x close

22 สถานที่ชมทะเลหมอกในเมืองไทย หนาวนี้ต้องไปสัมผัส

          เข้าฤดูหนาวกันแล้ว เพื่อน ๆ มีสถานที่ชมทะเลหมอกไว้ในใจกันหรือยัง ถ้ายังไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหากันให้ยุ่งยาก เพราะวันนี้เราใจดีรวบรวมสถานที่ชมทะเลหมอกในเมืองไทยมาฝากกันแล้ว รับรองได้ว่าแต่ละที่มีทะเลหมอกแบบอลังการงานสร้างสวยสะกดสายตาให้ตกตะลึงกันอย่างแน่นอน เอ้า ! ใครชอบที่ไหนพกกล้อง สะพายเป้ ใส่เสื้อโค้ทเท่ ๆ ออกเดินทางมาพร้อมกับเราได้เลย

1. หาดส้มแป้น จังหวัดระนอง

          ตั้งอยู่ในบริเวณเหมืองดินขาว ตำบลหาดส้มแป้น จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นของบริษัท มินเนอรัล รีซอร์สเซส ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด หรือเหมืองแร่ดินขาว MRD ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่ถือเป็น "Unseen in Ranong" ที่มีความสวยงามที่สุด โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวชมทะเลหมอกและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองหาดส้มแป้นได้ที่บริเวณจุดชมวิว 360 องศา โดยมุมที่สวยที่สุดจะอยู่ทางทิศตะวันออกเป็นมุมพาโนรามา ในยามเช้าจะมีมวลหมอกปกคลุมอย่างมหาศาลผสมผสานไปกับแสงอาทิตย์สีเหลืองทองที่สาดส่อง ทำให้ถ่ายภาพออกมาได้อย่างงดงาม ส่วนทางด้านทิศตะวันตกจะมีแนวเทือกเขาสีเขียวเป็นฉากหลัง มีหมอกซึ่งกดลงต่ำลอยปกคลุมไปทั่วทั้งตำบล และจะสลายตัวประมาณ 08.00 น.

จุดชมทะเลหมอก

          นอกจากนี้ยังมีมุมอื่น ๆ ที่สามารถมองเห็นแนวเทือกเขาภูเก็ตที่สลับซับซ้อนและเป็นเส้นกั้นระหว่างฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งทะเลอ่าวไทยอีกด้วย ทั้งนี้แนะนำให้ขึ้นมาชมทะเลหมอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปี เพราะจะมีความสวยงามมากที่สุด

          การเดินทาง : จากถนนเพชรเกษมบริเวณแยกบ่อน้ำร้อนไปตามถนนสายระนอง-หาดส้มแป้น ประมาณ 7 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกแนะนำว่าใช้รถโฟร์วีลหรือขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานเหมือง MRD โทรศัพท์ 077 862 440 หรือติดต่อ คุณอ้น พรศักดิ์ แก้วถาวร โทรศัพท์ 081 956 2112 และ อบต.หาดส้มแป้น โทรศัพท์ 077 812 059

          เว็บไซต์ : อบต.หาดส้มแป้น

2. เขาไข่นุ้ย จังหวัดพังงา

          เขาไข่นุ้ย ตั้งอยู่ที่บ้านฝายท่า ตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่กำลังมาแรง และเป็นหนึ่งในจุดชมทะเลหมอกชื่อดังอันดับต้น ๆ ของภาคใต้ที่มีความสวยงามไม่แพ้ทางภาคเหนือ รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวที่หวังมาชมทะเลหมอกจะไม่ผิดหวังกลับไปอย่างแน่นอน เพราะว่าโอกาสในการพบทะเลหมอกของที่นี่มีมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว โดยนักท่องเที่ยวจะได้เห็นทะเลหมอกสีขาวโพลนลอยปกคลุมทิวเขาน้อยใหญ่ มองเห็นเป็นมิติไล่ระดับเป็นชั้น ๆ สลับซับซ้อน ยิ่งมีแสงของดวงอาทิตย์สาดส่องยิ่งดูสวยงามราวกับภาพวาด ซึ่งบนยอดเขาไข่นุ้ยมีจุดชมวิวทะเลหมอกอยู่ 2 จุด คือ จุดบนที่สามารถมองเห็นได้ในมุมกว้างไกล และจุดล่างจะมีต้นไม้ขึ้นเป็นฉากหน้าและมีป้ายให้ถ่ายรูป

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : สามารถติดต่อกับ อบต. ทุ่งมะพร้าว ซึ่งการเดินทางจะต้องเดินทางด้วยรถโฟร์วีลขึ้นสู่ยอดเขา เนื่องจากเป็นถนนลูกรัง มีถนนบางช่วงที่เป็นทางชันมาก โดยอัตราค่ารถขึ้น-ลงคนละ 100 บาท (เที่ยวละ 50 บาท) หรือหากเหมาคิดคันละ 500 บาท นั่งได้ 6 คน หากมีจำนวนมากกว่านั้น อาทิ 10 คน ราคา 800 บาท

