เที่ยวปายหน้าฝน อีกหนึ่งที่เที่ยวหน้าฝนสุดฮอตฮิต เพราะเมื่อสายฝนมาเยือนทีไรก็จะนำพาเอาความเขียวชอุ่มของต้นไม้ นาข้าว รวมถึงสายหมอกหลังฝนโปรยปรายมาเยือนเสมอ
ปาย
ถึงจะเป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
แต่กลับมีเสน่ห์อันมหาศาลในการดึงดูดให้ใครต่อใคร
ต่างดั้นด้นฝ่าโค้งสุดหวาดเสียวนับไม่ถ้วนมาเยือนดินแดนแห่งนี้
เพื่อสัมผัสมนตร์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ ขุนเขา วัฒนธรรม
และวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองเงียบสงบ
โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่สายหมอกหยอกเย้ากับขุนเขา
สายลมพัดพาความหนาวยะเยือกมาเยือน แต่จริง ๆ
แล้วปายสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
เพราะไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยแปรเปลี่ยนไปฤดูกาลไหน ๆ ปายก็ยังคงความงดงามเสมอ วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไป "เที่ยวปายหน้าฝน" กันดูสักครั้ง ไปดูว่าปายหน้าฝนมีที่ไหนน่าไปเยือนบ้าง
ทุ่งนาสีเขียวขจีในฤดูฝนพรำ เป็นภาพที่คุณสามารถพบเห็นได้ตลอดสองข้างทางมุ่งหน้าสู่ปาย รวมถึงกลิ่นไอความชุ่มฉ่ำของสายฝน ที่มักโปรยปรายลงมาสร้างความสดชื่นให้อิ่มใจ ซึ่งปายหน้าฝนเสมือนเป็นการพักฟื้นตัวเอง เพื่อรอต้อนรับนักเดินทางจากทุกสารทิศ ที่มักหลั่งไหลมาเยือนในฤดูหนาว แต่บรรยากาศที่เงียบสงบก็ไม่เหงา เพราะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเสมอ อาจเพราะฤดูฝนทุ่งนากลางหุบเขากว้างจะมีเขียวสดเป็นพิเศษ อีกทั้งราคาที่พัก อาหารการกินถูกกว่าครึ่ง ประหยัดค่าใช้จ่ายในกระเป๋าได้มาก
และเมื่อมาเที่ยวปายควรไปสักการะ "วัดน้ำฮู" ห่างจากอำเภอไปทางโรงพยาบาลปายประมาณ 3 กิโลเมตร วัดนี้เป็นที่ประดิษฐาน "พระอุ่นเมือง" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของเมืองปาย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแบบสิงห์สาม (ศิลปะล้านนา) ปางมารวิชัย ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ อายุประมาณ 500 ปี มีลักษณะพิเศษคือพระเศียรกลวงพระโมฬีปิดเปิดได้ และมีน้ำซึมออกอยู่เสมอ
และ "วัดพระธาตุแม่เย็น" ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง และเมื่อขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุแม่เย็น คุณจะมองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอปายในมุมกว้าง ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก
จากนั้นก็ต้องไปถ่ายภาพความคลาสสิกของ "สะพานประวัติศาสตร์ (ท่าปาย)" ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นสะพานเหล็กที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2485 โดยเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นเส้นทางเดินทัพจากเชียงใหม่ ผ่านอำเภอปายไปยังประเทศเมียนมา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานแห่งนี้จึงถือเป็นหน้าด่านของอำเภอปาย
หรือจะไปชมความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ ณ กองแลน หรือที่เรียกกันว่าปายแคนยอน ภูเขาหินรูปร่างต่าง ๆ ที่เกิดจากการยุบตัวของภูมิประเทศ บางส่วนยุบมากก็กลายเป็นเหวลึก และบางส่วนก็กลายเป็นแนวสันเขาที่มีความกว้างพอให้คนเดินได้ เมื่อมองดูจึงมีลักษณะที่คล้ายแกรนด์แคนยอน ผิดก็แต่ว่าตั้งอยู่ที่ปายเท่านั้นเอง (นักท่องเที่ยวควรระมัดระวังในการเดินชมด้วย)
