เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท., unseentourthailand.com, visitphayao.com และ Instagram Oaddybeing
ประเทศไทยขึ้นชื่อว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยสดงดงาม ทั้งทางธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรม โดยเฉพาะความอัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยขออาสาเป็นไกด์ พาเพื่อน ๆ ไปยลโฉมกับ 10 ความมหัศจรรย์ใจที่ไม่ควรพลาดไปสัมผัสกับความงดงามกันค่ะ เอ้า! พร้อมแล้วก็ไปตะลุยสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทย ที่โดนการันตีว่าสวยสุด ๆ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กันเลย โดยเริ่มที่...
1. ทะเลแหวก จังหวัดกระบี่
ทะเลแหวก เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากอิทธิพลของน้ำขึ้นและน้ำลง ทำให้สันทรายของเกาะทั้ง 3 คือ เกาะทับ เกาะหม้อ และเกาะไก่ ปรากฏขึ้นกลายเป็นหาดทรายขาวเชื่อมกันทั้ง 3 เกาะ อย่างน่าอัจศจรรย์ใจ โดยจะเกิดเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ทำให้สามารถเดินเล่นไป-มาระหว่างเกาะได้ สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยว คือ เดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี สามารถเช่าเรือได้จากบริเวณอ่าวนาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที
2. พระนอนหงาย จังหวัดสุพรรณบุรี
ณ วัดพระนอน ตำบลพิหารแดง มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์สลักจากหิน มีลักษณะแปลกกว่าที่อื่น คือ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในลักษณะนอนหงายขนาดเท่าคนโบราณ ยาวประมาณ 2 เมตร ลักษณะคล้ายกับพระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า แปลกจนกลายยังเป็น Unseen Thailand
3. ค้างคาวร้อยล้าน วัดเขาช่องพราน
บริเวณวัดเขาช่องพราน ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม มีถ้ำที่สวยงาม คือ "ถ้ำพระนอน" ซึ่งภายในถ้ำมีพระพุทธรูปมากกว่าร้อยองค์ และมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ ความยาว 9 เมตร แต่สิ่งที่สร้างชื่อให้เขาช่องพราน คือ ฝูงค้างคาวนับล้านตัว ที่กรูกันบินออกจากถ้ำพวยพุ่งเป็นสายสีดำนานนับชั่วโมง ทุกเย็นในช่วงใกล้พลบค่ำ ประมาณ 17.30 น. ในช่วงฤดูร้อนฝูงค้างคาวจะบินไปทางทิศตะวันออก ในช่วงฤดูหนาวฝูงค้างคาวจะบินไปทางทิศตะวันตก
4. ต้นดิกเดียม จังหวัดน่าน
ต้นไม้อะไรใครรู้ดูประหลาดผิดธรรมชาติ พันธุ์พฤกษาน่าฉงน แค่เห็นเป็นต้นไม้หันหลังให้แดดหันหน้าเข้าวัดก็แปลกเหลือหลายอยู่แล้ว แต่ใครจะเชื่อว่าต้นไม้ประหลาดต้นนี้เป็นต้นอารมณ์ขัน ใบไม้จะไหวสั่นทุกครั้งที่ถูกคนสัมผัส ^^ ทั้งนี้ ต้นดิกเดียม เป็นต้นไม้ใหญ่ มีดอกเป็นสีเหลืองอ่อน โคนดอกจะเป็นสีเหลืองแก่ ลักษณะคล้ายกับดอกลั่นทม ปลูกอยู่หน้าวิหารวัดปรางค์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน สามารถไปชมได้ทุกวัน แต่ไม่ควรไปลูบคลำเนื่องจากในประเทศไทยมีอยู่ต้นเดียว เจ้าอาวาสที่วัดท่านจะลูบให้ดู
5. กุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี
ทุกปีช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายน ณ บริเวณลานพันรู น้ำตกแก่งลำดวน ในพื้นที่ดูแลรับผิดชอบของสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าอุบลราชธานี ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 บ้านหนองขอน ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จะเกิดปรากฏเหตุการณ์ที่แสนมหัศจรรย์ เมื่อบรรดา กุ้งน้ำจืด (กุ้งฝอย) นับล้านตัว พากันพร้อมใจเดินพาเหรดผ่านลานหินเลียบแก่งน้ำมุ่งหน้าสู่ยอดเขาสูงบนเทือกเขาพนมดงรัก ในเวลากลางคืน เวลาประมาณ 19.00 - 04.00 น. ของอีกวันหนึ่ง ซึ่งการที่กุ้งเหล่านี้มาเดินบนพลาญหินบริเวณลานพันรู มีสาเหตุมาจากการที่จะเดินทางไปยังแหล่งต้นน้ำที่เป็นบ้านเกิดบนเทือกเขาพนมดงรัก ต้องฝ่าฟันอุปสรรค์ต่าง ๆ มากมายจนกลายเป็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ของธรรมชาติ
6. โบสถ์ในต้นไม้ จังหวัดสมุทรสงคราม
ภายในวัดบางกุ้ง ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที มีสิ่งที่ทำให้อัศจรรย์ใจอยู่ นั่นคือ โบสถ์ของวัดถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand หรือที่รู้จักกันว่า "โบสถ์ในต้นไม้" หรือ "โบสถ์ปรกโพธ์" ซึ่งในโบสถ์เก่ายังประดิษฐาน "หลวงพ่อพุทธมณีนิล" หรือที่ชาวบ้านเรียก "หลวงพ่อดำ" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม และภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในซุ้มขนาบข้างด้วยอัครสาวกนั่งพนมมือ
7. พระเจ้านั่งดิน จังหวัดพะเยา
หากมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดพะเยา ไม่ควรพลาดไปสักการะ "พระเจ้านั่งดิน" วัดพระนั่งดิน ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ เพราะเป็นพระพุทธเก่าแก่ สร้างตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ โดยมีตำนานเล่าว่า ในอดีตเคยมีชาวบ้านได้พากันสร้างฐานชุกชีแล้วได้อันเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประทับ แต่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าได้ผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครั้ง ดังนั้น ชาวบ้านจึงอาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิมตราบจนทุกวันนี้ และนั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ "พระเจ้านั่งดิน"
8. เกาะกระดาด จังหวัดตราด
เกาะกระดาด ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะหมาก มีพื้นที่ 1,200 ไร่ เป็นเกาะกลางทะเลกว้างที่มีสัณฐานแบนราบราวกับแผ่นกระดาษ มีต้นกระดาดขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า "เกาะกระดาด"
ซึ่งนับเป็นเกาะเดียวในประเทศไทยที่มีการออกโฉนดถูกต้องตามกฏหมาย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากฝรั่งเศสได้เข้ามาล่าอาณานิคมในแถบเอเชียอาคเนย์ และพยายามยึดครองดินแดนของไทย เกาะกระดาด ก็เป็นที่หมายหนึ่งของฝรั่งเศสด้วย รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกโฉนดที่ดินของเกาะ อีกทั้งยังมีหาดทรายยาวขาวสะอาด มีแนวปะการังที่สวยงามตลอดชายฝั่ง จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่เหมาะท่องเที่ยว คือ ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤษภาคม เพราะมีคลื่นลมน้อยที่สุด
9. ผจญภัยสุดขอบฟ้าที่เทือกเขาโมโกจู จังหวัดกำแพงเพชร
"โมโกจู" เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และสูงที่สุดในผืนป่าตะวันตก เป็นยอดเขาที่นักนิยมการท่องเที่ยวแบบเดินป่า ปีนเขา ต้องการที่จะไปเยือนสักครั้ง ด้วยความสูง 1,964 เมตร โดยคำว่า "โมโกจู" เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า เหมือนฝนจะตก เนื่องจากบนยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกและมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา
ทั้งนี้ ผู้สนใจจะไปสัมผัสยอดเขาโมโกจูต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพราะทางเดินขึ้นเขามีความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ 5 วัน อีกทั้งยังต้องพักแรมในป่าตามจุดที่กำหนด นอกจากนั้นควรศึกษาสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ และติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ ซึ่งเปิดให้เดินขึ้นยอดเขาโมโกจูในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี
10. สุริยปฏิทินแห่งสยามประเทศ ปราสาทภูเพ็ก จังหวัดสกลนคร
ยามแสงเรื่อเรืองอาบไล้ปราสาทหินเก่าแก่ที่อวลด้วยกลิ่นอายศิลปะขอม ไม่ใช่เพียงแค่ความงดงามศักดิ์สิทธิ์ หากยังปรากฏความอัศจรรย์ลงบนแท่งหินอายุนับ 1,000 ปี ที่เป็นเครื่องบ่งบอกคืนวันและฤกษ์ยามในการดำเนินชีวิตของบรรรพชนที่ผูกร้อยอยู่กับดวงตะวัน นั่นคือ สุริยปฏิทิน ณ ปราสาทภูเพ็ก อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร ศาสตร์โบราณในการคำนวณดาราศาสตร์ที่ปรากฏบนแท่งหินพันปี ขนาด 56 X 56 เซนติเมตร สูง 60 เซนติเมตร ด้านบนมีการแกะสลักเป็นรูปสี่เหลี่ยมเรียงรอบเป็นรูปทรงเรขาคณิตจำนวน 16 ช่อง ใช้ตามติดตามตำแหน่งของดวงอาทิตย์ จากทิศทางของแสง จะได้ทราบฤดูกาลและกำหนดเวลาทำการเกษตร การก่อสร้างได้
ทั้งนี้ คุณสรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา ผู้ซึ่งสนใจศึกษาการใช้แท่งหินนี้ และนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาประมวลผลด้านดาราศาสตร์ พบว่า เมื่อใส่ข้อมูลพิกัดตำแหน่งของปราสาท เส้นรุ้งที่ 17 องศาเหนือ และใส่วันที่ปรากฏการณ์สำคัญต่าง ๆ จะได้มุมกวาดเป็น 65, 90 และ 115 องศา ซึ่งเป็นตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นหมุนเวียน โดยในวันเริ่มต้นของปี จะเป็นวันที่เวลากลางวันจะเท่ากับเวลากลางคืน ดวงอาทิตย์ทำมุมฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลก ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม เป็นฤดูใบไม้ผลิ หลังจากนั้นดวงอาทิตย์จะค่อย ๆ เคลื่อนไปทางทิศเหนือ จนถึงจุดที่ไกลที่สุด ซึ่งจะเป็นวันที่กลางวันจะยาวที่สุด ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน จัดว่าเป็นฤดูร้อน จังหวัดสกลนครอยู่เส้นรุ้ง 17 องศาเหนือ กลางวันจะมี 13 ชั่วโมง ขณะเดียวกันเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนมาถึงจุดที่ไกลที่สุดทางทิศใต้ ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุดในรอบปี ตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว จังหวัดสกลนครจะมี 11 ชั่วโมง ได้มีการทดสอบแนวแสงอาทิตย์ด้วยลูกดิ่งหลายครั้งพบว่า แนวแสงจะพาดผ่านช่องสี่เหลี่ยมช่องใดช่องหนึ่งพอดี เมื่อตรงกับวันที่ดังกล่าวข้างต้น
สำหรับการสร้างปราสาทหินภูเพ็ก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ประมาณปี พ.ศ. 1742 สร้างจากก้อนหินทรายทรงสี่เหลี่ยม วางทำมุมฉากตามแนวทิศตะวันออก-ตก มีศิวลึงค์อยู่ด้านตะวันออก โดยมีด้านเปิดให้แสงอาทิตย์เข้าไปเพียงด้านเดียว ให้แสงสาดตรงที่ ณ ตำแหน่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในปราสาท ซึ่งแสดงถึงศาสตร์แห่งสุริยปฏิทินของขอมโบราณ
และนี่คือ 10 สถานที่สุด Unseen Thailand ที่เราหยิบมาแนะนำกัน หากใครมีโอกาสก็ลองไปสัมผัสกันดูจ้า อะ ๆ แต่จริง ๆ แล้วสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยสวย ๆ งาม ๆ ยังมีอยู่มากมาย ใครสะดวกที่ไหนก็ไม่ควรพลาด!
หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลชื่อจังหวัดที่ตั้งของเทือกเขาโมโกจู เมื่อเวลา 18.04 น. วันที่ 19 สิงหาคม 2555 ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, guideubon.com และ unseentourthailand.com