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมะพร้าว โทรศัพท์ 076 473 629

          เว็บไซต์ : องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมะพร้าว และ เฟซบุ๊ก อบต. ทุ่งมะพร้าว

3. ดอยหัวหมด จังหวัดตาก

          ตั้งอยู่ในเขตบ้านอุ้มผาง ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 10 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่ทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน มีความยาว 30 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร หากขึ้นไปบนยอดเขาจะมองเห็นหมู่บ้านอุ้มผางและทิวเขาสลับซับซ้อน โดยรอบมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีจุดชมวิวที่เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก และชมทะเลหมอกในยามเช้า ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ไม่ควรพลาด แนะนำว่าควรไปถึงจุดชมวิวก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.00-06.00 น. เพราะจะได้สัมผัสกับทะเลหมอกแบบใกล้ชิดสวยงามตระการตาที่สุด

จุดชมทะเลหมอก
ภาพจาก Chuenmanuse / Shutterstock.com

          โดยจุดชมวิวทะเลหมอกดอยหัวหมดมีอยู่ 2 จุด ด้วยกัน คือ จุดแรกอยู่ที่กิโลเมตรที่ 9 ต้องเดินขึ้นเขาไป 20 นาที ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งทะเลหมอกจุดนี้ถือเป็นจุดที่มีความงดงามที่สุด สามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบ ส่วนอีกจุดอยู่ประมาณกิโลเมตรที่ 10 สังเกตทางแยกซ้ายไปลานจอดรถ จากนั้นเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 300 เมตร ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กัน

          การเดินทาง : จากตัวอำเภออุ้มผางไปยังเส้นทางหลวงหมายเลข 1090 ทางไปบ้านปะละทะ เมื่อไปถึงประมาณกิโลเมตรที่ 10-11 จะพบทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ขับไปตามเส้นทางคับแคบก็จะถึงบริเวณที่จอดรถเชิงดอย

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โทรศัพท์ 055 508 780

          เว็บไซต์ : จังหวัดตาก, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง - Umphang Wildlife Sanctuary

4. ม่อนครูบาใส จังหวัดตาก

          ม่อนครูบาใส ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่เมย อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก อยู่ใกล้เคียงกับม่อนพูนสุดา ห่างกันประมาณ 200 เมตร ที่ม่อนแห่งนี้เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีความสวยงามจนสามารถสะกดสายตาผู้มาเยือนให้ตกตะลึงกันมาแล้วนักต่อนัก อีกทั้งยังมีทัศนียภาพที่กว้างไกลสุดสายตา และยังสามารถขึ้นมาชมแสงสุดท้ายของวันที่มีความสวยงามไม่แพ้ม่อนอื่น ๆ ได้อีกด้วย รับรองได้เลยว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังกลับไปอย่างแน่นอน

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากตัวเมืองตากใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 มุ่งหน้าไปทางอำเภอแม่สอด เป็นระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร จากนั้นให้ไปตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 ต่อไปประมาณ 120 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปยังทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1267 (แม่สลิด-อมก๋อย) จากนั้นตรงต่อไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติแม่เมย โทรศัพท์ 088 290 7964, 063 017 1302

          เว็บไซต์ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่เมย แม่เมย  และ จังหวัดตาก

5. ดอยมด อุทยานแห่งชาติขุนแจ จังหวัดเชียงราย

          ดอยที่อยู่ในระดับความสูง 1,700 เมตร ภายในเขตอุทยานแห่งชาติขุนแจ จังหวัดเชียงราย มีสิ่งสวยงามทางธรรมชาติมากมาย หลากหลายไปด้วยพรรณพืชนานาชนิด มีความร่มรื่นและชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นดอยที่มีความเงียบสงบซึ่งน้อยคนนักที่จะได้เหยียบย่างเข้าไปสัมผัส นอกจากนี้ตลอดทางเดินขึ้นไปยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่กว้างไกลมองเห็นทิวเขาที่สลับซับซ้อน โดยในทางทิศตะวันตกจะสามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ ส่วนทางทิศตะวันออกจะมองเห็นตัวเมืองเชียงราย ทางทิศใต้จะเห็นยอดดอยลังกาและทางทิศเหนือจะเห็นยอดดอยปางกอม

จุดชมทะเลหมอก

          ไฮไลต์สำคัญของดอยมดแห่งนี้อยู่ที่ยามเช้านักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นกลุ่มทะเลหมอกที่แผ่ขยายปกคลุมไปทั่วบริเวณได้อย่างกว้างไกลสุดสายตา พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่สาดแสงสวยกระทบกับปุยหมอกยิ่งดูเป็นภาพที่สวยงามอลังการยิ่งนัก ทำเอานักท่องเที่ยวต่างตกตะลึงในความงามไปตาม ๆ กัน

