บุพเพสันนิวาส ละครฮอตฮิตที่สุดในช่วงนี้ ซึ่งนอกจากจะทำให้กระแสการอนุรักษ์ความเป็นไทยกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งแล้ว ก็ยังจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวในประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ได้รับความสนใจจากคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอยุธยาที่กลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด วันนี้เราจึงจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยาที่เกี่ยวข้องกับละครเรื่องบุพเพสันนิวาสในแบบฉบับวันเดย์ทริปให้ค่ะ จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน
ภาพจาก thanat sasipatanapa / Shutterstock.com
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
ตั้งอยู่บนถนนโรจนะ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของกรุงศรีอยุธยา และของมีค่าต่าง ๆ พร้อมทั้งข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่สมัยโบราณ มีทั้งหมด 3 อาคาร ซึ่งแบ่งการจัดแสดงแตกต่างกันออกไป คือ 1. หมู่อาคารเรือนไทย สร้างอยู่ในสระน้ำ มีลักษณะเป็นเรือนไทยภาคกลาง ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของผู้คนในอดีต 2. อาคารศิลปะในประเทศไทย มี 2 ชั้น จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่รวบรวมได้จากจังหวัดอยุธยา และ 3. อาคารเจ้าสามพระยา จัดแสดงศิลปวัตถุสำคัญ ๆ จากสมัยอยุธยา
ภาพจาก ช่อง 3
สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดก็คือ "เครื่องกรองน้ำโบราณ" ซึ่งถูกนำมาอ้างอิงอยู่ในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสด้วย ที่นี่จะเปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. - ตามแม่การะเกดช้อปปิ้งสินค้าป่าดินสอ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ม.ราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ม.ราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ม.ราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
ป่าดินสอ เป็นตลาดที่ขายสินค้าประเภทเครื่องเขียนในสมัยอยุธยา ซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นป่าดินสออยู่บริเวณริมคลองฉะไกรน้อย ฝั่งตรงข้ามกับวัดบรมพุทธาราม มีสะพานเล็ก ๆ เชื่อมระหว่างสองฝากฝั่ง เรียกว่าสะพานบ้านดินสอ ปัจจุบันสะพานบ้านดินสอ มีลักษณะเป็นสะพานอิฐมอญ ด้านล่างของสะพานเป็นทางลอดเรือโค้งไม่ใหญ่มากนัก เพื่อให้เรือเล็กสัญจรไปมาได้ แต่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากสะพานเท่านั้น ตัวลำคลองฉะไกรน้อยก็หลงเหลือเป็นเพียงสระน้ำเล็ก ๆ สามารถมาเที่ยวชมได้ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
ภาพจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
และเพื่อเป็นการฟื้นฟูประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาจึงได้จัด "ตลาดป่าดินสอ" ขึ้นให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยสินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทเครื่องเขียน และสินค้าทำมือของนักศึกษา เปิดให้บริการทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-21.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 052 76 555 หรือเฟซบุ๊ก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ม.ราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
- วัดเชิงท่า
วัดเชิงท่า เป็นสถานที่ถ่ายทำอีกหนึ่งฉากสำคัญของเรื่องบุพเพสันนิวาส โดยเป็นตอนที่การะเกดและครอบครัวของหมื่นสุนทรเทวาไปทำบุญกันที่วัด ซึ่งเป็นภาพของโบสถ์โบราณสวยงาม มีภาพวาดฝาผนังเก่าแก่
ภาพจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
วัดเชิงท่า ตั้งอยู่ที่ตำบลวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีบันทึกไว้ว่าวัดนี้เป็นวัดที่พระยาโกษาธิบดี (ปาน) ราชทูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้ปฏิสังขรณ์หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศส และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดโกษาวาส และวัดนี้ก็ยังเป็นสถานศึกษาของนายสิน หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ เพื่อการศึกษาภาษาไทย ขอม และพระไตรปิฎก สิ่งสำคัญภายในวัดก็คือ "ปรางค์ห้ายอดสมัยอยุธยา" มีการก่อฐานพระปรางค์เป็นทรงแท่งสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสร้างวิหารยื่นออกไปเป็นรูปกากบาทหรือไม้กางเขน ทางทิศใต้สร้างเป็นวิหารขนาดใหญ่เป็นมหาปราสาทยอดปรางค์ หาชมได้ยากยิ่ง นอกจากนี้ยังมีธรรมาสน์ปิดทองคำเปลวงดงามตั้งอยู่ภายในศาลาการเปรียญ โดยเชื่อกันว่าลายจำหลักไม้หน้าบันนั้นเป็นของดั้งเดิมที่เหลือรอดมาจากครั้งกรุงแตก นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวัน
- พักเที่ยงกับร้านกุ้งเผาสุดอร่อยในอยุธยา
ช่วงบ่าย...ไหว้พระวัดสำคัญ ขี่ช้าง ชมความงดงามป้อมเพชร และตามรอยขนมไทยท้าวทองกีบม้า
- เพนียดคล้องช้าง
ภาพจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
เพนียดคล้องช้าง ตั้งอยู่ที่ตำบลสวนพริก อำเภอพระนครศรีอยุธยา ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของออกหลวงสรศักดิ์ ซึ่งกำลังซ้อมมวยอย่างแข็งขัน ปัจจุบันที่นี่เป็นสถานที่พักพิงดูแลช้างและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของเมืองไทย ด้านในมีการจัดให้นักท่องเที่ยวได้มาป้อนกล้วย-อ้อยช้าง ถ่ายรูปกับช้างอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีช้างมากกว่า 100 เชือกให้ได้ชมกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการจัดกิจกรรมสุดพิเศษอย่างการดูแลช้าง ทั้งการอาบน้ำช้าง การขัดผิวช้าง การฝึกช้าง การทำอาหารสมุนไพรให้ช้าง ฯลฯ ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนาน - ป้อมเพชร
ภาพจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
ป้อมเพชร ถูกพูดถึงอยู่หลายครั้งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส แต่ฉากที่เด่นชัดที่สุดคือตอนที่หมื่นสุนทรเทวาพาเกศสุรางค์ไปป่าผ้าเหลือง แล้วต้องผ่านป้อมแห่งนี้ ปัจจุบันป้อมเพชรตั้งอยู่ใกล้กับวัดสุวรรณดาราราม ตรงข้ามกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นป้อมปราการริมแม่น้ำอยู่บริเวณที่บรรจบของแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำป่าสัก ซึ่งมักจะมีน้ำวนใหญ่อยู่บริเวณนี้ ในอดีตป้อมแห่งนี้สำคัญมาก เป็นด่านปราการศัตรูที่ดี เพราะถ้าข้าศึกรุกรานเข้ามาแล้วไม่ชำนาญก็อาจจะทำให้เรือล่มบริเวณน้ำวนได้
- ตามรอยขนมไทยท้าวทองกีบม้า
ท้าวทองกีบม้า อีกหนึ่งบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์และมีอยู่ในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ซึ่งท่านเป็นผู้ที่คิดค้นดัดแปลงขนมโปรตุเกสให้กลายมาเป็นขนมไทยสุดอร่อย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น
ภาพจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
