เส้นทางท่องเที่ยวภูเขาอย่างภูทับเบิก และเขาค้อยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้อากาศยิ่งเย็นสบาย มีสิ่งมหัศจรรย์อย่างทะเลหมอกให้เห็นแบบเต็มตา และด้วยถนนหนทางที่ดีมากขึ้น ทำให้ไม่ว่าฟ้าฝนจะตกหนักเพียงใด เราก็สามารถที่จะไต่เขาขึ้นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับ คุณ habuyashi สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ฝ่าพายุฝนขึ้นไปพบกับสวรรค์ที่ภูทับเบิกและเขาค้อ ทัศนียภาพของทะเลหมอกทั่วหุบเขาทำให้ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ฝนตกหนักมากเพียงใด การเดินทางของเขาจะตื่นเต้นและสวยงามแค่ไหน เราไปติดตามกันเลยค่ะ
ช่วงวันที่ 16-17 กันยายน 2558 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของพายุ "หว่ามก๋อ" (VAMCO) ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก แต่แผนการท่องเที่ยวของผมได้ถูกวางไว้แล้วในเช้าวันเสาร์ที่ 19 กันยายน ซึ่งช่วงนั้นก็หวั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะกลัวว่าถ้าไปเที่ยวแล้วจะไม่ได้เที่ยว เพราะอาจจะต้องติดฝนอยู่แต่ในที่พัก แต่ในเมื่อแผนการท่องเที่ยวทั้งหมดได้ถูกวางไว้หมดแล้ว จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่ไป และนี่ก็เป็นที่มาของ >>> ฝ่าพายุฝนเพื่อไปนั่งมอง "เขา"
ผมจะขอเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ ภาพอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เล่าสักเท่าไรนะครับ
สามารถติดตามการท่องเที่ยวในแบบฉบับของผมได้ที่ Fanpage : เที่ยวทุกวันจันทร์-อาทิตย์
เฟซบุ๊ก TravelEverythingEveryTime
ติดตามการอัพเดททะเลหมอกรายวันของเขาค้อ+ภูทับเบิกได้ที่ >>> ชมรมคนรักเขาค้อ–ภูทับเบิก
เฟซบุ๊ก ชมรมคนรักเขาค้อ-ภูทับเบิก
แผนการเดินทางของผม คือหลังจากเลิกงานประจำเสร็จในเย็นวันศุกร์ก็เตรียมตัวเก็บกระเป๋าแล้วพักผ่อนร่างกายสัก 3-4 ชั่วโมง และเริ่มออกเดินทางในคืนวันนั้นเลย เพื่อที่จะไปทันชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หลังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
เราจึงเลื่อนเวลาออกเดินทางเป็นเวลาตี 1 ซึ่งตลอดระยะเวลาการเดินทางนั้นฝนตกตลอดทาง บางช่วงตกหนักมาก ๆ ในใจผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเช้านี้ที่ผมจะไปถึงขอให้ฝนหยุดเถอะนะ เพราะว่าตั้งใจไปแล้วก็อยากที่จะได้ภาพสวย ๆ
เมื่อถึงสี่แยกอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองฝนเริ่มหยุด พอเริ่มเข้าสู่ถนนสาย 12 ก็พบว่าตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยสายหมอกที่ปกคลุมทั่วไปหมด
ณ เวลาตอนนั้นเริ่มเห็นแสงพระอาทิตย์แล้ว ผมจึงรีบขับรถไปที่จุดชมวิวหลังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเพื่อเก็บภาพเช้าวันนั้นให้มากที่สุด
ทิวสนหลังวัด
และสิ่งที่ผมเห็นครั้งแรก...ทำให้ผมถึงกับตะลึงในความสวยงามของทะเลหมอกที่กำลังโอบล้อมขุนเขา
ทะเลหมอกที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ไปปกคลุมวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
จุดชมวิวตรงนี้ถึงแม้จะเคยมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็เป็นช่วงเวลาบ่าย ๆ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจุดนี้ตอนเช้า ๆ จะสวยงามมากเพียงนี้
เลยจากจุดชมวิวตรงนี้ลงไปก็จะเป็นจุดชมวิวของร้านกาแฟ Pino Latte จุดชมวิวตรงนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำให้ผมต้องนั่งมอง "เขา" ^___^
ณ ร้านกาแฟ Pino Latte นอกจากจะเปิดเป็นร้านขายกาแฟแล้วยังมีที่พักอีกด้วย
จะดีแค่ไหนถ้าในทุก ๆ เช้าเราตื่นนอนมาแล้วพบกับวิวสวย ๆ ที่อยู่ตรงหน้าแบบนี้
หลังจากที่ผมเก็บภาพความประทับใจตรงนี้ได้เต็มอิ่มแล้วจึงแวะเข้าไปที่เขาค้อ แต่ก็ไม่ได้หวังเจอทะเลหมอกนะ เพราะตอนนั้นก็เริ่มสายแล้ว
แต่เมื่อไปถึงก็ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างเล็กน้อย
หลังจากนั้นผมและเพื่อน ๆ ก็ได้แวะหาร้านอาหารรับประทานกัน หลังจากที่ไม่ได้ทานอะไรมาเลยตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราจึงขึ้นไปที่ภูทับเบิกกันต่อ เส้นทางระหว่างขึ้นภูทับเบิกจะเป็นทางที่ค่อนข้างชัน ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง
พอเข้าที่พักแล้วทุกคนเหมือนรู้งาน นอนหลับกันสนิทเพราะเนื่องจากอดนอนกันมาทั้งคืน ตอนเย็นผมกับเพื่อน ๆ ก็มุ่งตรงกันไปที่ภูแผงม้า เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกกัน แต่ฟ้าไม่เป็นใจฝนดันตกลงมาซะนี่
ทำให้ได้ภาพที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไร แต่ก็แปลกตาไปอีกแบบ
ฝนตกลงมาแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงช่วงเดือนมิถุนายนที่ผมได้ไปมา ผมก็ได้แต่หวังว่าให้ตกหนัก ๆ แบบคืนวันนั้น แต่ฝนก็ตกลงมาได้เพียงนิดเดียวก็หยุดไป ซึ่งปริมาณฝนเพียงเท่านี้ความชื้นอาจจะไม่พอในการก่อตัวของทะเลหมอกในเช้าวันรุ่งขึ้นแน่ ๆ
และเช้าวันอาทิตย์ก็มาถึง เช้าวันนั้นเป็นเช้าที่อากาศถือว่าหนาวเลยทีเดียว แสงแรกของวันนั้นช่างร้อนแรงเสียเหลือเกิน
ปกติเป็นคนที่เวลาไปเที่ยวมักจะตื่นเช้าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นแสงตอนเช้าที่สวยขนาดนี้
ถึงแม้วันนั้นจะมีหมอกจาง ๆ ที่ไม่ถึงกับเป็นทะเลหมอกที่เป็นปุย ๆ เหมือนที่ตั้งใจไว้ก็ตาม แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ประทับใจไม่แพ้กันเลย
ภูทับเบิกวันนี้คนเยอะมาก ๆ เยอะเหมือนช่วงเทศกาลปีใหม่เลยครับ ณ จุดชมวิวมีเต็นท์กางกันอยู่มากมาย
และสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยของการมาที่นี่ คือการได้ถ่ายภาพกับแปลงกะหล่ำปลี
หากเรามองลงไปจากบริเวณริมผาภูทับเบิก เราก็จะเห็นถนนที่เราเดินทางกันขึ้นมา ซึ่งก็คดเคี้ยวมากเลยครับ
ในวันนั้นที่พักถูกจองเต็มหมดทุกที่ แต่ถือว่าโชคดีที่เพื่อนผมได้จองล่วงหน้าไว้แล้ว
แล้วพอเริ่มสาย ๆ หน่อยพวกเราจึงเดินทางไปที่จุดชมวิวภูแผงม้ากันอีกครั้ง ระหว่างทางที่เดินเข้าไปเราก็พบกับใบเมเปิลสีแดงที่หล่นอยู่จึงหยิบขึ้นมาเก็บภาพไว้
ณ จุดชมวิวตรงนี้จะสูงกว่าจุดชมวิวภูทับเบิก ทำให้เราสามารถชมวิวได้สูงขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่าวันนั้นจะมีหมอกมาให้เราได้ชมกันบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มสุด ๆ แล้วกับการกลับมาที่นี่อีกครั้ง
สุดท้ายนี้สามารถติดตามการท่องเที่ยวในแบบฉบับของผมได้ที่ Fanpage : เที่ยวทุกวันจันทร์-อาทิตย์
เฟซบุ๊ก TravelEverythingEveryTime
ขอบคุณสำหรับการติดตามและเข้ามาเยี่ยมชมกันนะครับ ^__^
เกาะติดข่าว ภูทับเบิก ทั้ งหมดคลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ habuyashi สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก TravelEverythingEveryTime