ขุนช่างเคี่ยน กับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการไปเที่ยวสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ดินแดนแห่งดอกนางพญาเสือโคร่ง หนึ่งในเส้นทางดอกไม้สีชมพูของเชียงใหม่
ขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ที่ไหน
ใครที่อยากเห็นยอดดอยขุนช่างเคี่ยนเป็นสีชมพูหวาน และอยากสัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกนี้ ก็ตีตั๋วไปเที่ยวกันได้เลย เพราะหนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้นนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, เฟซบุ๊ก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่, เฟซบุ๊ก ขุนช่างเคี่ยนซากุระบนดอย, สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ถ้าถามหาสถานที่ท่องเที่ยวชมซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่ง เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึง ขุนช่างเคี่ยน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชื่อแรก ๆ เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งที่เยอะมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย
และยังเป็นยอดดอยที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม
ยิ่งถ้าได้ไปเที่ยวชมช่วงหน้าหนาว ทั้งดอยก็จะสวยงามโรแมนติกสุด ๆ
และเพราะความสวยงามของขุนช่างเคี่ยนนี่เองที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยต้องการไปเที่ยวชม วันนี้เราจึงได้รวบรวมเรื่องน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับขุนช่างเคี่ยนมาฝาก เผื่อใครยังไม่เคยไป ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน จะได้เก็บไปเป็นข้อมูลสำหรับการเดินทางไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยนในช่วงหน้าหนาวนี้กัน
ขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ที่ไหน
ขุนช่างเคี่ยน มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ในตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง และตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเส้นทางเดียวกับพระธาตุดอยสุเทพ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 32 กิโลเมตรเท่านั้น จึงถือเป็นแหล่งชมดอกพญาเสือโคร่งที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุด โดยอยู่บนยอดดอยที่ความสูงประมาณ 1,200-1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ขุนช่างเคี่ยน มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 262 ไร่ แบ่งออกเป็น Site A และ Site B โดยจุดที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมมากที่สุดจะอยู่บริเวณ Site A จัดทำขึ้นมาเป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับพืชเมืองหนาวของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถานที่วิจัยและปลูกกาแฟอาราบิก้า ไม้ผลเมืองหนาว พืชผักเมืองหนาว และพืชอื่น ๆ แต่ได้มีการนำต้นนางพญาเสือโคร่งมาปลูกทำรั้ว พอถึงฤดูกาลที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นยอดดอยที่สวยงาม
ขุนช่างเคี่ยน เที่ยวช่วงไหนดี
จริง ๆ แล้ว ขุนช่างเคี่ยนสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยหากนักท่องเที่ยวขึ้นไปในช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งยังไม่บาน ก็จะได้ชื่นชมกับไร่กาแฟ ลิ้มรสกาแฟอาราบิก้าที่มีรสชาติหอมอร่อย นั่งชิลเพลิน ๆ ที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติป่าเขาท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย
แต่ช่วงเวลายอดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเที่ยวที่ ขุนช่างเคี่ยน เพื่อชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระเมืองไทย จะต้องขึ้นไปเที่ยวชมช่วงเดือนมกราคม ซึ่งดอกไม้จะบานช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และจะบานเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้น ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
อัปเดต ณ วันที่ 26 มกราคม 2567 ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขุนช่างเคี่ยนเริ่มบานเต็มที่แล้ว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศโดยรวม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ขุนช่างเคี่ยนซากุระบนดอย หรือ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย Doi Suthep-Pui National Park โทรศัพท์ 0-5321-0244
อัปเดต ณ วันที่ 26 มกราคม 2567 ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขุนช่างเคี่ยนเริ่มบานเต็มที่แล้ว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศโดยรวม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ขุนช่างเคี่ยนซากุระบนดอย หรือ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย Doi Suthep-Pui National Park โทรศัพท์ 0-5321-0244
ที่พักขุนช่างเคี่ยน
