เวลาไปเที่ยวไม่มีใครไม่อยากช้อปปิ้ง และยิ่งถ้าได้ไปเยือนมหานครโตเกียวด้วยแล้วยิ่งไม่ควรพลาดการไปเดินจับจ่าย ซื้อสินค้าตามแบบฉบับญี่ปุ่นในย่านกินซ่า ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งที่หรูหราที่สุดในโลก พื้นที่แห่งนี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 16 โดยไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อทำเป็นแหล่งการค้าในตอนแรก แต่หลังจากช่วงศตวรรษที่ 19 รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการที่จะทำให้ย่านนี้เป็นย่านที่ทันสมัย สำนักพิมพ์และบริษัทจัดทำนิตยสารเริ่มเข้ามาตั้งอยู่ในแถวนี้มากขึ้น และมีห้างร้านค้าเปิดทำการตามมาเรื่อย ๆ ปัจจุบันย่านกินซ่าจึงกลายเป็นแหล่งศูนย์รวมสินค้ามากมายหลากหลายประเภท ทุก ๆ วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00-17.00 น. ถนนบริเวณนั้นจะปิดเพื่อให้เหล่าขาช้อปได้เดินตะลุยช้อปปิ้งกับแบบจุใจ
2. ชมความงดงามของตึกโตเกียวทาวเวอร์
ถ้าอยากรู้ว่าเมืองโตเกียวมีความศิวิไลซ์มากแค่ไหน ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปชมความอลังการของตึกโตเกียวทาวเวอร์ สัญลักษณ์สำคัญที่แสดงถึงความศิวิไลซ์ของเมืองนี้ หากว่าคุณเคยชมการ์ตูนเรื่องเซเลอร์มูนหรือภาพยนตร์เรื่องก๊อตซิลล่า คุณจะต้องคุ้นหน้าคุ้นตาตึกแห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่ที่โดดเด่นในภาพพื้นหลังของการ์ตูนและภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว โครงสร้างของตึกมีความสูงอยู่ที่ 1,093 ฟุต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1958 เพื่อการส่งสัญญาณการออกอากาศของระบบโทรทัศน์และวิทยุให้ครอบคลุมพื้นที่ของเขต Kanto ในตอนกลางวันตึกนี้จะโดดเด่นสง่าด้วยตัวอาคารมีสีขาวสว่างสลับกับสีส้มสดใส และยามค่ำคืนยังส่องประกายเป็นสีสันตามฤดูกาล สวยงามเลิศหรูเคียงคู่กับกรุงโตเกียวอย่างลงตัว
3. แปลงกายเป็นตัวการ์ตูนในย่านฮาราจูกุ
ภาพจาก Takamex / shutterstock.com
หากหลงรักตัว ละครจากการ์ตูนหรือภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนอยากจะมีโอกาสได้กลายร่างเป็นตัวตัวละครนั้น ๆ ก็อย่าได้พลาดกับการแต่งตัวในสไตล์คอสเพลย์หรือการแต่งกายเลียนแบบตัวละคร จากในเกม การ์ตูน หรือภาพยนตร์ในย่านฮาราจุกุ แต่ถ้าหากต้องการแค่ถ่ายภาพร่วมกับวัยรุ่นญี่ปุ่นในเครื่องแต่งกายแปลกตาก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งจะพบพวกเขาได้ตั้งแต่ย่าน Sendayaga ไปจนถึงย่าน Shibuya โดยเฉพาะเวลาหลังเลิกเรียนและวันหยุด จะมีนักเรียน นักศึกษามาร่วมแต่งกายคอสเพลย์เยอะมากเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ก็ยังสามารถที่จะช้อปปิ้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของประดับแฟนซีตามร้านค้าในย่านนี้ได้ อีกทั้งการเดินท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญอย่างศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) สวนโยโยงิ (Yoyogi Park) สะพานจินกุบาชิ (Jingu Bashi) ที่จะมีหนุ่มสาวแต่งกายคอสเพลย์ไปยืนบริเวณนั้น เพื่อให้ช่างภาพได้กดชัตเตอร์กันอย่างสนุกสนาน
4. ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine)
ภาพจาก Powerbee-Photo / shutterstock.com
ไหน ๆ ก็ไปเดินเล่นในย่านฮาราจูกุกันแล้ว ก็อย่าลืมไปไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่ศาลเจ้าเมจิ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรพรรดิเมจิ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโซเค (Empress Shoken) ซึ่งสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1926 ทุกวันนี้ศาลเจ้าเมจิถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ในพื้นที่ประมาณ 175 เอเคอร์ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวโตเกียว ภายในศาลเจ้ามีพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และพระจักรพรรดินีโซเค รวมทั้งแกลลอรี่และสนามกีฬาหลากหลายชนิด
5. ทานซูซิแบบต้นตำรับ
จับตะเกียบกันไว้ให้แน่นแล้วไปเลือกคีบซูกิชิ้นโปรดกันในร้านอาหารญี่ปุ่นสุดเลิศหรู ตามความเชื่อดั้งเดิมคำว่า ซูชิจะหมายถึงแค่อาหารที่อยู่บนก้อนข้าวปั้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปลาดิบอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน สำหรับนักผจญภัยทั้งหลายก็ควรที่จะลิ้มลองเมนู kappa maki (แตงกวาโรล) ข้าวหน้าปลาไหลย่าง (BBQ eel) หรือ Tamago (ไข่หวาน) แต่ถ้าใจกล้าพอก็ต้องพิสูจน์ความหวานนุ่มของซาซิมิ เนื้อปลาและอาหารทะเลสด ๆ ที่เฉือนบาง ๆ อย่างพิถีพิถัน ทานคู่กับวาซาบิและซอสโชยุ พร้อมกับสาเก เหล้าญี่ปุ่นรสชาติหอมหวาน เป็นการเพิ่มอรรถรสให้มื้ออาหารของคุณได้อย่างดีเยี่ยม ! แต่สำหรับใครที่บอกว่าซูชิมันไม่ใช่สไตล์ของฉันเลย ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะในร้านอาหารญี่ปุ่นมีอาหารอย่างอื่นไว้รอต้อนรับอีกมากมาย ซึ่งรวมไปถึงเทมปุระ (ผัก กุ้ง หรือเนื้อสัตว์ชุปแป้งทอด) เทอริยากิ (เนื้อสัตว์ปรุงรสด้วยซอสเทอริยากิ) บะหมี่อุด้ง เป็นต้น
6. เยี่ยมชมพระราชวังอิมพีเรียล
เมืองโตเกียวถือได้ว่าเป็นบ้านของจักรพรรดิญี่ปุ่น ตลอดจนพระราชวงศ์อิมพีเรียล ซึ่งมีอายุมากกว่า 150 ปี ปราสาทเอโดะเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญที่ตั้งอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ โดยมีการเคลื่อนย้ายมาจากเมืองเกียวโต ซึ่งเดิมทีนั้นเป็นที่อยู่ของโชกุน Tokugawa และครอบครัว สวนทางฝั่งตะวันออกและหน่วยงานของพระราชวังอิมพิเรียลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เช่นเดียวกับสวนด้านนอกและสวน Kitonamaru พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพระราชวงศ์อิมพีเรียลได้ตั้งอยู่ในสวนทางฝั่งตะวันออก เป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะมากกว่า 6,000 ชิ้น ซึ่งได้รับการบริจาคจากพระราชวงศ์อิมพีเรียล นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังจะได้ดื่มด่ำไปกับสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่น่าหลงใหลอีกด้วย
7. สัมผัสวัฒนธรรมชาวโอตากุ (Otaku) ที่อากิฮาบาระ (Akihabara)
ภาพจาก Martinho Smart / shutterstock.com
ย่านที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของโตเกียวก็คือย่านอากิฮาบาระ ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าพวกอุปกรณ์ไฟฟ้า ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองพื้นที่นี้กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ในครัวเรือน และในปี 1980 ก็ได้มุ่งเน้นไปที่ตลาดคอมพิวเตอร์มากขึ้น จึงเป็นการดึงดูดลูกค้าอีกประเภท นั่นก็คือกลุ่มโอตากุ ซึ่งโอตากุหมายถึงกลุ่มคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับแอนิเมชั่นและการ์ตูน ซึ่งในย่านอากิฮาบาระก็มีร้านค้าเกี่ยวกับการ์ตูน กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแอนิเมชั่นมากมาย จึงทำให้ย่านนี้เป็นศูนย์กลางของชาวโอตากุไปโดยปริยาย ถ้าใครสนใจงานแอนิเมชั่นสไตล์ญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดกับสถานที่นี้
8. ลั้ลลาที่ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)
ถ้าปรับตัวกับเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกันของบ้านเราและญี่ปุ่น จนทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้ลง ก็จงลืมตาแล้วมุ่งหน้าไปที่ตลาดปลาซึกิจิเสียเถอะ ซึ่งที่นั่นจะมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ตลาดปลาซึกิจิเป็นตลาดที่มีการประมูลปลาและขายส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะเปิดตั้งแต่เวลา 03.00 น. แต่จะเริ่มประมูลตั้งแต่เวลา 05.30-07.00 น. โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ในช่วง 05.00-06.15 น. เท่านั้น โดยจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด รอบ ๆ ตลาดมีร้านค้าขายปลีก-ส่งปลาและอาหารทะเลนานาชนิด นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อซาซิมิอย่างดีในราคาถูกได้ที่นี่ แล้วพอตะวันลอยเด่นส่องแสงสว่างไปทั่วท้องฟ้าก็สามารถเดินไปเที่ยวในย่านกินซ่า (Ginza) ได้อีกด้วย
9. ชมแสงสียามค่ำคืนที่ย่านรปปงงิ ( Roppongi)
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย ได้เห็นพระอาทิตย์ก่อนใครในโลกนี้ แต่ไม่ได้หมายว่าความสนุกจะไม่มีในยามค่ำคืน ถ้าต้องการที่จะพิสูจน์คำพูดนี้ก็ลองไปเดินที่ย่านรปปงหงิกันได้เลย ต้องบอกว่าในย่านนี้เป็นแหล่งสถานที่บันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักอีกแห่งหนึ่งของโตเกียว ช่วงต้นปี ค.ศ. 1960 พื้นที่นี้เริ่มเป็นจุดศูนย์กลางของวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาความสนุกในยามค่ำคืน มีร้านค้า ร้านอาหาร คลับ ผับ บาร์เปิดให้บริการมากมาย ที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวหลังตะวันตกดิน
10. ปีนป่ายภูเขาไฟฟูจิ
เพียง 60 ไมล์ จากกรุงโตเกียว เราก็จะได้เห็นความอลังการของภูเขาไฟฟูจิกันแล้ว ภูเขาไฟแห่งนี้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากตัวเมืองโตเกียวเลยทีเดียว และภาพของหิมะที่ปกคลุมอยู่บนยอดของภูเขาไฟฟูจิ ก็เป็นแรงบันดาลใจอย่างดีให้ศิลปินและนักประพันธ์ทั้งหลายได้สร้างสรรค์ผลงาน ปัจจุบันกิจกรรมการเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมี 4 เส้นทาง ให้ได้เลือกเดินขึ้นไปยังยอดภูเขาไฟ จุดพักเท้าถูกจัดไว้ตลอดเส้นทาง สำหรับชาวญี่ปุ่นมักจะขึ้นไปตอนกลางคืนเพื่อที่จะถึงยอดภูเขาไฟในตอนรุ่งสาง และสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างงดงาม
11. ชมการแสดงโนะ (Noh) หรือคาบูกิ (Kabuki)
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเจริญด้านวัฒนธรรมค่อนข้างสูง ซึ่งทั้งหมดถูกส่งผ่านออกมาทางศิลปะและความบันเทิงในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร สองตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ก็คือการแสดงโนะและคาบูกิ โดยการแสดงโนะจะใช้หน้ากากในการบอกความแตกต่างของคาแรคเตอร์ของตัวละครแต่ละตัว แล้วถ่ายทอดเรื่องราวตามนิทานพื้นบ้านด้วยการเต้นรำและการเคลื่อนไหวอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถชมได้ที่ National Noh Theater ส่วนการแสดงคาบูกิจะไม่เน้นการเต้นรำ แต่จะเน้นไปที่การแสดงตามบทบาทของเนื้อเรื่องมากกว่า ซึ่งบางครั้งจะแปลกใหม่และเกินจริง แต่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวอย่างมาก สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่ Kabuki-za
12. เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว
ในฐานะที่โตเกียวเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ทำให้เมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและใหญ่มากมาย อาทิ หอสมุดแห่งชาติญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเนซุ เป็นต้น แต่ที่ใหญ่และเก่าแก่มากที่สุดก็คือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1872 เพื่อจัดแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุดั้งเดิมของญี่ปุ่นทั้งหมด มีผลงานรวมมากกว่า 110,000 ผลงาน รวมทั้งสมบัติของชาติอีก 87 ชิ้น และผลงานของศิลปินชื่อดังอีก 610 ชิ้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 1.4 ล้านคนต่อปี เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
จัดข้อมูลมาให้เต็มและแน่นเอียดขนาดนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังวางแผนที่จะเดินทางไปเยือนกรุงโตเกียวกันบ้าง แต่ถ้าใครยังไม่มีแพลนการออกไปสัมผัสกับญี่ปุ่น ก็ถือโอกาสนี้ในการหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวไปหาประสบการณ์ที่ตื่นเต้นให้ตัวเองได้เช่นกัน