เพราะประเทศญี่ปุ่น คือหนึ่งในดินแดนในฝันของเพื่อน ๆ นักเดินทางหลายคน วันนี้เราจะมาเป็นไกด์นำเที่ยวประเทศญี่ปุ่น กับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองหลวงที่ชื่อว่า "โตเกียว" เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นมหานครแห่งสีสันที่ครบครันไปด้วยสถานที่ท่อง เที่ยว และความเจริญมากมาย แต่ทว่าการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้ไม่ใช่การมุ่งตรงไปที่เมืองหลวง เท่านั้น เพราะความงดงามสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ยังคงซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ กรุงโตเกียวและรอคอยให้เราเดินทางไปสัมผัสกัน...ว่าแล้วเรามาออกเดินทาง เที่ยวลัดเลาะรอบ ๆกรุงโตเกียวพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
วันที่ 1
เที่ยวเกาะแห่งมังกร เกาะศักดิ์สิทธิ์ในเขต Fujisawa จังหวัด Kanagawa แวะไปทานเมนู Shirasu don ก่อนจะนั่งรถไฟสายท้องถิ่นไปไหว้ Kamakura Daibutsu นอนพักโรงแรมดังใกล้ภูเขาไฟฟูจิ mototsu view hotel onsen และตื่นเช้าไปชม Lake Motosu
หลังจากที่เราลงจากเครื่องที่สนามบินนาริตะ ในช่วงเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราแวะทำธุระส่วนตัวกันที่เมือง Yokohama เมืองท่าขนาดใหญ่ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมหนักประเภทรถชนิดต่าง ๆ
ลานจอดรถที่เพิ่งผลิตเสร็จแล้ว และเตรียมขนย้ายลงเรือส่งสินค้า
รถแท็กซี่ในโตเกียว ราคาเริ่มต้นประมาณ 550-800 เยน (หรือ 150-220 บาทโดยประมาณ) ต่อระยะทาง 2 กิโลเมตรแรก จากนั้นอัตราค่าโดยสารจะขึ้นตามระยะทาง
รถส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่นจะเป็นรถขนาดเล็ก ๆ อย่างรถบรรทุกสินค้าคันนี้ก็เช่นกัน
บริเวณจุดจอดรถของญี่ปุ่น จะมีบริการห้องน้ำและร้านอาหาร รวมทั้งตู้กดน้ำที่มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก
จุดหมายปลายทางแรกในทริปนี้ก็คือการเดินทางไปเยือนได้แก่...
Enoshima (เกาะเอโนชิมะ) หรือที่หลายคนอาจจะรู้จักในชื่อ เกาะแห่งมังกร เกาะศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในเขต Fujisawa จังหวัด Kanagawa เป็นเกาะที่ตั้งอยู่บนอ่าว Sagam ตั้งอยู่ริมทะเลทางฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น
ก่อนถึงตัวเกาะสองริมฝั่งถนนก็จะเต็มไปด้วยทัศนียภาพสวยงาม ฝั่งซ้ายจะเป็นชายทะเลที่มีชายหาดสีดำ เนื่องจากภูมิประเทศของญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟ เม็ดทรายบนชายหาดจึงเกิดจากลาวาของภูเขาไฟจึงทำให้ทรายบนชายหาดที่ญี่ปุ่นกลายเป็นสีดำ
ในช่วงฤดูร้อนชาวญี่ปุ่นจะเดินทางมาอาบแดดกันที่นี่เป็นประจำ และในช่วงฤดูอื่น ๆ ที่ไม่มีมรสุมนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นเอง และชาวต่างชาติก็มักจะเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามรับบรรยากาศริมทะเลอยู่เสมอเช่นกัน
บริเวณริมทะเลในบางช่วงจะมีการทำแนวกันคลื่นจากชายฝั่งทะเลซึ่งมีความรุนแรงในช่วงมรสุม เพราะตั้งอยู่ในฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนฝั่งขวาจะเต็มไปด้วยบ้านเรือนหลังเล็ก ๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร และห้องพักตากอากาศ สำหรับนั่งชมวิวสวย ๆ ของทะเลได้เป็นอย่างดี
สำหรับ Enoshima (เกาะเอโนชิมะ) ไม่ได้เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่เท่านั้น เพราะเกาะแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับขอพรเรื่องความรักด้วยการเดินทางขึ้นไปสักการะศาลเจ้าเอโนะ ซึ่งในอดีตการเดินทางข้ามไปยังเกาะนี้ ชาวบ้านจะต้องรอให้น้ำลดก่อนจึงจะปรากฏทางเดินขึ้นไปยังเกาะได้ ปัจจุบันมีการสร้างสะพานเชื่อมไปยังเกาะ ชื่อสะพานว่า Subana Douri ซึ่งมีความยาวกว่า 680 เมตร ทำให้การเดินทางข้ามเกาะสะดวกสบายมากขึ้น จนมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นเอง และชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนในบ้านพักตากอากาศริมทะเล และไม่ลืมที่จะแวะขึ้นไปเที่ยว Enoshima (เกาะเอโนชิมะ) นี้เสมอ
เปิดทริปมื้อเที่ยงด้วยเมนูขึ้นชื่อของเอโนชิมะ กับเมนู Shirasu don (ข้าวหน้าปลาข้าวสาร) ที่มีให้เลือกทั้งแบบสุก และแบบดิบ พร้อมทั้งเมนูหอยย่างแบบสด ๆ ที่มีให้เลือกทั้ง หอยสังข์ หอยตลับ และอาหารทะเลอย่าง หมึก และกุ้ง เป็นต้น
เดินไปเรื่อย ๆ ก็สังเกตได้ว่าสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก อาหาร และของทานเล่นมากมาย
ไม่นานนักเราก็มาจนสุดเส้นทางเจอ Torii (ซุ้มประตูทางเข้าที่มีสีส้ม) ขนาดใหญ่พร้อมบันไดทางขึ้นที่เลี้ยวตามความชันของไหล่เขา
และก่อนเข้าวัดหรือศาลเจ้าตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นแล้ว จะต้องชำระล้างตัวเองให้สะอาดด้วยการล้างมือ เริ่มจากใช้กระบวยตักน้ำ ล้างมือซ้าย ล้างมือขวา และก็บ้วนปาก เสร็จแล้วเอียงกระบวยตั้งขึ้นเพื่อให้น้ำไหลล้างด้ามของกระบวย
สำหรับใบเซียมซีที่ทำนายไม่ดีหลายคนจะนำมาผูกไว้ที่วัดเหมือนเดิม
จากนั้นเดินขึ้นไปชมความสวยงามของศาลเจ้าแห่งนี้ซึ่งบริเวณศาลเจ้าก็จะเต็มไปด้วยโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นอยู่หลายหลัง โดยแบ่งการใช้สอยออกเป็นสำหรับประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ และเป็นสถานที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับกราบไหว้ขอพร
สำหรับ Enoshima Shrine (ศาลเจ้าเอโนชิมะ) ประกอบด้วยศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่รอบเกาะโดยมีอาคารทรงแปดเหลี่ยมเป็นที่ประดิษฐานของเทพผู้คุ้มคองเอโนชิมะ
ซุ้มประตูสำหรับเดินลอดพร้อมอธิษฐาน เป็นให้สมหวังในความรัก
เขียนแผ่นป้ายสีชมพูสำหรับอธิษฐานเรื่องความรักของคู่รัก
วิวสะพานจากมุมสูงบนศาลเจ้า
หมายเหตุ 1 : ศาลเจ้า Enoshima เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น. (คลิกชมข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเพิ่มเติมได้ที่นี่ japan-guide.com/Enoshima)
หมายเหตุ 2 : การเดินทางไปเที่ยวที่ Enoshima สามารถเดินทางได้สะดวกหลากหลายเส้นทางทั้ง รถยนต์ รถเมล์ และรถไฟสายท้องถิ่นลงที่สถานี Enoshima
