ขุนช่างเคี่ยน กับข้อควรรู้การไปเที่ยวสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ดินแดนแห่งดอกนางพญาเสือโคร่ง หนึ่งในเส้นทางดอกไม้สีชมพูของเชียงใหม่ ปลายฤดูหนาวนี้ต้องไปสัมผัส
ถ้าถามหาสถานที่ท่องเที่ยวชมซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่ง เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึง "ขุนช่างเคี่ยน" จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชื่อแรก ๆ
เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งที่เยอะมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
และยังเป็นยอดดอยที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม
ยิ่งถ้าได้ไปเที่ยวชมช่วงหน้าหนาวทั้งดอยก็จะสวยงามโรแมนติกสุด ๆ
และเพราะความสวยงามของขุนช่างเคี่ยนนี่เองที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยต้องการไปเที่ยวชม
วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับดอยขุนช่างเคี่ยนมาฝากกันค่ะ เผื่อใครยังไม่เคยไป ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน จะได้เก็บไปเป็นข้อมูลสำหรับการเดินทางไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยนในช่วงหน้าหนาวนี้กัน :)
1. ขุนช่างเคี่ยน มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า "สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน" ตั้งอยู่ในตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง และตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
2. ขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่บนยอดดอยสูงประมาณ 1,200-1,300 เมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 262 ไร่ ภายในแปลงพืชหลักมีกาแฟอาราบิก้า ไม้ผลเมืองหนาว พืชผักเมืองหนาว และพืชอื่น ๆ ให้ได้เที่ยวชม
3. สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน แบ่งออกเป็น Site A และ Site B โดยจุดที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมมากที่สุดจะอยู่บริเวณ Site A
4. ต้องทำความเข้าใจกันสักนิดว่าขุนช่างเคี่ยนไม่ใช่สถานที่ที่จัดทำขึ้นเพื่อการท่องเที่ยว แต่ที่นี่เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับพืชเมืองหนาวของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะฉะนั้นจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป
5. จริง ๆ แล้วขุนช่างเคี่ยนเป็นสถานที่วิจัยและปลูกกาแฟอาราบิก้า แต่ได้มีการนำต้นนางพญาเสือโคร่งมาปลูกทำรั้ว พอถึงฤดูกาลที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นยอดดอยที่สวยงาม
6. นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นไปเที่ยวชมขุนช่างเคี่ยน หากเป็นช่วงฤดูกาลปกติ (ดอกนางพญาเสือโคร่งยังไม่บาน) ก็จะมีเพียงไร่กาแฟให้ได้ชื่นชม แต่ก็คุ้มค่าต่อการขึ้นไปเที่ยว เพราะกาแฟอาราบิก้าที่นี่รสชาติหอมอร่อย มีร้านกาแฟเล็ก ๆ ไว้รอต้อนรับ ธรรมชาติของป่าเขายังอุดมสมบูรณ์ และอากาศยังเย็นสบายอีกด้วย
7. สำหรับใครที่ต้องการไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยน เพื่อชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระเมืองไทย จะต้องขึ้นไปเที่ยวชมช่วงเดือนมกราคม ซึ่งดอกไม้จะบานช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และจะบานเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้น ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
อัปเดต ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ดอกนางพญาเสือโคร่งยังไม่ออกดอก คาดว่าจะเริ่มมีตุ่มดอกช่วงปลายเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศโดยรวม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
8. ขุนช่างเคี่ยน อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ ของเชียงใหม่อย่างดอยสุเทพ, พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์, หมู่บ้านม้งดอยปุย และหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ฯลฯ
9. ขุนช่างเคี่ยน มีที่พักไหม ? มีค่ะ... แต่ ! จะเปิดให้เข้าพักเฉพาะช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเท่านั้น โดยจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม บ้านพักนี้เป็นบ้านพักที่ทำไว้ให้นักศึกษาที่ขึ้นไปฝึกงานได้พักผ่อน เพราะฉะนั้นถ้ามีนักศึกษาพักอยู่ ทางสถานีก็จะไม่เปิดให้เข้าพัก ต้องโทรศัพท์สอบถามก่อนการเดินทาง (จองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน)
10. แล้วลานกางเต็นท์ขุนช่างเคี่ยนล่ะ ? ภายในสถานีไม่มีลานกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะต้องมากางเต็นท์ในพื้นที่ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 4 กิโลเมตร โดยมีรายละเอียดการเช่าเต็นท์ ดังนี้
- ค่าบริการ เต็นท์ขนาด 3 คน รวมเครื่องนอน ราคา 405 บาท/คืน (ค่าบริการเฉพาะเครื่องนอน : ถุงนอน 30 บาท/คน/คืน ที่รองนอน 20 บาท/คน/คืน หมอน 10 บาท/คน/คืน)
- ค่าบริการในการใช้พื้นที่กรณีไม่ใช้เต็นท์ของอุทยานต้องชำระค่าใช้พื้นที่ตามขนาดเต็นท์ ในราคา 30 บาท/คน/คืน เช่น เอาเต็นขนาด 4 คนนอนมากางเอง ต้องชำระค่าเช่าใช้พื้นที่ 4x30 = 120 บาท/คืน แม้ว่าจะนอนไม่เต็มเต็นท์ก็ตาม
สามารถจองเต็นท์ล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก 60 วัน ได้ที่เว็บไซต์ nps.dnp.go.th หรือจะเข้าติดต่อที่จุดกางเต็นท์ของอุทยานที่ลานกางเต็นท์ยอดดอยปุยเลยก็ได้
11. นอกจากนี้ยังมีโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ขุนช่างเคี่ยน ให้ได้พักผ่อนและสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาอีกด้วย โดยโฮมสเตย์จะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน (ห่างจากสถานีไปไม่เกิน 1 กิโลเมตร) และหมู่บ้านม้งดอยปุย
12. บนขุนช่างเคี่ยน ไม่มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ มีเพียงร้านกาแฟเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ก็จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน และร้านค้าของชาวบ้านที่อยู่บนเส้นทางมาที่นี่ ซึ่งไม่ได้มีสินค้าที่หลากหลายเหมือนร้านค้าในเมือง เพราะฉะนั้นถ้าจะขึ้นไปนอนค้างคืนข้างบนควรเตรียมตัวให้พร้อม
13. การเดินทางขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปเองได้ (รถยนต์ก็ขึ้นได้) แต่ควรจะต้องชำนาญทั้งเส้นทางและการขับรถ เพราะถนนยังแคบและชัน ถ้าไม่มั่นใจให้เช่าเหมารถแดงขึ้นไปดีกว่า
14. หากมั่นใจว่าจะขับรถขึ้นไปเอง จากตัวเมืองเชียงใหม่ให้ใช้เส้นทางถนนห้วยแก้ว ขึ้นดอยสุเทพ ผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แล้วไปเลี้ยวตรงแยกขวา ที่สามแยกไปหมู่บ้านม้งดอยปุย เมื่อเลี้ยวไปยังเส้นทางขุนช่างเคี่ยน ต้องระมัดระวังในการขับขี่ เพราะถนนค่อนข้างแคบ ขับไปเรื่อย ๆ จะเห็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แล้วขับไปอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร จะถึงสถานี
15. ถ้าใครไม่มีรถก็สามารถเช่าเหมารถแดงขึ้นไปเที่ยวชมได้ จะเช่าแบบไปเช้า-เย็นกลับก็ได้ หรือถ้าใครตั้งใจไปค้างคืน ก็สอบถามเรื่องราคาและนัดหมายเรื่องเวลากับเจ้าของรถได้เลย โดยเฉลี่ยถ้าขึ้นไปเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ จะอยู่ที่ประมาณคนละ 500 บาท แต่ถ้าไปส่งยังลานกางเต็นท์แล้วให้ไปรับในรุ่งเช้าอีกวัน ก็อยู่ที่ประมาณคนละ 500-700 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง)
16. สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5394 4052, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทรศัพท์ 0 5321 0244 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5324 8604-5, 0 5324 8607