ที่ขาดไม่ได้หากมาเที่ยวปายหน้าฝนก็คือ "น้ำตกหมอแปง" น้ำตกยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ห่างจากตัวเมืองปายเพียงไม่กี่กิโลเมตร ว่ากันว่าฤดูฝนเป็นช่วงที่น้ำตกหมอแปงมีความสวยงามมากที่สุด แต่ละชั้นของน้ำตกจะปกคลุมด้วยม่านน้ำที่ไหลอย่างไม่ขาดสาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด และบริเวณใกล้ ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านมูเซอแดงให้แวะเยี่ยมชม และสามารถซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากอีกด้วย
เลยจากหมู่บ้านสันติชลไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร เป็น "จุดชมวิวหยุนไหล" จุดชมวิวที่สูงตระหง่านสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองปายได้ 360 องศา อีกทั้งยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่รวมตัวกันเป็นก้อนไหลเหมือนดังสายน้ำท่ามกลางหุบเขาได้อย่างงดงาม ทั้งนี้แนะนำให้ขึ้นมาชมทะเลหมอกในช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ และรอชมพระอาทิตย์ขึ้นทอแสงเป็นประกายกระทบกับผืนทะเลหมอกในยามเช้า
ซึ่งหากมีเวลาเหลือพอ ไม่ควรพลาดแวะไปนั่งจิบกาแฟหอม ๆ ละเลียดเค้กชิ้นโตตามร้านกาแฟต่าง ๆ ในเมืองปาย ซึ่งแต่ละร้านมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนกัน และสิ่งที่ขาดไม่ได้เมืองมาปาย นั่นก็คือการไปเดินชิล ๆ หาของกินอร่อย ๆ ที่ถนนคนเดินปาย บริเวณถนนชัยสงคราม ซึ่งทั้งถนนจะปิดการจราจรให้นักท่องเที่ยวเดินเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้า รูปภาพ โปสการ์ด ตลอดจนร้านอาหาร ที่พัก แหล่งบันเทิงต่าง ๆ จะมีอยู่เรียงรายในถนนเส้นนี้
อีกทั้งกิจกรรมสิ่งหนึ่งที่ต้องทำเมื่อมาเยือนปาย นั่นคือการเดินทอดน่องไปดูเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ หรือจะขี่จักรยานชมเมือง อีกพาหนะที่ช่วยให้จังหวะเวลาพักผ่อนของเราช้าลง ทำให้เห็นสองข้างทางมากขึ้น และใช้เวลาสัมผัสวิถีธรรมชาติของปายมากขึ้น
อ๊ะ ๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อีกหนึ่งที่เที่ยวปายที่เราอยากแนะนำก็คือ สะพานบุญโขกู้โส่ บ้านแพมบก ตำบลทุ่งยาว สะพานไม้ไผ่ยาวท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวและภูเขาน้อยใหญ่ สร้างเชื่อมระหว่างหมู่บ้านแพมบกและวัดห้วยคายคีรี มีจุดประสงค์หลักคือเพื่อให้พระสงฆ์ข้ามไปบิณฑบาตในตอนเช้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องเหยียบย่ำพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดชิล ท่ามกลางวิวสวย ๆ ของป่าเขาและทุ่งนาอีกด้วย
นอกจากการมาเที่ยวชมสะพานบุญโขกู้โส่แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะมานอนพักแบบสบาย ๆ ได้ที่โฮมสเตย์ของชาวบ้านภายในหมู่บ้านแพมบก พร้อมทั้งยังได้ไปเที่ยวที่เที่ยวสวย ๆ อื่น ๆ ในชุมชน เช่น ดอยเมี่ยง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,624 เมตร และดอยธง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,895 เมตร ทั้งสองดอยเป็นยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นตัวเมืองปายได้ทั้งเมือง
เอาเป็นว่าหากมีเวลาก็ลองแวะเวียนไป "เที่ยวปายหน้าฝน" สัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม พร้อมชมวิถีชีวิตสุดเรียบง่ายของชาวบ้านกันดูสักทีนะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
ททท. และ maehongson.go.th