วันนี้ฟ้าใสมาก ๆ อากาศก็ไม่หนาวมากจนเกินไป แต่ว่ารถเรโทรบัสเลทมาก ๆ บางทีเลทไปเกือบ 20 นาที ทำให้การท่องเที่ยวแต่ละจุดที่บางครั้งไม่ได้สวยมาก ๆ เสียเวลาพอสมควร และจุดที่มีอาหารจะอยู่จุดแรก ๆ ค่ะ พวกเรานี่หิวโซเลยเพราะไปลงจุดจอดที่ 21 ก่อนแล้วค่อย ๆ ไล่ย้อนกลับมา
และอีกรูปน่าจะจุดจอดรถที่ 18 ซึ่งไม่มีใครลงเลยค่ะนอกจากพวกเรา แล้วก็ถึงบางอ้อว่าจุดนี้สวยจริงแต่ไม่มีของกินเลย ต้องมานั่งตากแดดชะเง้อรอรถเรโทรบัสต่อ
พวกเราเลือกที่จะชมความงามกันแค่นี้ค่ะ ได้เวลากลับกันแล้ว ไปตามหาซูชิในตำนานกินกันดีกว่า Midori sushi ที่ตึก Mark city ไปถึงโอ้...เอาอีกแล้วรอคิวที่นับได้สามสิบกว่า ยังไม่รวมกับที่รอในร้าน ทนรอไม่ไหวแล้ว ซื้อแบบกลับบ้านไปกินกันดีกว่า เพราะวันพรุ่งนี้ต้องเก็บแรงไว้เยอะ ๆ
DAY : 4
วันแห่งการย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ลืมบอกไปว่าซื้อตั๋วดิสนี่ย์กันที่ Odaiba ค่ะ ตึกที่มีกันดั้ม วันนี้คิดไว้ว่ายังไงก็สบาย ๆ วันจันทร์ เด็ก ๆ ญี่ปุ่นคงไม่เยอะ ได้เล่นเครื่องเล่นครบแน่นอน พอนั่งรถไฟไปถึงเท่านั้นแหละ ลงสถานีนี้ทั้งขบวน โอ้…เอาอีกแล้วหรอเนี่ย เป็นไงเป็นกัน เอ้าลุย ! ตอนเข้าไป Guide map ภาษาอังกฤษไม่มีค่ะ มึนตึ๊บกันเลยพี่น้อง เราและผองเพื่อนไม่รู้จะเริ่มต้นอันไหนดี แต่จากการคาดเดามันต้องวนซ้ายนี่แหละ ก็เล่นไปเรื่อย ๆ จนลืมนึกถึงการใช้ Fast Pass กลายเป็นงม ๆ กันอยู่ตั้งนาน กว่าจะหาเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษอธิบาย
ระหว่างที่รอเครื่องเล่นอยู่นั้น มีขบวนพาเหรดของเหล่าสหายวัยเยาว์ เราก็ไปปูเสื่อจับจองพื้นที่รอดูกันเถอะ ชอบการจัดการของคนญี่ปุ่นมาก มีระเบียบ แถมยังเอื้อเฟื้อต่อเด็ก สตรี คนพิการ มีการกั้นล็อกไว้ให้คนพิการโดยเฉพาะ เจ๋งมาก ๆ
และแล้วก็หมดเวลาของวัยเยาว์ คนเยอะมาก ๆ ได้เล่นเครื่องเล่นครึ่งเดียว TT
DAY : 5
วันที่ห้าของทริปแล้วค่ะ พวกเราจะย้ายสำมะโนครัวไปพักอาศัยที่เกียวโตกันแล้ว นั่งชินคันเซ็นครั้งแรกตื่นเต้นมากค่ะ เพราะกลัวตกรถ จองรถรอบหกโมงครึ่ง ลากกระเป๋าจากที่พักกันตั้งแต่ตีห้ากว่า ๆ อีกเช่นเคย บนชินคันเซ็นนั้นสะดวกสบายมาก ๆ เลยค่ะ ให้ความรู้สึกดีกว่านั่งเครื่องบินอีก เสียอย่างเดียวคนเดินไปมาบ่อยนิดนึง แล้วมีโบกี้สูบบุหรี่ได้ กลิ่นแอบลอยมาบ้างนะคะตอนที่เปิดประตู ที่พักเกียวโตเราเลือกที่ K\'s house บริการดีมาก ๆ ค่ะ มีลิฟต์ แถมมีห้องครัวที่ใหญ่อลังการมาก ๆ จริงๆ ที่เลือกเพราะใกล้สถานีเกียวโตค่ะ ไปมาสะดวก ว่าง ๆ ว่าจะทำรีวิวที่พักเพิ่มเติมด้วยค่ะ ^^ ส่วนวันนี้ฟ้าครึ้ม อากาศไม่ดีค่ะ ทริปของวันนี้เลยจะสั้น ๆ หน่อย ไปเริ่มต้นที่ศาลเจ้าจิ้งจอกกัน (Fushimi Inari Shrine) และตัดโปรแกรมดูป่าไผ่ทิ้งไปค่ะ เพราะสภาพอากาศคงไม่เหมาะแก่การเดินตากฝนเป็นแน่แท้