หากใครอยากมาพักค้างอ้างแรมในขุนช่างเคี่ยน ที่นี่ก็มีลานกางเต็นท์และบ้านพักจัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน แต่บ้านพักในขุนช่างเคี่ยนจะเปิดให้เข้าพักเฉพาะช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเท่านั้น (ในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี) โดยต้องโทร. ไปจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน ถึงจะเข้าพักได้
ภาพจาก Korawat photo shoot / Shutterstock.com
สำหรับการตั้งแคมป์กางเต็นท์ ภายในสถานีไม่มีลานกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะกางเต็นท์ จะต้องมากางในพื้นที่ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 4 กิโลเมตร สามารถจองเต็นท์ล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก 60 วัน ได้ที่เว็บไซต์ nps.dnp.go.th หรือจะเข้าติดต่อที่จุดกางเต็นท์ของอุทยานที่ลานกางเต็นท์ยอดดอยปุยเลยก็ได้
นอกจากนี้ยังมีโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ขุนช่างเคี่ยน ให้ได้พักผ่อนและสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาอีกด้วย โดยโฮมสเตย์จะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน (ห่างจากสถานีไปไม่เกิน 1 กิโลเมตร) และหมู่บ้านม้งดอยปุย
นอกจากนี้ยังมีโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ขุนช่างเคี่ยน ให้ได้พักผ่อนและสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาอีกด้วย โดยโฮมสเตย์จะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน (ห่างจากสถานีไปไม่เกิน 1 กิโลเมตร) และหมู่บ้านม้งดอยปุย
การเดินทางขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน
นักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางขึ้นไปเที่ยวที่ขุนช่างเคี่ยน สามารถเริ่มต้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารสาธารณะ ดังนี้
• รถยนต์ : ใช้เส้นทางเดียวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร และจะต้องขับผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อถึงทางแยกให้เลี้ยวขวาไปยังหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน หลังจากที่ขับผ่านอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยแล้ว ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมกับเลี้ยวขวาก็จะถึงสถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนแล้ว แต่ระหว่างทางที่ขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน เส้นทางจะมีความแคบและคดเคี้ยวมากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีรถขับสวนทางอยู่ตลอดเวลา หากใครขับรถไม่ชำนาญแนะนำว่าให้นั่งรถสองแถวขึ้นไปจะปลอดภัยกว่า
• รถโดยสารสาธารณะ : บริเวณปากทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จะมีคิวรถสองแถวจอดรอรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน โดยจะพานำเที่ยวจุดใหญ่ ๆ เช่น พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ บ้านม้งดอยปุย และขุนช่างเคี่ยน สามารถจอยทริปกับคนอื่นหรือเหมารถทั้งคันก็ได้ (สอบถามราคาได้ที่หน้างาน)
• รถยนต์ : ใช้เส้นทางเดียวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร และจะต้องขับผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อถึงทางแยกให้เลี้ยวขวาไปยังหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน หลังจากที่ขับผ่านอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยแล้ว ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมกับเลี้ยวขวาก็จะถึงสถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนแล้ว แต่ระหว่างทางที่ขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน เส้นทางจะมีความแคบและคดเคี้ยวมากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีรถขับสวนทางอยู่ตลอดเวลา หากใครขับรถไม่ชำนาญแนะนำว่าให้นั่งรถสองแถวขึ้นไปจะปลอดภัยกว่า
• รถโดยสารสาธารณะ : บริเวณปากทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จะมีคิวรถสองแถวจอดรอรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน โดยจะพานำเที่ยวจุดใหญ่ ๆ เช่น พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ บ้านม้งดอยปุย และขุนช่างเคี่ยน สามารถจอยทริปกับคนอื่นหรือเหมารถทั้งคันก็ได้ (สอบถามราคาได้ที่หน้างาน)
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5394-4052, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทรศัพท์ 0-5321-0244 และ เฟซบุ๊ก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5324-8604-5, 0-5324-8607
ใครที่อยากเห็นยอดดอยขุนช่างเคี่ยนเป็นสีชมพูหวาน และอยากสัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกนี้ ก็ตีตั๋วไปเที่ยวกันได้เลย เพราะหนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้นนะ
บทความ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ทุ่งดอกไม้ อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้งขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, เฟซบุ๊ก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่, เฟซบุ๊ก ขุนช่างเคี่ยนซากุระบนดอย, สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช