เที่ยวสังขละบุรี ไม่มีรถส่วนตัว ชวนไปเที่ยวสังขละบุรี ที่เที่ยวกาญจนบุรีสุดฮอตกับสองสาวโสด ในแบบฉบับไม่มีรถส่วนตัว เที่ยวง่าย ๆ ในเวลา 3 วัน 2 คืน
สังขละบุรี เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนก็ยังคงมีเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย หลายคนคิดว่าสังขละบุรีอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมือง จึงน่าจะไปเที่ยวได้ยากหากไม่มีรถส่วนตัว อ๊ะ ๆ มาดูทางนี้ก่อนค่ะ เรามีการเดินทางของ คุณ Dinsor2bee สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาแนะนำ เป็นการเดินทางไปเที่ยวสังขละบุรีในแบบฉบับ 3 วัน 2 คืน ไม่มีรถส่วนตัว ทริปนี้บอกได้เลยว่าประทับใจและฟินกับบรรยากาศของสังขละบุรีสุด ๆ แต่จะมีรายละเอียดการเดินทางอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ
+++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน++กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่จะมา Review เกี่ยวกับการตะลุยสังขละบุรีของเรา เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ที่สนใจอยากไปเยือนเมืองนี้สักครั้ง++
การเดินทางครั้งนี้ได้ประโยชน์มากจากการตามอ่าน Review ใน Pantip โดยปกติจะเป็นผู้ตาม ไม่ค่อยเป็นผู้นำในการจัดทริปสักเท่าไร แต่เพื่อนสาวโสดที่ไปด้วยอีกหนึ่งคนเข้าขั้นแย่กว่า มาแต่ตัว ออกแต่ตังค์ เราเลยต้องลุยวางแผนด้วยตัวเอง ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ใช่มือโปรด้านถ่ายรูป รูปทั้งหมดได้จากมือถือกาก ๆๆ แต่อยากจะแชร์ให้กับคนที่สนใจไป ยังไงก็ลองตามไปเที่ยวกัน ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ
เราเดินทางไปวันที่ 22-24 ตุลาคม 2559 ในใจตอนหาที่เที่ยวไม่มีความรู้อะไรเลย นอกจากอยากไปสะพานมอญ เห็นเค้าถ่ายรูปกันสวย ๆ เอ้าลุยยยยยย !!! >>>>>> GOOOO
<<เริ่มเลยวันแรก>> ขาไปเราตั้งใจนั่งรถไฟไทย โดยจากการสอบถามข้อมูลรถไฟซึ่งจะมีอยู่ 2 ทางที่ไปได้
1. รถไฟฟรีจากสถานีธนบุรี (ไม่แนะนำเพราะคนจะเยอะ ร้อนนนนน ทุรนทุรายแน่นอน และอาจเรตอย่างมาก)
2. รถไฟจากหัวลำโพง เราไปแบบนี้ โดยทุกวันเสาร์ การรถไฟจะมีจัดท่องเที่ยวแบบ 1 day trip โดยปลายทางจะพาไปถึงสถานีน้ำตกไทรโยคน้อย
