ระบบคืนภาษีญี่ปุ่น 2026

ภาพจาก : yoshi0511 / shutterstock.com
Tax Free และ Tax Refund ในญี่ปุ่น ต่างกันยังไง

ภาพจาก : Torjrtrx / shutterstock.com
Tax Free คืออะไร
Tax Free คือ การได้รับการยกเว้นภาษีทันที ปัจจุบันญี่ปุ่นใช้ระบบ Tax Free ซึ่งหมายความว่านักท่องเที่ยวไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตั้งแต่ตอนซื้อสินค้า หากซื้อครบตามเงื่อนไขของร้านค้า
ขั้นตอนการใช้ Tax Free (ปัจจุบัน)
1. ซื้อสินค้าครบขั้นต่ำ (เช่น 5,000 เยนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 500,000 เยน) จากร้านที่ร่วมรายการ
2. แสดงพาสปอร์ตให้กับพนักงานที่ร้าน
3. ได้รับส่วนลดภาษีทันที ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
4. บางกรณีต้องติดสติ๊กเกอร์บนสินค้า และห้ามเปิดใช้จนกว่าจะออกจากญี่ปุ่น
Tax Refund คืออะไร
Tax Refund คือ จ่ายก่อน ขอคืนทีหลัง โดยตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ญี่ปุ่นจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ Tax Refund ซึ่งหมายความว่านักท่องเที่ยวต้องจ่ายภาษีไปก่อน แล้วค่อยขอคืนเงินภายหลัง
ขั้นตอนการใช้ Tax Refund (เริ่มปี 2026)
1. ซื้อสินค้าและจ่ายเต็มจำนวน (รวมภาษี)
2. เก็บใบเสร็จและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
3. ยื่นขอคืนภาษีผ่านระบบที่กำหนด (อาจเป็นแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หรือเคาน์เตอร์ที่สนามบิน)
4. รับเงินคืนผ่านบัตรเครดิต บัญชีธนาคาร หรือช่องทางอื่นที่กำหนด
Tax Free/Tax Refund ข้อดีและข้อเสีย

ภาพจาก : Niradj / shutterstock.com
Tax Free
ข้อดี :
-
สะดวก รวดเร็ว ได้รับการยกเว้นภาษีทันที ไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม
-
ไม่ต้องสำรองเงินเยอะ นักท่องเที่ยวจ่ายเฉพาะราคาสินค้าหลังหักภาษีแล้ว
-
ใช้งานง่าย แค่ยื่นพาสปอร์ตที่ร้านค้า ไม่ต้องขอคืนเงินภายหลัง
-
ดึงดูดนักท่องเที่ยว การไม่ต้องจ่ายภาษีทันทีทำให้คนอยากช้อปมากขึ้น
ข้อเสีย :
-
มีช่องโหว่ในการทุจริต บางกรณีมีการซื้อสินค้าปลอดภาษีแล้วนำไปขายต่อในญี่ปุ่น
-
ต้องใช้กับร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น ไม่ใช่ทุกที่ที่สามารถใช้สิทธิ์ได้
-
สินค้าบางประเภทมีข้อจำกัด เช่น ของกินและเครื่องสำอาง ต้องปิดผนึกจนกว่าจะออกจากประเทศ
Tax Refund
ข้อดี :
-
โปร่งใส ตรวจสอบง่ายขึ้น ลดการใช้สิทธิ์ผิดประเภท และควบคุมได้ดีขึ้น
-
อาจมีช่องทางขอคืนภาษีที่หลากหลายขึ้น เช่น การคืนผ่านแอปพลิเคชัน บัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิต
-
รัฐบาลมีรายได้หมุนเวียนก่อนคืนภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจและลดการสูญเสียรายได้จากภาษี
ข้อเสีย :
-
จ่ายภาษีก่อน นักท่องเที่ยวต้องมีเงินสำรองมากขึ้น เพราะจ่ายราคาเต็มก่อนขอคืนภายหลัง
-
ขั้นตอนยุ่งยากกว่าเดิม ต้องเก็บใบเสร็จและดำเนินการขอเงินคืนเอง
-
อาจใช้เวลารอเงินคืนนาน ขึ้นอยู่กับระบบที่รัฐบาลกำหนด
เหตุผลที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนจาก Tax Free เป็น Tax Refund
ระบบ Tax Refund บังคับให้นักท่องเที่ยวจ่ายภาษีก่อน และต้องขอคืนภาษีผ่านระบบที่รัฐบาลกำหนด ทำให้สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ง่ายขึ้น และป้องกันปัญหาร้านค้าและนักท่องเที่ยวสมรู้ร่วมคิดเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี รวมถึงลดโอกาสการใช้เอกสารปลอมในการขอรับสิทธิ์
ระบบ Tax Free เดิม ทำให้เงินภาษีที่ควรจะเข้ารัฐบาลถูกหักออกไปตั้งแต่แรก แต่ระบบ Tax Refund จะทำให้รัฐบาลได้รับภาษีก่อน สามารถนำเงินไปใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ และลดภาระทางการคลังจากการสูญเสียรายได้ภาษีไปกับนักท่องเที่ยวที่อาจใช้สิทธิ์ผิดวัตถุประสงค์
Tax Refund ญี่ปุ่น เริ่มใช้เมื่อไหร่
นักท่องเที่ยวเตรียมตัวอย่างไร ?
- ควรเตรียมเงินสำรองให้มากขึ้น เพราะระบบ Tax Refund ต้องจ่ายราคาสินค้ารวมภาษีเต็มจำนวนก่อน (VAT 10%) แล้วจึงค่อยขอคืน ดังนั้น ควรเตรียมเงินสด/วงเงินบัตรเครดิตให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด

- เก็บใบเสร็จและเอกสารให้ครบทุกใบ ควรถามพนักงานที่ร้านว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และขอให้แน่ใจว่าได้รับใบเสร็จที่ถูกต้อง
- ศึกษาสถานที่ขอคืนภาษี (Tax Refund Counter) ร้านค้าบางแห่งมี Tax Refund Counter แต่ระบบใหม่อาจกำหนดให้คืนภาษีผ่านสนามบินหรือจุดให้บริการเฉพาะ เช่น สนามบิน ก่อนเดินทางออกจากญี่ปุ่น, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หรือระบบออนไลน์ (หากมี) ควรเช็กล่วงหน้าว่าต้องไปขอคืนภาษีที่ไหน

ภาพจาก : The Villa Studio / shutterstock.com
- ติดตามช่องทางขอคืนภาษี เช่น แอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์ เพราะมีโอกาสที่ญี่ปุ่นจะพัฒนาระบบขอคืนภาษีผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มดิจิทัล ควรติดตามข้อมูลเหล่านี้ให้ดี ๆ
- ตรวจสอบวิธีรับเงินคืนภาษี (Cash / Credit / Digital Wallet) ระบบใหม่อาจให้เลือกรับเงินคืนภาษีผ่านเงินสดที่สนามบิน, โอนเข้าบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อสินค้า หรือโอนเข้าบัญชีธนาคาร หรือ e-Wallet ควรเช็กว่าวิธีไหนสะดวกและคุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ

- เผื่อเวลาก่อนเดินทางออกจากญี่ปุ่น ถ้าต้องขอคืนภาษีที่สนามบินอาจมีคิวยาวและใช้เวลานาน โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว แนะนำให้เผื่อเวลาอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ก่อนขึ้นเครื่องบิน เผื่อเกิดความล่าช้าในการดำเนินการ
ใครที่เป็นขาช้อปที่ญี่ปุ่น อย่าลืมศึกษาการเปลี่ยนแปลงระบบดังกล่าวไว้ให้ดี เพื่อความคุ้มค่าในการช้อปทุกบาททุกสตางค์ ^ ^
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ เที่ยวญี่ปุ่น ทิปส์ท่องเที่ยว อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
+++ พลาดไม่ได้ 30 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น น่าไปเช็กอิน
+++ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่ต้องไปเยือน
+++ พยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2025 ใครอยากชมดอกซากุระ เตรียมตัวไว้เลย
+++ วิธีรับมือเมื่อเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุขณะเที่ยวในญี่ปุ่น
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : เว็บไซต์ essential-japan.com, เว็บไซต์ vatcalc.com