วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปติดตามชีวิตของครูอาสาบนดอย จากบันทึกการเดินทางของ คุณ amylase สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสได้ไปเป็นครูบนดอย ณ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจังหวัด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ได้ไปเป็นครูบนดอยจะสนุกและประทับใจขนาดไหน ไปติดตามเรื่องราวนี้กันเลยค่ะ ^^
กาลครั้งหนึ่ง ครูดอย ณ อมก๋อย
เป็นครั้งแรกที่เราเลือกออกเดินทางเพื่อมาเป็นครูอาสาที่อมก๋อย...คนเดียว ถามว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจ ทำไมเราถึงอยากลำบากไปเป็นครูอาสา
อย่างแรกเลยค่ะแรงบันดาลใจของเราคือ "แม่" พ่อแม่เราเป็นครูทั้งคู่ เมื่อตอนเด็ก ๆ เรายังจำได้ว่าแม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนแม่เป็นครูแรก ๆ แม่ต้องเดินเข้าป่าไปสอนเด็ก ๆ คือไม่มีรถไปถึง เราเลยรู้สึกว่า เฮ้ย ! แม่โคตรเท่เลย คือหัวใจแม่โคตรเท่เลยค่ะ ตั้งแต่นั้นเราเลยอยากลองไปแบบนั้นบ้างสักครั้งในชีวิต ในวันที่เทคโนโลยีทำให้เราสะดวกสบายขึ้นกว่าครั้งที่แม่เป็นครูแรก ๆ ซึ่งนับจากวันนั้นวันที่แม่เป็นครูแรก ๆ จนวันนี้ก็ 30 กว่าปีได้แล้วมั้ง...
อีกเหตุผลหนึ่งคือเราอยากไปเที่ยว อยากไปลองใช้ชีวิต เราชอบภาคเหนือ เราชอบเชียงใหม่ เราชอบภูเขา และเราก็ชอบอากาศหนาว ๆ
เอาสิค่ะ เราก็เริ่มหาข้อมูลค่ะ เราไปเจอเพจ 4DekDoi ซึ่งมีประกาศรับสมัครครูอาสาพอดี จะไปกี่คนก็ได้ ไปเมื่อไหร่ก็ได้ ก็เข้าทางสิ จะรออะไร ก็ไปเลยสิค่ะ เราติดต่อคุณครูที่นั้นและเราเลือกไปที่ ศศช.ขุนอมแฮดนอก อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เราเลือกไปเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 19-30 เมษายน 2558
วันที่ 19 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยสายการบิน Air Asia คนเตี้ย ๆ ก็บินได้
ถึงสนามบินเชียงใหม่ตอนประมาณเที่ยง ๆ ก็จองที่พักไว้เป็น 2230 Hostel ที่นิมมานฯ ซอย 1 ราคา 250 บาท/คืน
ถ้าเดินทางไปไหนคนเดียวเราชอบพัก Hostel เพราะประหยัด และเราว่าสะดวกดีนะ เราได้นอนคนเดียว พอดีคนพักไม่เต็ม สบายเลย ห้องเป็นของฉัน ฮ่า ๆๆ เราพักที่นี่หนึ่งคืนค่ะ ก่อนออกเดินทางไปอมก๋อยตอนเช้าอีกวัน
เรานั่งรถแดงไปลงที่ประตูเชียงใหม่ แล้วรอรถเชียงใหม่-ฮอด-ดอยเต่า-อมก๋อย รถออกประมาณ 08.30 น.
