x close

เที่ยวปราจีนบุรี 1 วัน นวดแผนไทย ไหว้พระ ล่องเรือ กินอาหารสุขภาพ

          ชวนเที่ยวปราจีนบุรีในแบบฉบับวันเดย์ทริป มีเวลาวันเดียวจะเที่ยวที่ไหนในปราจีนบุรีได้บ้าง มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจอะไรรออยู่มากน้อยแค่ไหน เราจะพาไปชม

          หลาย ๆ คนคงเหนื่อยล้ากับการทำงานไม่มากก็น้อย บางทีก็อยากจะออกไปสูดอากาศ ไปพักผ่อนต่างจังหวัดบ้าง แต่ก็ติดปัญหาเรื่องเวลาและอุปสรรคอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้หลาย ๆ วัน วันนี้เราก็เลยจะมาแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกของการเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มีเวลาวันเดียวก็เที่ยวได้ ไม่ต้องขับรถไกล ใช้เวลาและงบประมาณไม่มากมาย เที่ยวกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เส้นทางที่ว่าก็คือ "ปราจีนบุรี"

          การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก ก็ได้พากระปุกดอทคอมไปลองสัมผัสเส้นทางนี้กันมาแล้ว บอกเลยว่าสนุกสนาน ดีต่อใจมาก ๆ เลยอยากจะมาแชร์ให้ฟังกันค่ะ ใครกำลังอยากหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มุมมองใหม่ ๆ ตามมาเลย ๆ ^^

ครึ่งวันเช้ากับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

          ตอนแรกก็งง ๆ นะคะ ฉันไม่ได้เจ็บป่วยอะไร พาฉันไปโรงพยาบาลทำไม แต่เคยได้ยินชื่อผลิตภัณฑ์อภัยภูเบศรอยู่บ้าง คิดในใจสงสัยเริ่มแรกคงอยากให้เราไปลองดูสินค้าสมุนไพรไทย ระหว่างที่นั่งรถอยู่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลที่มีการรักษาทั้งแบบแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย มีอาคารเก่าแก่อายุมากกว่า 100 ปี ให้ได้เที่ยวชม มีโปรแกรมนวดแผนไทย ร้านอาหารอร่อย ๆ พร้อมทั้งร้านกาแฟบรรยากาศสบาย ๆ และร้านจำหน่ายสินค้าของอภัยภูเบศรให้เลือกซื้อด้วย พอได้ยินคำว่านวดแผนไทยก็หูผึ่งเลยค่ะ 555 ชอบ ๆ สำหรับสิ่งที่น่าสนใจของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เช่น

          - ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตึกเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2452 โดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ได้ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับรับเสด็จของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในยามที่เสด็จประพาสมายังปราจีนบุรี แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเสียก่อนในปีพุทธศักราช 2453 แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ได้ใช้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์อีกหลายพระองค์

           ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบบารอคสีเหลืองสดใส ตัดลายเส้นขอบหน้าต่างและบานหน้าต่างด้วยสีเขียว มีมุขยื่นออกมาตรงกลาง ประดับประดารอบอาคารด้วยปูนปั้นลวดลายสวยงามวิจิตรบรรจง มีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นล่างปีกซ้าย (หันหน้าเข้าหาอาคาร) จัดแสดงประวัติของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) และตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ส่วนปีกขวาจัดเป็นร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรอภัยภูเบศรและตู้เก็บยา ชั้นที่ 2 จัดแสดงกรรมวิธีการปรุงยาแผนไทย 28 วิธี มีตู้เก็บสมุนไพร ครกบดยา รางบดยา หินฝนยา ตลอดจนตำรายาไทยให้ได้ชมกัน

          - ศูนย์นวดและอบสมุนไพร เป็นบริการการแพทย์แผนไทย ที่เปิดให้ผู้ป่วย รวมทั้งบุคคลทั่วไปเข้ารับการนวดในแบบต่าง ๆ อาทิ นวดตัว นวดเท้า นวดน้ำมัน นวดหน้า นวดกระตุ้นน้ำนมคุณแม่ ประคบสมุนไพร ขัดผิว ฝังเข็ม เป็นต้น พร้อมทั้งยังสามารถนวดรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ อาทิ อาการสะบักจม หัวไหล่ติด กระดูกทับเส้น อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ค่าบริการเริ่มต้นที่ 200 บาท

          - ศูนย์สมุนไพรเพื่อสุขภาพอภัยภูเบศร เป็นร้านจำหน่ายสินค้าสมุนไพรของอภัยภูเบศร ซึ่งจะรวมผลิตภัณฑ์ความสวยความงามต่าง ๆ พร้อมทั้งเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ที่มาจากสมุนไพรไทย ราคาไม่แพง
          - อภัยภูเบศร เดย์ สปา แบ่งเป็น 2 โซน คือ สปา คิวซีน และสปาบำบัด พร้อมทั้งมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้บริการด้วย สำหรับในส่วนของสปา คิวซีน เป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ใส่ผงชูรส เน้นวัตถุดิบปลอดสารพิษ รสชาติอร่อยกลมกล่อม เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ aph.ijustdemo.com หรือเฟซบุ๊ก อภัยภูเบศร เดย์ สปา

หลบร้อน พักกายพักใจกับต้นไม้ที่หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ

          หลังจากที่ได้พักผ่อนสบาย ๆ ไปกับการนวดแผนไทย การเดินเที่ยวชมตึกเก่าแก่นับน้อยปี พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารสุขภาพกันไปในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็ต้องออกกำลังกันนิดหน่อย ไปทำกิจกรรมดี ๆ ที่หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าบ้านดงบัง ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมืองปราจีนบุรี ห่างจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพียงนิดเดียวค่ะ

          เรามุ่งหน้าไปกันที่บ้านของคุณทอม ศรีสุข ซึ่งเป็นเจ้าของสวนบอนไซที่มีชื่อเสียงของบ้านดงบัง ที่นี่มีต้นไม้หลากหลายชนิดให้เราเดินเที่ยวชม คุณทอมบอกว่าบอนไซที่นี่มีตั้งแต่ราคาหลักร้อย ไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งราคาถูกกว่าที่อื่นแน่นอน โอ้ว...ใครที่ชอบบอนไซไม่ควรพลาดเลยนะเนี่ย และคุณทอมยังบอกอีกว่านักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมกันได้เลยถึงที่บ้าน และถ้าหากอยากจะทำสวนถาดมะสังดัดด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ มีอุปกรณ์ให้พร้อม เพียงชุดละ 150 บาท เท่านั้น งานนี้เราก็เลยต้องลองค่ะ

          เริ่มแรกก็เอาแผ่นตะแกรงรองรูที่ก้นกระถาง แล้วเอากาบมะพร้าวชิ้นเล็ก ๆ รองก้นกระถาง จากนั้นก็เอาดินใส่ลงไปให้ถึง 3/4 ของกระถาง จัดการวางต้นมะสังตามมุมที่ตัวเองชอบ พร้อมกับต้นหญ้าและกิ่งไม้เล็ก ๆ เอาดินเติมให้เต็มกระถาง รดน้ำอีกครั้ง แล้วเอามอสส์วางด้านบนดิน หลังจากนั้นตกแต่งด้วยของตกแต่งเล็ก ๆ รดน้ำ เป็นอันเสร็จสวยงาม :)

          ใครที่มีเวลาน้อย คุณทอมก็มีสวนถาดมะสังดัดแบบสำเร็จรูปไว้จำหน่ายด้วย ราคาเท่ากันเลยค่ะ หรือถ้าใครอยากได้ต้นอื่น ๆ ก็มีให้เลือกซื้อเช่นกัน แต่ก่อนเข้าไปคุณทอมอยากให้โทร. แจ้งกันสักนิดค่ะ เพื่อที่ทางคุณทอมและครอบครัวจะได้จัดเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 09 2559 7567, 09 6919 3603 หรือเฟซบุ๊ก Bonsai Zone

เติมพลังยามบ่ายกับ De'Ya Cafe

          จริง ๆ ก็ยังไม่หมดแรงหรอกค่ะ แต่อากาศมันร้อนเหลือเกิน ร่างกายก็เลยต้องการเครื่องดื่มเย็น ๆ และขนมหวานมาเติมพลัง เจ้าถิ่นแนะนำว่าให้ลองไปชิลกันที่ร้าน De'Ya Cafe คาเฟ่สไตล์โมเดิร์นที่พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม

          ช่วงหน้าร้อนแบบนี้เมนูที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ มะยงชิดสมูทตี้ รสชาติหวานเย็นชื่นใจ ดับร้อนได้ดีทีเดียวค่ะ ใครที่ชอบดื่มกาแฟ เมนูที่แนะนำจะมี 3 เมนู ก็คือ De'ya Lattee Iced Cube, Affogato และ Matcha Lava Ice ส่วนเมนูขนมหวานที่น่าสนใจก็จะมีทั้งเครปเย็น, บิงซูสตรอว์เบอร์รี, เปาปิ่งชาเย็นบลอส, ฮันนี่โทสต์, ฟรุตตี้ ฮันนี่วาฟ, โคนนี่เครป ช็อกโกบานาน่า เป็นต้น แอบกระซิบเลยว่าแต่ละเมนูอร่อยถูกใจมาก ๆ ^^

          De'Ya Cafe เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก De'Ya

ทำบุญไหว้พระวัดแก้วพิจิตร ชมความงดงามของพระอุโบสถ 4 สัญชาติ

          วัดแก้วพิจิตร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ในตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี โดดเด่นด้วยพระอุโบสถสีชมพู สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะไทย-จีน-ยุโรป-กัมพูชา โดยศิลปะแบบกัมพูชานั้นจะอยู่ที่บริเวณซุ้มประตู ศิลปะยุโรปอยู่ที่เสาโรมัน ลวดลายบนหัวเสาโดยรอบ พร้อมด้วยกรอบหน้าต่างแบบโบสถ์คริสต์  ศิลปะไทยอยู่ที่รูปทรงของพระอุโบสถ ลงรักปิดทอง พร้อมการตกแต่งด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ส่วนศิลปะจีนนั้นจะอยู่ที่ลวดลายมังกรบนกำแพงทั้ง 4 ด้าน

          ภายในพระอุโบสถมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังสวยงาม พระประธาน คือ พระอภัยทาน (พระอภัยวงศ์) พระพุทธรูปองค์สีดำ อายุมากกว่า 100 ปี เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน

ล่องเรือชมสองฟากฝั่งแม่น้ำบางปะกง

          การล่องเรือในแม่น้ำบางปะกง เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของการมาเที่ยวปราจีนบุรีค่ะ ซึ่งนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก กิจกรรมนี้จะใช้เวลาล่องเรือราว ๆ 2 ชั่วโมงตั้งแต่หน้าวัดแก้วพิจิตร ไปจนถึงสะพานปราจีนแลนด์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านสองฟากฝั่งแม่น้ำบางปะกง

           อีกทั้งยังจะได้เที่ยวชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของปราจีนบุรี อาทิ มูลนิธิบำเพ็ญธรรมสถาน, ศาลพระหลักเมือง, ที่ว่าการอำเภอเมืองปราจีนบุรี, ศาลเจ้าแม่ทับทิม, วัดบางคาง, วัดโบสถ์ และกลุ่มเสื่อกกและเสื่อกกแปรรูป เป็นต้น สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก โทรศัพท์ 0 3731 2284

อิ่มอร่อยมื้อเย็นกับกุ้งเผาริมแม่น้ำบางปะกง

          ก่อนกลับกรุงเทพฯ เราได้แวะไปเติมพลังกันที่ร้านอาหารเรือนแพ มีลักษณะเป็นแพอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยหลากหลายเมนู ที่ไม่ควรพลาด ก็คือ "กุ้งเผา" มีให้เลือกหลากหลายขนาด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ เมนูอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ ปลาทอดสมุนไพร, ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน, ปลากะพงทอดราดน้ำปลา, ปูไข่ผัดผงกะหรี่ และทอดมันปลากราย เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ร้านเรือนแพปราจีนบุรี

          จบทริปเที่ยวปราจีนบุรี 1 วันไปแบบชิล ๆ เที่ยวไม่เหนื่อยมากนัก ได้ทำกิจกรรมหลากหลายแบบ และอิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลายเมนู ขับรถถึงกรุงเทพฯ ไม่ดึกมากนัก มีเวลาเหลือพักผ่อน ลองตามรอยไปสัมผัสกันนะคะ :)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคเหนือ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก, ททท., aph.ijustdemo.com, cpa.go.th, เฟซบุ๊ก Bonsai Zone และ thailandtourismdirectory.go.th

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวปราจีนบุรี 1 วัน นวดแผนไทย ไหว้พระ ล่องเรือ กินอาหารสุขภาพ อัปเดตล่าสุด 3 เมษายน 2562 เวลา 17:26:06 33,905 อ่าน
TOP