ปั่นจักรยานรอบเกาะสีชัง สัมผัสทะเลงามใกล้กรุง (ไทยโพสต์)
สรณะ รายงาน
ทริปนี้เราเลือกไปเที่ยวเกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพราะนอกจากเป็นทะเลใกล้กรุงเทพฯ และยังมีกิจกรรมอื่น ๆ มากมายให้สัมผัส สามารถไปแล้วกลับภายในวันเดียว หรือพักแรมสักคืนก็ยังไหว เราออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ ก็ไปหาที่จอดรถบนเกาะลอย จากนั้นก็นั่งเรือไปเกาะดังกล่าวทันทีโดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
จากพระอุโบสถเราเดินกันต่อไปถึงหินระฆัง อยากรู้นักว่าจะดังเหมือนระฆังจริงรึเปล่า เลยต้องพิสูจน์กันสักหน่อย ลองเคาะดูรอบ ๆ เสียงก็ปกติเหมือนเคาะก้อนหินทั่ว ๆ ไป พอลองเคาะด้านบนสุดของหินระฆังก้อนนั้น เสียงเหมือนระฆังจริง ๆ ด้วย เราไปต่อ ที่พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน ซึ่งรวบรวมสิ่งของต่าง ๆ บนเกาะสีชัง มีงานวิจัยต่าง ๆ แบ่งโซนต่าง ๆ เอาไว้ 9 โซน โดยไม่เก็บค่าเข้าชม แต่มีกล่องบริจาควางไว้ เดินร้อน ๆ กันมานานได้เข้าไปเดินในห้องแอร์เย็นฉ่ำและดูตัวอย่างปะการังหลายชนิดก็เพลินไม่เบา และที่สำคัญได้พักเหนื่อยไปในตัว
ไปกันต่อคือ วัดเจ้าพ่อเขาใหญ่ และเขาพระจุลจอมเกล้า เราเดินขึ้นไปกันแบบสบายใจ บางคนแวะไปไหว้พระขอพรกัน ระหว่างที่นั่งชมวิวเกาะสีชังจากวัดเจ้าพ่อเขาใหญ่ และเดินขึ้นไปยอดเขาพระจุลจอมเกล้า ที่ป้ายบอกระยะทางไว้ 268 เมตร เห็นป้ายแล้วก็ลงความเห็นกันว่าสบายมาก ระยะทางแค่นี้เอง แต่สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป เพราะกว่าจะเดินถึงข้างบนเหนื่อยมาก ขาสั่นงึก ๆ เดินไปก็บ่นไปว่าเมื่อไหร่จะถึงซะที ตั้งใจว่าจะนับขั้นบันได แต่ไม่ไหวจะนับจริง ๆ นี่แหละปัญหาของคนไม่ออกกำลังกาย เลยเป็นแบบนี้
พอเดินใกล้จะถึงยอดเขาดีใจมาก รีบวิ่งไปกระโดดดีใจสุดขีด แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นถนนที่มีรถวิ่งขึ้นมาถึงข้างบนนี้ได้ ทุกคนร้องอุทานว่า "โอ้ พระเจ้า" แค่เห็นถนนยังไม่พอ มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งขึ้นมาพอดี เหมือนจะมาเยาะเย้ยกันเล่น จากตรงจุดนั้นเราก็ไปต่อที่ หาดถ้ำพัง เพื่อเล่นน้ำทะเล บริเวณนี้มีห้องน้ำ ร้านค้า เปลชายหาดไว้บริการ เราไปนั่งเล่นกันที่เปลชายหาด อย่าเรียกว่านั่งเล่นน้ำเลยดีกว่า เพราะทุกคนหลับสนิทเลย พอตื่นขึ้นมาก็ไปเล่นน้ำนิดหน่อย ก่อนที่จะไปจุดสุดท้ายของวันแรก คือ การดูพระอาทิตย์จมน้ำที่ช่องเขาขาด-หาดหินกลม ระหว่างรอพระอาทิตย์ตกทะเลเราก็ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ ก่อนที่ท้องจะหิวก็มุ่งหน้าไปกินข้าวร้านครัวไอทะเล มื้อนี้ได้กินหอยฟันกระต่ายอย่างที่เราตั้งใจไว้ ชอบเวลาเคี้ยวจะหนึบๆ อร่อยดี จะว่าไปก็คล้ายหอยเชลล์เหมือนกัน เมื่อทานอาหารคาวที่ครัวไอทะเลเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปกินบัวลอยร้านที่ลุงพุ่มต่อเลย จากนั้นก็เข้าที่พัก ก่อนออกไปยอดตึกเพื่อดูดาวก่อนเข้านอนไปเติมพลังเตรียมพร้อมวันใหม่
