ตามรอยละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ไปเที่ยววัดต่าง ๆ ในอยุธยา ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และยังคงมีความสวยงาม น่าเที่ยวชม เหมาะแก่การพาคนในครอบครัวไปเที่ยวในวันหยุด
บุพเพสันนิวาส กระแสเขาแรงดีไม่มีตกจริง ๆ ค่ะ นอกจากคนดูจะติดกันงอมแงมแล้ว บรรดาสถานที่ถ่ายทำและสถานที่ที่เกี่ยวข้องในละครเรื่องนี้ต่างก็ได้รับความนิยมไปด้วย อย่างวัดไชยวัฒนาราม ก็แทบแตกในช่วงวันหยุด มีนักท่องเที่ยวมากมายแต่งชุดไทยไปเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น อ๊ะ ๆ ใช่ว่าจะมีเพียงแค่วัดไชยวัฒนารามเท่านั้นนะคะที่สำคัญในละครเรื่องนี้ ยังมีอีกหลายวัดที่ถูกพูดถึงค่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่ามีวัดไหนให้ได้ไปตามรอยบ้าง
บุพเพสันนิวาส กระแสเขาแรงดีไม่มีตกจริง ๆ ค่ะ นอกจากคนดูจะติดกันงอมแงมแล้ว บรรดาสถานที่ถ่ายทำและสถานที่ที่เกี่ยวข้องในละครเรื่องนี้ต่างก็ได้รับความนิยมไปด้วย อย่างวัดไชยวัฒนาราม ก็แทบแตกในช่วงวันหยุด มีนักท่องเที่ยวมากมายแต่งชุดไทยไปเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น อ๊ะ ๆ ใช่ว่าจะมีเพียงแค่วัดไชยวัฒนารามเท่านั้นนะคะที่สำคัญในละครเรื่องนี้ ยังมีอีกหลายวัดที่ถูกพูดถึงค่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่ามีวัดไหนให้ได้ไปตามรอยบ้าง
วัดไชยวัฒนาราม เป็นสถานที่สำคัญที่ถูกกล่าวถึงหลายครั้งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญที่เกศสุรางค์และเรืองฤทธิ์ได้มาสำรวจทางโบราณคดีที่นี่ แล้วพบเจอกับวิญญาณของการะเกด ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุและสลับวิญญาณกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเลยก็ว่าได้
ปัจจุบันวัดไชยวัฒนารามตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านตะวันตกของเกาะเมืองเก่าอยุธยา เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 แห่งอาณาจักรอยุธยาโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2173 ซึ่งเป็นที่อยู่ที่สุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ของพระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในช่วงที่ยังไม่เสวยราชสมบัติ เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แล้ว จึงโปรดให้สร้างวัดไชยวัฒนารามนี้ขึ้น เพื่ออุทิศผลบุญให้แก่พระราชมารดา สถาปัตยกรรมของวัดไชยวัฒนาราม จะมีรูปแบบคล้ายกับศิลปะขอม คือมีพระปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง และมีปรางค์บริวารอยู่รายล้อม บางตำราจึงกล่าวกันว่าพระเจ้าปราสาททองสร้างที่นี่ขึ้นก็เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเขมร
สิ่งที่โดดเด่นในวัดไชยวัฒนาราม อาทิ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ, ระเบียงคต, พระอุโบสถ ภาพปูนปั้น เป็นต้น ด้วยความที่มีความสมบูรณ์แบบในแง่ประวัติศาสตร์ที่นี่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2534 รวมกับสถานที่สำคัญอื่น ๆ ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
การเข้าเที่ยวชม วัดไชยวัฒนาราม สามารถเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-16.00 น. และจะมีการส่องไฟไปยังโบราณสถานทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.30 น.
2. วัดพุทไธศวรรย์
วัดพุทไธศวรรย์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ถูกกล่าวถึงในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ตามเนื้อเรื่องที่นี่จะเป็นสถานที่ฝึกดาบและอาคมของลูกศิษย์ท่านอาจารย์ชีปะขาว และการถ่ายทำฉากที่เกศสุรางค์หลุดผ่านม่านมนตร์เข้ามายังด้านในสถานที่ฝึกดาบอาคมนั้นก็ถ่ายทำกันที่วัดแห่งนี้ด้วย
วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันตกของเกาะเมืองเก่าอยุธยา ที่ตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นสถานที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อครั้งที่ทรงอพยพมาอยู่กรุงศรีอยุธยาในช่วงก่อนที่จะมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ตรงกับ พ.ศ. 1896 รวมมีอายุกว่า 665 ปี
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดพุทไธศวรรย์ อาทิ พระมหาธาตุ, พระระเบียง, พระพุทธรูปรอบพระระเบียง, วิหารพระพุทไธศวรรย์ (วิหารพระนอน), พระอุโบสถ, ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์, พระอนุสาวรีย์กษัตริย์ 3 พระองค์, จิตรกรรมฝาผนัง เป็นต้น สามารถเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
3. วัดพระราม
วัดพระราม ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส โดยฉากสำคัญที่เกี่ยวข้องกับวัดนี้จะอยู่ตอนที่ขุนศรีวิสารวาจา (หมื่นสุนทรเทวา) พาเกศสุรางค์ไปเที่ยวชมงานแข่งเรือ และก่อกองทรายกันที่วัดพระราม
วัดพระราม ตั้งอยู่ใจกลางเกาะเมืองเก่าอยุธยา ใกล้กับสวนสาธารณะพระราม เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสวยงามมาก ๆ ของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระราเมศวร ราวปี พ.ศ. 1912 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ในบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) พระราชบิดา มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตโอ่อ่า โดดเด่นด้วยพระปรางค์ตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้นซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเขมร และมีบึงน้ำกว้างใหญ่อยู่หน้าวัด หรือที่เรียกกันว่าบึงพระราม นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมที่นี่ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
4. วัดพนัญเชิงวรวิหาร
ภาพจาก martinho Smart / Shutterstock.com
วัดพนัญเชิงวรวิหาร จะถูกเอ่ยถึงให้เป็นสถานที่นัดหมายกันของขุนศรีวิสารวาจา ขุนเรืองอภัยภักดี และหลวงสรศักดิ์ ในตอนที่จะไปเผาทำลายคลังสินค้าของอังกฤษ
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี และยังได้พระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง สิ่งที่น่าสนใจของวัดแห่งนี้และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกก็คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ ศิลปะสมัยอู่ทองตอนปลาย ขนาดหน้าตัก 14.20 เมตร สูง 19.20 เมตร ประดิษฐานสง่างามอยู่ภายในพระอุโบสถ ชาวไทยเชื้อสายจีนจะเรียกกันว่า ซำปอกง
นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ พระพุทธรูปปูนปั้น 3 องค์ภายในพระอุโบสถ, พระวิหารเขียน, พระวิหารหลวง, ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นต้น วัดพนัญเชิงวรวิหารเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
5. วัดใหญ่ชัยมงคล
วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญในสมัยอยุธยา และแน่นอนว่าในเรื่องบุพเพสันนิวาสวัดนี้ก็ต้องพูดถึงอยู่บ้าง ซึ่งตามเนื้อเรื่องนั้นวัดใหญ่ชัยมงคลจะถูกพูดถึงว่าเป็นสถานที่เล่าเรียนหนังสือของลูกบ่าวกับออกญาโหราธิบดี
วัดใหญ่ชัยมงคล ก็เป็นอีกหนึ่งวัดดังของอยุธยา ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่ไปเที่ยวอยุธยาหากไม่ได้ไปเยือนวัดใหญ่ชัยมงคลก็เหมือนไปไม่ถึงอยุธยา วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ช่วงสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 มีการกล่าวกันว่าพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดศพเจ้าแก้วซึ่งทิวงคตด้วยอหิวาตกโรคขึ้นมาเผา แล้วโปรดให้สถาปนาเป็นพระอารามนามว่า วัดป่าแก้ว ต่อมามีคณะสงฆ์ที่ได้ไปร่ำเรียนมาจากสำนักพระวันรัตน์มหาเถร ประเทศศรีลังกา มาบวชเรียนอยู่ที่นี่ ผู้คนก็เลื่อมใสเป็นที่เลื่องลือไปทั่วอยุธยา จึงมีการตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายนี้เป็นสมเด็จพระวันรัตน์มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายขวาคู่กับพระพุทธโฆษาจารย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ายคันถธุระ มีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายซ้าย
สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ ก็คือ พระเจดีย์ชัยมงคล หรือพระเจดีย์ใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. 2135 เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่าที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี จึงได้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ ต่อมาชาวบ้านก็เรียกวัดนี้ว่า วัดใหญ่ชัยมงคล
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมวัดใหญ่ชัยมงคลได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ watyaichaimongkol.net
แต่ละวัดก็มีความสวยงามไม่แพ้กันเลยใช่ไหมคะ และยังอยู่ไม่ไกลกันด้วย สะดวกสบายในการท่องเที่ยวสำหรับทั้งคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวและไม่มีรถ ใครไม่มีรถส่วนตัวก็เช่าเหมารถตุ๊กตุ๊ก หรือมอเตอร์ไซค์ขี่ชิล ๆ กันได้ค่ะ แอดมินขอตัวไปค้นชุดไทยในตู้ก่อนนะคะ จะไปตามรอยแม่หญิงการะเกด :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, , , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอยุธย, unesco.org, thai.tourismthailand.org, ayutthaya.go.th, ayutthaya.go.th, ayutthaya.go.th, วัดใหญ่ชัยมงคล, watyaichaimongkol.net