ไต้หวัน...เกาะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เกินขนาด แค่ 4 วัน 3 คืน ก็เที่ยวได้ครบทั้งวัฒนธรรม เดินเล่นย่านเมืองเก่า และธรรมชาติสวยสดชื่น ทริปสั้น ๆ ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักไต้หวันแบบไม่รู้ตัว
อยากเที่ยวต่างประเทศแบบไม่ต้องลางานเยอะ แต่ได้ทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และวิถีชีวิต ทริป ไต้หวัน 4 วัน 3 คืน คือคำตอบ ! เริ่มจากไทเป เมืองหลวงที่ผสมกลิ่นอายวัดเก่า คาเฟ่ศิลปะ และย่านช้อปสุดคึกคัก ก่อนหนีไปสู่อ้อมกอดขุนเขาและบ่อน้ำแร่ที่อี๋หลาน แล้วปิดท้ายที่ย่านเก่าต้าเต้าเฉิง เดินเล่นในบรรยากาศอบอุ่นแบบไต้หวันแท้ ๆ เส้นทางนี้เที่ยวตามง่าย ได้ครบทุกอารมณ์ ทั้งชิล อิ่ม และอุ่นใจในทริปเดียว
เที่ยวไต้หวัน วันที่ 1
เริ่มต้นที่ “ไทเป” เมืองหลวงที่มีมากกว่าตึกสูง
ทันทีที่เครื่องแตะรันเวย์สนามบินเถาหยวน ลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงก็พัดมาทักทาย พร้อมกลิ่นฝนจาง ๆ ที่อบอวลอยู่ในอากาศ กลิ่นที่ทั้งสดชื่นและให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเปิดฉากการเดินทางบทใหม่อีกครั้ง “ไต้หวัน” ดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและมนตร์เสน่ห์ไม่สิ้นสุด ทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน 3 คืน ของเราครั้งนี้เริ่มต้นที่ไทเป เมืองหลวงที่หลายคนอาจคุ้นในภาพของตึกระฟ้าและตลาดกลางคืนสุดคึกคัก แต่เมื่อได้สัมผัสจริง ๆ จะพบว่าเบื้องหลังความทันสมัยนั้น ยังมีอีกด้านที่อบอวลด้วยศรัทธา ศิลปะ และพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ไทเปจึงไม่ใช่แค่ทางผ่าน แต่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่อบอุ่นและน่าจดจำ
ขอพรปัง ๆ ที่ “วัดหลงซาน”
จุดหมายแรกของวันคือ วัดหลงซาน วัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทเป สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1738 ก้าวแรกที่เดินผ่านประตูวัดเข้ามา เสียงระฆังเบา ๆ และกลิ่นควันธูปลอยคลุ้งในอากาศช่วยเติมความสงบได้อย่างน่าอัศจรรย์ รอบตัวเต็มไปด้วยผู้คนมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะ “เทพเฒ่าจันทรา” หรือเทพเจ้าผู้ผูกด้ายแดงแห่งความรัก ที่ขึ้นชื่อเรื่องพรสมหวังด้านความสัมพันธ์
มาถึงแล้ว…วัดหลงซาน
นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ วัดหลงซานยังงดงามด้วยสถาปัตยกรรมจีนดั้งเดิม หลังคามังกรสีสด ประตูไม้แกะลาย และโคมไฟนับร้อยดวงที่ประดับทั่วลานวัด ให้ความรู้สึกทั้งสงบและเปี่ยมพลังศรัทธา
เที่ยวย่านซีเหมินติง หัวใจแห่งแฟชั่นและชีวิตคนเมือง
แสงสีและผู้คนในย่านซีเหมินติง ปลุกอะดรีนาลีนความตื่นเต้น ให้อยากเดินช้อปสุด ๆ
แนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ เพราะจะได้เห็นไฟนีออนสะท้อนพื้นถนน เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยและมีเอกลักษณ์สุด ๆ ส่วนใครที่ยังไม่ลองชานมไข่มุก แก้วแรกของทริป ที่นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด แค่ได้จิบของแท้จากต้นกำเนิดก็เหมือนทริปนี้สมบูรณ์ขึ้นอีกขั้น
