แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนในไทย ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดไปสัมผัสกับความงดงามตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่สักครั้งในชีวิตการเดินทางต้องออกไปเก็บเกี่ยวมาให้ได้
1. มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ
"มอหินขาว" หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดชัยภูมิ พลาดไม่ได้กับการชมกลุ่มหินทรายสีขาวขนาดใหญ่ที่ถูกธรรมชาติรังสรรค์มาเป็นเวลานับล้านปี ด้วยลักษณะเด่นของทำเลที่ตั้งบนทุ่งหญ้าเนินเขา สลับแซมกลุ่มหินทรายสีขาวขนาดใหญ่ ที่ยืนตั้งเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้แต่ไกล จนหลายคนขนานนามให้มอหินขาวเป็นสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) เมืองไทย นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตาแล้ว อากาศที่นี่ยังเย็นสบายชิล ๆ สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี หรือใครอยากนอนนับดาวและอยากใกล้ชิดธรรมชาติ ที่นี่ก็มีบริเวณให้นอนกางเต็นท์ รับรองว่าช่วงกลางคืนคุณจะได้เห็นมอหินขาวในมุมมองใหม่ ที่สวยงามไม่แพ้ตอนกลางวันเลยทีเดียว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. 044 810 902-3
2. สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีลักษณะเป็นแก่งหิน ที่เกิดจากการกัดเซาะด้วยมวลพลังน้ำมหาศาลเป็นเวลาหลายพันปี จนทำให้แก่งหินเหล่านี้เกิดเป็น "รู" หรือ "โบก" น้อยใหญ่กระจายตัวมากกว่า 3,000 แอ่ง และเมื่อถึงฤดูแล้งหลุมเหล่านี้จะโผล่เหนือพ้นน้ำให้เห็นคล้ายเป็นภูเขากลางลำน้ำโขง โชว์ความสวยงามที่ชวนประหลาดตา ซึ่งหินเหล่านี้จะมีลักษณะและรูปทรงที่แตกต่างกัน บางคนอาจเห็นเป็นรูปดาว เต่า หนู สุนัข สุดแล้วแต่ใครจะจินตนาการ และด้วยความกว้างของชั้นหินที่กินพื้นที่บริเวณกว้าง คล้ายกับแกรนด์แคนยอน ประเทศสหรัฐอเมริกา จนมีผู้ขนานนามสถานที่แห่งนี้ว่า "แกรนด์แคนยอนเมืองสยาม"
3. เกาะไข่ จังหวัดสตูล
เกาะเล็ก ๆ ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล เสน่ห์ของเกาะไข่อยู่ที่ประติมากรรมทางธรรมชาติที่มีรูปร่างคล้ายซุ้มประตู สูงพอที่คนสามารถเดินลอดได้ มีความเชื่อกันว่าหนุ่มสาวคู่ใดที่ได้ลอดซุ้มประตูหินนี้จะได้แต่งงานกัน ทำให้ซุ้มประตูแห่งนี้ยิ่งเป็นที่เลื่องลือ และกลายเป็นสถานที่จดทะเบียนสมรสคู่บ่าวสาว ณ บริเวณซุ้มเกาะไข่ นอกจากความสวยงามของเกาะไข่แล้ว ทุกปีจะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีหาดทรายสวย ขาวสะอาด น้ำทะเลใสมองเห็นผืนทรายใต้น้ำ รวมถึงยังมีแนวปะการังอยู่โดยรอบบริเวณ ที่นี่จึงเป็นเกาะสวรรค์ของคนที่รักทะเลอย่างแท้จริง
4. ทะเลแหวก จังหวัดกระบี่
"ทะเลแหวก" ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดจากปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงของทะเล ทำให้สันทรายของเกาะทั้งสาม ได้แก่ เกาะทับ เกาะหม้อ และเกาะไก่ปรากฏขึ้นมา ช่วงเวลาดังกล่าวนักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่น ถ่ายรูป ชมวิว และสัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด และยังเป็นแหล่งดำน้ำตื้นอีกด้วย นอกจากความสวยงามแล้ว มนุษย์เราเองยังได้เรียนรู้ถึงวิธีการปรับสมดุลของธรรมชาติจากปรากฏการณ์นี้ เพราะทุกครั้งที่น้ำท่วมสันทราย ขยะหรือเศษไม้ต่าง ๆ ที่คลื่นซัดมาติดชายหาดจะถูกชำระล้างจนหมด ดังนั้นทุกครั้งที่ทะเลแหวกเราจึงเห็นสันทรายที่กลับมาขาวสะอาดทุกครั้งเสมอ ซึ่งช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของที่นี่คือเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 075 622 163
5. ค้างคาวร้อยล้าน จังหวัดราชบุรี
ยามเมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า เราจะเห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งบนน่านฟ้าของอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี นั่นคือฝูงค้างคาวจำนวนมหาศาลที่ต่างบินกรูออกจากถ้ำ ถ้ามองจากข้างล่างจะเห็นเหมือนเป็นสายควันดำที่โบกสะบัดเปลี่ยนทิศทางไปมาเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เรียกเสียงฮือฮาให้กับนักท่องเที่ยวที่มารอชมได้ไม่น้อย และกว่าที่ฝูงค้างคาวจะลดความหนาแน่นลง ก็เล่นทำเอาคนดูเมื่อยคอไปตาม ๆ กัน โดยฝูงค้างคาวเหล่านี้จะทยอยบินออกจากถ้ำทุกเย็นเป็นประจำ นับเป็นภาพอันน่าประทับใจของปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ
6. กุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี
ปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวนที่จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แสนมหัศจรรย์ โดยเราจะเห็นเหล่าบรรดากุ้งฝอยที่ต่างเดินเรียงแถวยกพลขึ้นบกตามโขดหิน โดยบางช่วงเราอาจเห็นขบวนกุ้งเหล่านี้ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเป็นระเบียบ
โดยเจ้ากุ้งพวกนี้เดินทางไปยังแหล่งต้นน้ำบ้านเกิดบนเทือกเขาพนมดงรัก ในระหว่างการเดินทางจะต้องเดินผ่านทางน้ำที่ไหลเชี่ยว และเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเจ้ากุ้งพวกนี้จำเป็นต้องหลบความแรงของกระแสน้ำโดยการขึ้นมาเดินบนโขดหิน โดยจะขึ้นมาเดินอวดโฉมเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ตัวในช่วงเวลากลางคืนของกลางเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายนในทุก ๆ ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานอุบลราชธานี โทรศัพท์ 045 243 770, 045 250 714
7. โบสถ์ในต้นไม้ จังหวัดสมุทรสงคราม
ภาพจาก Blanscape / shutterstock.com
8. แพะเมืองผี จังหวัดแพร่
"แพะเมืองผี" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติของดินและสิ่งแวดล้อม เกิดเป็นเมืองเร้นลับที่เป็นตำนานเล่าขานของชาวบ้านมาจนถึงปัจจุบัน โดยสิ่งแวดล้อมของแพะเมืองผีมีลักษณะภูมิประเทศเป็นดินและหินทราย ที่ถูกกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นรูปร่างลักษณะต่าง ๆ ทำให้พื้นที่มีความสูงต่ำต่างกันไปในแต่ละตำแหน่ง หน้าผาและเสาดินที่ตั้งสูงเด่นมีรูปทรงที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความสวยงามอย่างน่าประหลาดเวลามอง ความสลับซับซ้อนของภูมิประเทศในแพะเมืองผีแห่งนี้ ยิ่งเพิ่มกลิ่นอายความเร้นลับให้กับตำนานแห่งแพะเมืองผีดูมีมนตร์ขลังเพิ่มอีกเท่าตัว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โทร. 053 511 162, 02 561 4292-3 ต่อ 719
9. แมงกะพรุนหลากสี จังหวัดตราด
"แมงกะพรุนหลากสี" เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน โดยนักท่องเที่ยวสามารถรับชมปรากฏการณ์นี้ได้ที่บริเวณหาด "ราชการุณย์" และ "หาดเล็ก" ซึ่งเราจะเห็นแมงกะพรุนหลากหลายสีสันและประเภทลอยโผล่ผิวน้ำ เช่น แมงกะพรุนถ้วย แมงกะพรุนโตนด แมงกะพรุนลอดช่อง แมงกะพรุนไฟ และแมงกะพรุนกล่อง เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือของชาวบ้านนั่งชมความมหัศจรรย์นี้ได้ แต่หลายคนไปแล้วอาจผิดหวัง ที่ไม่ได้เห็นแมงกะพรุนเยอะอย่างที่คิด นั่นเพราะต้องขึ้นอยู่กับกระแสคลื่นและลมเป็นหลัก ขอเตือนว่า นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวังในการชม เพราะเราไม่รู้ว่าแมงกะพรุนตัวไหนมีพิษ เกิดเผลอไปโดนเข้าอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
10. ถ้ำมรกต จังหวัดตรัง
ภาพจาก WeStudio Photographers / shutterstock.com
"ถ้ำมรกต" หนึ่งในไฮไลท์เด็ดของการมาเที่ยวทะเลตรัง ที่แห่งนี้ชื่อว่าเป็นถ้ำมหัศจรรย์กลางทะเล ตั้งแต่ปากทางเข้าถ้ำเป็นโพรงเล็ก ๆ สูงพ้นระดับพอเรือลอดได้ แต่ถ้าวันไหนน้ำมากก็อาจจำเป็นต้องลอยคอเกาะเชือกเรียงตัวกันเข้าไป เมื่อเข้าไปไม่ถึงอึดใจคุณจะต้องทึ่งไปกับภาพความสวยงาม ที่ลำแสงภายนอกจะสะท้อนกับน้ำภายในถ้ำ ทำให้เห็นน้ำเป็นสีเขียวมรกต มองไปมองดูราวกับภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ธรรมชาติได้บรรจงสร้างสรรค์เอาไว้ให้มนุษย์ และอีกด้านหนึ่งของปากถ้ำจะเป็นหาดทรายขาวสะอาดตา น้ำใสแจ๋ว ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน ซึ่งเดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวมากที่สุดคือระหว่างเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตรัง โทรศัพท์ 075 215 867 และ 075 211 058
11. หล่มภูเขียว จังหวัดลำปาง
"หล่มภูเขียว" แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีความลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกต สันนิษฐานว่าแอ่งน้ำนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์ หรือไม่ก็เกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน แล้วจมลงใต้น้ำ ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และจัดพิธีบูชาเป็นประจำทุกปี บรรยากาศป่าเขาอันเงียบสงบผสมกับความเรียบนิ่งของผิวน้ำสีเขียวมรกตที่ลึกจนไม่สามารถหยั่งถึงนี้ ทำให้เกิดความงดงามอันลึกลับ สะกดสายตาของผู้ที่ได้มาเยือนทุกราย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท โทร. 083 203 7330, 054 22 0364 หรือ เฟซบุ๊ก lompookeaw
12. น้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี
"น้ำตกแสงจันทร์" หรือ "น้ำตกลงรู" เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกตามลักษณะของสายน้ำที่ตกผ่านรูหิน โดยสายธารน้ำตกจะโปรยทะลุผ่านรูของแผ่นหินทรายขนาดใหญ่ เมื่อลอดผ่านช่องหินจะแลดูมีสีขาวนวลคล้ายกับแสงจันทร์ โดยรูหินเกิดจากหินกรวดที่ถูกน้ำกัดเซาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงไหนที่น้ำตกมีกระแสน้ำที่ไหลแรงและเร็ว กระแสน้ำจะพัดเอาก้อนหิน ก้อนกรวดไหลติดไปในหลุมด้วย และเมื่อกระแสน้ำที่ไหลแรง ก้อนหินก้อนกรวดเหล่านั้นจะวิ่งวนอยู่ในหลุมที่เป็นหินทราย นานวันเข้าก็ขยายตัวเป็นหลุมกว้างขึ้นเรื่อย ๆ น้ำที่ไหลลงหลุมก็เปลี่ยนมาไหลลงกลายเป็น "น้ำตกรู" โดยช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยวของน้ำตกแสงจันทร์อยู่ในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว
13. น้ำตกน้ำเค็ม จังหวัดตรัง
"น้ำตกน้ำเค็ม" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากความลงตัวของน้ำเค็มจากคลองทุ่งค่าย ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปะเหลียนและทะเลอันดามัน ซึ่งต้องผ่านโขดหินจนก่อให้เกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เรียกกันว่า "สายนบยักษ์" โดยในช่วงน้ำทะเลขึ้น จะหนุนน้ำเค็มจากแม่น้ำปะเหลียน ไหลเข้าท่วมพื้นที่บริเวณของน้ำตกทั้งหมด แต่เมื่อถึงช่วงน้ำทะเลลงก็จะมีน้ำจำนวนมากไหลผ่านโขดหินอย่างชัดเจน ทำให้มองเห็นเป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม ใครที่ต้องการมาชมปรากฏการณ์นี้จะต้องเป็นเฉพาะในช่วงระหว่าง 14-15 ค่ำ หรือ 1-2 ค่ำ ในเวลา 06.00-08.00 น. และเวลา 17.00-18.00 น. ง่าย ๆ ก็คือเดือนหนึ่งจะมีโอกาสเพียงแค่ 4-5 วันเท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลทุ่งกระบือ โทร. 075 204 705-6
เป็นยังไงกันบ้าง ? บางสถานที่เพื่อน ๆ แทบไม่อยากเชื่อเลยใช่ไหมคะว่าจะมีอยู่ในเมืองไทยด้วย เราคงได้แต่ขอบคุณธรรมชาติที่เป็นผู้สร้างสรรค์ความงามเหล่านี้ขึ้นมา และพลอยทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปพบเห็น ดังนั้นแล้วเราทุกคนจึงมีหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษาและปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีในเรื่องการท่องเที่ยว นั่นก็เพื่อให้สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้อยู่กับเราและลูกหลานไปอีกนานแสนนาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, , ,, , ,,, ,, ,เฟซบุ๊ก lompookeaw, thungkrabue.go.th, maeklongtoday.com