ราคาตั๋วคนละ 120 บาท รถไฟออก 06.30 น. แนะนำให้มาซื้อล่วงหน้า เพราะส่วนใหญ่จะเต็ม เป็นรถไฟชั้น 3 พัดลม อาจพบหมอกแดงได้ระหว่างทาง ดีตรงมีที่นั่งประจำ และดีตรงที่รถไฟจะแวะพักให้ซื้อของตรงจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้แก่ พระปฐมเจดีย์ (ของกินเพียบเลย) สะพานข้ามแม่น้ำแคว และน้ำตกไทรโยคน้อย โดยมีนายสถานีเป็นไกด์เล่านู่นนี่ให้ฟังแบบฮา ๆๆ ด้วย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก็ถึงสถานีน้ำตกไทรโยคน้อย ให้ลงสุดสถานีเลย ซึ่งรถไฟจะจอดให้นักท่องเที่ยวคนอื่นท่องเที่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง เป้าหมายของเราไม่ใช่น้ำตกแต่เป็นสังขละบุรี ฉะนั้นจะช้าอยู่ไยไปต่อโลด
เมื่อถึงน้ำตกไทรโยคน้อยให้เราข้ามฝั่งมาตรงแผงขายของ แล้วมารอรถบัสฉิ่งฉับตรงนั้น ราคาคนละ 130 บาท มันจะได้ฟีลลิ่งไปอีกแบบ
รถฉิ่งฉับนี่ล่ะ...จุดที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าการเดินทางไปสังขละจะต้องผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า เนินแล้วเนินเล่า หลับแล้วหลับเล่าก็ยังไม่ถึง โดยลุงคนขับจะแวะพักรถที่ทองผาภูมิก่อน ให้เข้าห้องน้ำประมาณ 40 นาที หลังจากนั้นก็เดินทางไปต่อ
เราใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นเกือบ 5 ชั่วโมง ก็จะมาถึง บขส.สังขละบุรี พอดีเลย T___T
ทีนี้ก็เริ่มหามอเตอร์ไซค์สิ กะว่าจะแว้นไปตลาด และขับไปสะพานมอญพรุ่งนี้เช้า เห็นบอกว่ามีร้านเช่าอยู่ตรงข้ามที่พัก ค่าเช่า 24 ชั่วโมง 200 บาท และต้องมีมัดจำ 100 บาท พร้อมเติมน้ำมันเต็มถังตอนเอามาคืน แต่คุณพระช่วย !! ไม่มีมอเตอร์ไซค์เหลือเลยสักคัน เนื่องด้วยเป็นช่วงวันหยุดยาว เราก็เลยโทร.เรียกพี่วินให้มารับพาไปหามอเตอร์ไซค์ที่ร้านอื่น วันนั้นพี่วินสุดแสนใจดี พาไปถึง 3 ร้านที่เปิดให้เช่า หมดจ้า....ไม่เหลือเลย T_T ต้องรอพรุ่งนี้เช้า เลยให้พี่วินไปส่งที่ถนนคนเดินแทน...พี่วินคิดเรา 80 บาท
ถนนคนเดินค่อนข้างเงียบ เนื่องจากเป็นช่วงไว้ทุกข์ของคนไทย แต่ร้านอาหารก็ยังคึกคักอยู่บ้าง มาสะดุดตาตรงเมนูหมูเสียบต้มในกะละมัง เมนูขึ้นชื่อของพม่า ก็เลยแวะกิน อื้อหืออออออออออ.....เด็ด แปลก มีทุกส่วนของหมูทั้ง 3 ชั้น ลิ้น ไส้ หัวใจ ไม้ละ 1 บาทเอง ชื่อร้านที่ไปกินคือร้านมูมู หมูจุ่มพม่า เค้าว่าเจ้านี้อร่อยสุด ถามคนท้องที่มา....
+++กินอิ่มก็เดินเล่น กลับที่พัก หมดไปวันแรกแบบสลบเหมือด+++
หมายเหตุประจำวันที่ 1 : ใครอยากซื้อยาหม่องพม่า ทานาคา แนะนำให้ไปซื้อที่ฝั่งพม่าจะถูกกว่า และให้ดูวันหมดอายุให้ดีนะ
วันที่ 2 เราตื่นตี 5 ครึ่ง เพื่อรีบเดินไปสะพานมอญ กลัวว่าคนจะเยอะ โอ้โห ! เยอะตั้งแต่เช้าตรู่เลย ถ่ายรูปแทบไม่ได้ ทุกคนมุ่งหน้าไปตักบาตรฝั่งมอญ ใช้เวลารอพระคุณเจ้าจนถึงประมาณ 7 โมง พระคุณเจ้าจากวัดหลวงพ่ออุตตมะก็ลงมารับบาตร ก็อิ่มบุญยามเช้ากันถ้วนหน้า ^_^
ฝากไว้ว่าตอนมาสะพานมอญไม่ต้องรีบซื้ออาหารใส่บาตรก็ได้ ฝั่งมอญมีขายเพียบเลย มีแบบชุดละ 99 บาท แถมชุดพื้นเมืองให้ใส่ถ่ายรูปด้วย มีเก้าอี้ให้นั่งอีกต่างหาก เรายังเสียดายไม่หาย อดใส่ชุดพื้นเมืองถ่ายรูปกับเค้าเลย เพราะเราไม่รู้ รีบซื้อมาจากฝั่งไทย เดินถือข้ามสะพานมา 400 เมตร ทำให้เป็นอุปสรรคในการถ่ายรูปพอสมควรเลย T_T
พอถึงแต่ละวัดจะมีไกด์มอญตัวน้อย ทำหน้าที่พาทัวร์และเล่าเรื่องราวประวัติให้ฟัง แถมยังถ่ายรูปให้อีกด้วย ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ โดยก่อนเข้าแต่ละวัดไกด์บอกว่ามีเคล็ดอยู่ "ก่อนเข้าโบสถ์ พี่จะขอพรได้ 3 ข้อ ให้เอามือแตะที่ผนังโบสถ์"
ข้อที่ 1 ขออนุญาตเข้าโบสถ์
ข้อที่ 2 กับ 3 พี่จะขออะไรก็ได้ พรนั้นจะเป็นจริง !!! (นี่ก็รออยู่นะ ผ่านมาสักพักแล้ว 555)
เริ่มที่วัดแรกวัดมอญ (วัดบ้านเก่า) จุดที่ตั้งของวัดนี้ อยู่ในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ คือมีแม่น้ำ 3 สายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำซองกาเลีย บีคลี่ และรันตี อันนี้ฟังจากไกด์ตัวน้อยมา ผิดถูกต้องขออภัย
วัดที่สองวัดไทย (วัดสมเด็จ)
วัดที่สามวัดกะเหรี่ยง (วัดศรีสุวรรณ) ถ้าน้ำลดจะสามารถเดินดูวัดได้เลย แต่ตอนเราไปน้ำขึ้น ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
เสร็จจากชมวัดเราก็ไปหาข้าวเช้ากินกันด้วยความหิวโซ โดยเป็นร้านโจ๊กชาวมอญ รสชาติจะเน้นจืด ๆๆ ให้ปรุงเอง
หนังท้องตึงก็เริ่มหนังตาหย่อน เลยกลับไปนอนเล่นที่บ้านพัก และหาเบอร์โทร.เพื่อติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์ และแล้วก็ได้ มีว่างอยู่ 1 คัน เลยต้องเรียกพี่วินคนเดิมให้ไปส่งเอารถอีกรอบ
ได้รถแว้นก็เลยไปที่ร้านกาแฟตาม review "Graph Café" เค้าบอกว่าต้องมาให้ได้ โดยพี่วินชี้ให้ดูก่อนได้รถมอเตอร์ไซค์ เราก็หาไปสิ ..... อ้าวเฮ้ย ! พอมาถึงมันไม่ใช่ชื่อร้านนี้ งงอยู่นาน จนมีนักท่องเที่ยวในร้านกำลังเดินออกมา และบอกว่าเป็นร้านนี้แหละ แต่เค้าเปลี่ยนชื่อไปเป็น "KafKafé" ร้านนี้อยู่ตำแหน่งเดียวกับบ้านพักญี่ปุ่นเลย เจ้าของร้านใจดีให้เราเดินชมบ้านพักได้ด้วย โดยเค้าบอกว่าร้านเก่าเค้าเซ้งกิจการไปแล้วไปเปิดที่เชียงใหม่ เค้าเลยต้องเปลี่ยนชื่อร้าน....