ใครชอบกินชาไข่มุก…ต้องเลิฟมาก ๆ
แวะเสพศิลป์ที่ “The Red House”
เที่ยวไต้หวัน วันที่ 2
อี๋หลาน เดินทางสู่อ้อมกอดขุนเขาและธรรมชาติ
พิพิธภัณฑ์หลานหยาง บันทึกเรื่องราวของเมืองระหว่างขุนเขาและทะเล
เดินเล่นในอ้อมกอดธรรมชาติที่ “อุทยานหลัวตง”
เมื่อถึงอี๋หลาน เราเริ่มต้นวันด้วยการเดินเล่นที่อุทยานหลัวตง พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการทำไม้ของรัฐบาล ก่อนจะถูกปรับให้กลายเป็นสวนป่าธรรมชาติเต็มรูปแบบ ภายในมีเส้นทางเดินไม้ไผ่ทอดผ่านสระน้ำ เงาไม้ และเสียงนกที่ขับกล่อมอยู่ไม่ขาดสาย
รางรถไฟและตู่รถไฟโบราณ ท่ามกลางบรรยากาศร่มเงาไม้น้อยใหญ่
บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ และเหมาะกับการพักใจให้ช้าลงอีกนิด หากมาในช่วง ฤดูใบไม้ร่วง (พฤศจิกายน–ธันวาคม) จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนแสงแดดยามบ่าย เป็นภาพที่ทั้งอบอุ่นและโรแมนติกในแบบที่คำว่า “ธรรมดา” ไม่อาจอธิบายได้
ภายในอุทยานหลัวตง ยังมีของฝากน่ารัก ๆ ให้ได้ช้อปกันด้วยนะ
สนุกกับการเก็บต้นหอมที่ “ฟาร์มต้นหอมซานซิง”
หนึ่งในกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอี๋หลานคือ การเก็บต้นหอมสด ๆ จากแปลงจริงที่ "ฟาร์มต้นหอมซานซิง" ที่นี่คือฟาร์มเล็ก ๆ ท่ามกลางทุ่งเขียวและอากาศเย็นสดชื่น ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ลองสวมหมวกฟาง รองเท้าบูท แล้วลงมือเป็น “ชาวสวนอี๋หลาน” ด้วยตัวเอง ตอนแรกเรายังเดินอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะพื้นดินชุ่มน้ำและเต็มไปด้วยกลิ่นดินสดใหม่ แต่พอได้จับต้นหอมที่ใบเขียวอวบ หอมสดจนแทบอยากเด็ดมาทำอาหารตรงนั้น เสียงหัวเราะและคำแนะนำจากเจ้าของฟาร์มก็ทำให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านญาติในชนบท
ปิดท้ายวันด้วยการแช่ออนเซ็นกลางธรรมชาติ
ก่อนกลับที่พัก เราแวะที่บ่อน้ำพุร้อนชุนฉุ่ยจี๋ จุดแช่น้ำแร่ธรรมชาติชื่อดังของอี๋หลาน ที่นี่มีทั้งบ่อสาธารณะและบ่อส่วนตัวให้เลือกตามใจ น้ำแร่ใสอุ่นช่วยคลายความเมื่อยจากการเดินทั้งวันได้อย่างดี อุณหภูมิกำลังพอดี แถมยังอุดมด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อผิว
ช่วงที่ลงแช่ ฝนตกปรอย ๆ กลิ่นดินเปียกผสมไออุ่นจากบ่อน้ำกลายเป็นกลิ่นที่ชวนหลับตาซึมซับความสุข มันคือโมเมนต์เรียบง่าย แต่ล้ำค่าที่สุดของวัน
เที่ยวไต้หวัน วันที่ 3
เดินช้า ๆ ในย่านเก่า Dadaocheng กลิ่นชา
และความทรงจำของเมือง
หลังจากคืนที่อี๋หลานเต็มไปด้วยกลิ่นดินและสายหมอก เช้าวันนี้เรากลับเข้าสู่กรุงไทเปอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ไทเปที่เต็มไปด้วยตึกสูงและแสงไฟ วันนี้เราจะพาไป “ไทเปในวันวาน” ในย่านเก่าที่ชื่อว่า "ต้าเต้าเฉิง" แหล่งการค้าเก่าแก่ที่ยังคงมีชีวิต
สำรวจอาคารเก่าบนถนนตี๋ฮว่า
ถนนตี๋ฮว่าแห่งนี้เปิดต้อนรับด้วยกลิ่นสมุนไพรและเสียงผู้คน ที่นี่คือหัวใจของต้าเต้าเฉิง และเคยเป็นศูนย์กลางการค้าสมุนไพร ของแห้ง และเครื่องเทศในอดีต อาคารเรียงรายสองฝั่งถนนยังคงสถาปัตยกรรมแบบผสมระหว่างจีน ยุโรป และญี่ปุ่น สีซีดของกำแพงและหน้าต่างไม้โบราณบอกเล่าเรื่องราวของกาลเวลาได้อย่างงดงาม
ตึกอาคารเก่าย่านถนนตี๋ตี๋ฮว่า ยังคงความงามคลาสสิกเหนือกาลเวลา
ทุกมุมมีชีวิต ร้านขายยาสมุนไพรโบราณที่ยังมีกลิ่นโสมหอมอ่อน ๆ ร้านขนมไต้หวันที่จัดใส่กล่องไม้เรียบแต่สวยงาม และคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในอาคารเก่า ถ้าเดินช้า ๆ สักหน่อย จะรู้เลยว่าที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงถนน แต่คือ “พิพิธภัณฑ์แห่งชีวิตประจำวัน” ของคนไทเป
ดื่มด่ำประวัติศาสตร์ชาในอาคารเก่า “Sin Hong Choon Tea House”
ในย่านถนนเดียวกันนั้น จะเจอกับอาคารชาโบราณอายุกว่า 90 ปีแห่งนี้ เคยเป็นโรงคัดใบชาส่งออกที่รุ่งเรืองที่สุดในย่าน เมื่อผลักประตูไม้เข้าไป กลิ่นชาหอมอ่อน ๆ ก็ลอยมาแตะจมูกทันที ภายในเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม แสงแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่า ให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคที่ “ชา” คือหัวใจของเมืองนี้
ว่ากันว่าพิธีชงชาแบบไต้หวันแท้ ๆ ที่ต้องรินชาทีละน้อยเพื่อให้ได้รสสมดุล การชงชาจึงเป็นศิลปะแห่งความอดทน คำพูดเหล่านี้เหมือนสะท้อนจิตวิญญาณของคนไต้หวัน เรียบง่าย ละเมียดละไม และรู้จักใช้เวลาอย่างมีคุณค่า
เมนูชาต่าง ๆ จัดอยู่ในรูปเล่มสวยงามให้เลือกสั่ง
เที่ยวไต้หวัน วันที่ 4
ปิดท้ายวันที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก
วันสุดท้ายของการเที่ยวไต้หวัน เรามุ่งหน้าไปยังแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง "อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก" สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลาง “Liberty Square” ลานกว้างขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยอาคารสีขาวสะอาดตา ตัดกับหลังคาสีฟ้าเข้มที่ดูสง่างามแม้ท้องฟ้าจะไม่เป็นใจ
ห้องโถงใหญ่ที่ตั้งรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ของอดีตผู้นำไต้หวันอย่างสง่างามตรงกลาง ความยิ่งใหญ่ของสถานที่นี้ไม่เพียงสะท้อนผ่านขนาดของอาคาร แต่ยังอยู่ในรายละเอียดของเพดานไม้แกะสลัก ลวดลายซับซ้อนทรงแปดเหลี่ยมที่เปล่งประกายด้วยแสงสีทองอบอุ่น ตรงกลางเพดานคือสัญลักษณ์ “ดวงอาทิตย์สิบสองแฉก” ซึ่งเป็นตราประจำชาติไต้หวัน สื่อถึงความหวังและแสงแห่งอิสรภาพที่ส่องสว่างให้ผู้คนชาวไต้หวันทุกยุคสมัย ยามมองขึ้นไป แสงไฟสะท้อนผ่านลายไม้ประณีตจนให้ความรู้สึกทั้งขรึมและศักดิ์สิทธิ์ ราวกับเวลาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น
ทุกชั่วโมงจะมีพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหาร ทุกการเคลื่อนไหวช้าแต่เปี่ยมด้วยระเบียบและศักดิ์ศรี ผู้คนรอบข้างต่างหยุดยืนมองด้วยความเคารพ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่รู้สึกได้ถึง “จิตวิญญาณแห่งชาติ” ที่ซ่อนอยู่หลังความสงบ
4 วัน 3 คืนในไต้หวัน อาจไม่ใช่เวลาที่ยาวนานนัก แต่ก็เพียงพอให้หลงรักที่แห่งนี้ได้อย่างหมดใจ จากเสียงหัวเราะในตลาดยามค่ำ กลิ่นชาอุ่นในย่านเก่า ไปจนถึงธรรมชาติ ทุกภาพยังคงอยู่ในใจเหมือนคำสัญญาว่า “เราจะกลับมาอีกครั้ง” ^ ^
#ไต้หวันมะ #TaiwanWavesofWonder #TaiwanTourism #TaiwanTourismTH