ถึงอมก๋อยเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ วิวระหว่างทางช่วงหลัง ๆ ตอนขึ้นเขาไปอมก๋อยเห็นเป็นภูเขาสลับต้นไม้ มีป่าสนที่มีต้นสนเยอะ ๆ ด้วย เออ...ป่าสนก็ต้องมีต้นสนเยอะๆ ดิจะบอกทำไม เอาเป็นว่าสวยงามค่ะ
พอถึงที่อำเภออมก๋อยก็โทรหาคุณครู คุณครูชื่อ "ครูสุโพ" ค่ะ พอดีวันนั้นครูอยู่ที่อำเภออยู่แล้ว ที่ตัวอำเภอมีประเพณีรดน้ำดำหัวคุณครู เราเลยได้มีโอกาสไปร่วมด้วย ครูพาเราเอาของไปเก็บที่บ้านครูก่อน ไปเจอแม่ของครูค่ะ เป็นชาวกะเหรี่ยงเหมือนกัน ครูบอกว่าที่อมก๋อยมีชนเผ่าชาวกระเหรี่ยงประมาณ 80% มูเซอและอื่น ๆ อีก 20% แม่ครูน่ารักมากค่ะ ยิ้มแย้ม ชวนเราคุย อันที่จริงชาวบ้านที่นี่น่ารักทุกคนค่ะ
วันนั้นที่บ้านครูมีพิธีขึ้นบ้านใหม่อีกพอดี ครูพาเราแว้นมอเตอร์ไซค์ไปซื้อวัตถุดิบทำอาหาร เราเลยได้มีโอกาสเห็นบรรยากาศรอบ ๆ อมก๋อย ก่อนที่จะไปเก็บตัวที่โรงเรียนซึ่งอยู่ไกลไปจากตัวอำเภอ
คือวันนี้ครูให้เราช่วยเฝ้าร้านที่ครูจะทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ระหว่างที่ครูกลับบ้านไปเอาอาหารที่ทำไว้ค่ะ เราเลยทำหน้าที่เติมน้ำมันและขายอาหารหมูให้ชาวกะเหรี่ยง ซึ่งการเติมน้ำมันนี้แป้งรอดค่ะ...สบายยยยยย ร้านเติมน้ำมันกลางป่า บรรยากาศดี๊ดี
แต่ขายอาหารหมูนี้คืองง ขายอาหารหมูให้ชาวกะเหรี่ยงเป็นอะไรที่ยากพอสมควร ประเด็นคือฟังไม่ค่อยออกค่ะ พี่ต้องการอาหารเบอร์ไหน อะไร อย่างไร พี่เล่นพูดภาษาปกาเกอะญอมาหนูก็เงิบสิคะ ฮ่า ๆๆๆ สนุกค่ะบอกเลย
ป้าคะรอแป๊บนะ อาหารหมูหนูงง โทรหาครูแป๊บ
หลังจากครูมาและขายอาหารหมูได้ลุล่วงไปด้วยดี ก็มีพิธีขึ้นบ้าน (ร้าน) ใหม่เกิดขึ้น ครูนับถือคริสต์ค่ะ ตอนแรกก็แปลกใจ ชาวบ้านนับถือคริสต์กันเยอะเหมือนกัน ส่วนเรานับถือพุทธ แล้วได้มีโอกาสเห็นพิธีขึ้นบ้าน (ร้าน) ใหม่แบบคริสต์ เฮ้ย...ตื่นเต้นอะ
หลังจากเสร็จพิธีก็มีการกินข้าวร่วมกันกับชาวบ้านที่ครูเชิญมา อาหารชาวดอยมื้อแรกของแป้งค่ะ เฮ้ยตื่นเต้นอะ...อีกแล้ว 5555555 นี้เลยค่ะ อย่างแรกเขาเรียกว่า ข้าวเบ้อ เป็นเหมือนข้าวต้มใส่พริกใส่หมูใส่ผัก ปน ๆ กัน เผ็ด ๆ อร่อยดีนะ
แล้วก็มีลาบและน้ำพริกซึ่งเป็นอาหารประจำของชาวบ้านที่นี่เลยค่ะ น้ำพริก...กินอยู่แบบเรียบง่าย กินเสร็จมีเวลาเดินเล่น ที่นี่เห็นดาวชัดมาก มีน้อง ๆ เด็ก ๆ อยู่ เราเลยเรียนรู้ภาษาปกาเกอะญอมาได้สองคำค่ะ
โอเมาะโชเปอ = สวัสดี
ชะเกงระ = ดาวสวยมาก
เฮ้ย...ยากไปไหนเนี่ย สมองปลาทองแบบนี้มีเหรอจะจำได้ จดสิค่ะจด และแล้ววันแรกที่อมก๋อยก็หมดลง ชะเกงระ ราตรีสวัสดิ์
วันที่ 20
ตื่นมาตอนเช้าลูกคุณครูชื่อว่า น้องจูเนียร์ พาเราเดินทัวร์รอบ ๆ ดอย ตั้งแต่เช้าเลยจ้า คือตอนเช้าอากาศดีมากนะ และวิวก็สวยมาก มองเห็นภูเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตาเลย
และนี้คือ 7-11 ของหมูบ้าน มีขนม นม เนย น้ำ ลูกอม ผักขายนะคะ ซีพีสู้ไม่ได้บอกเลย
แชะสัก 1 ภาพสิจูเนียร์ ขอท่าหล่อ ๆ หน่อยน้อง ว่าแต่เอาหินไปวางบนหัวทำไม ? หรือว่ามันเป็นพร็อพ
หลังจากเดินทัวร์ดอยโดยไกด์จูเนียร์เสร็จเราก็กลับมาที่บ้านครู วันนี้เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียนที่หมูบ้านตะคอคะ ห่างจากอำเภออมก๋อยประมาณ 50 กิโลเมตร ตอนแรกเราคิดว่าไม่ไกลมากหรอก 50 กิโลเมตร แต่หารู้ไม่ว่าทางที่ไปคืออย่างโหด แบบโคตรโหด เรานั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปนะ ผ่านหลายหมู่บ้านมาก เอาจริง ๆ เราจำไม่ได้หรอกว่าหมู่บ้านอะไรบ้าง ทางที่ไปมีถนนทุกรูปแบบค่ะ ถนนคอนกรีต ลูกรัง ดินแดง หิน ลำธารสายเล็ก ๆ และป่า คือแว้นเข้าป่าจริง ๆ นะ ปวดหัวปวดก้นมากค่ะ ได้ประสบการณ์แปลกใหม่อีกแล้วไงไอ้แป้ง แอดแวนเจอร์สมใจอยากเลยดีไหมล่ะคะทีนี้
บางจุดนี้รถขึ้นไม่ไหวเราต้องลงเดินบ้างบางระยะและหลายระยะ ฮ่า ๆๆๆ ได้เดินป่าเลยสนุกค่ะ เหนื่อยด้วยค่ะ อีกนิดเดียวใช่ไหมค่ะ อีกนิดเดียว ภูเขาอีกลูกเดียวเอ๊งงงงง ไม่ไกลหรอกกกก...เฮือก แวะกินข้าว ถ่ายรูปกับต้นไม้แป๊บ
แต่วิวระหว่างทางนี้ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลยค่ะ
และแล้วก็ถึงค่ะ หมู่บ้านตะกอคะ มาดูที่โรงเรียนก่อนเลยอันดับแรก โรงเรียนจะเป็นอาคารเล็ก ๆ 2 อาคาร ทำจากไม้ซึ่งชาวบ้านน่าจะช่วยกันสร้างค่ะ
บรรยากาศรอบ ๆ หมู่บ้านล้อมรอบด้วยภูเขา มีลำธารสายเล็ก ๆ ตัดผ่าน
ชาวบ้านเลี้ยงหมู ควาย ไก่ เอาไว้กินกันค่ะ
บ้านสร้างจากไม้ ซึ่งชาวบ้านเป็นคนสร้างเองทั้งนั้น ในบ้านจะไม่มีห้องน้ำนะคะ ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเดินไป ซึ่งมีอยู่ที่เดียวทั้งหมู่บ้าน
พอเราไปถึงครูกับน้อง ๆ ก็พาเราไปเที่ยวน้ำตกตะกอคะค่ะ ต้องเดินไปจากหมู่บ้านอีก เด็ก ๆ ผู้ชำนาญทาง เป็นไกด์พาเราเดินไปค่ะ ระหว่างทางก็ทุลักทุเลใช้ได้ บางที่นี่ชันมากต้องทำตัวแนบกับพื้นเข้าไว้และจับหญ้าเอาไว้ สูงสุดสู่สามัญ
ถึงแล้วค่ะ น้ำตกตะกอคะ มี 3 สาย พ่อ แม่ ลูก อันนี้คือตัวพ่อค่ะ
เป็นอีกที่หนึ่งที่ประทับใจมาก เดินมานี้หายเหนื่อยเลย น้ำตกสวยมาก หลบซ่อนอยู่กลางป่า เงียบสงบมาก คือธรรมชาติจริง ๆ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาถึง มีแต่ชาวบ้าน เรารู้สึกว่าโคตรโชคดีเลยค่ะ แล้วจะรอช้าอยู่ทำไมลงเล่นน้ำสิคะ น้ำโคตรเย็นสบายเลย โอ๊ยยยยยยฟิน หิวน้ำก็ตักน้ำในน้ำตกนั้นแหละกิน
เด็ก ๆ เล่นน้ำกันใหญ่เลย ตอนแรกน้องบอกไม่ลง...เย็น แต่พอลงน้ำนั้นแหละลงเลย พอขึ้นมาน้องก็ไปนอนบนโขดหิน อาบแดด ฮ่า ๆๆ