แป๊บ ๆ เที่ยงแล้ว ร้านอาหารที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ร้านตำอร่อยสังขละบุรี เป็นร้านห้องแอร์ อยู่ติดธนาคารกรุงไทยเลย ต้องบอกว่าดีงาม เจ้าของมาแนะนำเมนูเอง และที่เด็ดจนลืมไม่ลงก็คือส้มตำปูม้าจานละ 160 บาท แต่คุณภาพ 300 บาท ใครมีโอกาสได้ไปลิ้มลองต้องไปโดน ปูเป็นปู
อิ่มแล้ว พร้อมแล้ว เป้าหมายต่อไปคือเราจะข้ามเขตแดนไปเที่ยวพม่าที่ด่านเจดีย์ 3 องค์ ได้บัตรลดราคามาจากถนนคนเดินเมื่อคืน ให้ติดต่อ อบต.ต้น (รู้สึกจะมีเจ้าเดียว) หัวละ 300 บาท ก็ลุยเลยจ้า แว้นมอเตอร์ไซค์ไปประมาณ 1 ชั่วโมง ลมเย็น ๆๆ ฝนตกรำไร แดดเบา ๆๆ มีครบ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร กับการขี่มอเตอร์ไซค์ลงเขา ขึ้นเขาครั้งแรกในชีวิต
พอมาถึงก็มาติดต่อที่ อบต.ต้น เป็นร้านก่อนเข้าชายแดน และก็รอคนอีก 3 คน รถถึงจะออกได้ ส่วนใหญ่จะเน้นพาไปดูวัด ซึ่งก็จะมีวัดเสาร้อยต้น ที่ทำกำแพงเป็นรูปปั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เด็กมอญเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่ออุตตมะท่านตั้งใจสร้างล้อมรอบ แต่งบไม่พอ เห็นแล้วรู้สึกได้ถึงศรัทธาที่มั่นคงในพระพุทธศาสนาของชาวบ้านแถบนี้มาก
ฝั่งพม่านี่แหละที่บอกว่าของฝากถูกที่สุด ทั้งครีมทาหน้า ขัดผิว ยาหม่อง ไกด์จะพาไปแหล่งซื้อของก่อนกลับ และ Duty Free
เที่ยวพม่าเสร็จเราก็แว้นเพื่อไปสักการะที่วัดหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ที่หมู่บ้านชาวมอญ ก่อนจะถึงก็มาเก็บภาพสวย ๆ ที่สะพานปูนก่อนยามเย็น
ค่ำคืนนี้ฝากท้องที่ถนนคนเดินอีกรอบ...
<<เช้าวันที่ 3>> ตาม Target ที่หาเมื่อคืนเราตั้งใจว่าจะไปกิน "ขนมจีนเส้นสดป้าหยิน" ตาม review ร้านอยู่ไม่ไกล ลงสะพานมอญ เป็นร้านหัวมุมฝั่งซ้ายมือ
กินเสร็จก็แวะถ่ายรูปกับสะพานอีกรอบ
และเตรียมตัวเดินทางกลับ โดยขากลับเลือกกลับรถตู้ คนละประมาณ 160 บาท จากสังขละบุรี-บขส.กาญจนบุรี หลับแล้วหลับอีกก็ยังไม่ถึง ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง และเดินทางโดยรถตู้ กาญจนบุรี มาลงที่หมอชิตอีกประมาณ 2.5 ชั่วโมง
สังขละบุรียังเป็นเมืองที่สงบ ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ใจดี ยิ้มแย้ม และยังคงไว้ซึ่งอารยธรรมที่ดีงาม อากาศบริสุทธิ์ มาแล้วเหมือนได้มาปล่อยใจไปตามเวลาอย่างช้า ๆ พักผ่อน หลีกหนีจากความวุ่นวาย ว้าวุ่น ก็ได้แต่หวังไว้ลึก ๆ ในใจว่าสังขละบุรีจะไม่เจริญเกินไปทางด้านวัตถุ และยังรักษาความเจริญทางจิตใจนี้ไว้ตลอดไป
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Dinsor2bee สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม