ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ 3seasons
ลมหนาวมาแล้ว ... ถึงเวลาออกไปโลดแล่นสัมผัสกับอากาศเย็น ๆ กันซะหน่อย ^^ และวันนี้กระปุกดอทคอมจะพานักเดินทางไปท้าทายความหนาวเย็นไกลถึง "เชียงใหม่" ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรือที่หลายคนเรียกว่า ดอยอ่างขาง กันค่ะ ใครเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้ว ก็ตามเราเข้าไปเลยค่ะ...
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะ 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า "ให้เขาช่วยตัวเอง" เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาว ที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน
ดอยอ่างขาง
ประวัติ...ดอยอ่างขาง
โดยเรื่องกำเนิดของ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง แห่งนี้ เป็นเกร็ดประวัติเล่ากันต่อมาว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้ และทอดพระเนตรลงมาเห็นหลังคาบ้านคนอยู่กันเป็นหมู่บ้าน จึงมีพระดำรัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมาทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น และหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอ ซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ ทำการปลูกฝิ่นแต่ยังยากจน ทั้งยังทำลายทรัพยากรป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่เป็นแหล่งสำคัญต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่น ๆ ของประเทศได้ พระองค์มีพระราชดำรัสที่จะแปลงทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร
จึงทรงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลย และสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับพระองค์ทรงทราบว่า ชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่ในบริเวณ ดอยอ่างขาง ส่วนหนึ่ง
ดอยอ่างขาง
จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ. ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี เป็นผู้สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งมูลนิธิโครงการหลวง ใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอกเมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขา ในการนำพืช เหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานนามว่า "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง"
"อ่างขางในอดีตวันนั้นสวยมากด้วยดอกฝิ่นและภูมิประเทศ เราได้เห็นต้นท้อ แอ๊ปเปิ้ลป่า และทราบว่าอากาศหนาวเราได้คุยกับผู้ที่ไปตั้งร้านขายของ ซื้อฝิ่นเขาขึ้นมาอีกทางหนึ่ง ห่างจากค่ายทหารจีนโดยที่ชาวเขาส่วนมากอพยพไปที่อื่น อ่างขางจึงมีที่เหลือให้หญ้าคาขึ้นอยู่มาก ด้วยเหตุนี้จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขางขึ้นเมื่อ 30 ปี มานี้ สถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ทำวิจัยได้" ม.จ. ภีศเดช รัชนี กล่าว
โดยคำว่า "อ่างขาง" ภาษาเหนือหมายถึง อ่างรูปสี่เหลี่ยมตามลักษณะของดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นดอยที่มีรูปร่างของหุบเขา ยาวล้อม รอบประมาณ 5 กิโลเมตร กว้าง 3 กิโลเมตร ตรงกลางของอ่างขางเดิมเป็นภูเขาสูง เช่นเดียวกับบริเวณโดยรอบ แต่เนื่องจากเป็นภูเขาหินปูน เมื่อถูกน้ำฝนชะก็จะค่อย ๆ ละลายเป็นโพรงแล้วยุบตัวลงกลายเป็นแอ่ง มีพื้นที่ราบ ความกว้างไม่เกิน 200 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน โดยมุ่งที่จะหาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา และทำการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบัน ดอยอ่างขาง ได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขา ซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ผลเมืองหนาวกว่า 12 ชนิด ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอร์รี่ สาลี่ ราสเบอรี่ พลับ กีวี ลูกไหน เป็นต้น ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด เช่น แครอท ผักสลัดต่างๆ ฯลฯ และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ จำหน่ายผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูก ในโครงการให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล
สำหรับบน ดอยอ่างขาง มีชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 ครัวเรือนใน 6 หมู่บ้าน ส่วนสภาพอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16.9 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว
ดอยอ่างขาง
กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง ได้แก่…
• ชมแปลงสาธิต ผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาวภายในศูนย์ฯ สามารถขับรถวนเป็นวงกลม ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ยานพาหนะคันละ 50 บาท
• ชมสวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันก็มีสวนสมุนไพรด้วยฤดูท่องเที่ยวอยู่ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
• เยี่ยมหมู่บ้านหลวง สัมผัสชีวิตชาวจีนฮ่อ ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีน ยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านการเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่
ดอยอ่างขาง
• เยี่ยมหมู่บ้านนอแล สัมผัสวิถีชีวิตชาวปะหล่อง อดีตชนเผ่าดั้งเดิมของพม่า มีผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้าน จำหน่ายและเยี่ยมฐานปฏิบัติการนอแล ชมชายแดนไทย-พม่า ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย - พม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมาที่นี่ได้ประมาณ 15 ปี คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า ซึ่งมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติ บริเวณพรมแดนไทย-พม่า
• เที่ยวบ้านขอบด้ง สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขาเผ่ามูเซอ มีมัคคุเทศก์น้อยพาเยี่ยมชมภายในหมู่บ้าน เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่า มูเซอดำและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตร และด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน (เช่น อาบูแค เป็นกำไลถักด้วยหญ้าไข่เหามีสีสันและลวดลายในแบบของมูเซอ) บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของ ชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน ครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง ช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ได้มีโอกาสเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้าน โดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไป และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อย ที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง เพื่อช่วยอธิบายวิถีชีวิตของพวกเขาให้ผู้มาเยือน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างความรักท้องถิ่นให้เด็ก ๆ ด้วย
ดอยอ่างขาง
• เที่ยวหมู่บ้านคุ้ม ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็ก ๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้ และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว
• เดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ประมาณ 2 กิโลเมตร จะได้ชมความงามธรรมชาติของผืนป่าปลูกทดแทน น้ำตกเล็กๆ และกุหลาบพันปี
• ขี่จักรยานเสือภูเขาชมธรรมชาติ จากบ้านคุ้มไปยังบ้านนอแล และจากบ้านหลวงไปยังบ้านผาแดง
ดอยอ่างขาง
• กิจกรรมดูนก ที่มีทั้งนกประจำถิ่นและนกหายากต่างถิ่นให้ศึกษาหลากสายพันธุ์ มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ จุดที่เหมาะคือสถานีป่าแม่เผอะและบริเวณรอบๆ รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง
• ขี่ฬ่อล่องไพร ชมความงดงามของธรรมชาติ ในบรรยากาศเย็นสบายรอบ ๆ ดอยอ่างขาง ด้วยการนั่งบนหลังฬ่อ (การนั่งบนหลังฬ่อต้องนั่งหันข้าง เนื่องจากอานกว้างไม่สามารถนั่งคร่อมอย่างการขี่ม้าได้) หากสนใจกิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับรีสอร์ทล่วงหน้าอย่าน้อย 1 วัน เพราะปกติชาวบ้านจะนำฬ่อไปเป็นพาหนะขนผลิตผลทางการเกษตรด้วย
• จุดชมวิว-จุดกิ่วลมชนิด เป็นลานชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกดิน และสัมผัสทัศนียภาพของถนนทางขึ้น ดอยอ่างขาง อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยก ซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก หรือทะเลหมอก มองเห็นทิวเขารอบด้าน และหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย
ดอยอ่างขาง
ที่พักและร้านอาหาร
บ้านพักสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
บ้านคำดอย1-3
เดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, มีนาคม ราคาหลังละ 5,620 บาท/คืน รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ ราคา 430 บาท+อาหารเช้า
เดือนธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์ ราคาหลังละ 6,820 บาท/คืน อาหารเย็น+อาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 730 บาท+อาหารเย็น+อาหารเช้า
เดือนเมษายน-กันยายน ราคาหลังละ 3,500 บาท/คืน ไม่รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ 280 บาท/ไม่รวมอาหารเช้า
** พักได้ 4 คน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
** บ้านทุกหลังมีโทรทัศน์และเครื่องอาบน้ำอุ่น
** บ้านทุกแบบให้เข้าพักตามจำนวนคนที่ระบุให้เท่านั้น
บ้านซากุระ1-6
เดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, มีนาคม ราคาหลังละ 2,060 บาท/คืน รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 430 บาท+อาหารเช้า
เดือนธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์ ราคาหลังละ 2,660 บาท/คืน อาหารเย็น + อาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 730 บาท+อาหารเย็น+อาหารเช้า
เดือนเมษายน-กันยายน ราคาหลังละ 900 บาท/คืน ไม่รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ 280 บาท/ไม่รวมอาหารเช้า
** พักได้ 2 คน
** บ้านทุกหลังมีโทรทัศน์และเครื่องอาบน้ำอุ่น
** บ้านทุกแบบให้เข้าพักตามจำนวนคนที่ระบุให้เท่านั้น
บ้าน AK 1-20
เดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, มีนาคม ราคาหลังละ 1,560 บาท/คืน รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 430 บาท+อาหารเช้า
เดือนธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์ ราคาหลังละ 2,160 บาท/คืน อาหารเย็น+อาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 730 บาท+อาหารเย็น+อาหารเช้า
เดือนเมษายน-กันยายน ราคาหลังละ 650 บาท/คืน ไม่รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ 280 บาท/ไม่รวมอาหารเช้า
** พักได้ 2 คน
** บ้านทุกหลังมีโทรทัศน์และเครื่องอาบน้ำอุ่น
** บ้านทุกแบบให้เข้าพักตามจำนวนคนที่ระบุให้เท่านั้น
บ้านริมดอย 1-6
เดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, มีนาคม ราคาหลังละ 2,650 บาท/คืน รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 430 บาท+อาหารเช้า
เดือนธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์ ราคาหลังละ 4,150 บาท/คืน อาหารเย็น+อาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 730 บาท+อาหารเย็น+อาหารเช้า
เดือนเมษายน-กันยายน ราคาหลังละ 1,000 บาท/คืน ไม่รวมอาหารเช้า เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ 280 บาท/ไม่รวมอาหารเช้า
** พักได้ 5 คน
** บ้านทุกหลังมีโทรทัศน์และเครื่องอาบน้ำอุ่น
** บ้านทุกแบบให้เข้าพักตามจำนวนคนที่ระบุให้เท่านั้น
บ้าน AK ใหญ่
เดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, มีนาคม ราคา 430 บาท/คน/คืน รวมอาหารเช้า
เดือนธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์ ราคา 730 บาท/คน/คืน อาหารเย็น+อาหารเช้า
เดือนเมษายน-กันยายน ราคา 150 บาท/คน/คืน ไม่รวมอาหารเช้า
** พักได้ 47 คน รับตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป
** บ้านทุกหลังมีโทรทัศน์และเครื่องอาบน้ำอุ่น
** บ้านทุกแบบให้เข้าพักตามจำนวนคนที่ระบุให้เท่านั้น
หอประชุม
เดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, มีนาคม
หอประชุม 1 และ 2 ราคา 1,560 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้า พักห้องละ 2 คน เสริมที่นอน 1 ที่ราคา 430 บาท+อาหารเช้า
หอประชุม 3 ราคา 2,650 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้า พักห้องละ 5 คน เสริมที่นอน 1 ที่ราคา 430 บาท+อาหารเช้า
หอประชุม 4 และ 5 ราคา 1,890 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้า พักห้องละ 3 คน เสริมที่นอน 1 ที่ราคา 430 บาท+อาหารเช้า
เดือนธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์
หอประชุม 1 และ 2 ราคา 2,160 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้า พักห้องละ 2 คน เสริมที่นอน 1 ที่ราคา 730 บาท+อาหารเย็นและอาหารเช้า
หอประชุม 3 ราคา 4,150 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้า พักห้องละ 5 คน เสริมที่นอน 1 ที่ราคา 730 บาท+อาหารเย็นและอาหารเช้า
หอประชุม 4 และ 5 ราคา 2,790 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้า พักห้องละ 3 คน เสริมที่นอน 1 ที่ราคา 730 บาท+อาหารเย็นและอาหารเช้า
เดือนเมษายน-กันยายน
หอประชุม 1 และ 2 ราคา 650 บาท/ห้อง ไม่รวมอาหารเช้า พักห้องละ 2 คน
หอประชุม 3 ราคา 1,000 บาท/ห้อง ไม่รวมอาหารเช้า พักห้องละ 5 คน
หอประชุม 4 และ 5 ราคา 750 บาท/ห้อง ไม่รวมอาหารเช้า พักห้องละ 3 คน
** บ้านทุกหลังมีโทรทัศน์และเครื่องอาบน้ำอุ่น
** บ้านทุกแบบให้เข้าพักตามจำนวนคนที่ระบุให้เท่านั้น
หมายเหตุ : กรุณาสำรองที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทาง โทร. 053-969-476-78 ต่อ 114 ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.angkhangstation.com
การเดินทาง
การเดินทางสู่ดอยอ่างขางสามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง
• เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง เลี้ยวซ้ายทางแยกตำบลเมืองงาย ตรงเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัยไปยังศูนย์ฯ
• เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงกิโลเมตร 137 แยกบ้านปางควาย เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1249 ตรงไปประมาณ 25 กิโลเมตร
หมายเหตุ : ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท (ควรเช็กสภาพเครื่องยนต์ก่อนขึ้นเขา และผู้ขับขี่ควรมีประสบการณ์ เพราะเส้นทางมีความชันมาก) หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จุดจอด ณ ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง
สถานที่ติดต่อ
• สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง บ้านคุ้ม หมู่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320 โทร. 0-5345-0107-9
• เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง เลี้ยวซ้ายทางแยกตำบลเมืองงาย ตรงเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัยไปยังศูนย์ฯ
• เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงกิโลเมตร 137 แยกบ้านปางควาย เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1249 ตรงไปประมาณ 25 กิโลเมตร
หมายเหตุ : ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท (ควรเช็กสภาพเครื่องยนต์ก่อนขึ้นเขา และผู้ขับขี่ควรมีประสบการณ์ เพราะเส้นทางมีความชันมาก) หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จุดจอด ณ ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง
สถานที่ติดต่อ
• สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง บ้านคุ้ม หมู่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320 โทร. 0-5345-0107-9