ขอรูปเท่ ๆ มุมเท่ ๆ รูปหนึ่ง
เล่นน้ำเสร็จก็เดินกลับ ระหว่างทางกลับน้องก็ไปเก็บผลไม้ป่ามาให้กิน ลูกอะไรไม่รู้ค่ะรู้แต่อร่อยดี
กลับมาถึงหมู่บ้านตอนเย็น ๆ ดูการละเล่นของเด็ก ๆ ค่ะ หมู่บ้านนี้ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงนะคะ เด็ก ๆ ไม่มีคอมพิวเตอร์หรือมือถือเล่นกันเหมือนเด็กในเมืองหรอก
บอกเด็ก ๆ ถ่ายรูปหน่อย ให้ความร่วมมือดีมากค่ะ โพสท่าซะนายแบบอาย
ตอนเย็น ๆ เราได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ อบต. หมู่บ้าน เขาเป็นชาวกะเหรี่ยงนี้แหละค่ะ ชาวบ้านที่นี่มีน้ำใจ ใจดีมาก ๆ เขาดีใจที่มีคนมาเยี่ยมหมู่บ้าน หมู่บ้านเขาห่างไกลจากตัวเมืองมาก อบต. พูดภาษาไทยได้ แต่ไม่สามารถเขียนได้ เวลาไปทำเอกสารหรือติดต่อราชการเขาจะต้องปั๊มนิ้วเพราะเขียนไทยไม่ได้ เขาบอกว่าอยากให้ลูกหลานอ่าน-เขียนไทยได้ เวลาไปไหนจะได้ไม่อายคนอื่น เขาอยากให้ลูกหลานเรียนสูง ๆ เพราะส่วนใหญ่เด็ก ๆ ที่นี้พอเรียนจบชั้นประถมก็ไม่ได้ศึกษาต่อ เรารู้สึกเสียดายอยากให้เด็ก ๆ มีโอกาสได้เรียนต่อสูง ๆ แล้วกลับมาพัฒนาบ้านเกิดเขา จริง ๆ น้อง ๆ เป็นเด็กน่ารัก ใฝ่รู้ เชื่อฟัง และเคารพคุณครูของเขามากเลยนั นี้ อบต. ค่ะ ติสท์มาก
บรรยากาศภายในบ้านชาวบ้านค่ะ
พอได้เวลากินข้าวเราไปพักบ้านพ่อหลวง ซึ่งวันนั้นพ่อหลวงไม่อยู่ อยู่แต่เด็ก ๆ เด็ก ๆ ก็ทำอาหารกินกันเองค่ะ หุงข้าว ก่อฟืน ทำกับข้าวเอง ทักษะชีวิตเก่งมาก
อาหารของที่นี่จะใส่ข้าวไว้ในถาด วางกับข้าวไว้ตรงกลาง
เขาจะให้เรากินให้อิ่มก่อนค่ะ จากนั้นเจ้าบ้านค่อยมากินต่อเรา แต่เราก็รู้สึกเหงา ๆ ครูเลยบอกเด็ก ๆ มากินพร้อม ๆ กันเลยเนอะสนุกกว่า
กินเสร็จน้องก็ช่วยกันเก็บของ ล้างจาน ไม่เกี่ยงงาน ไม่อู้ ไม่บ่น น่ารักมาก ๆ เอาจริง ๆ ตอนแรกเราก็ไม่ค่อยรักเด็กเท่าไรหรอก เจอเด็กในเมืองที่เอาแต่ใจ ไม่ได้อะไรดั่งใจก็ร้องงอแง ทำอะไรไม่ค่อยเป็น ผิดกับเด็กที่นี่ ที่พอมาเจอแล้วรักเลย คือเป็นเด็กดีจริง ๆ นะคะ อยากให้เขามีโอกาสทางการเรียนมาก ๆ ไม่อยากให้ใครเอารัดเอาเปรียบเขา พวกเขาเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์จริง ๆ
ที่บอกว่าหมู่บ้านที่นี้ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ที่หมู่บ้านเลยใช้พลังงานจาก Solar Cell ที่หมู่บ้านมีทีวีอยู่เครื่องเดียว คือที่บ้านพ่อหลวง พอตกดึกเด็ก ๆ และคนในหมู่บ้านก็จะเดินมาดูทีวี รู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปอีกยุคหนึ่ง อบอุ่นดีนะคะ
วันรุ่งขึ้นเราตื่นมาและกลับไปที่อมก๋อย เพื่อจะไปต่อที่โรงเรียนที่เราไปสอน คือ ศศช.ขุนอมแฮนนอก ซึ่งอยู่ใกล้อมก๋อยมากกว่าตะกอคะ โรงเรียนที่นี่มีอาคารที่ทำจากปูนเป็นอาคารเรียน มีโรงอาหาร อาคารหอประชุม และบ้านพักครู
เราพักที่บ้านพักครูค่ะ พอดีช่วงที่เราไปคุณครูไม่ว่าง ครูเลยให้เด็ก ๆ มานอนเป็นเพื่อนเรา
วิวนอกหน้าต่าง มองออกไปเห็นเป็นป่าสดชื่นมาก ๆ เวลาตื่นมาในตอนเช้า ไม่ร้อนเลยทั้งที่เป็นหน้าร้อน อากาศดีมาก ๆ ค่ะ
ในช่วงเย็น ๆ เด็กจะมาเล่นกันที่โรงเรียน
วันนี้น้อง ๆ พาเราเดินไปที่หมู่บ้าน และพาเดินไปที่ดอยแบแล ซึ่งเป็นโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริ
โฉมหน้าเหล่าไกด์นำทาง เหล่าลูกสมุนที่นอนเป็นเพื่อน ทำอาหารเป็นเพื่อน และอยู่ด้วยกันมาตลอด เด็ก ๆ พวกนี้เวลาคุยกับเพื่อนส่วนใหญ่จะใช้ภาษากะเหรี่ยงนะคะ เราก็แบบงง ๆ บ้าง แต่พอน้อง ๆ พูดกับเราก็จะพูดไทยนี้แหละค่ะ แต่พูดไม่ชัดนะ เราพยายามสอนน้องออกเสียงชัด ๆ สิลูก
ระหว่างทางน้องก็เก็บผลไม้ป่ามาให้กินตามเคยค่ะ เราก็กินหมดทุกชนิดเลย อย่าให้พลาด
ระหว่างทางวิวสวยอีกแล้วค่ะ เห็นภูเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา มีต้นสนเยอะ ๆ ตอนเย็น ๆ แสงสวยมาก Magic Hour เลย
ที่ดอยแบแลเป็นที่ปลูกผัก ผลไม้ และมีพลับพลาซึ่งต้องเดินไปอีกนิดเดียว นี้เป็นวิวจากพลับพลาค่ะ
ถ่ายรูปหมู่ที่ไม่ชัดสักหนึ่งรูป ก่อนเดินกลับลงไปที่โรงเรียน
ที่โรงเรียนตอนเช้า ๆ เวลาตื่นมาจะเห็นทะเลหมอกทุกวันเลย ขนาดเรามาเดือนเมษายนนะ
ตอนเช้าเราเรียกเด็ก ๆ เข้าแถวเคารพธงชาติตอนแปดโมงเช้า
และออกกำลังกาย บางวันเราเป็นคนนำเด็กออกกำลังกาย
ถึงเวลาเรียน จริง ๆ ช่วงเวลาที่เราไปเป็นช่วงที่โรงเรียนหยุด แต่คุณครูเขาบอกเด็ก ๆ ว่าจะมีพี่มาสอน ถ้าใครอยากมาก็มาเรียนได้นะ ไม่บังคับ ถ้าไม่อยากมาก็ไม่เป็นไรค่ะ เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มากันนะ น้องบอกว่ามาโรงเรียนดีกว่า สนุกดี น้อง ๆ ชอบมาโรงเรียนกัน พอถึงเวลาเรียนน้องก็ตั้งใจเรียนกันมาก ๆ
ส่วนใหญ่เราจะเน้นสอนภาษาไทยกับคณิตศาสตร์ น้อง ๆ มีทั้งชั้น ป.1-ป.6 ความยากคือจะสอนรวมกันยังไง ? เราเลยแบ่งเป็นช่วงชั้น ป.1-3 และ ป.4-6 สลับกันสอน สลับกันทำแบบฝึกหัด บางครั้งพี่ ๆ ทำการบ้านเสร็จก็จะมาช่วยสอนน้อง ๆ พอเราบอกพักเด็ก ๆ จะดีใจและค่อยไปพักและเล่นกัน คือน้อง ๆ จะไม่เล่นกันก่อนที่เราจะบอกว่า..ไปเล่นได้ค่ะ
เราชอบให้น้อง ๆ เล่นเกมคณิตศาสตร์ น้อง ๆ ก็ชอบนะ ให้ความร่วมมือดีมาก ๆ บางครั้งเราก็คิดกิจกรรมให้น้องทำ เราให้น้องทำนาฬิกากระดาษ แปะและวาดภาพจากเรขาคณิต วาดรูปและเล่าเรื่องจากภาพ และต่อหุ่นยนต์
พอถึงเวลาอาหารเที่ยงเด็ก ๆ ก็จะมาช่วยกันทำอาหาร หาฟืน ตักน้ำ กวาดขยะ ล้างจาน น้อง ๆ จะช่วยกันทำงานดีมาก ไม่มีใครเกี่ยงว่าอันนั้นแกทำ ฉันไม่ทำ ฉันไปเล่นดีกว่า น้องไปเก็บขนุนได้ก็เอามาแบ่งกันกิน (ด.ช.โก๊ะตี๋ ป.1 ไปปืนต้นขนุนแล้วตัดขนุนลงมาให้เพื่อน ๆ และครูกิน คือจะเรียกว่าเก่งมากหรือซนดี 5555555)
พออาหารเสร็จเด็กก็จะมานั่งพนมมือและสวดก่อนกินข้าว อ้อ...เด็ก ๆ จะเอาข้าวเปล่ามาจากบ้านนะ ที่โรงเรียนจะทำกับข้าวให้ วัตถุดิบก็หาเอาตามโรงเรียน คือที่โรงเรียนจะปลูกผัก เลี้ยงปลาไว้ อยู่อย่างพอเพียง เพียงพอตามรอยพ่อค่ะ
มีอยู่วันหนึ่งเรากับเด็ก ๆ ผู้หญิงนั่งเล่นกันอยู่ในห้อง ส่วนเด็กผู้ชายก็ออกไปเตะบอลที่สนาม วันนี้ฝนตกหนักมากค่ะ ได้ยินเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องตลอด สักพักเราได้ยินเสียงฟ้าผ่าแรงมากแล้วไฟก็ดับ เด็ก ๆ ผู้ชายวิ่งมาในห้องเต็มไปหมด น้อง ๆ กลัวและเปียกฝน เราถามน้องว่ามีฟ้าผ่าเหรอ น้องบอกเห็นฟ้าผ่าที่อาคาร เราก็ค่อนข้างตกใจนะ แต่เราเป็นครูต้องดูแลเด็ก ๆ เราต้องไม่กลัว เราบอกน้องว่าไม่เป็นไร เด็ก ๆ ไปนั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะเต็มหมดเลยค่ะ ตอนนั้นเรานี่คิดถึงพระและวิทยาเลยค่ะ ฮ่า ๆๆๆ
พอฝนเริ่มซาและหยุดห้องเรียนนี้น้ำนองเลยค่ะ เพราะมีบางจุดที่น้ำรั่ว เราเลยให้เด็ก ๆ ช่วยกันเก็บกวาด เด็กก็ให้ความร่วมมืออีกเช่นเคย
พอฝนหยุดตกท้องฟ้าก็กลับมาสวยเช่นเดิม
บางวันหลังเลิกเรียนเด็ก ๆ ก็พาเราเดินเที่ยวรอบหมู่บ้าน หลังโรงเรียน เก็บผลไม้แปลก ๆ กิน น้องถามว่าครูอยากกินของหวานไหมเดี๋ยวหนูทำให้กิน จะเหลือเหรอคะ ก็อยากกินสิคะ น้องเลยพาเราไปเก็บลูกอะไรสักอย่างเป็นพวง ๆ แล้วเอามาล้างน้ำให้สะอาด เอามดที่อยู่ด้านในออก ด้านในลูกจะเป็นสีม่วง ๆ นะ น่าจะหวานแหละเพราะมีมดอยู่ พอล้างเสร็จก็เอาข้าวที่แช่ไว้กับน้ำและใส่น้ำตาล ตักมายัด ๆ ใส่ในลูกผลไม้ที่เก็บมา แล้วเอาไปเผา เสร็จแล้วเอามากินได้ค่ะ ตามภาพเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าลูกอะไร เด็ก ๆ จะสรรหาอะไรแปลก ๆ มากินได้อยู่เสมอ ๆ ค่ะ
น้องพาเดินเที่ยวไปที่โบสถ์ของหมู่บ้าน
ด้านหลังโบสถ์จะมีแอ่งน้ำค่ะ เป็นรูปคล้ายหัวใจเลย ถ่ายมุมสูงแล้วสวยดี
น้องบอกไปหาหอย จะเอามาทำอาหารให้ครูกิน
ตอนเดินกลับโรงเรียนก็แวะบ้านชาวบ้านกับเด็ก ๆ บ้าง ชาวบ้านที่นี้ทอผ้าใช้เองนะ
ขี้เมาห้ามอุ้มและห้ามขับนะจ๊ะ
ส่วนไม่เมาอุ้มได้
ส่วนถ้าว่าง ๆ หลังจากสอน เราก็จะเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ไปที่หลังโรงเรียนบ้าง เจอชาวบ้านเดินไปทางหลังโรงเรียนน่าจะไปทำสวนหรือเก็บผักนี้แหละ
ที่หลังโรงเรียนที่ดอกไม้สวยมากค่ะ
พยายามตั้งกล้องถ่ายตัวเองเป็นซิลลูเอท
หมาที่โรงเรียน ชื่อเจ้าลีโล้ เชื่องมาก ๆ ตอนเช้า ๆ บางทีเราเดินไปกินกาแฟที่หลังโรงเรียนมันก็ตามไปด้วย เย็น ๆ เราชอบมานั่งอ่านหนังสือ ลีโล้ก็มา
