เตือน! ลอยกระทง อย่าปล่อยโคม-จุดพลุ หวั่นเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ทอท. เตือนอย่าปล่อยโคมลอย- จุดพลุ วันลอยกระทง ชี้อันตราย ช่วงเครื่องบินขึ้น-ลง  เผยผลสำรวจ ประชาชนร่วมลอยกระทงปีนี้ คึกคักที่สุดในรอบ 7 ปี คนส่วนใหญ่วางแผนเที่ยว คาดเงินสะพัดกว่า 10,700 ล้านบาท หวั่นชุมนุม อพส. ยืดเยื้อ จะเหลือเพียง 9,800 ล้านบาท            วันนี้ (23 พฤศจิกายน) นางสาววิไลวรรณ นัดวิไล ผู้อำนวยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  (ทอท.) กล่าวถึงงานลอยกระทงในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทงประชาชนมักนิยมปล่อยโคมลอยเป็นการเฉลิมฉลองกัน ซึ่งทาง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอแจ้งให้ทราบว่า หากปล่อยโคมลอยในพื้นที่โดยรอบบริเวณดังกล่าว อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินได้ ดังนั้น จึงอยากจะขอความร่วมมือกับประชาชนที่อยู่โดยรอบบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อย่าปล่อยโคมลอย จุดพลุ ดอกไม้ไฟ หรือบั้งไฟ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเครื่องบิน ชีวิต และทรัพย์สิน ของบุคคลอื่น และทำให้เสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้

         นอกจากนี้ ผู้อำนวยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานฯ รัศมี 18 กิโลเมตร กรมการบินพลเรือนกระทรวงคมนาคม ได้ประกาศให้เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ซึ่งหากหน่วยงานใดประสงค์ที่จะปล่อยโคม จุดพลุ ดอกไม้ไฟ บั้งไฟ หรือกระทำการอื่น ๆ ในบริเวณดังกล่าว ต้องได้รับอนุญาตจากศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศสุวรรณภูมิเสียก่อน และอย่างน้อยต้องขออนุญาต 7 วัน ก่อนวันดำเนินการ

         อย่างไรก็ตาม ในทุกปีที่ผ่านมา ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบท่าอากาศยานฯ ได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันอันตรายจากการปล่อยโคมลอยได้เป็นอย่างดี จึงไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อเครื่องบิน และต้องขอขอบคุณพร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยกันอีกครั้งในปีนี้

         ขณะที่ นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงวันลอยกระทง (28 พฤศจิกายน) ว่า จากการสำรวจประชาชนจำนวน 1,213 ราย ระหว่างวันที่ 16-20 พฤศจิกายน 2555 พบว่าประชาชนกว่าร้อยละ 62 คน วางแผนที่จะไปลอยกระทง เพราะเป็นประเพณีไทย และร้อยละ 35 จะไม่ลอยกระทง เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

            ส่วนการประเมินมูลค่าการใช้จ่าย คาดว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27.5% หรือมีเงินสะพัดมากถึง 10,700 ล้านบาท เลยทีเดียว สำหรับคำอธิษฐานขอพรในวันลอยกระทงนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ขอให้ในหลวงและพระราชินีมีพลานามัยแข็งแรง รองลงมาคือ ขอให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้น และขอให้การเมืองสงบไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ตามลำดับ

            นอกจากนี้ นางเสาวณีย์ ยังกล่าวต่อว่า เมื่อสอบถามเรื่องการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ พบว่า

            ประชาชน 35.4% กังวลระดับปานกลางว่า จะเกิดการชุมนุมยืดเยื้อ

             ประชาชน 58.8% เห็นว่า ความรุนแรงทางการเมืองไม่น่าจะรุนแรงเหมือนปี 2550

             ประชาชน 58% ยังเชื่อมั่นระดับน้อยต่อการบริหารจัดการปัญหาชุมนุมของรัฐบาล

             ประชาชนกว่า 50% เห็นว่า จะเสียภาพพจน์ประเทศ การท่องเที่ยว และภาวะเศรษฐกิจไทยรวมถึงส่งผลกระทบมากต่อบรรยากาศการลอยกระทง ทำให้ต้องยกเลิกแผนลอยกระทงและรีบเข้าที่พักแทนการไปเที่ยวหรือสังสรรค์

            เมื่อสอบถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในวันลอยกระทงนั้น พบว่า

 

             ประชาชน 56% ยังมองว่า ปีนี้ต้องใช้จ่ายเงินสูงขึ้น เพราะสินค้าแพงขึ้น ทำให้ประชาชนมีปัญหารายได้ไม่เพียงพอ

             ประชาชน 13.2% ต้องลดการใช้จ่าย

             ประชาชน 51.5% ยังใช้จ่ายเท่าเดิม และเตรียมใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยภาพรวมประชาชนยังวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศสูงกว่าปัญหาการเมือง

            ขณะที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า งานลอยกระทงในปีนี้จะกลับมาคึกคัก และการใช้จ่ายของประชาชนจะสูงที่สุดในรอบ 7 ปี เลยทีเดียว เพราะประชาชนมองกว่าบรรยากาศการเมืองไม่รุนแรงจนกระทบต่อการใช้จ่าย และปีนี้ก็ไม่เจอปัญหาน้ำท่วมเหมือนปีก่อนที่การใช้จ่ายติดลบ 16.5% มีมูลค่าเพียง 8,100 ล้านบาท

            อย่างไรก็ดี นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับการชุมนุม อพส. ที่จะเกิดขึ้นนั้น ถึงแม้ว่าจะมีวี่แววยืดเยื้อไปจนถึงวันลอยกระทง แต่ก็จะกระทบกับค่าใช้จ่ายลดเหลือ 9,800 ล้านบาท หรือใกล้เคียงกับปี 2553 มูลค่า 9,700 ล้านบาท แต่ตรงกันข้ามหากการชุมนุมไม่ยืดเยื้อ ปีนี้ก็จะเป็นปีที่สดใส มูลค่าใช้จ่ายสะพัดถึง 10,700 บาท หรือขยายตัวถึง 27.5% อย่างแน่นอน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก