ภาคเหนือ...ไม่ได้มีเพียงเชียงใหม่ หรือเชียงรายเท่านั้น แต่ยังมีจังหวัดอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และมีธรรมชาติสวยงามไม่แพ้กัน การเดินทางครั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พาคณะสื่อมวลชนตะลุยเที่ยวจังหวัดที่น่าสนใจอีกหนึ่งจังหวัดของภาคเหนือ นั่นก็คือ จังหวัดลำปาง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวลำปางที่สวยงามมีมากมาย ทริปนี้เรามีโอกาสได้ไปเยือนเพียง 2 อำเภอ คือ อำเภอแม่เมาะและอำเภอเมืองลำปาง แต่แค่เพียงเท่านี้ก็ทำเราหลงรักลำปางไปแล้ว จังหวัดลำปางจะน่ารักแค่ไหน และมีอะไรน่าสนใจบ้าง...ตามเราไปเที่ยวกันเลยค่ะ
ทริปนี้เราเริ่มเปิดทริปกันที่จังหวัดลำปาง ขึ้นไปสัมผัสอากาศเย็น ๆ และลมฝนปรอย ๆ กันที่ "เหมืองแม่เมาะ" อำเภอแม่เมาะ เป็นแห่งแรก ถ้าหากบอกว่าไปเที่ยวเหมืองหลายคนคงจะนึกไม่ออกว่าจะไปดูอะไรในเหมือง แต่ที่เหมืองแม่เมาะแห่งนี้เป็นมากกว่าเหมืองถ่านหินลิกไนต์ที่นำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวให้ได้เที่ยวชมมากมาย
สถานที่แห่งแรกที่ทำให้ทุกคนตื่นจากความง่วง ก็คือ "จุดชมวิวเหมือง" เบื้องล่างเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่ขุดลงไปลึกหลายสิบเมตร เพื่อตามหาถ่านหินลิกไนต์นั่นเอง รถจักรที่อยู่ในเหมืองคันเล็กนิดเดียว ทำให้เปรียบเทียบได้ว่าเหมืองแห่งนี้นั้นใหญ่มากแค่ไหน จากนั้นเราฝ่าสายฝนกันขึ้นไปที่ "จุดชมวิวทุ่งบัวตอง สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" ซึ่งอยู่บนเนินเขา มีการจัดทำศาลาและจุดชมวิวยื่นออกไป ทำให้มองเห็นทุ่งดอกบัวตองอันกว้างขวาง แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ถึงฤดูกาลที่บัวตองจะออกดอก แต่ไม่เป็นไร เพราะเพียงแค่ทัศนียภาพของภูเขาสีเขียวที่สลับซับซ้อนและทะเลสาบก็ทำให้ชื่นใจแล้ว
ตรงบริเวณนี้ยังมีการจัดสวนอย่างสวยงาม มีสระบัวกว้างใหญ่ รวมทั้งหอคอยที่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวเหมืองแม่เมาะในมุมสูง ซึ่งสามารถมองเห็นได้รอบด้าน บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษาจะมีอากาศเย็นกว่าด้านล่างมาก สายฝนที่มาพร้อมกับสายลมจึงทำให้เราหนาวปากสั่นไปตาม ๆ กัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหน้าหนาวตรงนี้จะหนาวมากแค่ไหน
ที่เที่ยวในเหมืองแม่เมาะยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ สวนพฤกษชาติ ลานสไลเดอร์ สนามกอล์ฟ พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา ทะเลสาบนาสัก ลานแสดงรถจักรที่ใช้ทำงานในเหมือง เป็นต้น
อัศจรรย์กับพระพุทธรูปเรืองแสง ณ สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เติมพลังกายกันเรียบร้อยแล้วก็ไปตะลุยเมืองลำปางกันต่อ ไปตามหาพระพุทธรูปเรืองแสงกันค่ะ รถของเรามุ่งหน้าไปที่ "สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ" บ้านผาลาด ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง สำนักสงฆ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งห่างจากชุมชนค่อนข้างมาก จึงทำให้มีความเงียบสงบ ภายในพระวิหารของสำนักสงฆ์เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นามว่า โคตมะ สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นเมื่อหลวงพ่อภูริปัญโญภิกขุ ได้บอกให้เราค่อย ๆ เอามือไปป้องแสงที่จุดใดจุดหนึ่งของพระพุทธรูปก็ได้ จากเนื้อพระพุทธรูปสีขาวกลับกลายเป็นสีเขียวส่องสะท้อนขึ้นมา จากนั้นหลวงพ่อให้พวกเราช่วยกันปิดหน้าต่าง และเมื่อความมืดมาเยือน พระพุทธรูปทั้งองค์ก็ได้เรืองแสงสีเขียวปรากฏออกมาให้พวกเราต้องร้องว้าว !! ทันที ซึ่งเมื่อมองไปที่ใบหน้าของพระพุทธรูปก็จะเห็นว่าเป็นพระพักตร์ที่งดงาม แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้มากราบไหว้จึงรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
