12 โลเคชั่นถ่ายทำ La La land สวยโรแมนติกสุด ๆ

1. หอดูดาวกริฟฟิท (The Griffith Observatory)

          หอดูดาวกริฟฟิท สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของเมืองลอสแอนเจลิส ตั้งอยู่บนเนินเขา Mount Hollywood ใน Griffith Park สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,134 ฟุต ที่นี่จึงไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองลอสแอนเจลิสอีกด้วย นอกจากนี้ตัวอาคารยังมีรูปแบบคลาสสิก สร้างความโรแมนติกให้กับที่แห่งนี้อีกเท่าตัว เราจะได้เห็นความโรแมนติกของที่นี่ในฉากที่ Sebastian และ Mia ไปเที่ยวชมในยามค่ำคืนหลังจากที่ชมภาพยนตร์เรื่อง Rebel Without a Cause ด้วยกัน

2. กริฟฟิท ปาร์ค (Griffith Park)


          อีกหนึ่งฉากสำคัญของภาพยนตร์ La La Land คือฉากที่ Sebastian และ Mia เต้นรำด้วยกันในบทเพลง A Lovely Night บนจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของลอสแอนเจลิส ซึ่งฉากนี้ก็ได้ถ่ายทำกันที่บริเวณ Cathy’s Corner ในกริฟฟิท ปาร์ค นั่นเอง โดยจุดนี้จะสามารถเห็นเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟ โดยมีภูเขาลูกใหญ่เป็นฉากอยู่ด้านหลังอย่างสวยงาม บอกเลยว่าบรรยากาศดีระดับสิบดาว จนอยากชวนคนข้าง ๆ ไปเช็กอินวันนี้พรุ่งนี้เลยทีเดียว  

3. ชายหาดเฮอร์โมซา (Hermosa Beach)



          ชายหาดเฮอร์โมซา เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงมาก ๆ แห่งหนึ่งของลอสแอนเจลิส ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง Manhattan Beach และ Redondo Beach ชายหาดแห่งนี้มีถนนทอดยาวริมชายหาดอย่างดี สะอาดสะอ้าน บริเวณชายหาดยังเงียบสงบ สามารถลงเล่นน้ำได้ และมีกิจกรรมทางน้ำให้ได้สนุกอีกมากมาย รวมทั้งมีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พักให้บริการหลากหลายสไตล์ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ ที่ตั้งอยู่ริมชายหาดให้ได้มานั่งชิล ๆ กันเพียบ

          โดยเฉพาะบริเวณท่าเทียบเรือเฮอร์โมซา (Hermosa Pier) ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางชายหาดเฮอร์โมซา แลนด์มาร์กสำคัญของลอสแอนเจลิส ที่นี่เป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่ยื่นออกไปในทะเล จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตในการมาชมพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเย็นย่ำ และนั่งสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวของลอสแอนเจลิสที่คู่รักชอบพากันมาออกเดท ดั่งที่เห็นในฉากที่ Sebastian ไปเดินเล่นที่บริเวณท่าเรือ และขับร้อง พร้อมกับเต้นไปกับบทเพลง City of Stars

4. The Lighthouse Cafe



          The Lighthouse Cafe ตั้งอยู่บริเวณชายหาดเฮอร์โมซา เป็นไนต์คลับที่มีชื่อเสียงของลอสแอนเจลิส โดยนักท่องเที่ยวจะทราบกันดีว่าคลับแห่งนี้เป็นสถานที่ฟังเพลงแจ๊สที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของลอสแอนเจลิส มีนักดนตรีแจ๊สชื่อดังระดับโลกมากมายเคยมาเปิดการแสดงที่นี่ ในภาพยนตร์เราจะได้เห็นคลับแห่งนี้ในฉากที่ Sebastian พา Mia ไปฟังดนตรีแจ๊ส ซึ่งเป็นสไตล์ที่เขาชอบมาก ๆ

5. Colorado Street Bridge



          Colorado Street Bridge ตั้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ อย่างพาซาดีนา (Pasadena) ภายในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสะพานคอนกรีตที่มีเอกลักษณ์สวยงามในสไตล์สุดคลาสสิก สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1913 สูงจากพื้นดินประมาณ 150 ฟุต ความสวยงามของสะพานแห่งนี้ถูกถ่ายทอดออกมาให้เราได้เห็นในภาพยนตร์ La La Land ฉากที่ Sebastian พา Mia เดินเล่นในยามเย็น

6. ถนนสาย Century Freeway I-105 และ Harbor Freeway I-110 Interchange



          ถนนทั้ง 2 เส้นนี้เป็นถนนสายสำคัญในลอสแอนเจลิส ซึ่งจะมีถนนเส้นอื่น ๆ มาตัดกันอีกหลายสาย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของแคลิฟอร์เนียเลยทีเดียว ผู้สร้างภาพยนตร์ La La Land ก็ได้เลือกบริเวณนี้เป็นฉากเปิดเรื่องสุดอลังการ มีการร้องและเต้นอย่างสนุกสนาน จนแทบอยากจะลุกจากเก้าอี้ขึ้นไปเต้นด้วยเลยเชียว


