"สามพันโบก" จังหวัดอุบลราชธานี และ "ภูผาเทิบ" จังหวัดมุกดาหาร สองสถานที่สุดอันซีนที่สร้างสรรขึ้นจากธรรมชาติเหนือจินตนาการ
หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม แถมยังถูกรังสรรค์โดยธรรมชาติในภาคอีสาน หนึ่งในนั้นจะต้องมี "สามพันโบก" จังหวัดอุบลราชธานี และ "ภูผาเทิบ" จังหวัดมุกดาหาร แน่นอน วันนี้กระปุกดอทคอมขอมาแนะนำเส้นทางท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนสำหรับเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวแบบชมความงดงามของธรรมชาติมาฝากกัน กับสองสถานที่สองความรู้สึกที่แตกต่าง แต่เป็นความงดงามที่สร้างโดยธรรมชาติ ชนิดที่เรียกได้ว่าลงตัวและสมบูรณ์แบบสุด ๆ ว่าแล้วลองเดินทางไปตะลุยกันเลยจ้า
ทั้งนี้ เริ่มต้นนั่งเรือที่ท่าเรือ "หาดสลึง" ซึ่งเป็นจุดลงเรือที่จะผ่าน "ปากบ้อง" บริเวณที่เป็นจุดที่แม่น้ำโขงถูกเทือกเขาเบียดจนเกิดเป็นลักษณะคอขวด ถือเป็นจุดที่แคบที่สุดของแม่น้ำโขงในช่วงที่แม่น้ำโขงลดเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เรือออกตัวแล้วแล่นไปตามแม่น้ำโขงแล้ว เราจะได้ชื่นชอบวิวทิวทัศน์ทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งจะเป็นหน้าผาและชั้นหินขนาดใหญ่และสูงมาก ๆ
จากนั้นลองเรือผ่าน "หาดหงส์" ชายหาดริมน้ำโขง ที่เกิดจากการการพัดพาของน้ำและนำตะกอนทราย มาทับถมกันจนลักษณะพื้นที่เป็นพื้นทรายกว้างใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับทะเลทรายที่กว้างใหญ่ เหมาะสำหรับถ้าภาพในช่วงเย็นที่แสงอาทิตย์สีส้มจะกระทบกับทรายสีขาว ให้ความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
และเมื่อเราเดินทางโดยเรือไปเรื่อยจะพบกับความแรงของแม่น้ำ รวมทั้งระดับน้ำที่ตื้นเขินตลอดเส้นทาง ซึ่งจะทำให้เรือเอียงไปมาเล็กน้อย ซึ่งการล่องเรือต้องใช้ผู้ชำนาญเส้นทางเดินเรือเท่านั้น จากนั้นจะเห็น "ผาหินศิลาเดช" หน้าผา สูงชั้นที่สลักร่องรอยทางประวัติศาสตร์ในสมัยฝรั่งเศสเรืองอำนาจแถบอินโดจีน ที่ได้นำเรือจักรกลไอน้ำขนส่งสินค้าระหว่างหลี่ผี-เวียงจันทน์ มายังประเทศไทย ซึ่งจะมีการวัดระดับน้ำโขงด้วยการสลักตัวเลขที่หน้าผาหินเพื่อบอกระดับน้ำใน แม่น้ำโขง และเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
ล่องเรือมุ่งไปยัง "สามพันโบก" หรือ 3,000 แอ่งหินขนาดกว้างใหญ่ ซึ่งหาดูได้เฉพาะในช่วงหน้าแล้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มิถุนายนเท่านั้น ลักษณะเป็นลานที่สลับแอ่งหินตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เต็มไปด้วยแอ่งหินขนาดเล็กใหญ่มากมาย ซึ่งเกิดจากความเชี่ยวของน้ำโขงที่กัดเซาะหินกลางแม่น้ำให้เป็น "แอ่ง" หรือ "โบก" ตามภาษาอีสานนั่นเอง
โดยหินบางก้อนมีลักษณะโดดเด่น ทั้งเครื่องบินไอพ่น รองเท้าบูท เก๋งจีน จระเข้ และสถูป เป็นต้น ซึ่งความคงทนของชั้นหินที่แตกต่างกันก็เนื่องจากการประสานของ เนื้อทรายแตกต่างกัน หินทรายชั้นบนที่คงทนมีสีเนื้อหินเป็นสีน้ำตาลไปจนถึงสีดำ ประกอบด้วยซิลิกาและเม็ดกรวด ส่วนหินทรายชั้นต่ำลงมาไม่คงทน มีสีของเนื้อหินเป็นสีขาว มีส่วนประกอบของคาร์บอเนตจำนวนมาก โดยบริเวณกลุ่มหินเทิบนี้ จะประกอบด้วยหินชั้นของหมวดหินเสาขัวและกลุ่มหินภูพานของ กลุ่มหินโคราช มีการลำดับชั้นหินอยู่ในมหายุคมีโซโซอิค ประกอบด้วยหินโคลน หินทราย หินทรายแป้ง และหินกรวดมนหนาประมาณ 200 เมตร
น้ำตกวังเดือนห้า เป็น น้ำตกขนาดเล็กเกิดจากสายธารที่ไหลผ่านลานหินมุจลินท์จะมีบ่อน้ำซับไหลหล่อ เลี้ยงพืชพันธุ์และสัตว์ป่า ภายในน้ำตกประกอบไปด้วยแอ่งหิน หุบหิน โขดหิน, ผาอูฐ หน้าผาแห่งนี้มีประติมากรรมหินรูปร่างคล้ายอูฐทะเลทราย และเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นภูถ้ำพระ ผาผักหวาน และผาขี้หมูได้อย่างชัดเจน ส่วนเบื้องล่างของผาอูฐ คือ หุบเขากว้างไกลและมีป่าไม้เขียวขจีปกคลุม
ภูถ้ำพระ ตามตำนานว่ากันว่า ในสมัยโบราณเคยมีหมู่บ้านขอมอาศัยอยู่มาก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานหนีภัยธรรมชาติ จึงนำพระพุทธรูปที่ตนบูชาสักการะไปเก็บไว้ที่ถ้ำแห่งนี้ประกอบไปด้วย พระเงิน, พระนาก, พระทองคำ, พระหยก, พระว่าน และพระไม้เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันพระพุทธรูปที่มีค่าสูญหายไปแล้ว แต่ยังคงเหลือเฉพาะพระแกะสลักด้วยไม้เท่านั้น ซึ่งที่นี่ยังมีน้ำตกที่สวยงามอย่าง "น้ำตกภูถ้ำพระ" อีกด้วย, ผามะนาว เป็นหน้าผาเรียบสูงชันที่มีน้ำตกไหลจากบนหน้าผา ส่วนด้านบนหน้าผาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกลุ่มหินเทิบและแม่น้ำโขงได้กว้าง ไกล และถ้ำฝ่ามือแดง ภายในถ้ำมีภาพเขียนสีนักโบราณคดี สันนิษฐานว่าภาพเหล่านี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี และเป็นของมนุษย์สมัยโบราณ แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ที่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ 1 (ห้วยสิงห์) ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 8 กิโลเมตร
ทั้งนี้สามารถ สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โทรศัพท์ 08 9619 7741, 08 5010 2265 นี่แค่เพียงแค่ 2 สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ยังสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวหลายคนอยากเดินทางไปอีกครั้งแถมที่นี่ ยังสวยงามจนได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่ง Unseen Thailand ที่ไม่ควรพลาดเลยก็ว่าได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
,