ใครที่อยากเห็นยอดดอยขุนช่างเคี่ยนเป็นสีชมพูหวาน และอยากสัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกนี้ ก็ตีตั๋วไปเที่ยวกันได้เลย เพราะหนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้นนะ :)
หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ และ agri.cmu.ac.th
วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับดอยขุนช่างเคี่ยนมาฝากกันค่ะ เผื่อใครยังไม่เคยไป ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน จะได้เก็บไปเป็นข้อมูลสำหรับการเดินทางไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยนในช่วงหน้าหนาวนี้กัน :)
1. ขุนช่างเคี่ยน มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า "สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน" ตั้งอยู่ในตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง และตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
2. ขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่บนยอดดอยสูงประมาณ 1,200-1,300 เมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 262 ไร่ ภายในแปลงพืชหลักมีกาแฟอาราบิก้า ไม้ผลเมืองหนาว พืชผักเมืองหนาว และพืชอื่น ๆ ให้ได้เที่ยวชม

3. สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน แบ่งออกเป็น Site A และ Site B โดยจุดที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมมากที่สุดจะอยู่บริเวณ Site A
4. ต้องทำความเข้าใจกันสักนิดว่าขุนช่างเคี่ยนไม่ใช่สถานที่ที่จัดทำขึ้นเพื่อการท่องเที่ยว แต่ที่นี่เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับพืชเมืองหนาวของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะฉะนั้นจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป
5. จริง ๆ แล้วขุนช่างเคี่ยนเป็นสถานที่วิจัยและปลูกกาแฟอาราบิก้า แต่ได้มีการนำต้นนางพญาเสือโคร่งมาปลูกทำรั้ว พอถึงฤดูกาลที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นยอดดอยที่สวยงาม

6. นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นไปเที่ยวชมขุนช่างเคี่ยน หากเป็นช่วงฤดูกาลปกติ (ดอกนางพญาเสือโคร่งยังไม่บาน) ก็จะมีเพียงไร่กาแฟให้ได้ชื่นชม แต่ก็คุ้มค่าต่อการขึ้นไปเที่ยว เพราะกาแฟอาราบิก้าที่นี่รสชาติหอมอร่อย มีร้านกาแฟเล็ก ๆ ไว้รอต้อนรับ ธรรมชาติของป่าเขายังอุดมสมบูรณ์ และอากาศยังเย็นสบายอีกด้วย
7. สำหรับใครที่ต้องการไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยน เพื่อชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระเมืองไทย จะต้องขึ้นไปเที่ยวชมช่วงเดือนมกราคม ซึ่งดอกไม้จะบานช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และจะบานเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้น ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
อัปเดต ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ดอกนางพญาเสือโคร่งยังไม่ออกดอก คาดว่าจะเริ่มมีตุ่มดอกช่วงปลายเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศโดยรวม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
8. ขุนช่างเคี่ยน อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ ของเชียงใหม่อย่างดอยสุเทพ, พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์, หมู่บ้านม้งดอยปุย และหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ฯลฯ

9. ขุนช่างเคี่ยน มีที่พักไหม ? มีค่ะ... แต่ ! จะเปิดให้เข้าพักเฉพาะช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเท่านั้น โดยจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม บ้านพักนี้เป็นบ้านพักที่ทำไว้ให้นักศึกษาที่ขึ้นไปฝึกงานได้พักผ่อน เพราะฉะนั้นถ้ามีนักศึกษาพักอยู่ ทางสถานีก็จะไม่เปิดให้เข้าพัก ต้องโทรศัพท์สอบถามก่อนการเดินทาง (จองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน)
10. แล้วลานกางเต็นท์ขุนช่างเคี่ยนล่ะ ? ภายในสถานีไม่มีลานกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะต้องมากางเต็นท์ในพื้นที่ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 4 กิโลเมตร โดยมีรายละเอียดการเช่าเต็นท์ ดังนี้
- ค่าบริการ เต็นท์ขนาด 3 คน รวมเครื่องนอน ราคา 405 บาท/คืน (ค่าบริการเฉพาะเครื่องนอน : ถุงนอน 30 บาท/คน/คืน ที่รองนอน 20 บาท/คน/คืน หมอน 10 บาท/คน/คืน)
- ค่าบริการในการใช้พื้นที่กรณีไม่ใช้เต็นท์ของอุทยานต้องชำระค่าใช้พื้นที่ตามขนาดเต็นท์ ในราคา 30 บาท/คน/คืน เช่น เอาเต็นขนาด 4 คนนอนมากางเอง ต้องชำระค่าเช่าใช้พื้นที่ 4x30 = 120 บาท/คืน แม้ว่าจะนอนไม่เต็มเต็นท์ก็ตาม
สามารถจองเต็นท์ล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก 60 วัน ได้ที่เว็บไซต์ nps.dnp.go.th หรือจะเข้าติดต่อที่จุดกางเต็นท์ของอุทยานที่ลานกางเต็นท์ยอดดอยปุยเลยก็ได้

11. นอกจากนี้ยังมีโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ขุนช่างเคี่ยน ให้ได้พักผ่อนและสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาอีกด้วย โดยโฮมสเตย์จะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน (ห่างจากสถานีไปไม่เกิน 1 กิโลเมตร) และหมู่บ้านม้งดอยปุย
12. บนขุนช่างเคี่ยน ไม่มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ มีเพียงร้านกาแฟเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ก็จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน และร้านค้าของชาวบ้านที่อยู่บนเส้นทางมาที่นี่ ซึ่งไม่ได้มีสินค้าที่หลากหลายเหมือนร้านค้าในเมือง เพราะฉะนั้นถ้าจะขึ้นไปนอนค้างคืนข้างบนควรเตรียมตัวให้พร้อม
13. การเดินทางขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปเองได้ (รถยนต์ก็ขึ้นได้) แต่ควรจะต้องชำนาญทั้งเส้นทางและการขับรถ เพราะถนนยังแคบและชัน ถ้าไม่มั่นใจให้เช่าเหมารถแดงขึ้นไปดีกว่า

14. หากมั่นใจว่าจะขับรถขึ้นไปเอง จากตัวเมืองเชียงใหม่ให้ใช้เส้นทางถนนห้วยแก้ว ขึ้นดอยสุเทพ ผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แล้วไปเลี้ยวตรงแยกขวา ที่สามแยกไปหมู่บ้านม้งดอยปุย เมื่อเลี้ยวไปยังเส้นทางขุนช่างเคี่ยน ต้องระมัดระวังในการขับขี่ เพราะถนนค่อนข้างแคบ ขับไปเรื่อย ๆ จะเห็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แล้วขับไปอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร จะถึงสถานี
15. ถ้าใครไม่มีรถก็สามารถเช่าเหมารถแดงขึ้นไปเที่ยวชมได้ จะเช่าแบบไปเช้า-เย็นกลับก็ได้ หรือถ้าใครตั้งใจไปค้างคืน ก็สอบถามเรื่องราคาและนัดหมายเรื่องเวลากับเจ้าของรถได้เลย โดยเฉลี่ยถ้าขึ้นไปเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ จะอยู่ที่ประมาณคนละ 500 บาท แต่ถ้าไปส่งยังลานกางเต็นท์แล้วให้ไปรับในรุ่งเช้าอีกวัน ก็อยู่ที่ประมาณคนละ 500-700 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง)

16. สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5394 4052, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทรศัพท์ 0 5321 0244 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5324 8604-5, 0 5324 8607
ใครที่อยากเห็นยอดดอยขุนช่างเคี่ยนเป็นสีชมพูหวาน และอยากสัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกนี้ ก็ตีตั๋วไปเที่ยวกันได้เลย เพราะหนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้นนะ :)
หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ และ agri.cmu.ac.th