ปัจจุบันทายาทของท้าวทองกีบม้ายังคงดำเนินตามรอยของท้าวทองกีบม้า มีการทำขนมไทยสืบทอดสูตรมาหลายร้อยปี โดยทายาทของท้าวทองกีบม้า ก็คือ นางมะลิ ภาคาภร ได้ตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนขนมไทย ต้นตำรับท้าวทองกีบม้าขึ้น ณ ซอยเกาะเรียน 13 ตำบลเกาะเรียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีการทำขนมไทยทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมอื่น ๆ จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวและยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมดูวิธีการทำด้วย - วัดพุทไธศวรรย์
ภาพจาก ช่อง 3
วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันตก บริเวณตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 1896 วัดนี้ไม่ได้ถูกกองทัพพม่าทำลายมากนัก ปัจจุบันจึงยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ สิ่งที่โดดเด่นภายในวัดก็คือ "ปรางค์พระประธาน" มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบขอมสีขาวสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งอื่น ๆ ที่น่าเที่ยวชม อาทิ มณฑป 2 หลังที่อยู่ด้านข้างของปรางค์พระประธาน, พระอุโบสถ, หมู่พระเจดีย์สิบสององค์, วิหารพระนอน, พระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์, พระนอน เป็นต้น
- วัดไชยวัฒนาราม
ภาพจากช่อง 3
ภาพจากช่อง 3
วัดไชยวัฒนาราม เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในช่วง พ.ศ. 2173 โดยพระเจ้าปราสาททอง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ละมุมของฐานมีปรางค์ประจำทิศตั้งอยู่ด้วย ซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนต้น นอกจากนี้ก็ยังมีจุดอื่น ๆ ที่ห้ามพลาด อาทิ ระเบียงคด, พระอุโบสถ, เมรุ, ภาพปูนปั้น, พระประธาน เป็นต้น เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-16.00 น. *** ทั้งนี้ในวันที่ 24 มีนาคม - 30 เมษายน 2561 จะมีการเปิดให้เข้าชมได้จนถึงเวลา 21.00 น. แต่ต้องซื้อบัตรก่อนเวลา 19.30 น. ***
สำหรับการเดินทางในอยุธยานั้น ถ้าใครที่ไม่ได้ขับรถยนต์มาเอง สามารถเช่าเหมารถตุ๊กตุ๊กในเมืองอยุธยาให้พาเที่ยวได้ค่ะ วันละประมาณ 1,000-1,500 บาท นั่งได้ประมาณ 6 คน การเดินทางมายังจังหวัดอยุธาสามารถมาได้ทั้งรถตู้โดยสารสาธารณะ และรถไฟค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอยุธยา โทรศัพท์ 0 3524 6076
และอีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะฝากกันไว้ก็คือการเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก ควรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- ห้ามนั่งและปีนป่ายขึ้นโบราณสถาน
- ห้ามหยิบหรือเก็บโบราณวัตถุกลับบ้าน
- ห้ามสัมผัสในจุดที่มีการแจ้งเตือน เพราะอาจจะเป็นจุดที่บอบบางจนเกิดความเสียหายได้ง่าย
- ห้ามขีดเขียนพื้น กำแพงบริเวณโบราณสถาน และบนโบราณวัตถุ
- ไม่เคลื่อนย้ายสิ่งต่าง ๆ ภายในโบราณสถาน
- ไม่นำอาวุธ วัตถุระเบิด วัตถุเชื้อเพลิง หรือสารเคมีอันจะก่อให้เกิดอันตรายเข้าไปในโบราณสถาน
- ไม่ทิ้งขยะไว้ในบริเวณโบราณสถาน หรือสถานที่ที่ไม่ใช่ที่ทิ้งขยะ
- ไม่กระทำการใด ๆ ภายในโบราณสถาน อันเป็นที่น่ารังเกียจ หรือเป็นที่เสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดี หรือลบหลู่ดูหมิ่นศาสนา และวัฒนธรรม หรือก่อความรำคาญแก่ผู้อื่นที่เข้าชม โดยผู้ใดละเมิดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
มีเวลาวันเดียวก็เที่ยวอยุธยาแบบได้ทั้งความรู้ทางประวัติศาสตร์และได้ตามรอยบุพเพสันนิวาสแบบเต็ม ๆ กันอีกด้วย ลองวางแผนกันดูนะคะ ว่าสะดวกกันแบบไหน และอย่าลืมแต่งชุดไทยสวย ๆ ไปถ่ายรูปกันด้วยนะคะ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ช่อง 3, ททท., อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และ putthaijatukam.com