อันซีนไทยแลนด์ เต็มตากับ 10 แหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจและสุดแปลก มีสถานที่อันซีนไทยแลนด์แทบทุกภาค แม้จะไกลแค่ไหนก็อยากไปดูสักครั้ง
วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง ตั้งอยู่ที่อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระราชสมภพครบ 200 ปี (18 ตุลาคม 2547) อยู่ในพื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท บนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่
จุดเด่นคือตัวศาลาของวัดและเจดีย์ต่าง ๆ ตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีความสูง 815 เมตร จากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าจากบริเวณจุดพักรถดอยผาหมอก (ชั้นสองของวัด) ขึ้นไปถึงยอดซึ่งมีระยะทาง 1 กิโลเมตร และพอมาถึงยอดเขาวัดพระบาทปู่ผาแดง อย่าลืมถ่ายภาพกันนะคะ เพราะภาพที่ได้จะอลังการสวยงามทำมุมถึง 360 องศา หรือ Bird Eye View นั่นเอง
6. ถนนลอยฟ้า1081 (อ.สันติสุข-อ.บ่อเกลือ) จังหวัดน่าน
ถนนธรรมดาขับแล้วไม่ฟินแบบนี้ต้องมาเจอถนนลอยฟ้า 1081 ระยะทางจากอำเภอสันติสุขไปยังบ่อเกลือประมาณ 70 กิโลเมตร สองข้างทางเป็นธรรมชาติเขียวขจีที่มีความสูงชัน สามารถแวะจอดถ่ายรูปได้ เวลาขับจะเด็ดมากเพราะมีโค้งซ้าย-ขวาต่อ ๆ กัน ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ต้องลองมาสัมผัส
7. เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา
เสม็ดนางชี อันซีนไทยแลนด์อินพังงา ตั้งอยู่ที่อำเภอตะกั่วทุ่ง เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางภูเขาของอ่าวพังงา หรือแม้แต่ในยามค่ำคืนยังสามารถมองเห็นดวงดาวบนฟ้าได้อีกด้วย จุดชมวิวแบ่งเป็น 2 จุดต้องเดินเท้าขึ้นไป คือ จุดชมวิวจุดที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่บนสุด เดินเท้าประมาณ 500 เมตร สำหรับใครอยากกางเต็นท์ดูดาวยามค่ำคืนก็มีจุดกางเต็นท์ที่เสม็ดนางชีรีสอร์ทนะคะ และจุดชมวิวจุดที่ 2 จะถึงก่อนและเห็นวิวภูเขาได้ใกล้กว่า เดินเท้าขึ้นไปประมาณ 300 เมตร
8. น้ำตกก้อหลวง จังหวัดลำพูน
น้ำตกก้อหลวง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นน้ำตกหินปูนสีเขียวมรกตกลางป่าใหญ่ เกิดจากห้วยแม่ก้อไหลผ่านหน้าผาหินปูนทั้งหมด 7 ชั้น และตกลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่างที่ใสสะอาดมองเห็นพื้นด้านล่างและปลาชนิดต่าง ๆ ที่แหวกว่ายสนุกสนาน ภายในบริเวณลานจอดรถของน้ำตกก้อหลวง จะมีจุดบริการห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และร้านค้าซึ่งเป็นคนในพื้นที่มาเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น
9. หินสามวาฬ ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ
หินสามวาฬเป็นสถานที่อันซีนไทยแลนด์ของภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ ว่ากันว่ามีอายุกว่า 75 ล้านปีที่สรรค์สร้างโดยธรรมชาติล้วน ๆ ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดยักษ์วางเรียงกัน 3 ก้อน ถ้ามองจากระยะไกลหรือมองจากภาพถ่ายทางอากาศ จะมีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ พ่อ แม่ ลูก เรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน จึงเรียกกันว่า “หินสามวาฬ” นักท่องเที่ยวสามารถไปถ่ายรูปบนก้อนหินได้แต่ระวังลื่นล้มด้วยนะคะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของภูสิงห์โดยเฉพาะพระอาทิตย์ขึ้น
10. ดินแดนหิ่งห้อย จ.ปราจีนบุรี