เมื่อเริ่มต้นวันใหม่ เตรียมแผนการท่องเที่ยวด้วยการใช้จักรยานเป็นพาหนะ เรายืมจากที่พัก แต่ก่อนอื่นต้องขอไปเติมพลังกันก่อน หาข้าวเช้ากินกันในตลาดและแวะซื้อน้ำไว้ระหว่างการปั่นจักรยาน ที่แรกเราปั่นไปกันคือ ปารี ฮัท รีสอร์ท เพราะมีริมหน้าผาที่สวยมากมายเกินจะห้ามใจไหว ยังไงก็ต้องไปตะโกนริมหน้าผานี้ซักครั้ง ที่พักสไตล์กระท่อมน่ารัก ๆ บนริมผา ช่างเข้ากันจริง ๆ เลย มีจุดกระโดดน้ำด้วย ใครอยากไปกระโดดน้ำริมหน้าผาก็ไปได้ นอกจากที่พักและจุดกระโดดน้ำแล้วที่ถูกใจต้องกดไลค์ซัก 100 ครั้ง เห็นจะเป็นจุดชมวิวที่ทางรีสอร์ททำไว้แบบง่าย ๆ แต่น่ารัก มีหลายจุด เดินไปเรื่อย ๆ ตามริมหน้าผา ที่จริงแล้วอยากเรียกว่าจุดจู๋จี๋มากกว่านะ เพราะมันสถานที่แบบส่วนตัว หากไปกับคู่รักรับรองความโรแมนติกแน่นอน เดินไปจนสุดหน้าผามีถ้ำให้ได้ พร้อมไต่ลงไป มีบันไดไม้เตรียมไว้ ตรงจุดนี้คิดว่าถ้าน้ำขึ้นคงลงไปไม่ได้ ประมาณว่าเป็นระเบียงริมทะเล
ออกจากปารี ฮัทฯ ทางค่อนข้างยากต่อการปั่นจักรยานเพราะบางช่วงเป็นเนินสูงมาก จึงต้องมีเข็นกันบ้างแบบไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มเลย ใครอยากรู้ต้องไปลองดู จากนี้เราไปต่อกันที่ซึ่งไม่ค่อยมีใครไปเท่าไหร่นัก แต่เป็นจุดที่สวยงามและน่าเล่นน้ำที่สุด ค่อนข้างไกลเพราะอยู่ท้ายเกาะ และไม่มีร้านอาหารหรือห้องน้ำ ที่นั่นคือ ท่ายายทิม ถ้าเราไปตอนช่วงที่น้ำลงจะมีทะเลแหวกด้วย สามารถเดินข้ามเล่นได้ เสียดายว่าช่วงที่เราไปน้ำไม่ลงเลยอด ก่อนปั่นจักรยานกลับแวะไปดูบ่อน้ำจืดที่คนสีชังเขาใช้กัน ดูเหมือนว่าการปั่นจักรยานเที่ยวจะไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้ว แม้การปั่นจักรยานถึงจะเมื่อย และเหนื่อยมาก แต่ในทางกลับกันก็ให้ความสนุกมาก
ได้เห็นพลังของเพื่อน ๆ ร่วมทริปบางคน ที่ปั่นทุกเนิน แบบไม่ยอมแพ้ หรือเห็นบางคนก็เข็นตลอด ทุกเนิน เหนื่อยกันมาก และสิ่งสำคัญสุดคือได้มีโอกาสมองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างทางอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ได้พูดคุยกันตามข้างทาง ได้มีประสบการณ์ที่น่าจดจำไปอีกแบบ ที่สำคัญสุดยังเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวซึ่งไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และช่วยอนุรักษ์โลกใบนี้ด้วย
สำหรับการเดินทาง ทริปนี้ไปง่ายมาก ออกจากบ้านเกือบ 8 โมง ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ แวะกินข้าวเช้าบนมอเตอร์เวย์ เมื่อไปถึงจังหวัดชลบุรี ก็วิ่งเลียบถนนสุขุมวิทไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้าไปทางบางแสน ผ่านแหลมฉบัง ศรีราชา เลี้ยวเข้าเกาะลอย จะมีป้ายบอกไปท่าเรือเกาะสีชัง โดยเรือจะออกทุกชั่วโมง กะเวลาดีๆ จะได้ไม่ต้องรอเรือนาน เมื่อถึงเกาะลอยแล้วก็เลือกที่จอดรถได้ตามสบาย ที่จอดมีเยอะมาก ถ้าไปเร็วให้ไปจอดแถว ๆ ที่ขายของฝาก มีคนผ่านไปมาตลอด ปลอดภัยไม่ต้องกลัวหาย แต่ถ้าไปสาย ๆ อาจต้องไปจอดริมทะเล โซนนี้คนไม่ค่อยชอบจอด เนื่องจากลับหูลับตาคน แล้วรถยังโดนละอองทะเล อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะจอดที่ไหน บนเกาะลอยไม่เสียค่าที่จอดรถ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก