เมื่อถึงวันเสาร์-อาทิตย์ทีไร เชื่อแน่ว่ามีหลายคนที่อยากจะหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เด็ด ๆ ไว้หนีความวุ่นวายและหามุมพักผ่อนสงบ ๆ สักที่ "นครนายก" น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เที่ยวใกล้กรุงที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะที่นี่ยังคงมีธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ เป็นเมืองในฝันใกล้กรุง รวมถึงกิจกรรมสนุก ๆ ให้ได้ทำทั้งครอบครัว ใครที่มาเที่ยวนครนายกเป็นต้องได้หอบความสุขกลับไปด้วยกันทุกคน
วันนี้เราเลยขอเอาใจคนชอบเที่ยว ด้วยตัวอย่างเส้นทางเที่ยวนครนายกแบบ 2 วัน 1 คืน มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองเที่ยวตามรอยกัน รับรองว่าเที่ยวไม่ยาก แถมได้ความสนุกแบบครบรสอีกด้วย
การเดินทางสู่นครนายก
นอกจากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางสู่นครนายกสามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี เช่น
- รถโดยสาร
การนั่งรถโดยสารเดินทางมายังจังหวัดนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถโดยสารได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด สายกรุงเทพฯ-นครนายก สามารถขึ้นรถโดยสารได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต 2), สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (รังสิต) และกรมขนส่งทางบก ซึ่งมีจุดลงรถอยู่หลากหลายจุดในตัวจังหวัดนครนายก ได้แก่ จุดจอดตำบลหินกอง จุดจอดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (องครักษ์) จุดจอดอำเภอองครักษ์ จุดจออดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (เขาชะโงก) สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครนายก สามารถตรวจสอบเที่ยวรถโดยสารและราคาได้ที่ busticket.in.th หรือ โทร. 1490
- รถตู้โดยสาร
การเดินทางไปเที่ยวนครนายก ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งจุดขึ้นรถเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-นครนายก ยังสามารถขึ้นได้หลายจุด ได้แก่ "สายกรุงเทพฯ-นครนายก" ขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณใต้ทางด่วน ฝั่งแฟชั่นมอลล์ และจาก "สายนครนายก-กรุงเทพฯ" ขึ้นรถที่โรงพยาบาลนครนายก และบริเวณสี่แยกไฟแดงนครนายก
ส่วนในตัวเมืองนครนายกมีรถโดยสารประจำทางไปยังอำเภอต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะได้หลายรูปแบบตามอัธยาศัย (สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีขนส่งนครนายก โทร. 037 314 660) นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารไปตามอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดสระบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คิวรถจะอยู่ในสถานีขนส่งทั้งสิ้น
เดินสายทำบุญสิริมงคลกันเสียก่อน
"หลวงพ่อปากแดง" ณ วัดพราหมณี ก็ดูจะเหมือนมาไม่ถึงนครนายก ตั้งอยู่ในตัวเมืองอำเภอนครนายก โดยใช้เส้นทางสายนครนายก-น้ำตกสาริกา เลยจากตัวจังหวัดมาประมาณ 4 กิโลเมตร จะเห็นป้ายใหญ่ ตั้งเด่นชัดเจนอยู่ริมถนนทางเข้าวัด เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุ 100 กว่าปี แถมยังขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่ว่าใครเดินทางมาขอพรก็ประสบความสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ต้องการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่วัดแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แห่แหนเดินทางมาสักการะหลวงพ่อปากแดงกันอย่างไม่ขาดสาย โดยวิธีบูชาหลวงพ่อนั้นมีหลากหลายรูปแบบวิธี (มีทั้งแบบไหว้บูชา หรือจะไหว้บูชาพร้อมบนบานศาลกล่าวก็มี) เช่น
1. จุดธูป 3 ดอก บูชาหลวงพ่อปากแดง
2. จุดธูป 3 ดอก เพื่อบนบานศาลกล่าว และเมื่อสำเร็จสมดังหวังแล้ว จะต้องมาแก้บนด้วยธูป 9 ดอกและสิ่งของที่บอกกล่าว เช่น กล้วยน้ำว้า, น้ำแดง, พวงมาลัย หรือสิ่งที่ตนเองบอกไว้
3. จุดธูป 6 ดอก บูชาเพื่อโชคลาภขอเรื่องใหญ่
4. ทุกวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ ให้ถวายของบูชาหลวงพ่อปากแดง ด้วยน้ำแดง กล้วยน้ำว้า ดอกดาวเรือง
5. ถวายน้ำเปล่าทุกวัน อย่าให้ขาด
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น "ศาลาอนุสาวรีย์ของอดีตกองพลญี่ปุ่นที่ 37" "ศาลหลวงพ่อโพธิ์" และ "วิหารเจ้าแม่กวนอิม" ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะอีกด้วย
ได้เวลาขาลุยสำรวจความงามของธรรมชาติ
หลังจากที่ไหว้สักการะหลวงพ่อปากแดงเอาฤกษ์เอาชัยกันแล้ว เรามุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังเส้นถนนสาริกา-นางรอง เพื่อพบกับน้ำตกสวย ๆ มากมาย โดยเดินทางจากวัดพราหมณีมาไม่ไกลเท่าไร ประเดิมสำรวจที่แรกกันที่ "น้ำตกสาริกา" น้ำตกขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะโยนตัวลงมาจากหน้าผาสูงชัน และมีความสูงถึง 9 ชั้นด้วยกัน เป็นน้ำตกที่เหมาะกับการเล่นน้ำ เพราะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง
ยิ่งในช่วงฤดูฝนที่น้ำไหลแรง นักท่องเที่ยวจะได้ยินเสียงน้ำที่ตกกระทบหินดังสนั่น น้ำกระเซ็นเป็นละอองขาว เป็นเสน่ห์ความงดงามที่ไม่ว่าใครก็อยากเดินทางมาเห็น (ภายในมีบริการห้องน้ำ ร้านอาหารและห่วงยางให้นักท่องเที่ยวได้เช่าเสร็จสรรพ)
เดินทางต่อจากน้ำตกสาริกามาสู่ "วังตะไคร้" สถานที่เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนของคนที่รักและชื่นชอบธรรมชาติ ได้มองดูดอกไม้สวย ๆ นานาพรรณ บนเนื้อที่กว้างกว่า 1,500 ไร่ รวมถึงภายในยังมีธารน้ำ ไว้ให้ได้ลงเล่นน้ำเย็น ๆ กัน ครอบครัวไหนที่พาลูก ๆ มาด้วย น่าจะถูกใจกันเป็นแถว ๆ
พิเศษไปกว่านั้น สำหรับใครก็ตามที่เกิดติดใจและอยากจะดื่มด่ำธรรมชาติให้นานอีกหน่อย ที่นี่เขาก็มีที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันยังมีฐานผจญภัยต่าง ๆ ได้ฟีลแอดเวนเจอร์เล็ก ๆ เอาให้มันสมใจอยาก (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ wangtakrai.com หรือโทร. 037 385 164-5, 081 989 0365)
หรือจะเดินทางต่อมาอีกหน่อยที่ "น้ำตกนางรอง" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ห่างจากตัวเมืองนครนายกประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง ที่ถึงแม้ว่าไม่ได้ใหญ่และสูงมาก แต่ก็สวยงามไม่แพ้น้ำตกในจังหวัดนครนายก โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเล่นน้ำตก ต้องเป็นช่วงปลายต้นหนาว เพราะอะไรรู้หรือเปล่า…เพราะว่าเราจะได้เห็นสายหมอก ที่ไหลเอื่อยคลอเคลียน้ำตกไปด้วย เป็นภาพความสวยงามที่เราไม่ได้มีโอกาสเห็นกันบ่อยนัก
แต่ถ้าจะลงเล่นน้ำ ในช่วงหน้าฝนน้ำตกนางรองค่อนข้างมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวังในการลงเล่นน้ำเป็นพิเศษ และเพื่อความปลอดภัย ทางที่ดีนักท่องเที่ยวควรที่จะสอบถามข้อมูลการเที่ยวน้ำตกแต่ละที่ที่จะไปให้เรียบร้อยเสียก่อน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก โทร. 037 385 310, 037 307 100)
แวะฝากท้องที่วังตะไคร้
ร้านอาหารในนครนายกที่อร่อยและขึ้นชื่อมีให้เลือกหลายร้าน แต่มานครนายกทั้งทีเราอยากจะนำเสนอร้านอาหารที่มีบรรยากาศแตกต่างออกไป ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารริมน้ำและในน้ำ ชื่อว่า "ร้านครัวป่ามะขาม" ตั้งอยู่เชิงสะพานธารน้ำวังตะไคร้ ใครที่ลองมาทานอาหารที่นี่เป็นต้องติดใจความชิลในบรรยากาศร้านอย่างแน่นอน เพราะถึงจำนวนโต๊ะในน้ำอาจไม่เยอะมากนัก แต่รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง เพราะน้ำที่นี่ใสสะอาดไหลเป็นทางสายน้ำเย็น ๆ ผ่านเท้าของคุณให้พอได้ชื่นใจ แถมเจ้าของน่ารักเป็นกันเองแบบสุด ๆ
ที่นี่จัดเสิร์ฟเมนูประเภทอาหารอีสานต่าง ๆ อย่างส้มตำ เรื่อยไปจนถึงเนื้อย่าง เนื้อแดดเดียว กุ้งแช่น้ำปลา สารพัดยำ และอาหารอื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งร้านเป้าหมายสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาร้านอาหารสำหรับครอบครัวในช่วงวันหยุดพักผ่อน แถมยังมีพื้นที่สำหรับเล่นน้ำ (ระดับน้ำไม่ลึกมาก) อีกด้วยนะ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ครัวป่ามะขาม โทร. 086 138 5187
ชมวิวก่อนกลับที่ขุนด่านปราการชล
หลังจากที่นอนพักให้หายเหนื่อยไปแล้วหนึ่งคืน ตื่นเช้าขึ้นมาก่อนจะแวะกลับเข้ากรุงเทพฯ สักช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน เอาที่แบบตัวคุณไม่เร่งรีบจนเกินไป เรามีอีกหนึ่งที่เที่ยวที่อยากให้คุณไป นั่นคือ "เขื่อนขุนด่านปราการชล" เขื่อนคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทย ว่ากันว่าช่วงเวลาเหมาะสมที่จะไปเที่ยวที่นี่ ต้องเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ที่แสงอาทิตย์อ่อนกำลังดี เรียกได้ว่าเหมาะแก่การถ่ายภาพให้ออกมาได้สวยแจ่มไปเลย เมื่อลองทอดสายตามองไปยังเบื้องล่าง นักท่องเที่ยวจะเห็นเรือหางยางที่จอดอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นเรือที่พานักท่องเที่ยวชมทัศนียภาพเหนือเขื่อน ใครที่เบื่อเดินเล่นเหนือเขื่อนแล้ว จะลองเปลี่ยนบรรยากาศมาลงเรือแบบนี้ก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ถือเป็นตัวอย่างทริปเส้นทางกรุงเทพฯ-นครนายกแบบ 2 วัน 1 คืน ที่จะทำให้คุณได้อิ่มทั้งบุญและอิ่มเอมกับความสวยงามของธรรมชาติแบบเหนือความคาดหมาย สำหรับใครก็ตามที่มองหาที่พักผ่อนแบบชิล ๆ ในเวลาสั้น ๆ "นครนายก" น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งเที่ยวง่ายและธรรมชาติก็ยังแจ่ม แบบนี้ใครจะอดใจไม่ไปเที่ยวได้ยังไงไหว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
, , busticket.in.th, wangtakrai.com, เฟซบุ๊ก ครัวป่ามะขาม,