บางช่วงเวลาเราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับตัวเองจริง ๆ นะ นั่งทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง บางครั้งก็มองไปข้างหน้า มีภูเขากับท้องฟ้าทอดยาวสุดลูกหูลูกตา บางครั้งก็นั่งแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก นั่งไปเรื่อย ๆ ทีนี่เวลาเดินไปอย่างช้า ๆ ไม่มีอะไรต้องเร่งรีบเหมือนในเมืองหลวง และบางครั้งก็เหงา...
เอาจริง ๆ มาที่นี่เราได้ครบทุกอารมณ์จริง ๆ นะ ครบจริง ๆ และคุ้มจริง ๆ วันก่อนกลับน้อง ๆ เอาดอกไม้และกระเป๋าที่ทอกันเองมาให้ เราประทับใจมาก ๆ และชอบของที่น้อง ๆ มอบให้มาก จริง ๆ ชอบทุก ๆ อย่างที่น้อง ๆ มอบให้เรา ขอบคุณมากนะ : )
กาลครั้งหนึ่ง...อมก๋อย ครั้งแรกที่เราเลือกออกเดินทางเพื่อมาอาสาเป็นครูดอยคนเดียวที่อมก๋อย ก่อนออกเดินทางมีหลาย ๆ คนเป็นห่วง กังวลว่าเราจะไปได้ไหม จะไปจริงเหรอ แต่คำตอบยังคงแน่ชัดอยู่ในใจเรา เราจะไปจริง ๆ ประสบการณ์นะ ถ้าไม่ไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปตอนไหนแล้ว เราไม่ได้อินดี้ แต่เราอยากไปเจอสิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิต และมันก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่ตัดสินใจมา
เป็นครั้งแรกที่เราได้สอนหนังสือเด็กชั้น ป.1-6 พร้อม ๆ กัน เราต้องออกแบบการสอน จะสอนยังไงดี ? เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิต จากเดิมที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกให้เราทุกอย่าง จนเราหลงลืมอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตประจำวัน เรามีเตาแก๊สเราไม่ต้องก่อฟืน อาหารเรามีซื้อกินได้ มี 7-11 ที่หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา ถ้าเบื่อเราเปิดหนังดู เรามีทีวีมีโรงหนังมีห้างสรรพสินค้า แต่ที่นี่ไม่มี...ที่นี่เราต้องก่อฟืนเพื่อทำอาหาร เราต้องคิดว่าแต่ละวันจะทำอะไรกิน ตอนเที่ยงจะทำอะไรให้เด็กกิน จากเดิมที่เราทำอาหารไม่เป็น ตอนนี้เราต้องทำอาหารให้เด็กสิบกว่าคนกิน ผักเราเก็บแถวโรงเรียน ส่วนขนมหวานเหรอ ไปเก็บผลไม้ป่า ก็อร่อยเหมือนกันนะ
ถ้าเราเบื่อเรามีหนังสือหนึ่งเล่ม แต่เอาจริง ๆ เรายอมรับว่ายังติดโลกโซเซียล เรายังเข้าเฟซบุ๊ก โพสภาพตามภาษาอยู่นะ ตรงนี้มี 3G แหละ แหม...บางทีมันก็เหงาเหมือนกันนะ เราได้ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น เราตื่นเช้าขึ้น เรานอนเร็วขึ้น ชีวิตเราเริ่มต้นเร็วขึ้น
เราต้องคอยดูแลเด็ก ๆ ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยจะต้องดูแลใคร มีเด็กร้องไห้ทุกวัน เพื่อนแกล้งน่ะ เราต้องคอยตัดสินเป็นกรรมการ มีวันหนึ่งฝนตกหนักมาก เด็ก ๆ เล่นบอลอยู่สักพักมีฟ้าผ่า เด็ก ๆ ทุกคนวิ่งเข้ามาหลบในห้อง เราต้องคอยปลอบเด็ก ๆ ว่าไม่เป็นไร ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราก็กลัว เด็ก ๆ ที่นี่รวมถึงคนในหมู่บ้านน่ารัก มีน้ำใจทุกคน เด็กทักษะชีวิตสูง ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจ เชื่อฟังและเคารพคุณครูของเขา เราว่านี้แหละเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากเด็กในเมืองใหญ่
บรรยากาศที่นี่ดีมาก ใครบอกหน้าร้อนบนดอยร้อนมาก ตั้งแต่เรามาอยู่ไม่เห็นจะร้อนเลย ก็ต้นไม้ปกคลุมเยอะซะขนาดนี้จะร้อนได้ยังไง ตอนเช้าเราเห็นทะเลหมอกทุกวันเลยนะ ตอนลงจากดอยมาอำเภออมก๋อย นั่งรถนี่เห็นหมอกตลอดทางเลย
สรุปแล้วเราประทับใจนะกับการเป็นครูดอยครั้งนี้ ทันทีที่ประตูบ้านเริ่มเปิด การเดินทางเริ่มขึ้น ประสบการณ์จะเริ่มสั่งสอน และเมื่อกลับถึงบ้านเราจะรู้ว่าตัวเราในตอนนี้ ไม่เหมือนเราในเมื่อวาน เพราะการเดินทางทำให้ความคิดเราเติบโตขึ้น และเพราะการเดินทางทำให้หัวใจเราสดชื่นและเด็กลง
สำหรับใครที่อยากลองไปเป็นครูดอยสามารถหาและดูข้อมูลมาจากเฟซบุ๊ก 4DekDoi อะค่ะ
www.facebook.com/4dekdoipage
เป็นเพจที่ดีมาก ๆ เลยนะ สามารถติดตามดูข่าวสารหรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้ค่ะ เราเลือกไป Event รับสมัครนักศึกษาฝึกงาน-อาสาสมัครช่วยสอน เราสามารถไปกี่วันก็ได้ วันไหนก็ได้ตามแต่เราสะดวก
www.facebook.com/events/1422772744687054/
เราลองโทรติดต่อคุณครูไปเลยค่ะ คุณครูใจดีและดูแลเราดีมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าเราอยากไปด้วยจิตอาสาและช่วยเหลือจริง ๆ เราสนับสนุนค่ะ คือได้ประโยชน์ทั้งเราทั้งน้องจริง ๆ ค่ะ มีอีกหลายโรงเรียนที่ต้องการคุณครูหรือพี่ ๆ ไปช่วยสอน ระยะสั้น ๆ ก็ได้นะ น้อง ๆ คงดีใจ ถ้ามีพี่ ๆ ไปสอนและจัดกิจกรรมดี ๆ ให้
เราอยากบอกว่าหัวใจคุณครูที่นั้นน่านับถือมาก ๆ ทุกคนเลยค่ะ ^___^
**เพิ่มเติมนะคะ**
สำหรับใครที่สนใจอยากให้ลองส่งประวัติส่วนตัวคร่าว ๆ พร้อมบอกจุดประสงค์ในการไปเป็นครูดอยและวันเวลาที่จะไป ส่งไปให้คุณครูอ่านก่อนนะคะ เพื่อเป็นการคัดกรองอยากให้คนที่มีจิตใจอาสาอยากไปช่วยเหลือน้อง ๆ จริง ๆ ไม่ได้หวังเพื่อไปเที่ยวเพียงอย่างเดียว และพอเบื่อก็เลิกก็กลับกลางคัน แบบนี้เราไม่สนับสนุนนะคะ จะเป็นการทำให้ครูลำบากใจเปล่า ๆ
แนะนำที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรม เพียบ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ amylase สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก amyloseamylopectin