ภาพจาก tristan tan / Shutterstock.com
ร.ฟ.ท. ทุ่มงบ 234 ล้านบาท เปลี่ยนโฉมตลาดจตุจักร ทั้งปูพื้น ป้ายสัญลักษณ์ จัดโซนใหม่ มั่นใจสวย ทันสมัย สะดวกกว่าเดิมแน่นอน คาดแล้วเสร็จ ก.ย. นี้
วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) นายจรัสพันธ์ วัชโรทัย ผู้อำนวยการตลาดนัดจตุจักร เปิดเผยว่า หลังจากที่การรถไฟ ได้เข้าไปบริการตลาดนัดจตุจักรครบรอบ 1 ปี เมื่อเดือนมกราคม 2556 ที่ผ่านมา พบว่า ล่าสุดอยู่ในระหว่างดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงตลาดใหม่ โดยมีการติดตั้งวัสดุต่าง ๆ ตกแต่งให้เกิดความสวยงาม พร้อมกับจัดโซนร้านค้าเพื่อให้นักท่องเที่ยวสะดวกในการเลือกเดินซื้อหา ซึ่งจะใช้วงเงินในการดำเนินการประมาณ 234 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 เฟส ด้วยกัน
โดยเฟสแรกจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมีนาคม วงเงินทั้งสิ้น 114 ล้านบาท เป็นการปรับปรุงถนนทางเดินภายนอกและภายในซอยโครงการต่าง ๆ ด้วยการนำกระเบื้องที่มีลวดลายสวยงามมาปูบริเวณทางเดินทั้งหมด พร้อมกับสัญลักษณ์บอกทางไปตามร้านค้าโซนต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแต่นักท่องเที่ยว โดยในเฟสนี้ จะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 4 เดือน คาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
ส่วนเฟสที่ 2 นั้น จะใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นโครงการที่ปรับปรุงโครงสร้างอาคาร เช่น หลังคา ระบบระบายน้ำภายในตลาดทั้งหมด ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 6 เดือน และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2557
สำหรับเหตุผลที่ต้องปรับปรุงตลาดนัดสวนจตุจักรทั้งหมดใหม่นั้น นายจรัสพันธ์ ให้เหตุผลว่า โครงการเดิมนั้นมีความทรุดโทรมมาก และไม่ได้มีการปรับปรุงเลย ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ จะปรับโฉมให้ทันสมัยขึ้น แต่ยังคงเป็นคอนเซ็ปต์ตลาดนัดจตุจักรติดแอร์อยู่เหมือนเดิม เพียงแค่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ค้า และลูกค้า
นายจรัสพันธ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่า การรถไฟสามารถทำรายได้จากการบริหารตลาด ได้มากกว่า กทม. ที่เคยบริหารมาก่อนหน้านี้ โดยสามารถจัดเก็บรายได้เฉลี่ย 38 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่สมัย กทม. จ่ายค่าเช่าให้การรถไฟเพียงปีละ 20 ล้าน ด้านค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 13 ล้านบาท เป็นค่าจ้างบริษัทข้างนอกมาดำเนินการ โดยทำสัญญาจ้างระยะยาวปีต่อปี เช่น พนักงานทำความสะอาด พนักงานรักษาความปลอดภัย และจัดการจราจร เป็นต้น ในส่วนของค่าเช่า เดิมการรถไฟจะต้องปรับเพิ่มหลังจากครบ 2 ปีไปแล้ว จากเดิมที่เก็บอยู่ 3 พันบาทต่อแผงต่อเดือน แต่ปัจจุบันยังไม่ได้พิจารณา ซึ่งตนต้องขอดูสภาพเศรษฐกิจของการค้าตลาดมาประกอบกันด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