7. Watts Towers

          Watts Towers ที่เที่ยวห้ามพลาดของลอสแอนเจลิส เป็นผลงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกใหม่ สร้างโดย Simon Rodia โดยใช้เหล็กเส้นเป็นโครงสร้างสำคัญ ตัวของ Watts Towers มีรูปร่างคล้ายกรวยแหลม โดยอาคารที่สูงที่สุดนั้นมีความสูงประมาณ 30 เมตร และบริเวณโดยรอบยังมีการตกแต่งด้วยกระจกสีอย่างสวยงาม ที่นี่ปรากฏขึ้นในภาพยนตร์ La La Land ฉากที่ Sebastian และ Mia ตระเวนเที่ยวรอบ ๆ ลอสแอนเจลิส ในช่วงหน้าร้อน

8. The Rialto Theatre



          The Rialto Theatre เป็นโรงภาพยนตร์เก่าแก่ของเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในก็มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ให้มีบรรยากาศสุดคลาสสิก เหมือนที่เราได้สัมผัสในฉากที่ Sebastian และ Mia ไปดูหนังด้วยกัน

9. Grand Central Market

          แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงตลาดซื้อ-ขายผัก-ผลไม้ธรรมดา แต่ก็เป็นจุดนัดพบที่สำคัญของชาวเมืองลอสแอนเจลิส ด้วยที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟท้องถิ่น และร้านขายของที่ระลึกมากมาย ซึ่งก็มีสินค้าให้เราได้ช้อปปิ้งหลากแบบ หลายสัญชาติ อีกทั้งยังมีร้านอาหารนานาชาติให้เลือกเดินกินกันอย่างจุใจ แม้จะเห็นตลาดแห่งนี้เพียงน้อยนิดใน La La Land แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความคลาสสิกของที่นี่อยู่ไม่น้อย

10. ร้าน Jar



          ร้าน Jar ปรากฏขึ้นในฉากที่ Mia ไปดินเนอร์กับแฟนหนุ่มในร้านอาหาร ซึ่งร้านนี้เป็นสเต๊กสไตล์อเมริกันสุดหรูหราชื่อดังของลอสแอนเจลิส ที่มีดีทั้งรสชาติของอาหารและบรรยากาศร้าน ที่สำคัญหุ้นส่วนของร้านยังเป็นคนไทย (Preech Narkthong) เราจึงจะได้ทานสเต๊กสไตล์อเมริกันที่ผสมผสานรสชาติความอร่อยแบบเอเชียเข้าไปด้วย ใครไปเที่ยวลอสแอนเจลิสก็อย่าพลาดแวะไปเช็กอินที่ร้านนี้กันนะคะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ thejar.com

11. ร้าน The Smoke House



          ร้าน The Smoke House เป็นโลเคชั่นที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ La La Land อีกหนึ่งซีนเลยทีเดียว โดยเป็นฉากที่ Sebastian มาเล่นเปียโนภายในร้านอาหาร (Lipton\'s restaurant) แล้ว Mia ก็ตามเสียงนั้นเข้ามาในร้าน จนได้พบกับ Sebastian

          ร้าน The Smoke House เป็นร้านอาหารเก่าแก่ของลอสแอนเจลิส เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 เสิร์ฟอาหารสไตล์อเมริกัน มีการตกแต่งภายในอย่างเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น อีกทั้งยังมักมีการแสดงดนตรีสดให้ได้ฟังกันอยู่เรื่อย ๆ อีกด้วย

12. Angels Flight Railway

          Angels Flight Railway เป็นรถรางสาธารณะที่ให้บริการเพื่อเชื่อมระหว่างดาวน์ทาวน์ของลอสแอนเจลิสและย่าน Bunker Hill เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 ถือได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของลอสแอนเจลิสเลยทีเดียว ที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะต้องมาเช็กอินกันให้ได้ แล้วแบบนี้ในฉากที่ Sebastian และ Mia พากันตะลุยลอสแอนเจลิส จะไม่มีรถรางแห่งนี้ไปได้อย่างไร

          เห็นแต่ละสถานที่ในลอสแอนเจลิสแล้ว บอกได้คำเดียวว่าสวยมาก สวยจนอยากแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวตอนนี้เลยเชียว แต่ติดอย่างเดียว...กระเป๋าตังค์แฟบจัง T^T เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวแคลิฟอร์เนีย ก็อย่าพลาดที่จะไปโฉบเฉี่ยวกับเมืองลอสแอนเจลิสกันดูสักครั้งนะคะ รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องหลงรักเมืองนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ :)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
griffithobservatory.org, imdb.com, nps.gov, atlasofwonders.com, rialtotheatre.com, grandcentralmarket.com, thejar.com, smokehouse1946.com, The Smoke House Restaurant, metro.net, lalaland.movie, La La Land