พอตัดโปรแกรมป่าไผ่ออกก็ไม่มีอะไรทำกัน ยังเข้าที่พักไม่ได้ เลยจะไปเดินเที่ยวโอซาก้ากันค่ะ นั่งชินคันเซ็นกันเล่น ๆ มี JR Pass ก็ดีแบบนี้แหละค่ะ บัตรเบ่งนี่นา โอซาก้าฝนไม่ตกค่ะ เพราะฉะนั้น เดินช้อปปิ้งกันดีกว่า เนื่องด้วยยังงกเช่นเคยค่ะ ไม่นั่งซับเวย์ เดินไปเรื่อย ๆ จากสถานี JR Namba ค่อนข้างไกล แต่ด้วยอากาศสบาย ๆ เดินไปไม่รีบร้อน ๆ ก็ไปถึงย่านที่คนไทยชอบมาอีกเช่นกัน ย่าน Dotonbori / Shinsaibashi ป้ายโฆษณาอลังการมาก ๆ เลยค่ะ ยิ่งตอนเปิดไฟยิ่งดูมีมิติมากขึ้น
วันนี้ก็เดินช้อปปิ้งและจบลงเพียงเท่านี้ค่ะ นั่งชินคันเซ็นกลับที่พักที่เกียวโต ช่วงถัดจากนี้จะเป็นทริปซากุระของจริงแล้วนะคะ ><
DAY : 6
มาต่อกันกับวันที่หกกันเลยค่ะ สองวันต่อจากนี้พวกเราและผองเพื่อนจะปักหลักการท่องเที่ยวที่โอซาก้ากันค่ะ โดยพวกเราออกเดินทางจากเกียวโต นั่งชินคันเซ็นกันแค่ 20 นาทีเท่านั้น สบาย ๆ เพราะมีบัตรเบ่ง เหตุผลที่ไม่ย้ายไปพักที่โอซาก้าเพราะขี้เกียจแบกกระเป๋าค่ะ แค่สองวันเอง ประจวบกับที่พักแถว ๆ ใกล้สถานี JR เต็มหมดแล้ว ทำให้เราตัดสินใจนอนยาวที่เกียวโตทั้งสี่คืนรวดเลยค่ะ เราซื้อ Osaka unlimited 2 day pass ราคา 2,700 เยน โดยสามารถซื้อได้ตามสถานีรถไฟได้เลย เราซื้อที่ชินโอซาก้าค่ะ วันแรกของการเปิดใช้บัตรเท่านั้นแหละ ฟ้าฝนไม่เป็นใจกันเลยทีเดียว ตกกันทั้งวันทั้งคืน จนต้องเปลี่ยนโปรแกรมกันกะทันหันเลยล่ะ เราเลยไปเริ่มต้นกันที่ Tsutenkaku Tower รู้สึกการ์ตูนตัวนี้จะดังนะ แต่เราไม่รู้จัก 5555
บรรยากาศข้างบนสวยแบบฝนฟ้าตก
หลังจากนั้นไปเดินที่ห้างนัมบะเพื่อไปหาช็อป Onitsuka Tiger ปรากฏว่าแพงพอ ๆ กับที่ไทยเลยค่ะ Mexico 66 ราคาตกอยู่ที่คู่ล่ะ 12,600 เยน เรท 0.32 ค่ะ แพง ๆๆๆ กลับมาซื้อที่ไทยดีกว่า คราวนี้เราก็เริ่มหิวเลยออกไปกินซูชิเจ้าดังแห่งโอซาก้ากันค่ะ สาขาต้นตำรับปิดเร็วค่ะ อดไป จึงไปสาขาที่สองของ Endo sushi ค่ะ อร่อยสมคำร่ำลือ วาซาบิหวานมาก ๆ แล้วก็เผ็ดมาก ๆ ด้วย สาขานี้ไม่ต้องเรียงลำดับการกินนะคะ ชี้ได้ตามสบายเลย เสร็จพวกเราล่ะทีนี้
อ้อ...เราบอกที่ร้านด้วยนะคะว่าร้านของคุณมีชื่อเสียงมากที่ประเทศไทย เค้ายิ้มแล้วก็ขอบคุณด้วยค่ะ
จากนั้นเราก็ไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันที่ HEP FIVE Ferris Wheel เสียดายบรรยากาศอึมครึมอีกเช่นเคยค่ะ
และค่ำคืนนี้ไปจบลงตรงที่ Umeda Sky Building ตึกที่มีความสูง 173 เมตร แค่ขึ้นลิฟต์ไปก็สวยแล้ว แต่เสียดายฝนตกทั้งวัน แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบนะคะ
มีจุดคล้องพวงกุญแจคู่รักด้วยนะคะ แต่วันนั้นฝนตก เค้าจึงปิดไม่ให้เข้าโซนนั้นค่ะ
ทุกสถานที่ที่เราเข้าวันนี้ ทุกอย่างรวมใน Pass หมดแล้วค่ะ แค่วันแรกก็คุ้มละค่ะบอกเลย พรุ่งนี้ คือ ทริปตามหาซากุระของจริง ฟ้าเปิดแล้วซากุระบานแล้ว น้ำตาจะไหล ><
DAY : 7
เช้าวันนี้ยังอึมครึมค่ะ แต่ฝนไม่ตกแล้ว เรามาตามหาซากุระกันดีกว่า เริ่มต้นกันเลยที่ปราสาทโอซาก้า งานนี้เจอซากุระไปเน้น ๆ แต่ช่วงนี้ที่โอซาก้าเพิ่งเริ่มบานนะคะ อยู่ที่ 25-50% จากที่ดูพยากรณ์มาค่ะ เราเริ่มต้นเดินเข้าจากด้านข้าง ๆ ก่อนเลย เพราะเคยดูรูปรีวิวมาว่าซากุระเยอะ แล้วก็เยอะจริง ๆ ค่ะ แต่ยังไม่บาน TT ไม่เป็นไรวันนี้ไม่บานวันหน้าก็ต้องบานมากกว่านี้แน่นอน
สาเหตุจากเมื่อวานที่ฝนตกและลมแรงค่ะ ซากุระเลยร่วง นึกว่าในหนัง ได้ฟีลลิ่งเลยตอนที่ลมพัดกลีบซากุระปลิว 555
ซากุระส่วนใหญ่ช่วงที่เราไปจะบานไม่มากค่ะ ราว ๆ นี้ แต่ก็พอถ่ายรูปได้บ้าง อากาศครึ้ม ฟ้ายังไม่เปิด ซากุระที่ถ่ายได้เลยได้อารมณ์สีเพี้ยน ๆ TT
เดินต่อเข้าไปด้านในตัวปราสาทกัน วันนี้คนไม่เยอะมาก ถ่ายรูปสบาย ๆ เจอคนไทยเยอะอีกเช่นกันค่ะ มุมนี้ได้บรรยากาศสุด ๆ แล้ว ขาดแค่ฟ้าเปิด แอบเสียดาย อยากกลับไปแก้มือใหม่
พอเราออกจากปราสาทโอซาก้าเท่านั่นค่ะ ฟ้าเปิดเฉยเลย งั้นเริ่มต้นกับการตามหาซากุระสวย ๆ ต่อไปกัน เราไปต่อกันที่ Shitennoji Temple วัดนี้ไม่ได้สวยโดดเด่นอะไรมาก แต่ถ้าซากุระบานสะพรั่งล่ะก็ อะไร ๆ คงจะลงตัว ถ่ายรูปไป ยิ้มไป ฟินไป อะไรจะมีความสุขขนาดนั้น ปานจะบินได้ สวย ๆ
จากนั้นเราไปล่องเรือ Santa Maria กันค่ะ ชมอ่าวโอซาก้ากันสักหน่อย ซึ่งฝั่งตรงข้ามที่เราล่องเรือจะเป็น USJ ค่ะ งานนี้แอบเสียดายที่ชิงช้าสวรรค์อันใหญ่ยักษ์ปิดซ่อมแซม แล้วก็ไม่รู้ว่าจะซ่อมเสร็จตอนไหน (เจ้าหน้าที่บอกมา) บรรยากาศบนเรือสบาย ๆ มาก ๆ แต่สักพักลมเริ่มแรง หนาวเลย ใช้เวลาล่องเรือ 45 นาทีค่ะ ถ้าไม่ซื้อ Pass จะเสียค่าเข้า 1,700 เยน เชียวนะ คุ้มเห็น ๆ ตั้งแต่เมื่อวานล่ะ Pass นี้สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้นค่ะ อย่างที่บอกพอฟ้าเปิด อะไร ๆ ก็เป็นใจ
พอลงจากเรือก็ห้าโมงกว่าแล้วค่ะ ตะวันเริ่มตกดินแล้ว แต่เราเห็นสวนซากุระด้านข้าง เลยไปแวะชมสวนซากุระสีชมพูสักหน่อย สวยจริง ๆ ค่ะ แต่ต้นยังเล็กอยู่ จึงยังไม่ค่อยอลังการเท่าไหร่
พอชมซากุระเสร็จแล้วก็ไปช้อปปิ้งต่ออีกสักรอบย่านเดิมนั่นแหละ เป็นการทิ้งท้ายทิ้งทวนอำลาเมืองโอซาก้า
DAY : 8
