เต็มอิ่มกับวิวธรรมชาติแบบ 360 องศา ท่ามกลางทุ่งหญ้าดอกหญ้า ที่พัดพลิ้วปลิวไสวไปกับสายลม มองออกไปเบื้องหน้า เห็นความยิ่งใหญ่ของขุนเขาตั้งตระหง่าน โอบล้อมทุกสรรพสิ่งด้วยความยินดี ปกติแล้วนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวที่นี่จะมาเฝ้ารอชมความสวยงามของพระอาทิตย์ยามขึ้นและตกดิน แสงสีส้มทองพ่องอำไพ ทอดยาวทอแสงประกายไล่เฉดสีตามขอบฟ้า
นอกจากจุดชมวิวสวย ๆ ที่เราจะได้เห็นกันเต็มตาแล้ว ยังมีไร่กะหล่ำปลีให้คุณได้เที่ยวชม พร้อมกับแอ็คท่าถ่ายรูปสวย ๆ รับรองว่าถ้าลงโซเชียลต้องเรียกคะแนนกดไลก์ได้เพียบ
แต่เนื่องจากว่าเส้นทางขึ้นไปยังดอยบ่าโจ๊ะโข้ว เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างเดินทางได้ยาก นักท่องเที่ยวจึงไม่สามารถเดินทางขึ้นไปเที่ยวเองได้ และจำเป็นที่จะต้องให้ชาวบ้านพาขึ้นไป หรือทางที่ดีสามารถติดต่อการเดินทางได้ที่ ขุนแปะบ้านไผ่ โฮมสเตย์ โดยจะทำการรับ-ส่งจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ ขึ้นดอยบ่าโจ๊ะโข้ว (ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที) ดูพระอาทิตย์ขึ้น ยลโฉมทะเลหมอก และไร่กะหล่ำปลี ราคา 1,500 บาท ต่อ 1 คันรถ นั่งได้ 8 คน ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ขุนแปะบ้านไผ่ โฮมสเตย์
ใครกำลังมองหาที่เที่ยวเชียงใหม่ที่โลเคชั่นไม่ซ้ำใคร ดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติแบบเต็ม ๆ “ดอยบ่าโจ๊ะโข้ว” จึงเป็นหนึ่งในที่เที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาวนี้ รีบเที่ยวก่อนที่ลมหนาวจะจากเราไปกันนะ ^ ^
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก ขุนแปะบ้านไผ่ โฮมสเตย์