จากนั้นเราเดินทางไปขึ้นรถไฟสายท้องถิ่นกันที่สถานี Enoshima
บริเวณสถานีรถไฟไม่ใหญ่มากนัก และมักจะมีกลุ่มเด็กเดินทางมาเที่ยวทัศนศึกษาในวันหยุด
สังเกตได้ว่านักเรียนของญี่ปุ่นมักจะสวมหมวกสีเหลืองเสมอ ซึ่งชาวญี่ปุ่นมักจะให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ โดยเปรียบเทียบเด็ก ๆ ให้เหมือนลูกไก่ที่ต้องเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูจนกว่าจะเจริญเติบโตขึ้นไปเป็นวัยรุ่นต่อไป
เราเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งรถไฟสายท้องถิ่นจากสถานี Enoshima ถึงสถานี Kamakura ซึ่งเส้นทางรถไฟสายนี้จะผ่านหมู่บ้านและวิวริมทะเล ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 23 นาที
สำหรับ Kamakura Daibutsu ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนมักจะเดินทางไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลจำนวนมากทุกปี
สามารถเดินเข้าไปชมภายในองค์พระได้อีกด้วยโดยเสียค่าเข้าคนละ 20 เยน
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า Kamakura Daibutsu เป็นผู้ปกป้องแผ่นดินญี่ปุ่นไว้ จากการรุกรานของศัตรูอีกด้วย (อ่านข้อมูลเพิ่มได้จากที่นี่ japan-guide.com/Kamakura Daibutsu)
ภาพจาก mototsu view hotel onsen
เมนูอาหารเย็นที่ไม่ควรพลาดของที่นี่ก็คือ ขาปูยักษ์ทาระบะที่อร่อยสด ๆ พร้อมด้วยเมนูอาหารคาวที่เป็นของขึ้นชื่อของโรงแรม และของหวานอร่อย ๆ ที่มีให้ทานอย่างครบครันแบบฟินสุด ๆ เลยก็ว่าได้
Lake Motosu (ทะเลสาบโมะโตะซุ) เป็นทะเลสาบที่อยู่ทางทิศตะวันตกมากที่สุดในบรรรดาทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดยะมะนะชิ ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบโมะโตะซุถือเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามและมีความลึกที่สุดในบรรดาทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ส่วนที่ลึกที่สุดลึกกว่า 121.6 เมตร ซึ่งทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับเก้าของประเทศญี่ปุ่น (ข้อมูลจาก th.wikipedia.org/wiki/ทะเลสาบโมะโตะซุ)
ภาพจาก Instagram.com / artfully79
นมัสการ Fujiyoshida Sengen Shrine ขึ้นกระเช้า Kachi Kachi Ropeway ไปยังจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยที่สุดอีกหนึ่งแห่ง พร้อมชมวิว Lake Kawaguchiko ทานเมนูราเม็งสไตล์ญี่ปุ่น Houtou nabe ปิดท้ายด้วยเมนู Rokkasen (ปิ้งย่างแบบญี่ปุ่น) สุดยอดอาหารย่านดัง SHINJUKU นอนชิล ๆ ที่โรงแรมย่าน chiba
เข้าสู่ช่วงเช้าวันที่สอง เราออกเดินทางจากที่พักพร้อมการโบกมือลาของโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ที่ทุกคนที่ทำงานภายในโรงแรมจะต้องมาเรียงแถวส่งด้านหน้าโรงแรม พร้อมโบกมือลาอย่างเป็นมิตร ^^
