ไหว้พระ 9 วัด นนทบุรี เดินสายรับสิริมงคลใกล้กรุงเทพฯ

         ไหว้พระ 9 วัด นนทบุรี ไว้จูงมือเพื่อน คนรัก และครอบครัว เดินสายรับบุญใกล้กรุงเทพฯ หรือจะจัดเป็นทริปเที่ยวหนึ่งวันได้แบบสบาย ๆ

         นนทบุรี จังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ แถมอยู่ใกล้กรุงเทพฯ  เหมาะสำหรับจัดเป็นทริปเที่ยวสบาย ๆ นอกจากจะมีที่เที่ยวนนทบุรีเจ๋ง ๆ ให้ได้เช็กอินแล้ว สำหรับสายบุญที่อยากหาที่ทำบุญใกล้ ๆ นนทบุรีก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีวัดสำคัญอยู่หลายวัด ซึ่งเป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่นับถือแก่พุทธศาสนิกชนอยู่ไม่น้อย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด นนทบุรี กัน เอาไว้วันเสาร์-อาทิตย์ว่าง ๆ นี้ ไปเช็กอินรับบุญกันได้เลย

         วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดนนทบุรีมากว่า 100 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ในพื้นที่ซึ่งเป็นนิวาสสถานเดิมของพระอัยกา (ตา) พระอัยกี (ยาย) และพระราชมารดาของพระองค์ โดยพระองค์ทรงเห็นว่าควรที่จะสถาปนาสถานที่แห่งนี้ขึ้นเป็นพระอารามหลวงสักแห่งหนึ่งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแก่บุคคลทั้งสาม ภายในพระอุโบสถงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน หลังคามุงด้วยกระเบื้องรางดินเผาทำเป็นลอนลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสดจากประเทศจีน ทั้งยังประดิษฐาน “พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา” พระพุทธรูปปางมารวิชัย งดงามเป็นยิ่งนัก ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ให้ความสุขและความสงบใจแก่พุทธศาสนิกชนทุกคน

         สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2502 เมื่อหม่อมหลวงชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ไปเยี่ยมชมวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) จังหวัดเชียงใหม่ ได้ฟังการแสดงธรรมของพระปัญญานันทภิกขุ ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดอุโมงค์ในขณะนั้น และเลื่อมใสวิธีการสอนธรรมะแนวใหม่ของท่าน ที่สามารถทำให้คนทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงธรรมมะได้อย่างเป็นธรรมชาติ จึงได้อาราธนาพระปัญญานันทภิกขุมาเป็นเจ้าอาวาสใน พ.ศ. 2503 ภายในวัดมีความกว้างขวางร่มรื่นด้วยหมู่แมกไม้นานาชนิดปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ นอกจากนั้นยังมีลานไผ่อเนกประสงค์ ซึ่งชาวพุทธโดยทั่วไปจะมารวมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และฟังธรรมเทศนาในทุกวันอาทิตย์ และวันสำคัญทางพุทธศาสนา ใครที่อยากหาความสงบในจิตใจลองไปที่วัดแห่งนี้ดูนะ

         หนึ่งในวัดที่มีความน่าสนใจไม่แพ้วัดไหน ไฮไลต์สำคัญเห็นจะอยู่ที่ โบสถ์เรือสุพรรณหงส์ โดยตัวพระอุโบสถตั้งอยู่บนเรือ หน้าบันปั้นเป็นรูปพระพุทธเจ้าและสาวก ซึ่งเป็นพระอุโบสถใหม่ ทั้งนี้ตัวพระอุโบสถเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2513 และในปี พ.ศ. 2528 พระครูนนทปัญญาวิมล (อดีตเจ้าอาวาสวัดชลอ) ได้ก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่แบบเรือสุพรรณหงส์แห่งนี้ขึ้น ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” ซึ่งเป็นพระมหาสาวกของพระพุทธเจ้า ส่วนฝาผนังวิจิตรตระการตาด้วยจิตรกรรมฝาผนังของเรื่องราวพระพุทธประวัติ ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่เดินทางมากราบไหว้ ก็ต้องเก็บภาพความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้เอาไว้ เพื่อบันทึกเป็นภาพความประทับใจอันสวยงามและทรงเสน่ห์นั่นเอง

         ศาสนสถานที่ให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้เข้ามาปฏิบัติธรรม ได้มีสติระลึกถึงการสร้างคุณงามความดี ทั้งยังเพื่อเป็นการแสวงหาหนทางพ้นทุกข์จากวัฏสงสาร นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ยังเดินทางมากราบไหว้ “หลวงพ่อโต” พระประธานในอุโบสถแก้ว เป็นที่เล่าขานในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป “โบสถ์แก้ว” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ประกอบด้วยทั้งหมด 2 ชั้น คือ ชั้นบนใช้สำหรับทำพิธีบวชพระภิกษุ เป็นสถานที่สวดมนต์และนั่งสมาธิ และชั้นล่างเป็นห้องสมุดและห้องรับบริจาค ล้อมรอบด้วยบรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่คล้ายลักษณะแบบสำนักป่า เหมาะแก่การเข้ามาทำบุญและปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก

         หนึ่งในวัดที่มีพุทธศาสนิกชนเดินทางไปไหว้พระทำบุญ สันนิษฐานกันว่าวัดนี้สร้างในสมัยกลางรัชกาลที่ 1 ถึงต้นรัชกาลที่ 2 เรียกว่า "วัดลาว" ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้พบหลักฐานซึ่งเขียนชื่อวัดว่า "วัดราชบัญหาร" จนปัจจุบันได้เรียกเพี้ยนมาเป็น "วัดละหาร" พลาดไม่ได้กับการเข้าสักการะพระประธานในพระอุโบสถ งดงามด้วยศิลปะสมัยสุโขทัยปางมารวิชัยประทับนั่ง ส่วนพระประธานในวิหาร เป็นปางป่าเลไลยก์ ชาวบ้านซึ่งเดิมเป็นเชลยศึกชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่สมัยสงครามในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์นับถือเป็นพระคู่วัดพระประธานในวิหารแห่งนี้ และด้วยความที่วัดอยู่ริมคลองบางบัวทอง ผู้มาศึกษาพุทธศาสนาหรือมาเยี่ยมชมวัดจึงสามารถนั่งพักผ่อนในบริเวณสวนริมน้ำได้อย่างเพลิดเพลินใจ

         วัดเก่าแก่อีกหนึ่งแห่งของจังหวัดนนทบุรี วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2365 โดยกลุ่มชาวมอญริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใครที่เดินทางไปเที่ยวเกาะเกร็ด จะมองเห็นองค์พระใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าและเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ที่เดินทางผ่านไป-มาแม่น้ำเจ้าพระยาสายนี้ ทั้งนี้ ที่ฐานหลวงพ่อโต เป็นวิหารเทพ ภายในมีเทวรูปของเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ และพระเกจิมากมาย โดยหากผู้ชายเข้าทางประตูมังกร ก็จะพบกับเทวรูปขององค์เทพต่าง ๆ ส่วนผู้หญิงที่เข้าประตูเสือ จะพบกับเทวรูปของเทพีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชมพุทธอุทยาน, ประติมากรรมทศชาติชาดก และกลุ่มรูปปั้นพระฤๅษีต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมีประวัติบอกเล่าความเป็นมาเอาไว้เสร็จสรรพ

         วัดที่มีความเก่าแก่อีกหนึ่งวัดของนนทบุรี สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น หอพระไตรปิฎกกลางน้ำทรงจตุรมุข เป็นที่เก็บหนังสือพระไตรปิฎกและเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลอง, พระพุทธมงคลศรีสุโขทัย หรือหลวงพ่อทอง ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่อีกอย่างก็คือ อาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทย หลังคามุงกระเบื้อง คล้ายกับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทภายในพระบรมมหาราชวัง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมและถ่ายรูปได้ทุกวัน

         วัดที่สร้างมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2295 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น นั่นคือ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสบางปะอินทางชลมารค และเกิดอุบัติเหตุเรือพระที่นั่งล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณใกล้กับวัดแห่งนี้ เป็นเหตุให้สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี และสมเด็จเจ้าในพระครรภ์ จากนั้นได้กู้พระศพและซากเรือขึ้นมาที่วัดนี้ จึงเรียกว่า "วัดกู้" อีกทั้งภายในวัดยังมีพระพุธรูปปางไสยาสน์ อายุหลายร้อยปี ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วิหารเปิดโล่งตรงบริเวณทางเข้าวัด และเยี่ยมชมพระอุโบสถเก่าของวัดกู้ มีฐานอุโบสถแอ่นโค้งคล้ายท้องเรือสำเภาแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย เพดานภายในเขียนเป็นลายดอกไม้ และงดงามด้วยจิตรกรรมฝาผนังเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มอญ ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อสมปรารถนา” ให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบไหว้อีกด้วย

          วัดเก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยปี สันนิษฐานว่าสร้างก่อนสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แต่วัดแห่งนี้ก็มีภิกษุมาจำพรรษาบ้างร้างบ้างสลับกันไป จนมาถึงสมัยหลวงปู่แย้ม มาเป็นเจ้าอาวาส จึงได้พัฒนาวัดให้เจริญเรื่อยมาจนปัจจุบัน พลาดไม่ได้กับการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 สิ่งภายในวัด ได้แก่ พระอุโบสถหลังเก่า, พระอุโบสถหลังใหม่, การลอดใต้โบสถ์, มณฑปหลวงปู่แย้ม, ศาลเจ้าแม่ประกาย-ทองประกายมาศ, หลวงพ่อธรรมจักร, ถวายสังฆทาน นอนโลง ต่อชะตา,  ต้นตะเคียน และหลวงพ่อโต นอกจากนี้ในบริเวณวัดยังมีรูปปั้นต่าง ๆ เช่น พระอภัยมณี, สินสมุทร, ผีเสื้อสมุทร, ไซอิ๋ว และรูปปั้นที่สอนในเรื่องอบายมุขต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่แปลกและแตกต่างกว่าวัดอื่น ๆ

         งานนี้เรียกได้ว่าสายบุญทั้งหลายจะต้องฟินกันถ้วนหน้า เพราะนอกจากจะได้ทำบุญกันชื่นบานแล้ว ยังไม่ต้องหงุดหงิดกับการเดินทางไปไหว้พระไกล ๆ เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว เดินทางสะดวก รถไม่ติด อิ่มบุญอิ่มใจกันถ้วนหน้า ^ ^

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร, watchol.org, เฟซบุ๊ก เพจวัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง นนทบุรี, เฟซบุ๊ก วัดสังฆทาน watsanghathan, watsanghathan.com, เฟซบุ๊ก วัดบางไผ่พระอารามหลวง (สำนักปฏิบัิติธรรม), เฟซบุ๊ก วัดกู้ (พระนางเรือล่ม) จ.นนทบุรี