เช้าวันนี้กับเกียวโตวันสุดท้ายค่ะ พวกเราซื้อ Kyoto City Bus All-day Pass 500 เยน สามารถซื้อบนรถบัสได้เลย จริง ๆ คือคุ้มค่ะ เพราะปกติรถบัสเที่ยวล่ะ 220 เยนล่ะ จะกี่ป้ายก็ราคาเท่านี้ เอาเป็นว่าเหมาวันคุ้มกว่าเห็น ๆ แต่ ๆๆ ขอบอกว่าเกียวโตไฟแดงเยอะมาก ๆๆๆๆๆๆ กว่าจะเดินทางไปแต่ละที่ เสียเวลานั่งบัสเป็นชั่วโมง ๆ กันเลยทีเดียว เพลียเลย เอาล่ะ...เริ่มต้นที่วัดน้ำใส (Kiyomizu Temple) กันก่อนเลยค่ะ คนเยอะอีกแล้ว ๆๆๆ แถมซากุระบานไม่เยอะ แต่ก็มีบ้างประปราย แต่ภายในวัดมีการปิดซ่อมแซมส่วนด้านหน้านี่สิคะ เอาน่ามาถึงแล้วก็ต้องเดินชมให้ครบ แค่ทางเข้าก็เจอซากุระดักทางซะงั้น ส่วนใหญ่จะสิงถ่ายรูปตามต้นซากุระค่ะ อย่าได้เบื่อไปค่ะ เอ้าลุย
พอออกจากวัดน้ำใสได้ เราก็ไปต่อกันที่วัดทอง (Kinkakuji Temple) ที่วัดทองไม่มีซากุระนะคะ คนเยอะด้วย อากาศเริ่มร้อน เลยถ่ายรูปมานิดเดียว
พอออกจากวัดทองได้ก็เหลือเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ คือ ไปชมซากุระที่ Kyoto Imperial Palace Park ไม่ได้คาดหวังอะไรค่ะ แต่ ๆ ไอ้ความที่ไม่คาดหวังกลายเป็นว่าเจอซากุระแบบ Full Bloom โอ้ววววววว จอร์จ นี่แหละคือสิ่งที่ข้าตามหามานานแสนนาน มาเจอแล้วกับวันที่แปดของทริป บรรยายไม่ถูกกันเลยค่ะ
ป.ล. ภาพซากุระส่วนใหญ่ต้องลดคุณภาพลงเยอะเลยค่ะ ไม่งั้นโพสต์ไม่ได้
และแล้วก็ชมซากุระจนค่ำมืดค่ะ บรรยากาศที่เกียวโตตอนมืด ๆ ก็สวยไปอีกแบบนะคะ
หลังจากนั้นก็ไปเดินที่ตลาดนิชิกิค่ะ หาข้าวกินแล้วก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน คืนนี้ปิดท้ายด้วยบรรยากาศ Kyoto tower ยามค่ำคืน
DAY : 9
วันนี้ออกเดินทางกลับมาโตเกียวอีกครั้ง ยังเหลือหลาย ๆ สถานที่ที่ยังตามไปเก็บบรรยากาศไม่หมด บอกแล้วว่าทริปนี้ตามหาซากุระ ซากุระที่ไหนบานที่นั่นจะมีเราตามไปสิงสถิตอยู่ งั้นวันนี้ก็จัดไปเลย กลับไปแก้ตัวที่สวนอุเอโนะกันอีกครั้ง มาคราวนี้ซากุระบานอลังการมาก ๆ เอาอีกแล้ว ปานว่าอยู่บนดินแดนสวรรค์ พอลมพัดมา กลีบซากุระก็ลอยมาตามลม อ๊า...สดชื่นที่สุด แต่ ๆๆๆ เอาอีกแล้ว วันนี้มันวันที่ 29 มีนาคม 2557 ตรงกับวันเสาร์ ประชากรชาวญี่ปุ่นมารวมกันให้คับคั่ง โอ้ว...นี่ขนาดแค่สิบโมงกว่า ๆ ยังเยอะขนาดนี้เลย แต่ทุกคนมากับครอบครัว คู่รัก ให้บรรยากาศอบอุ่นสุด ๆ ที่เมืองไทยน่าจะมีแบบนี้มั่ง อิจฉาคนญี่ปุ่นที่มีบรรยากาศแบบนี้ เนอะ ๆ
คนญี่ปุ่นเค้าพากระต่ายมาเดินเล่นด้วยนะเออ แต่เค้ามีสายจูงและรถเข็นครบครัน ปรบมือให้รัว ๆ
ไปดูซากุระหน้าสวนกันสักนิด อือหื้อ บานสวยมาก ๆ
บรรยากาศแบบนี้ต้องจัดภาพถ่ายมาเยอะ ๆ เราเดินไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง จะมีจุดให้คนมานั่งฮานามิ ทุกคนดูมีความสุขมาก ๆ บรรยากาศครอบครัวสุด อยากไปแย่งนั่งบ้าง 555
อันนี้ต้องพรีเซ็นต์ ๆๆๆๆ ถ่าย ๆ รูปไป อ่า...นี่มันซากุระหัวใจ สวยจริง ๆ
แล้วพวกเราก็ไปเดินเที่ยวกันต่อที่ชินจูกุ เจอถนนศิลปะ แล้วก็ว่าจะไปฮาราจูกุ แต่อีกแล้ว...คนเยอะมาก นึกว่ามีการแจกของฟรีกันเลย ไม่ไหว ๆ ขอไปนั่งจิบกาแฟชิล ๆ ณ ย่านชิบูย่ากันดีกว่า ก่อนอื่นเลย คนเยอะอีกนั่นแหละ กว่าจะได้ที่นั่งริมหน้าต่างต้องยืนรอเกือบยี่สิบนาที จิบกาแฟไปนั่งชมความวุ่นวายของถนนย่านนี้ อืม...มันก็วุ่นวายอย่างว่าจริง ๆ 555
แล้วก็ต้องรีบไป เพราะวันนี้มีนัดกับชาวญี่ปุ่น จะพาไปกินชาบูต้นตำรับแท้ ๆ จากญี่ปุ่นที่ย่านอากิฮาบาระ ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเกรงใจ เนื้อมันอร่อยจริง ๆ นะ เกรดอย่างดีอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง ร้านนี้ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ อดกินนะ จบวันที่เก้าค่ะ เตรียมตัวกลับไปเก็บกระเป๋าเพราะพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปแล้ว
DAY : 10
วันสุดท้ายฝนตก โอ้ย ๆๆๆ ทำยังไงดียังไปเก็บอาร์ซีไม่ครบทุกที่เลย ในใจก็คิดว่าหรือจะนอนอุดอู้รอจนกว่าถึงเวลาบินกลับเลย ตัวขี้เกียจเริ่มเข้าครอบงำ แต่อีกใจก็ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ ออกไปตากฝนวันสุดท้ายที่โตเกียวก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เอาน่า...วันสุดท้ายสามารถชนะใจตัวเองได้ เราก็มาเริ่มต้นการเดินทางตามหาซากุระวันสุดท้ายกันเถอะ วันนี้เริ่มต้นด้วยที่นี่ Chidorigafuchi จริง ๆ มันเป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่จะรู้จัก แต่จริง ๆ มันมีชื่อสวนด้วยนะเออ Kitanomura Garden
บอกแล้วถ้าฝนไม่ตกฟ้าเปิดมันจะสวยกว่านี้ งั้นก็ไปชมภาพซากุระอึมครึมกันเลย ลุย
ถ้าฝนไม่ตก ป่านนี้คงจะมีคู่รักออกมาพายเรือให้อิจฉาเล่นกันอยู่เนือง ๆ ฝนตกก็ดีนะ 5555
และนี่คือภาพซากุระภาพสุดท้ายของทริปนี้แล้วนะคะ แอบใจหายเนอะ ไว้มีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกให้ได้
การเที่ยวเองมันให้อะไรมากมายในชีวิตจริง ๆ ค่ะ ต้องลองดูแล้วจะรู้ว่าการจัดการอะไรเองมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่คุณกล้าที่จะก้าว
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนจบกระทู้ค่ะ เป็นครั้งแรกแล้วก็อาจจะมีครั้งต่อ ๆ ไปในการจัดทริปอีก ส่วนรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมก็สอบถามได้นะคะ
>______________________<
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