เที่ยวอำนาจเจริญ เมืองสุดน่ารักแห่งภาคอีสาน เปี่ยมล้นไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ไม่ควรมองข้าม
ใครว่า "อำนาจเจริญ" ไม่น่าเที่ยว บอกเลยค่ะว่าที่นี่แหละเป็นจังหวัดน่าเที่ยวอีกแห่งในอีสาน เพราะเป็นเมืองที่น่ารักสุด ๆ ทั้งที่เที่ยวทางวัฒนธรรม ทางธรรมชาติ อีกทั้งผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกสิ่งผสมผสานทำให้อำนาจเจริญดูน่ารักน่าหยิกจริง ๆ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปเที่ยวอำนาจเจริญกันค่ะ ตามไปดูเลยว่าเมืองนี้จะน่ารักจริงไหม :)
ทริปของเราเริ่มต้นกันที่ แก่งคันสูง ตำบลโคกสาร อำเภอชานุมาน ได้ยินมาว่าที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจสุดฮิตของคนอำนาจเจริญ เพราะมีแก่งหินขนาดกว้างใหญ่ขวางอยู่บริเวณลำน้ำโขง ทำให้ในหน้าน้ำลดจะสามารถลงไปเล่นน้ำเย็น ๆ ในแม่น้ำโขงได้สบาย ๆ แบบนี้ก็ขอเชยชมหน่อยแล้วกัน
เราถึงแก่งคันสูงประมาณสาย ๆ ค่ะ คนยังมาเล่นน้ำไม่เยอะเท่าไร แต่บรรยากาศเงียบ ๆ แบบนี้นี่แหละมันดีสุดยอดเลย ด้วยมีแผนต้องไปเที่ยวกันต่อ จึงทำได้แค่เดินเที่ยวชมรอบ ๆ แก่ง เอาเท้าลงไปแช่น้ำให้ร่างกายพอตื่น มองเด็ก ๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ใครอยากจิบกาแฟร้อน ๆ ก็มีร้านขายเครื่องดื่มของชาวบ้านให้บริการนะคะ ร้านขายข้าว ส้มตำ ของหวาน เครื่องดื่ม ก็มีให้บริการเช่นกัน และถ้าชอบกิจกรรมมันส์ ๆ เขาก็มีสปีดโบ๊ทให้เช่า คราวหน้าเราต้องกลับมาซ่อมแน่นอน
จากอำเภอชานุมาน คราวนี้ก็นั่งรถยาวเข้าไปอำเภอเมืองกันค่ะ มุ่งตรงไปที่บ้านนาหมอม้า ตำบลนาหมอม้า อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ที่นี่เขาโด่งดังมากเรื่องผลิตภัณฑ์เสื่อกก ผ่านมาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ รถก็เริ่มเข้าสู่ตัวหมู่บ้านค่ะ จากที่ตาปรือ ๆ ก็เริ่มตื่นเลยค่ะ เพราะชาวบ้านนำเสื่อที่ตัวเองทอออกมาพาดไว้หน้าบ้าน และมันไม่ใช่แค่เสื่อธรรมดา ๆ นะคะ เพราะลวดลายบนเสื่อนั้นสวยงามมาก ๆ บรรยายไม่หมด ดูภาพตามละกันค่ะ ^_^
ใครสวยกว่ากัน เสื่อหรือคน ?
ทันทีที่เรามาถึงที่นี่ ก็มีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ จากชาวบ้าน ที่ยกขบวนสาว ๆ แต่งตัวสุดน่ารักมาต้อนรับพวกเราเพียบเลย
คุณป้าอยากเป็นฮิปสเตอร์บ้าง
มาต้อนรับไม่พอ มาชวนเราเต้นรำวงอย่างเมามันส์อีกต่างหาก
มีสาธิตกระบวนการทำเสื่อกกให้ดูด้วย
หลังจากที่ชาวบ้านต้อนรับอย่างอบอุ่นแล้ว ก็มาถึงช่วงเวลาที่สาว ๆ ต่างรอคอย นั่นก็การช้อปปิ้งค่ะ เพราะเสื่อกกที่เราเห็นกันผืนใหญ่ ๆ นี้ยังสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายข้าง, กระเป๋าเป้, กระเป๋าถือ, รองเท้าแตะ และของที่ระลึกสุดน่ารักอีกเพียบ เวลาแบบนี้ไม่พูดไม่จากันเลยเชียว ขอหยิบ หยิบ หยิบ แล้วจ่ายตังค์ก่อน ^^
กว่าจะมาเป็นลวดลายสวย ๆ จะต้องแกะลายกันก่อน
ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านนาหมอม้า จะมีวัดเก่าแก่อยู่วัดหนึ่งค่ะ ชื่อว่า "วัดดงเฒ่าเก่า" เห็นแค่ตัววัดเราอาจจะบอกว่าที่นี่ธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วไม่ธรรมดาเลยค่ะ เพราะพื้นที่บริเวณวัดเคยเป็นเมืองเก่ามาก่อน
ได้ช้อปปิ้งและทำบุญกันไปจนหนำใจ ขอไปเติมพลังกันสักหน่อย มื้อกลางวันวันนี้ส้มตำปูปลาร้าต้องมา ! ว่าแล้วก็จัดไปค่ะ ทันทีที่ถึงร้านครัวรสนิยม ก็สั่งมากินกันเลย อ่อย...รสชาติมันจัดจ้านสะใจ แซ่บอีหลีแท้หนอ
ที่นี่ไม่ได้มีแค่ส้มตำอร่อย ๆ เท่านั้น แต่ยังมีเมนูอื่น ๆ ให้เลือกสรรอีกมากมาย อาทิ คะน้าฮ่องกงน้ำมันหอย, กุ้งซอสมะขาม, กุ้งแม่น้ำเผาเกลือ, ต้มยำกุ้ง, ปลากะพงทอดราดน้ำปลา, แกงส้มแป๊ะซะ เป็นต้น
เมนูนี้มัน ๆ เผ็ด ๆ กินได้เรื่อย ๆ ค่ะ :)
หลังจากอิ่มเอมกับส้มตำปูปลาร้าก็ได้เวลาไปเที่ยวอำนาจเจริญกันต่อ ที่หมายต่อไปคือ "วัดถ้ำแสงเพชร" หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า "วัดศาลาพันห้อง" ทำไมถึงเรียกว่าศาลาพันห้อง เราต้องไปหาคำตอบกันค่ะ
ทันที่เรามาถึงวัดถ้ำแสงเพชรบริเวณด้านบนเขา ก็จะพบกับวิหารกลางหลังใหญ่ ซึ่งมีโถงกลางไว้ปฏิบัติธรรม ด้านบนวิหารได้จัดทำเป็นห้องพักไว้จำนวนมาก จึงเรียกที่นี่ว่าศาลาพันห้องนั่นเอง ที่ด้านหลังวิหารกลาง มีพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถที่จะซื้อดอกไม้ธูปเทียนจากร้านค้าตรงปากทางขึ้นเขามาเพื่อกราบไหว้พระนอนด้วยก็ได้
ส่วนทางด้านซ้ายมือของวิหารกลาง เป็นเจดีย์สีเหลืองทองอร่าม ที่ประดิษฐานรูปเหมือนของหลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร)
และกำลังมีการก่อสร้างวิหารไม้บริเวณด้านหน้าเจดีย์
จากบริเวณวัดบนยอดเขา มาที่ถ้ำแสงเพชรกันต่อค่ะ สามารถขับรถลงมาได้เลย หากขับลงมาจากด้านบน ให้เลี้ยวซ้ายตรงทางแยก ก็จะเจอกับลานจอดรถ เราจอดรถกันไว้ที่นี่แล้วเดินต่ออีกประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะ ทางเดินจะเป็นทางเดินขึ้นเนินเขา มีการทำถนนอย่างดี ตลอดทางจะมีพระพุทธรูปและรูปปั้นต่าง ๆ เป็นคติสอนใจ
ส่วนด้านบนก็จะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปมากมาย นั่งขอพรและพักเหนื่อยกันให้ฉ่ำใจ แล้วค่อยเดินกลับค่ะ
ในตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไปเที่ยวที่หมายต่อไปทันที แต่มีพี่ในคณะได้เจอกับชาวบ้านคุยกันถูกคอเรื่องสมุนไพร จึงได้แวะบ้านคุณลุงกันสักหน่อย แต่ความพีคของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่ยาสมุนไพรค่ะ แต่อยู่ที่...ดงหญ้า ซึ่งอยู่ข้างบ้านคุณลุงนี่เอง แบบนี้ก็จัดกันไปสิคะ จะรออะไร ^^
ผู้หญิงถ่ายรูปจนหนำใจ ผู้ชายได้ซื้อสมุนไพรเรียบร้อย เราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อค่ะ ไปไหว้พระกัน มาถึงอำนาจเจริญแล้วไม่ได้มากราบไหว้ "พระมงคลมิ่งเมือง" ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงที่นี่ แบบนี้อย่ารอช้าค่ะ จัดไปเลย
พระมงคลมิ่งเมือง ตั้งอยู่ที่พุทธอุทยาน อำเภอเมือง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีแท่นพระยาว 12 เมตร กว้าง 8 เมตร สูง 5 เมตร ความสูงจากพื้นดินถึงพระเกตุมาลาประมาณ 20.50 เมตร ขนาดหน้าตักกว้าง 10 เมตร ภายในองค์พระบรรจุพระสารีริกธาตุที่ได้รับมาจากประเทศอินเดีย ใครได้มากราบไหว้ จึงเสมือนได้ไปกราบไหว้พระสารีริกธาตุที่ประเทศอินเดียเลยทีเดียว
อย่าลืมเดินมาทางด้านหลังองค์พระด้วยนะคะ เพราะมีพระพุทธรูปเก่าแก่ให้กราบไหว้ด้วยเหมือนกัน ชาวบ้านแอบกระซิบมาว่าศักดิ์สิทธิ์สุด ๆ
จริง ๆ อำนาจเจริญมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ถ้าใครพอมีเวลาพักค้างคืนอีกสักวันเราขอแนะนำให้ไปเที่ยวชิล ๆ รับลมเย็น ๆ กันได้ที่ "อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน" ค่ะ ที่นี่วิวสวยมาก ๆ สามารถนำเสื่อมาปู นั่งเล่น นั่งกินข้าวเย็นกันแบบเพลิน ๆ กันได้ ไม่เสียค่าเข้าชม และยังอบอุ่นใจที่ได้พักผ่อนกับเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวอีกด้วย
วันหยุดทั้งทีหากไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ลองแวะมาทักทายอำนาจเจริญกันดูนะคะ เมืองนี้เขาน่ารักจริง ๆ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