ดินแดนหิ่งห้อย ตั้งอยู่ในกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ เทศบาลเมืองปราจีนบุรี เปิดให้เข้าชมฟรี ช่วงเวลา 18.30-21.00 น. ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่เป็นช่วงหน้าฝน แต่การเข้าไปดูหิ่งห้อยก็ต้องเคารพกฎอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามทายากันยุง สเปรย์กันยุง หรือน้ำหอมใด ๆ เข้าไปในบริเวณที่มีหิ่งห้อย เพราะอาจทำให้หิ่งห้อยลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ห้ามฉายไฟฉาย หรือใช้แสงไฟรบกวนคนอื่นที่กำลังชมหิ่งห้อย ห้ามเปิดไฟรถวิ่งในเส้นทางด้านข้างป่าหิ่งห้อย หรือไฟรถส่องเข้าไปในพื้นที่ป่าหิ่งห้อย เพราะเป็นการรบกวนหิ่งห้อยและนักท่องเที่ยวคนอื่น
ว้าว ! แทบไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนเยอะแยะแทบทุกภาค ใครที่รักการท่องเที่ยวหรืออยากหาวันพักผ่อนไปชื่นชมธรรมชาติ รีบเคลียร์งานด่วน ๆ แล้วแพ็กกระเป๋าออกเดินทางกันเลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
thai.tourismthailand.org, ท่องทั่วไทย.com, satun-geopark.com, phatonnumbannamrad,
fireflyprachin
สถานที่เที่ยวอันซีนไทยแลนด์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ต่างมีจุดเด่นเฉพาะตัว ทำให้น่าไปสัมผัสและไปเห็นกับตาของตัวเอง วันนี้เรามีอันซีนไทยแลนด์มาฝาก มีทั้งอันซีนไทยแลนด์ภาคเหนือจรดใต้ และอันซีนไทยแลนด์ภาคตะวันออกจรดตะวันตก ไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ไปค้นหาความอัศจรรย์พร้อมกับเรา
1. เกาะเขาใหญ่ ปราสาทหินพันยอด จังหวัดสตูล
ภาพจาก ideation90 / Shutterstock.com
งงเด้ ! สตูลไม่ได้มีแค่หลีเป๊ะนะคะ เกาะเขาใหญ่ก็เป็นสถานที่อันซีนไทยแลนด์ที่น่าสนใจของสตูลเหมือนกัน เกาะเขาใหญ่อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรามอบหมายให้ชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูกเป็นผู้ดูแลในส่วนของการท่องเที่ยว มีไกด์ชาวบ้านนำเที่ยว จะไม่มีบริษัทเอกชนมานำเที่ยวเลย
จุดแลนด์มาร์กสำคัญนั้น ก็คือ ปราสาทหินพันยอดซึ่งเป็นประติมากรรมจากธรรมชาติ ลักษณะเป็นยอดเขาหินปูนปลายแหลมจำนวนมาก มองดูคล้ายปราสาทหินนั่นเอง
2. สันหลังมังกร (ทะเลแหวก) จังหวัดสตูล
สันหลังมังกรหรือทะเลแหวกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ของจังหวัดสตูล สันหลังมังกรสตูลมีให้เห็นได้ที่ตำบลตันหยงโป โดยเรียกว่า สันหลังมังกรตันหยงโป จุดเด่นคือในช่วงที่น้ำลดจะเห็นน้ำแยกออกจากกันทั้งสองฝั่ง บริเวณสันทรายจะเป็นเปลือกหอยเล็ก ๆ นับล้านล้านตัวที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร พอสะท้อนกับแสงแดดจึงกลายเป็นสีเหลืองทองสวยงามราวเกล็ดมังกร
3. ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เป็นบ่อน้ำที่ผุดขึ้นมาที่เชิงเขาในป่าของบ้านน้ำราด ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวอันซีนภาคใต้ จุดเด่นคือเป็นป่าต้นน้ำทำให้น้ำมีความใสมองเห็นพื้นด้านล่างได้ด้วยตาเปล่า นักท่องเที่ยวสามารถลงไปนอนแช่น้ำแบบสบาย ๆ
และที่นี่ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ เว้นแต่มีค่าที่จอดรถ ค่าบริการนั่งเรือชมวิว อ้อ… ถ้าหากเล่นน้ำแล้วหิวขึ้นมาที่นี่ก็มีน้ำชา กาแฟ และเค้กโฮมเมดราคากันเองบริการด้วยนะคะ
4. กุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี
ภาพจาก Christopher PB / Shutterstock.com
กุ้งเดินขบวนหนึ่งปีมีครั้งเดียวต้องตามมาดู ณ น้ำตกแก่งลำดวน ช่วงฤดูน้ำหลากคือกลางเดือนสิงหาคมจนถึงสิ้นเดือนกันยายน โดยกุ้งที่มาเดินขบวนคือกุ้งฝอยและกุ้งก้ามขน จุดเด่นคือบรรดากุ้งเป็นแสนตัวออกมาเดินพาเหรดทวนกระแสน้ำ แต่บางช่วงเวลาที่มีน้ำมาก กุ้งว่ายทวนน้ำไปไม่ได้ จำต้องปีนป่ายไปบนก้อนหินทรายแทน จนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เราไม่เคยเจอะเจอ
กุ้งทุกตัวมีจุดหมายเดียวกันคือขึ้นไปบนเทือกเขาพนมดงรัก เพื่อที่จะวางไข่ขยายเผ่าพันธุ์ และจะเดินทางประมาณ 1 ทุ่ม จนถึงตี 4 ของอีกวัน ใครที่จะไปชมควรพกไฟฉาย ไม่นำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไป และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
ภาพจาก ideation90 / Shutterstock.com
งงเด้ ! สตูลไม่ได้มีแค่หลีเป๊ะนะคะ เกาะเขาใหญ่ก็เป็นสถานที่อันซีนไทยแลนด์ที่น่าสนใจของสตูลเหมือนกัน เกาะเขาใหญ่อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรามอบหมายให้ชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูกเป็นผู้ดูแลในส่วนของการท่องเที่ยว มีไกด์ชาวบ้านนำเที่ยว จะไม่มีบริษัทเอกชนมานำเที่ยวเลย
จุดแลนด์มาร์กสำคัญนั้น ก็คือ ปราสาทหินพันยอดซึ่งเป็นประติมากรรมจากธรรมชาติ ลักษณะเป็นยอดเขาหินปูนปลายแหลมจำนวนมาก มองดูคล้ายปราสาทหินนั่นเอง
2. สันหลังมังกร (ทะเลแหวก) จังหวัดสตูล
สันหลังมังกรหรือทะเลแหวกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ของจังหวัดสตูล สันหลังมังกรสตูลมีให้เห็นได้ที่ตำบลตันหยงโป โดยเรียกว่า สันหลังมังกรตันหยงโป จุดเด่นคือในช่วงที่น้ำลดจะเห็นน้ำแยกออกจากกันทั้งสองฝั่ง บริเวณสันทรายจะเป็นเปลือกหอยเล็ก ๆ นับล้านล้านตัวที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร พอสะท้อนกับแสงแดดจึงกลายเป็นสีเหลืองทองสวยงามราวเกล็ดมังกร
3. ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ภาพจาก Patcharakorn Pemwattana / Shutterstock.com
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เป็นบ่อน้ำที่ผุดขึ้นมาที่เชิงเขาในป่าของบ้านน้ำราด ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวอันซีนภาคใต้ จุดเด่นคือเป็นป่าต้นน้ำทำให้น้ำมีความใสมองเห็นพื้นด้านล่างได้ด้วยตาเปล่า นักท่องเที่ยวสามารถลงไปนอนแช่น้ำแบบสบาย ๆ
ภาพจาก Patcharakorn Pemwattana / Shutterstock.com
และที่นี่ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ เว้นแต่มีค่าที่จอดรถ ค่าบริการนั่งเรือชมวิว อ้อ… ถ้าหากเล่นน้ำแล้วหิวขึ้นมาที่นี่ก็มีน้ำชา กาแฟ และเค้กโฮมเมดราคากันเองบริการด้วยนะคะ
4. กุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี
ภาพจาก Christopher PB / Shutterstock.com
กุ้งเดินขบวนหนึ่งปีมีครั้งเดียวต้องตามมาดู ณ น้ำตกแก่งลำดวน ช่วงฤดูน้ำหลากคือกลางเดือนสิงหาคมจนถึงสิ้นเดือนกันยายน โดยกุ้งที่มาเดินขบวนคือกุ้งฝอยและกุ้งก้ามขน จุดเด่นคือบรรดากุ้งเป็นแสนตัวออกมาเดินพาเหรดทวนกระแสน้ำ แต่บางช่วงเวลาที่มีน้ำมาก กุ้งว่ายทวนน้ำไปไม่ได้ จำต้องปีนป่ายไปบนก้อนหินทรายแทน จนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เราไม่เคยเจอะเจอ
ภาพจาก Christopher PB / Shutterstock.com
กุ้งทุกตัวมีจุดหมายเดียวกันคือขึ้นไปบนเทือกเขาพนมดงรัก เพื่อที่จะวางไข่ขยายเผ่าพันธุ์ และจะเดินทางประมาณ 1 ทุ่ม จนถึงตี 4 ของอีกวัน ใครที่จะไปชมควรพกไฟฉาย ไม่นำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไป และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
5. วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ จังหวัดลำปาง
วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง ตั้งอยู่ที่อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระราชสมภพครบ 200 ปี (18 ตุลาคม 2547) อยู่ในพื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท บนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่
ภาพจาก dreamloveyou / Shutterstock.com
จุดเด่นคือตัวศาลาของวัดและเจดีย์ต่าง ๆ ตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีความสูง 815 เมตร จากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าจากบริเวณจุดพักรถดอยผาหมอก (ชั้นสองของวัด) ขึ้นไปถึงยอดซึ่งมีระยะทาง 1 กิโลเมตร และพอมาถึงยอดเขาวัดพระบาทปู่ผาแดง อย่าลืมถ่ายภาพกันนะคะ เพราะภาพที่ได้จะอลังการสวยงามทำมุมถึง 360 องศา หรือ Bird Eye View นั่นเอง