เช้าวันนี้เราเดินทางมากันที่ Fujiyoshida Sengen Shrine (ศาลเจ้าฟูจิเซ็นเก็น) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยตัวศาลเจ้าตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของภูเขาไฟฟูจิ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเคโคะ สร้างขึ้นเมื่อปี 802 และได้มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่อีกครั้งในปี 1615 (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ japan-guide.com/Fujiyoshida Sengen Shrine)
บริเวณด้านหน้าของ Fujiyoshida Sengen Shrine
ต้นสนอายุกว่าพันปีหน้า Fujiyoshida Sengen Shrine
นอกจากนี้บริเวณด้านหลังของศาลเจ้ายังเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางสำหรับเดินขึ้นไปยัง "ภูเขาไฟฟูจิ" สถานีที่ 9 อีกด้วย ซึ่งในอดีตจะต้องเดินทางผ่านไปด้านหลังของศาลเจ้า แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงเส้นทางให้สะดวกขึ้นทำให้สามารถนำรถขึ้นไปจอดยังสถานีที่ 5 เพื่อเดินเท้าขึ้นไปยังภูเขาไฟฟูจิได้
จากนั้นเราเดินทางไปยัง Lake Kawaguchiko (ทะเลสาบคาวาคูจิโกะ) เพื่อขึ้น Kachi Kachi Ropeway (กระเช้าไฟฟ้า คาชิ คาชิ) (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ japan-guide.com/Kachi Kachi Ropeway) ขึ้นยอดเขาเท็นโจซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลสาบกับความสูง 400 เมตร พร้อมชมวิวทะเลสาบคาวาคูจิโกะในมุมสูง
นอกจากนี้ยังมีบริการถ่ายภาพคู่กับภูเขาไฟฟูจิ และระเบียงร้านขนมไว้บริการด้านบนอีกด้วย แถมบริเวณระเบียงด้านบนของร้าน และบริเวณด้านล่างสุดยังมีซุ้มกระดิ่งรูปหัวใจ (the bell of tenjo) ให้คู่รักได้ถ่ายรูปอีกด้วย
ในช่วงเช้าภูเขาไฟฟูจิ (หรือหลายคนอาจเรียกว่าฟูจิซังขี้อาย) ยังมองไม่เห็นเพราะยังมีเมฆบดบัง
ส่วนในช่วงเที่ยงของวันที่สองเราก็เดินทางไปอิ่มอร่อยกับเมนูอาหาร Houtou nabe เป็นชุดราเม็งสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับ Lake Kawaguchiko (ทะเลสาบคาวาคูจิโกะ) นั่นเอง
ทีเด็ดอยู่ที่หมูและผักที่เสิร์ฟมาด้วยจานร้อน ๆ พร้อมด้วยปลาทอด
บริเวณด้านล่างของร้านอาหารเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกหลากหลาย ซึ่งสิ่งของที่โดดเด่นของที่นี่ก็ต้องเป็น Mr.Fuji แน่นอน
ปิดท้ายความอร่อยด้วยซอฟต์ครีมรสนุ่มลิ้น ที่มีให้เลือกหลากรสชาติ ทั้งลาเวนเดอร์ พีช ครีม และองุ่น
ปิดท้ายความฟินของวันที่สองด้วยเมนู Rokkasen (ปิ้งย่างแบบญี่ปุ่น) สุดยอดอาหารย่านดัง SHINJUKU กับเมนูเนื้อวากิวแสนอร่อยย่างบนเตาร้อน ๆ แบบสั่งได้ไม่อั้นบุฟเฟ่ต์ ซึ่งใครที่จะมาทานที่ร้านต้องสั่งจองก่อนล่วงหน้าเพราะร้านมักจะเต็มตลอดทั้งวันค่ะ
เนื้อวากิวแทรกมันสุดฟิน !!!
สำหรับเพื่อนที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ผ่านเว็บไซต์ rokkasen.co.jp ซึ่งมีหน้าเว็บเป็นภาษาไทยให้ได้อ่านง่าย ๆ อีกด้วย
เรียกได้ว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไม่มีวันเบื่อเลยสักทีเลยก็ว่าได้ แอบพักความฟินไว้ก่อนดีกว่า...แล้วจะมาเที่ยวโตเกียวให้เต็มอิ่มในครั้งต่อไปค่ะ ><
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
cpall.co.th, japan-guide.com, m-view.jp, wishton.co.jp