          การเดินทาง : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนแจ ตั้งอยู่ติดกับทางหลวงแผ่นดินสายเชียงใหม่-เชียงราย ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 56 กิโลเมตร การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติขุนแจสามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ

          เส้นทางที่ 1 จากเชียงใหม่สามารถเดินทางได้โดยรถปรับอากาศและรถธรรมดาสายเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด-เชียงราย จากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่แห่งที่ 2 (อาเขต) หรือนั่งรถสองแถวเล็กสีเหลืองสายเชียงใหม่-เวียงป่าเป้า-ท่ารถถนนไทยวงศ์ แล้วเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 118 อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กิ่งอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ 56 กิโลเมตร

          เส้นทางที่ 2 จากเชียงรายสามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง และรถสองแถวเล็กซึ่งระยะทางห่างจากจังหวัดเชียงรายระยะทาง 129 กิโลเมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติขุนแจ โทรศัพท์ 084 366 5213

          เว็บไซต์ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติขุนแจ

6. ดอยบ่อ จังหวัดเชียงราย

          จุดชมวิวดอยบ่อ ตั้งอยู่บ้านห้วยแม่ซ้าย ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 945 เมตร มีจุดชมวิวที่มีลานกว้างขวางสามารถมองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองเชียงรายได้อย่างชัดเจน ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศเย็นจัดจะสามารถมองเห็นสายหมอกก่อตัวบริเวณหุบเขาเบื้องล่างเป็นภาพที่มีความงดงามมาก และในช่วงกลางคืนจะมองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองของจังหวัดเชียงรายพร้อมกับแสงไฟระยิบระยับสวยงามตระการตาสุด ๆ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าก็สามารถเดินทางมาเก็บภาพประทับใจไว้ได้ไม่ว่ากัน

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากศาลากลางจังหวัดเชียงรายผ่านสะพานแม่ฟ้าหลวงไปตามถนนสายเชียงราย-บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ระยะทาง 18 กิโลเมตร ถึงบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามถนนดินถึงสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงดอยบ่อตามพระราชดำริ ระยะทาง 17 กิโลเมตร รวมทั้งสิ้นประมาณ 35 กิโลเมตร (การเดินทางสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ (รถกระบะ) หรือรถจักรยานยนต์ได้)

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : เทศบาลตำบลแม่ยาว โทรศัพท์ 053 737 359

          เว็บไซต์ : เทศบาลตำบลแม่ยาว และ เฟซบุ๊ก เทศบาลตำบลแม่ยาว

7. ดอยม่อนเงาะ จังหวัดเชียงใหม่

          ดอยม่อนเงาะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของบ้านม่อนเงาะ ตำบลเมืองก๋าย อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงประมาณ 1,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สามารถมองเห็นยอดดอยที่สลับและลดหลั่นกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา โดยทางด้านทิศตะวันตกจะมองเห็นดอยอินทนนท์ ส่วนถัดมาทางด้านทิศเหนือจะเป็นดอยฟ้าห่มปก และถัดมาทางด้านทิศตะวันออกจะเป็นดอยหลวงเชียงดาว และที่สำคัญในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะมีของขวัญที่สวยงามจากธรรมชาติอย่างทะเลหมอกสีขาวโพลนที่ลอยแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ นับว่าเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น ๆ ทั้งนี้การเดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใช้สำหรับการดูแลสถานที่ ราคา 20 บาทต่อคนเท่านั้น

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหมายเลข 107 มุ่งหน้าไปทางอำเภอแม่ริม เข้าสู่อำเภอแม่แตง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1095 (เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางไปสู่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทาง 100 กิโลเมตรกว่า ๆ) เข้าไประยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางเข้าสู่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ และตำบลเมืองก๋ายอยู่ทางด้านขวามือ (ทางเข้าอยู่ก่อนถึงโรงเรียน) เข้าไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร จะเจอทางแยกมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านม่อนเงาะ (จุดชมวิวอยู่ด้านบนสุด) เข้าไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ โทรศัพท์ 095 675 3848


8. อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง

          อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอห้างฉัตร อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นสถานที่ตากอากาศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของภูมิภาค มีจุดเด่นที่เหมาะสำหรับการเดินศึกษาธรรมชาติ ตลอดจนมีจุดชมทัศนียภาพและจุดชมทะเลหมอกที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง ยิ่งโดยเฉพาะในหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมวิวทะเลหมอกมากมายจนกลายเป็นสถานที่ยอดฮิตในทุก ๆ ปี

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : สามารถเดินทางไปอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลได้ 2 เส้นทาง คือ

          เส้นทางที่ 1 จากแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 สายลำปาง-เชียงใหม่ บริเวณกิโลเมตรที่ 15-16 บริเวณใกล้อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ให้เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 28 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ

          เส้นทางที่ 2 เดินทางตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แยกขวาระหว่างกิโลเมตรที่ 46-47 บริเวณอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เป็นทางลาดยาง ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล โทรศัพท์ 081 032 6341, เทศบาลตำบลทาปลาดุก โทรศัพท์ 053 507 552 หรือ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน โทรศัพท์ 053 561 430

          เว็บไซต์ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เทศบาลตำบลทาปลาดุก, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน และ เฟซบุ๊ก เทศบาลตำบลทาปลาดุก

9. จุดชมวิวหยุนไหล อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          จุดชมวิวหยุนไหล ตั้งอยู่ในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เลยหมู่บ้านสันติชลไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวที่สูงตระหง่านสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองปายได้ 360 องศา อีกทั้งยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่รวมตัวกันเป็นก้อนไหลเหมือนดังสายน้ำท่ามกลางหุบเขาได้อย่างงดงาม ซึ่งในภาษาจีนกลางคำว่า "หยุนไหล" (ทะเลหมอกหยุนไหล) หมายถึง แหล่งที่เมฆไหลมารวมกันนั่นเอง

          ทั้งนี้ แนะนำให้ขึ้นมาชมทะเลหมอกในช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ และรอชมพระอาทิตย์ขึ้นทอแสงเป็นประกายกระทบกับผืนทะเลหมอกในยามเช้า นอกจากนี้ก่อนที่หมอกจะหมด หมอกจะไหลเข้าหาตัวเราที่จุดชมวิวก่อนจะกลับเข้าป่า ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่คุณอาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยก็ว่าได้

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ-หยุนไหล ระยะทางประมาณ 825 กิโลเมตร ทั้งนี้จุดชมทะเลหมอกหยุนไหลอยู่ห่างจากหมู่บ้านสันติชลไม่กี่กิโลเมตร แต่ทางขึ้นชันและแคบมากชาวบ้านจึงมีบริการรถขึ้น-ลงหยุนไหล เพื่อความเป็นระเบียบและปลอดภัยในการเดินทาง โดยราคาอยู่ที่คันละ 300 บาท สามารถขึ้นรถได้ที่หน้าหมู่บ้านสันติชล

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทรศัพท์ 053 612 982-3


10. วนอุทยานภูลังกา จังหวัดพะเยา

          วนอุทยานภูลังกา ตั้งอยู่ที่ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีความสูงประมาณ 1,720 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งเดียวของจังหวัดพะเยาที่มีความสวยงามสะกดสายตานักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในบริเวณวนอุทยานฯ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจที่อยากแนะนำ อาทิ ยอดดอยภูลังกา ยอดดอยภูนม ทุ่งดอกโคลงเคลง น้ำตกภูลังกา ลานหินล้านปี หินแยงฟ้า ป่าก่อโบราณ และร่องรอยตำนานผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในอดีต และนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจค้างแรมทางวนอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการอีกด้วย

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : การเดินทางไปวนอุทยานภูลังกามี 3 เส้นทาง ดังนี้

          เส้นทางที่ 1 เดินทางจากอำเภอเมืองเชียงรายตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 ถึงอำเภอเทิง ระยะทาง 64 กิโลเมตร จากอำเภอเทิงถึงอำเภอเชียงคำ 26 กิโลเมตร ไปบ้านทุ่งหล่มใหม่  8 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางทิศเหนือถึงบ้านแฮะ 12 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปอีก 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางทิศเหนือถึงวนอุทยานฯ 12 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด 127 กิโลเมตร

          เส้นทางที่ 2 เดินทางจากจังหวัดพะเยาผ่านอำเภอปงถึงแยกทางเข้าอำเภอเชียงคำตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1092 ระยะทาง 104 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่ออีก 3 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 เลี้ยวซ้ายไปทางทิศเหนือถึงวนอุทยานฯ 12 กิโลเมตร รวมระยะทาง 119 กิโลเมตร

          เส้นทางที่ 3 เดินทางจากอำเภอเมืองน่านถึงอำเภอท่าวังผาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1080 ระยะทาง 43 กิโลเมตร เดินทางไปทางเหนือแล้วเลี้ยวขวาไปอำเภอสองแถวตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 ระยะทาง 33 กิโลเมตร จากอำเภอสองแถวถึงอำเภอเชียงคำแล้วเดินทางต่อไปถึงวนอุทยานฯ 71 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด 147 กิโลเมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อบต. ผาช้างน้อย โทรศัพท์ 054 430 980    


11. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

         จุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน บริเวณจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวของขุนเขาน้อยใหญ่ได้อย่างสวยงาม รวมทั้งแม่น้ำน่านที่ลัดเลาะแนวเชิงเขาไปไกลสุดลูกหูลูกตา ยามค่ำคืนจากจุดนี้จะมองเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจน อากาศเย็นสบาย ในช่วงหน้าหนาวก็จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกสุดอลังการ ราวกับสามารถเอาเท้าเหยียบหมอกได้เลยทีเดียว บรรยากาศโดยรวมของที่นี่ถือว่าโรแมนติกสุด ๆ มีลานกางเต็นท์ไว้รองรับ รวมทั้งร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ไว้คอยบริการ

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : รถโดยสารประจำทาง รถสายกรุงเทพฯ-น่าน หรือ น่าน-แพร่ ลงที่อำเภอเวียงสา แล้วนั่งรถสายเวียงสา-นาน้อย-นาหมื่น ให้บอกรถโดยสารว่าจะไปอุทยานแห่งชาติศรีน่าน รถจะจอดที่สามแยกบ้านใหม่ แล้วจะมีรถเหมาเข้าอุทยานแห่งชาติศรีน่านอีกทีหนึ่ง

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติศรีน่าน โทรศัพท์ 098 803 2872, 093 242 2914, 054 731 714

          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน


12. ผาชูธง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

         
ผาชูธง ตั้งอยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร อดีตเคยเป็นสถานที่ที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ขึ้นไปชูธงแดง (ฆ้อนเคียว) ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาล โดยผาแห่งนี้เป็นหน้าผาสูงชันที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศา นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวยามเช้านักท่องเที่ยวจะได้เห็นความอลังการของทะเลหมอกที่สวยงาม เป็นภาพของสายหมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วผืนป่าสีเขียวขจีราวกับอยู่ในดินแดนของสรวงสวรรค์เลยทีเดียว

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากตัวเมืองพิษณุโลกไปตามเส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะทาง 68 กิโลเมตร ถึงสามแยกบ้านแยง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่อำเภอนครไทย ระยะทาง 29 กิโลเมตร และต้องเดินทางต่อด้วยรถสองแถวประมาณ 28 กิโลเมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทรศัพท์ 081 596 5977 หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก โทรศัพท์ 055 252 742-3, 055 259 907

          เว็บไซต์ : จังหวัดพิษณุโลก, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ เฟซบุ๊ก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก

13. ยอดโมโกจู อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร

          ยอดเขาสูงที่สุดอยู่ในลำดับ 6 ที่มีความสูงถึง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โดยมีพื้นที่ครอบคลุมผืนป่าตะวันตกในเขต 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร และได้รับการยอมรับจากนักเดินป่าระยะไกลทั้งขาประจำและขาจรว่าโหดและทรหดที่สุด เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเดินทางเข้าไปถึง 5 วัน 4 คืน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อแลกกับการได้ขึ้นไปชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามสาวกรักธรรมชาติทั้งหลายก็ต้องยอมจำนนแต่โดยดี และเมื่อขึ้นมาถึงบนยอดแล้วความเหนื่อยล้าก็จางลงไป เพราะจะได้เห็นทะเลหมอกสีขาวโพลนที่ลอยปกคลุมผืนป่าอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับการได้ชมทัศนียภาพที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตาของอุทยาน ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจและควรหาเวลาเดินทางมาสัมผัสโดยเร็ว

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากตัวเมืองกำแพงเพชร ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (กำแพงเพชร-นครสวรรค์) ถึงกิโลเมตรที่ 338 เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1117 (ไปอำเภอคลองลาน) ถึงกิโลเมตรที่ 65 เลี้ยวขวาใช้เส้นทางคลองลาน-อุ้มผางอีก 16 กิโลเมตร รวมระยะทางจากตัวเมืองกำแพงเพชร 66 กิโลเมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โทรศัพท์ 055 766 027  หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุโขทัย โทรศัพท์ 055 616 228-9


14. ภูสวรรค์ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร

         
ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเนินเขาเล็ก ๆ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,429 เมตร ถือเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดในช่องเย็น อีกทั้งยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศา โดยที่จุดสูงสุดสามารถมองเห็นทิวเขาที่รายล้อมไปด้วยป่าและธรรมชาติที่สวยงาม และด้วยความที่มีเมฆหมอกสีขาวโพลนปกคลุมสวยงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ จึงทำให้ภูแห่งนี้ถูกเรียกขานว่า "ภูสวรรค์" นั่นเอง

          การเดินทาง :
การเดินทางมายังแม่วงก์สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ดังนี้

         
เส้นทางที่ 1 จากกำแพงเพชรไปตามถนนพหลโยธิน ถึงทางแยกคลองแม่ลายเลี้ยวขวาไปตามถนนคลองลาน-อุ้มผาง ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ระยะทาง 69 กิโลเมตร

          เส้นทางที่ 2 จากนครสวรรค์ไปตามถนนพหลโยธินถึงทางแยกสลกบาตร (กิโลเมตรที่ 287) เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกเขาชนกัน เลี้ยวขวาสี่แยกตลาดใหม่คลองลาน เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถนนคลองลาน-อุ้มผาง ถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทาง 94 กิโลเมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โทรศัพท์ 055 766 027

          เว็บไซต์ :
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, ชุมชนคนเที่ยวเหนือ, เฟซบุ๊ก เที่ยวเมืองกำแพง และ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
 
15. ภูแผงม้า จังหวัดเพชรบูรณ์

          ภูแผงม้า ตั้งอยู่ริมเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าใกล้กับภูทับเบิก มีความสูง 1,775 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นจุดชมวิวสูงสุดที่อยู่ในเขตอุทยานฯ สามารถมองเห็นได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก และมวลมหาคลื่นทะเลหมอกแบบพาโนรามาได้สวยงามมากที่สุดจุดหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถมองเห็นวิวรอบ ๆ ได้เกือบ 360 องศา ทั้งวิวดินแดนแห่งกะหล่ำปลีของภูทับเบิก หรือวิวภูเขาสลับซับซ้อนของอำเภอเขาค้อ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมายืนชื่นชมความงามของทะเลหมอกได้บริเวณระเบียงชมวิว พร้อมกับถ่ายภาพความประทับใจนี้ได้อย่างสะดวกสบาย ฉะนั้นหนาวนี้เต็มกายเตรียมใจให้พร้อมทะเลหมอกภูแผงม้ารอทุกคนอยู่

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากจังหวัดเพชรบูรณ์ใช้เส้นทางขึ้นเขาทางอำเภอหล่มเก่า เส้นทางสาย 2331 จากเชิงเขาขึ้นมาประมาณ 17 กิโลเมตร พอถึงทางแยกเข้าภูทับเบิกไม่ต้องเลี้ยวขวาเข้าภูทับเบิก ให้ตรงเข้าไปทางด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เลยด่านเก็บเงินไปประมาณ 500 เมตร ให้เลี้ยวซ้ายขึ้นไปยังจุดชมวิวภูแผงม้า

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทรศัพท์ 081 596 5977

          เว็บไซต์ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ และเฟซบุ๊ก ภูหินร่องกล้า ดินแดนประวัติศาสตร์ มหัศจรรย์ธรรมชาติ

16. เขาตะเคียนโง๊ะ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

          เขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นจุดชมวิวริมทางระหว่างแยกสะเดาะพงมายังบ้านหนองแม่นา สามารถขับรถยนต์ขึ้นไปบนยอดเขาได้ โดยมีระยะทางเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น ที่เขาแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวได้ 360 องศา พร้อมกับสามารถชมทะเลหมอกสุดตระการตาที่ลอยตัวแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ มองไปทางไหนก็ดูสวยงดงามเสมือนยืนอยู่ท่ามกลางดินแดนแห่งเมฆหมอกในภาพยนตร์เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นเขาย่า เขาค้อ และเขาปู่ทางด้านทุ่งแสลงหลวง ซึ่งเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงดงามตราตรึงใจมาก ๆ

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : เขาตะเคียนโง๊ะตั้งอยู่ริมทางระหว่างแยกสะเดาะพงมายังบ้านหนองแม่นาให้ใช้ทางหมายเลข 2258 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริการส่วนตำบลหนองแม่นา โทรศัพท์ 056 924 236


17. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

          ภูทับเบิก ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านทับเบิก ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ 1 ใน Unseen Thailand และเนื่องจากเป็นยอดเขาสูงที่สุด อีกทั้งยังปลูกแต่กะหล่ำปลีทั่วทั้งหุบเขา ทำให้ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบังทัศนียภาพ จึงทำให้สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศ 360 องศา โดยในบางเช้าจะมีทะเลหมอกขนาดใหญ่ลอยอยู่รอบ ๆ กินบริเวณกว้างอยู่ทางด้านทิศตะวันออกติดกับอำเภอหล่มเก่าสวยงามอลังการมาก ๆ จึงทำให้ภูทับเบิกกลายเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกอีกแห่งหนึ่งที่มีหมอกใกล้ชิดกับผู้ชมมากที่สุด

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ผ่านตัวเมืองมุ่งหน้าไปทางอำเภอหล่มสัก ก่อนถึงแยกพ่อขุนประมาณ 10 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองสาย 21 ขับรถต่อไปอีกประมาณ 6-7 กิโลเมตร ถึงสี่แยกกกโอให้เลี้ยวซ้ายไปทางพิษณุโลก จากนั้นตรงไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร ถึงสี่แยกไฟแดง (หากตรงไปจะขึ้นไปเขาค้อและพิษณุโลก) ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย 2372 ตรงไปประมาณ 13-15 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางไปภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงหลายเลข 2331 ไปภูทับเบิก จากนั้นขับไปตามเส้นทาง ระยะทางประมาณ 17.7 กิโลเมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : องค์การบริหารส่วนตำบลวังบาล โทรศัพท์ 056 747 532

          เว็บไซต์ : องค์การบริหารส่วนตำบลวังบาล, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ และ เขาค้อดอทคอม

18. ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย

          ภูห้วยอีสัน ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ถือเป็นแหล่งชมทะเลหมอกแห่งใหม่สุด Unseen ที่ไม่ควรพลาด ภูแห่งนี้เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ที่สามารถเดินขึ้นไปชมทะเลหมอกสุดอลังการได้แบบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ใช้ระยะเวลาในการเดินทางจากตีนเขาไปถึงยอดเขาไม่ถึง 10 นาที โดยทะเลหมอกที่ปรากฏเป็นหมอกที่อยู่ตอนบนของแม่น้ำโขง คือ ฝั่งขวาจะเป็นฝั่งไทยและฝั่งซ้ายเป็นฝั่ง สปป.ลาว ทั้งนี้แนะนำให้มาชมทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวจะมีความสวยงามมากที่สุด โดยสามารถมาชมได้ตั้งแต่เวลา 05.30-09.00 น. อย่างไรก็ตามความหนาแน่นของหมอกขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละวันด้วย

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : ใช้เส้นทางถนนสาย 211 เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอสังคม-อำเภอปากชม จังหวัดเลย ระยะทางจากตัวอำเภอสังคมประมาณ 17 กิโลเมตร และต้องเดินเท้าเข้าไปถึงจุดชมวิวอีกเล็กน้อย

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง โทรศัพท์ 042 414 872

          เว็บไซต์ : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย, เฟซบุ๊ก BaanMuang.com, เฟซบุ๊ก NongkhaiPhoto, เฟซบุ๊ก Sangkhom Trip and Photo และ เฟซบุ๊ก องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง

          รีวิว ภูห้วยอีสัน
 
19. ภูทอก เชียงคาน จังหวัดเลย

          ภูทอก เป็นภูเขาที่มีความสูงไม่มาก อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7-8 กิโลเมตร นับเป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อที่สุดของเชียงคาน มีจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้สถานที่ใด ๆ ในเมืองไทย อีกทั้งยังได้ชมวิวเขาสลับซับซ้อนที่มองได้ไกลสุดสายตา สามารถมองเห็นแก่งคุดคู้ ภูหมอน ผาแบ่น สายน้ำโขงที่ไหลแนบเชียงคาน ตลอดจนมองเห็นประเทศลาวได้อย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่หลงใหลการถ่ายภาพในมุมกว้าง โดยจุดเด่นของทะเลหมอกที่นี่จะมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนปกคลุมอย่างหนาแน่นไปทั่วทั้งเมืองเชียงคาน และถึงแม้พระอาทิตย์จะขึ้นแล้วแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสและเดินลุยหมอกได้แบบใกล้ชิดมากกว่าที่อื่นอีกด้วย

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากเมืองเชียงคานใช้ทางหลวงหมายเลข 211 ทางไปอำเภอปากชม เมื่อผ่านแยกแก่งคุดคู้ ไม่ไกลจะมีทางแยกขวามือ (สังเกตป้ายสถานีทวนสัญญาณ 483) จะถึงภูทอก

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : เทศบาลตำบลเชียงคาน โทรศัพท์ 0 4282 1914


20. เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

          เขาพะเนินทุ่ง ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มีผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ แถมยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำปราณบุรีและแม่น้ำเพชรบุรี และที่สำคัญนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาชมทะเลหมอกได้เกือบตลอดปี โดยในยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกปกคลุมทั่วหุบเขา ซึ่งจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุด ได้แก่ จุดชมทะเลหมอกกิโลเมตรที่ 30 และกิโลเมตรที่ 36 โดยทางอุทยานฯ ได้กำหนดเวลาขึ้น-ลงเขาพะเนินทุ่งไว้ ดังนี้ เวลาขึ้น 05.30-07.30 น. และ 13.00-15.30 น. เวลาลง 09.00-10.00 น. และ 16.00-17.00 น. ทั้งนี้แนะนำให้มาชมทะเลหมอกในช่วงเวลา 06.00-08.00 น. เพราะหมอกจะรวมตัวกันมากที่สุด แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางมาตอนเช้าบนเขาพะเนินทุ่งก็มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ไว้บริการด้วย

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : ต้องใช้เวลา 2 วัน พักค้างแรม 1 คืน การเดินเท้าขึ้นยอดเขาพะเนินทุ่งมี 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแรกเริ่มจากกิโลเมตรที่ 27.5 เส้นทางสายวังวน-พะเนินทุ่ง โดยเดินข้ามลำธารหลายสายก่อนขึ้นถึงยอดเขา ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง อีกเส้นทางหนึ่งเริ่มจากบริเวณกิโลเมตรที่ 30 เส้นทางสายวังวน-พะเนินทุ่ง ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง แต่ต้องข้ามเนินเขาหลายลูก และติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทาง อาหาร และเต็นท์สำหรับพักค้างแรมไปเอง

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทรศัพท์ 091 0504 461 หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทรศัพท์ 032 471 005-6

21. เนินกูดดอย อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

          เนินกูดดอย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มีไฮไลท์เด็ดอยู่ที่มีจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีความสวยงามติดอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย พร้อมกับมีจุดชมวิวที่เป็นระเบียงไม้ยื่นออกจากตัวหน้าผา ทำให้รู้สึกว่าเหมือนยืนอยู่บนหน้าผาจริง ๆ สามารถมองออกไปเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณที่อยู่ไกล ๆ นอกจากนี้ยังมีจุดที่สามารถกางเต็นท์สัมผัสธรรมชาติของที่นี่ได้อีกด้วย

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี หลักกิโลเมตรที่ 43 ถนนเพชรเกษม เข้าถนนหมายเลข 323 ไปจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นตรงไปประมาณ 539 กิโลเมตร พอถึง 4 แยกไฟแดง (แยกแก่งเสี้ยน) ให้เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอไทรโยค จากนั้นตรงไปประมาณ 136.9 กิโลเมตร จะถึงสามแยกไฟแดง ให้ตรงไปประมาณ 38 กิโลเมตร จะถึงสามแยกเลี้ยวซ้ายไปบ้านปิล๊อก แล้วตรงไปประมาณ 248 กิโลเมตร จะถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ส่วนการเดินทางไปกูดดอยจะมีป้ายบอกตลอดทาง ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 400 เมตร

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทรศัพท์ 098 252 0359


22. เนินช้างศึก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

          เนินช้างศึก ตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,053 เมตร ที่นี่มีจุดชมวิวทิวทัศน์และจุดชมทะเลหมอกที่มีความสวยงามมากอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นและตื่นตาตื่นใจไปกับความสวยงามของกลุ่มทะเลหมอกที่ปกคลุมเหนือทิวเขาในฝั่งพม่า นอกจากนี้เมื่อมองไปด้านล่างจะมองเห็นหมู่บ้านอีต่องได้อย่างชัดเจน และหากวันไหนฟ้าเป็นใจจะสามารถมองเห็นทะเลอันดามันฝั่งประเทศพม่าได้อีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือก็สามารถสัมผัสกับทะเลหมอกที่มีความสวยงามได้

จุดชมทะเลหมอก

          การเดินทาง : จากอำเภอเมืองกาญจนบุรีมุ่งหน้าสู่สี่แยกแก่งเสี้ยนไปตามทางสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ระยะทางประมาณ 146 กิโลเมตร ผ่าน อำเภอไทรโยคไปเรื่อย ๆ จนถึงสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหมายเลข 3272 (หากเลี้ยวขวาจะไปอำเภอสังขละบุรี) หากไปด้วยรถโดยสารประจำทางในสถานีขนส่งเมืองกาญจน์ฯ มีรถทองผาภูมิ-สังขละ ออกทุก ๆ 40 นาที เวลา 06.00-18.20 น.

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทรศัพท์ 098 252 0359 หรือกองร้อยตระเวนชายแดนที่ 135 โทรศัพท์ 034 599 118

          เว็บไซต์ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เฟซบุ๊ก Mr.1081009, เฟซบุ๊ก Talamok.com, กาญจนบุรีดอทคอม, เฟซบุ๊ก กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 และเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

          หนาวนี้หาเวลามารีเฟรชร่างกายและจิตใจ พร้อมกับปลดปล่อยความเหนื่อยล้าไว้ในอ้อมกอดของธรรมชาติและสายหมอกกันดีกว่า รับรองได้ว่ากลับไปทำงานคราวนี้มีพลังขึ้นมาอีกเยอะเลยทีเดียวล่ะ

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก
อบต.หาดส้มแป้น, จังหวัดพิษณุโลก, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เฟซบุ๊ก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก, จังหวัดตาก, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกำแพงเพชร, องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมะพร้าว, องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย, เฟซบุ๊ก BaanMuang.com, เฟซบุ๊ก NongkhaiPhoto, เฟซบุ๊ก Sangkhom Trip and Photo, เฟซบุ๊ก Mr.1081009, เฟซบุ๊ก Talamok.com, กาญจนบุรีดอทคอม, เทศบาลตำบลเชียงคาน, เชียงคานดอทคอม, จังหวัดเลย, องค์การบริหารส่วนตำบลวังบาล, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์, เขาค้อดอทคอม, จังหวัดเชียงใหม่, มูลนิธิโครงการหลวง, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่เมย, องค์การบริการส่วนตำบลหนองแม่นา, เฟซบุ๊ก เขาตะเคียนโง๊ะ เขาค้อ, ชุมชนคนเที่ยวเหนือ, เฟซบุ๊ก เที่ยวเมืองกำแพง, เทศบาลตำบลทาปลาดุก, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน, จังหวัดแม่ฮ่องสอน, จังหวัดพะเยา, เทศบาลตำบลแม่ยาว, เฟซบุ๊ก เทศบาลตำบลแม่ยาว, องค์การบริหารส่วนตำบลตับเต่า, เชียงรายโฟกัส, เฟซบุ๊ก ชมทะเลหมอก ที่ ภูชมดาว

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
22 สถานที่ชมทะเลหมอกในเมืองไทย หนาวนี้ต้องไปสัมผัส อัปเดตล่าสุด 20 พฤศจิกายน 2563 เวลา 19:07:20 99,189 อ่าน
TOP