6. ถนนลอยฟ้า1081 (อ.สันติสุข-อ.บ่อเกลือ) จังหวัดน่าน
ถนนธรรมดาขับแล้วไม่ฟินแบบนี้ต้องมาเจอถนนลอยฟ้า 1081 ระยะทางจากอำเภอสันติสุขไปยังบ่อเกลือประมาณ 70 กิโลเมตร สองข้างทางเป็นธรรมชาติเขียวขจีที่มีความสูงชัน สามารถแวะจอดถ่ายรูปได้ เวลาขับจะเด็ดมากเพราะมีโค้งซ้าย-ขวาต่อ ๆ กัน ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ต้องลองมาสัมผัส
7. เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา
เสม็ดนางชี อันซีนไทยแลนด์อินพังงา ตั้งอยู่ที่อำเภอตะกั่วทุ่ง เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางภูเขาของอ่าวพังงา หรือแม้แต่ในยามค่ำคืนยังสามารถมองเห็นดวงดาวบนฟ้าได้อีกด้วย จุดชมวิวแบ่งเป็น 2 จุดต้องเดินเท้าขึ้นไป คือ จุดชมวิวจุดที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่บนสุด เดินเท้าประมาณ 500 เมตร สำหรับใครอยากกางเต็นท์ดูดาวยามค่ำคืนก็มีจุดกางเต็นท์ที่เสม็ดนางชีรีสอร์ทนะคะ และจุดชมวิวจุดที่ 2 จะถึงก่อนและเห็นวิวภูเขาได้ใกล้กว่า เดินเท้าขึ้นไปประมาณ 300 เมตร
8. น้ำตกก้อหลวง จังหวัดลำพูน
น้ำตกก้อหลวง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นน้ำตกหินปูนสีเขียวมรกตกลางป่าใหญ่ เกิดจากห้วยแม่ก้อไหลผ่านหน้าผาหินปูนทั้งหมด 7 ชั้น และตกลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่างที่ใสสะอาดมองเห็นพื้นด้านล่างและปลาชนิดต่าง ๆ ที่แหวกว่ายสนุกสนาน ภายในบริเวณลานจอดรถของน้ำตกก้อหลวง จะมีจุดบริการห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และร้านค้าซึ่งเป็นคนในพื้นที่มาเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น
9. หินสามวาฬ ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ
หินสามวาฬเป็นสถานที่อันซีนไทยแลนด์ของภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ ว่ากันว่ามีอายุกว่า 75 ล้านปีที่สรรค์สร้างโดยธรรมชาติล้วน ๆ ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดยักษ์วางเรียงกัน 3 ก้อน ถ้ามองจากระยะไกลหรือมองจากภาพถ่ายทางอากาศ จะมีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ พ่อ แม่ ลูก เรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน จึงเรียกกันว่า “หินสามวาฬ” นักท่องเที่ยวสามารถไปถ่ายรูปบนก้อนหินได้แต่ระวังลื่นล้มด้วยนะคะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของภูสิงห์โดยเฉพาะพระอาทิตย์ขึ้น
10. ดินแดนหิ่งห้อย จ.ปราจีนบุรี
ดินแดนหิ่งห้อย ตั้งอยู่ในกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ เทศบาลเมืองปราจีนบุรี เปิดให้เข้าชมฟรี ช่วงเวลา 18.30-21.00 น. ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่เป็นช่วงหน้าฝน แต่การเข้าไปดูหิ่งห้อยก็ต้องเคารพกฎอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามทายากันยุง สเปรย์กันยุง หรือน้ำหอมใด ๆ เข้าไปในบริเวณที่มีหิ่งห้อย เพราะอาจทำให้หิ่งห้อยลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ห้ามฉายไฟฉาย หรือใช้แสงไฟรบกวนคนอื่นที่กำลังชมหิ่งห้อย ห้ามเปิดไฟรถวิ่งในเส้นทางด้านข้างป่าหิ่งห้อย หรือไฟรถส่องเข้าไปในพื้นที่ป่าหิ่งห้อย เพราะเป็นการรบกวนหิ่งห้อยและนักท่องเที่ยวคนอื่น
ว้าว ! แทบไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนเยอะแยะแทบทุกภาค ใครที่รักการท่องเที่ยวหรืออยากหาวันพักผ่อนไปชื่นชมธรรมชาติ รีบเคลียร์งานด่วน ๆ แล้วแพ็กกระเป๋าออกเดินทางกันเลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
thai.tourismthailand.org, ท่องทั่วไทย.com, satun-geopark.com, phatonnumbannamrad,
fireflyprachin