ชมเรือนไม้เก่ากว่าร้อยปีแห่งเมืองลำปาง
จากสำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ เราตรงดิ่งไปยังตัวเมืองลำปางเพื่อไปสัมผัสกับเมืองที่เรียบง่ายแห่งนี้ ผ่านไปไม่นานรถของเราก็มาหยุดที่ "บ้านเสานัก" ซึ่งเป็นบ้านไม้โบราณอายุมากกว่า 100 ปี สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2438 โดย นายหม่อง จันโอง (ต้นตระกูลจันทรวิโรจน์) เอกลักษณ์ของบ้านหลังนี้ก็คือ มีเสาเรือนไม้สักมากถึง 116 ต้น ทำให้ตัวของเรือนไม้ตั้งอยู่ได้อย่างคงทนถาวรมายาวนาน มีลักษณะเป็นศิลปะแบบพม่าผสมล้านนา จึงไม่เหมือนกับบ้านทางภาคเหนือทั่วไป
เที่ยวเพลิน ๆ รอบ ๆ ตัวเมืองด้วยรถม้า
จากวัดดอนเต้า รถม้าพาเราชมบรรยากาศของเมืองลำปาง ซึ่งมีความเงียบสงบ ชาวบ้านใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย มีบ้านเรือนเก่าแก่ให้พบเห็นหลายหลัง รวมทั้งวัดเก่าแก่อย่างวัดปงสนุก สะพานรัษฎาภิเศก ตลาดรัษฎา ศาลหลักเมือง ฯลฯ อีกด้วย สำหรับเส้นทางในการเที่ยวชมเมืองลำปางโดยรถม้าสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความพอใจของนักท่องเที่ยว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สมาคมรถม้าลำปาง โทร. 0 5421 9255, 0 5422 4166
กว่าจะมาเป็นถ้วยชามเซรามิก ของขึ้นชื่อลำปาง
ก่อนจะกลับบ้าน จะไม่แวะเที่ยวชมของดีเมืองลำปางได้อย่างไร ว่าแล้วก็ต้องขอเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เซรามิกธนบดีสักหน่อย ซึ่งตั้งอยู่ที่ 32 ถนนวัดจองคำ ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ด้านในพิพิธภัณฑ์ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ มีการจัดแสดงประวัติและที่มาที่ไปของโรงงานเซรามิกธนบดีสกุล ซึ่งเป็นโรงงานเซรามิกแห่งแรกของจังหวัดลำปาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 โดย นายอี้ (ซิมหยู) แซ่ฉิน รวมทั้งจัดแสดงสินค้าต่าง ๆ พร้อมทั้งกระบวนการผลิตสินค้าของโรงงานเซรามิกธนบดีสกุล
สินค้าที่มีชื่อเสียงของที่นี่ก็คือ "ชามตราไก่" เราได้ชมกระบวนการการทำชามตราไก่ ตั้งแต่การขึ้นรูปดินขาวให้เป็นชามรูปทรงแปดเหลี่ยม แล้วนำไปตัดขอบเอาความคมออก เมื่อแห้งแล้วนำไปชุบน้ำเคลือบเพื่อความมันวาวและทำความสะอาดง่าย จากนั้นนำไปเผาในเตาอุณหภูมิ 1,260 องศาเซลเซียส เมื่อชามเย็นตัวลงจึงนำมาวาดลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงงานแห่งนี้ โดยช่างวาดเพียงแค่ 2 ท่าน ภายในหนึ่งวันจึงสามารถผลิตชามตราไก่ได้เพียงวันละไม่กี่ร้อยใบเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้ชมเตาเผามังกรเก่าแก่ กระบวนการทำถ้วยขนม ชามไก่โบราณ ชามไก่ทองคำ และผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่น ๆ ของโรงงานเซรามิกธนบดีสกุลอีกด้วย โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.
เที่ยวลำปางมา 2 วัน เพิ่งเที่ยวได้เพียง 2 อำเภอเท่านั้น อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเมืองนครเขลางค์แห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เที่ยวได้ไม่มีเบื่อ และยังได้ชาร์จพลังงานร่างกายได้อย่างเต็มที่อีกต่างหาก ถ้าวันหยุดไม่รู้จะไปไหน ลองเปิดใจให้กับลำปางดูค่ะ รับรองเลยว่าคุณจะหลงรักเมืองนี้โดยไม่รู้ตัว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
