"สาธารณรัฐประชาชนจีน" หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า "จีน" ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่นักเดินทางหลาย ๆ คนอยากไปเยือนสักครั้ง วันนี้เราเลยหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเยือนดินแดนมังกรพร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้พบเจอ แถมด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจมาแชร์ให้เราได้ทราบกัน กับรีวิว ++ เสน่ห์ยูนนาน # 1 ต้าหลี่-ลี่เจียง ขุนเขา ทะเลสาบ และสายหมอก-ชมเมืองมรดกโลกแห่งหุบเขาหิมะมังกรหยก ++ จะสนุกสนานขนาดไหนตามรีวิวนี้ไปเที่ยวจีนกันเลยค่ะ
ผมยังคง...ตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ ที่ดินแดนมหาอำนาจจะหยิบยื่นให้กับนักเดินทางตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ผมยังคง...คิดว่าแต่ละที่ที่ผมมีโอกาสได้ไป จะบอกเล่าเรื่องราวภูมิหลังและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่
ผมยังคง...ศรัทธาในมิตรภาพที่มันเกิดได้ทุกที่และอยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะชนชาติใดก็ตาม
ผมยังรัก...ในทุกเรื่องราวระหว่างทาง ทั้งดีและไม่ดีปะปนกันเป็นรสชาตินักเดินทาง
และผมยังคง...เชื่อว่า "จีน" ประเทศที่มีเสน่ห์ไม่สิ้นสุด รอให้เราได้เข้าไปสัมผัส
และบันทึกการเดินทางหน้าใหม่ของผม…“เสน่ห์ยูนนาน” ทริปนี้ผมขอแบ่งเป็น 2 ตอน เพราะเรื่องราวเยอะมาก แต่รูปเยอะกว่า…ฮ่า ๆ ออกตัวก่อนครับ นักเดินทางท่องโลกกว้างอย่างผมไม่มีความรู้ภาษาจีน พูดไม่ได้ ฟังไม่ออกและเป็นที่รู้กันว่าชาวจีนที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษค่อนข้างเยอะ แต่ผมมีความเชื่ออีกอย่างว่า ความเอื้อเฟื้อมีอยู่ทุกพื้นที่ในโลกนี้ ถึงแม้จะกระท่อนกระแท่นสักหน่อย แต่คุ้มค่าจริง ๆ และท้าทายผมมาก ตามผมไปตะลุยแดนมังกรกัน
"Charm of Yunnan #1 Dali-Lijiang"
ป.ล. สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการติดตาม หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : เฟซบุ๊ก Nejuphoto
ป.ล. 2 รีวิวนี้ได้รับการสนับสนุนตั๋วเครื่องบินจาก กทม. (ดอนเมือง)-คุนหมิง-กทม. (ดอนเมือง) โดย Thai AirAsia เท่านั้น
ป.ล. 3 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรีวิวถ้า ถูกใจ ชอบใจ ขอกำลังใจคนทำรีวิวด้วยนะครับ ^^
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพในทริปนี้
- Nikon D600
- Lens : Nikkor 24-70 f/2.8, Nikkor 10-24, Tamron 70-300 VC
สำหรับการแบกเป้เที่ยวของผม กระแสที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่ชื่นชอบในรีวิวแบกเป้เที่ยวของผม ผมจึงได้รวบรวม...กลัวใครตกหล่นอันไหนไปยังไม่ได้อ่าน หรือจะนำข้อมูลไปใช้ในการเดินทางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ เผื่อไว้ใช้ในยามจำเป็น ในการหาข้อมูลไปยังสถานที่ต่าง ๆ ^^
ฝรั่งเศส-ปารีส Mont st. Michel
เกาหลีใต้-ขับรถเที่ยวเกาะเชจู
เกาหลีใต้-ใบไม้เปลี่ยนสี
ฮ่องกง-มาเก๊า
มาเลเซีย-ปีนัง
มาเลเซีย-เกาะเรดัง
ญี่ปุ่น-Snow wall
ญี่ปุ่น-Tokyo
กัมพูชา-นครวัด นครธม
พม่า-ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์
จีน-เฟิ่งหวง จางเจียเจี้ย
อินเดีย-ทัชมาฮาล
อินเดีย-โกลกัตต้า
เวียดนาม-ฮานอย ซาปา
ยูนนาน เป็นมณฑลที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และงดงามมากมาย วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยม ที่น่าสนใจและสำคัญที่สุดคือธรรมชาติเหล่านี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี คุนหมิงจึงเป็นประตูบานใหญ่ที่จะพาไปพบความอัศจรรย์ในครั้งนี้ มุ่งสู่แผ่นดินใหญ่ด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-คุนหมิง มีเที่ยวบินทุกวัน วันละ 1 รอบ ออกเดินทางตั้งแต่ 08.10 น. เวลาไทย ถึงคุนหมิง 11.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศจีน (ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชม.)
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : การเตรียมตัว
1. วีซ่า ผมไปยื่นเองที่สถานทูตจีน ค่าธรรมเนียมแบบเข้าประเทศจีน 1 ครั้ง และแบบเข้าประเทศจีน 2 ครั้ง ราคา 1,000 บาท และ 2,000 บาท ตามลำดับ ใช้เวลา 4 วันทำการ (รวมวันที่ยื่น) แนะนำว่าควรมาตั้งแต่เช้า ส่วนแบบฟอร์มการขอวีซ่าสามารถดาวน์โหลดได้จากลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ
Chinaembassy.or.th
2. เขียนชื่อสถานที่ที่จะไปเป็นภาษาจีนจะช่วยได้มาก
3. คำศัพท์ที่ใช้บ่อยท่อง ๆ ไว้หน่อยก็ดีครับ “เท่าไร-ตัวสร่าว”, “กี่โมง-จี๋เตี่ยน”, “ต้องการ/อยากได้-เย่า” ลองนึก ๆ ดูแล้วถามอากู๋ (กูเกิล) ช่วยได้แน่นอนครับ
4. ที่จีนเขา Block Google, Google Map, Facebook แต่ถ้าใครเปิดโรมมิ่งละก็เป็นสุดยอดไอเทมของทริปเลยครับ
5. We Chat โปรแกรมแชทมหัศจรรย์ มี Function Translate ด้วย โหลดทิ้งไว้ตั้งกะออกตัวได้เลย สามารถแปลจากอังกฤษมาจีนและจีนเป็นอังกฤษได้เพียงปุ่มเดียว
6. ตั๋วรถไฟสามารถจองผ่าน Agency ที่ไทยไว้ก่อน กรณีเดินทางในช่วงคนหนาแน่น ผ่านทางเว็บ www.travelchinaguide.com
7. ยาแพ้ความสูง สามารถหาซื้อแบบเม็ดไปจากไทย ชื่อ “Diamox” หรือไปซื้อแบบน้ำที่ลี่เจียง “หงจิ่นเทียน”
8. App AirAsia Travel Buddy เป็นอีกตัวช่วยในการหาสถานที่เที่ยว กิน ช้อปที่น่าสนใจนะเออ มีให้โหลดทั้ง iOS และ Android
และเพื่อให้เห็นภาพรวมการแบกเป้สักหน่อย ผมได้สรุปเป็นตารางพร้อมชื่อเมืองภาษาจีนไว้ให้ครับ
สำหรับขาไป เมืองคุนหมิงจะเป็นจุดออกสตาร์ทเพื่อไปยังจุดหมายแรกของทริป “ต้าหลี่” ไต่ระดับความสูงไปเรื่อย ๆ จนถึงแชงกรีล่า ซึ่งผมจะขอรวบคุนหมิงกับแชงกรีล่าไว้ในตอนที่ 2 ละกัน จากสนามบินสามารถนั่งรถบัสสาย 2 มาลงที่สถานีรถไฟคุนหมิงได้ ค่าเดินทางคนละ 25 CNY ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินประมาณ 40 นาที
จุดขายตั๋วรถ Shuttle Bus อยู่ด้านหน้าอาคารสนามบิน
ณ สถานีรถไฟในเมืองคุนหมิง ที่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดขึ้น ที่น่าสังเกตทุกสถานีรถไฟจะมีการสแกนกระเป๋า (คล้ายเครื่องสแกนที่สนามบิน) จากนั้นผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วอีกรอบ ใครที่เดินทางโดยรถไฟในจีนควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 40 นาทีเลย และรถไฟที่นี่เขาตรงเวลามากนะครับ มาสายมีตกขบวนแน่ !!!
รถไฟตู้นอนผมจองแบบ Soft Sleeper ใน 1 ห้องจะมี 4 เตียง (เตียงบน 2 เตียงล่าง 2) ถ้าจองผ่านเว็บจะไม่สามารถเลือกที่นั่งได้จากคุนหมิงถึงต้าหลี่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม. ถึงต้าหลี่ตอนเช้าตรู่ของอีกวันพอดี
ต้าหลี่ (Dali)-大理
ต้าหลี่หรือต้าลีฟู เมืองประวัติศาสตร์ 2 ราชวงศ์ คือถังและซ่ง ศูนย์กลางเศรษฐกิจ และสิ่งปลูกสร้างที่แสดงถึงความเจริญทางวัฒนธรรม มีภูมิทัศน์เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่...เอ๋อไห่ และล้อมด้วยเขาซังซาน จึงได้ชื่อว่ามีทัศนียภาพที่น่าหลงใหลที่สุดในยูนนานเมืองหนึ่ง เมื่อถึงสถานีรถไฟต้าหลี่ เปิด App AirAsia Travel Buddy เพื่อหาพิกัดของเมืองโบราณซึ่งอยู่ใกล้กับที่พักในคืนนี้ App นี้จะเชื่อมต่อกับ Google Map เพื่อนำทาง (ต้องเปิดโรมมิ่งเท่านั้นถึงใช้ Google Map ได้) และเลือกเดินทางโดยรถเมล์ ขึ้นรถสาย 8 หน้าสถานีรถไฟเพื่อไปเมืองโบราณต้าหลี่ได้เลย คนละ 2 CNY
สิ่งแรกที่มาถึงคือตามหาโรงแรมครับ “The Nancy\'s Hotel of Dali” เป็นชื่อโรงแรมที่ผมจองไว้ เข้าไปในเมืองโบราณต้าหลี่ค่อนข้างลึก แต่ใกล้ถนนคนเดินมากทีเดียว มารู้ตอนหลังว่าสามารถโทรหาโรงแรมให้ออกไปรับที่หน้าประตูเมืองเก่าได้ T__T โธ่ ! ผมเดินตั้งหนึ่งชั่วโมงเลยนะเนี่ย ที่ต้าหลี่มีประตูเมืองอยู่ 4 ทิศ ประตูฝั่งที่รถเมล์มาจอดคือประตูทิศตะวันออก (East Gate) ส่วนที่พักของผมอยู่ประตูทิศใต้ (South Gate) ห่างกันประมาณ 2 กม. ครับ
ผมชอบการต้อนรับของคนที่นี่ รู้สึกเป็นกันเองดี ก่อนจะได้ห้องพักก็พาผมไปทานเมี่ยนเถียว (ก๋วยเตี๋ยวน้ำ) สงสัยผมจะดูหิวมากฮะ ฮ่า ๆๆ
และห้องพักในคืนนี้ หลับสบายเลยล่ะครับ The Nancy\'s Hotel of Dali คืนละ 168 CNY จองผ่าน Booking.com
หลังจากนั้นเราเหมาแท็กซี่ไปเที่ยวรอบ ๆ ต้าหลี่ โดยให้ Nancy เจ้าของโรงแรมเป็นคนติดต่อให้ และผมยังฝากซื้อตั๋วรถไปลี่เจียงสำหรับเช้าพรุ่งนี้ ราคาและเวลาตามนี้เลย เที่ยวรถรอบที่จะไปลี่เจียงคือวงกลมสีแดงตามในรูป
การเดินทางรอบทะเลสาบ “เอ๋อไห่” ทะเลสาบใหญ่แห่งต้าหลี่ สนนราคาอยู่ที่ 300 CNY ต่อคัน เริ่มตั้งแต่ 10 โมงสิ้นสุด 6 โมงเย็น ราคาที่เหมาขึ้นอยู่กับจำนวนสถานที่ที่ไปและระยะทางของสถานที่ที่ไปด้วย โดยมี Check Point ดังนี้
1. ศาลเจ้า เกาะผู่ถัวน้อย (Little Putuo)
2. หมู่บ้านประมง ซวงหลาง (Shuanglang)
3. บ้านผ้ามัดย้อม
4. วัดฉงเซิ่ง (The Chongsheng Temple)
5. เมืองโบราณต้าหลี่
ศาลเจ้า เกาะผู่ถัวน้อย (Little Putuo) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่หลายร้อยปี ที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ในทะเลสาบจะต้องนั่งเรือข้ามไปเท่านั้น
ตอนที่ผมไปฝนตก ไม่มีเรือเล็กออกจากฝั่ง (ไม่เหมือนที่ พี่ตูน Bodyslam บอกไว้เลย ตึ่งโป๊ะ !!!) เสียดายครับ ><” ทัศนียภาพริมฝั่งสงบและร่มรื่น ผมนี่นึกไปถึงวันฟ้าโปร่ง ๆ คงจะชิลน่าดู
ที่หมายถัดไปตรงนั้นแหละ !!! หมู่บ้านประมงซวงหลาง (Shuanglang)
หมู่บ้านประมง “ซวงหลาง” ในวันฝนตกพรำ ๆ ทำให้คนดูบางตา ไม่ครึกครื้นเท่าไรนัก
เอ่อ…เมืองนี้ให้อารมณ์เมืองตากอากาศ ดูโรแมนติกมาก ทั้งสถานที่ บรรยากาศ เหมาะสำหรับหนุ่มสาวคู่รัก อิอิ
ตึกรามบ้านช่องเป็นแนวจีนสมัยใหม่ มีเรือลำเล็กลำน้อยไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
ฝนไม่ยอมหยุด อดล่องเรือ จิบกาแฟ ชมนก ชมไม้เพลิน ๆ เลย 555
ต่อกันด้วยบ้านผ้ามัดย้อม ชมกรรมวิธีผลิตและซื้อสินค้า เหมือนสินค้า OTOP บ้านเรานี่ล่ะ เจ้าบ้านเขาอยากให้เราไปชมครับ จริง ๆ แล้วหมู่บ้านชาวไป๋เป็นชุมชนที่มีวัฒนธรรมดั้งเดิมและมีชื่อเสียงมากในต้าหลี่ แต่เนื่องด้วยเวลาจำกัดและเสียค่าเข้าชมผมจึงตัดออกไป เหลือไว้เพียงบ้านมัดย้อนเล็ก ๆ นี้ ในเส้นทางที่ผ่านเท่านั้น ด้านในมีผ้าวางโชว์ไว้ตามมุมและริมทางเดิน ให้ปะติดปะต่อขั้นตอนกันเอาเอง เป็นวิธีนำเสนอที่แหวกแนว
อาม่านั่งสาธิตอยู่ด้านหน้าทางเข้า มันเป็นงานละเอียด ย้ำ ! งานละเอียดจริง ๆ !
มาถึงไฮไลท์ของวันนี้แล้วครับ “วัดฉงเซิง” (The Chongsheng Temple) อดีตอารามหลวงสมัยราชวงศ์ถัง และเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน (พี่จีนปกติก็ใหญ่อยู่แล้ว นี่ใหญ่สุด OMG !!) ด้วยสุดยอดโลเคชั่นด้านหลังเป็นเขา “ซางซาน” และด้านหน้าเป็นทะเลสาบ “เอ๋อไห่” มีสายหมอกปกคลุมตลอด อากาศเย็นสบาย แบบนี้เที่ยวได้ทั้งปีเลยล่ะ
ใช้เวลาเยี่ยมชมวัดนี้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองโบราณ คนขับรถอาจจะตีรถแล้วกลับมารับตามเวลาที่นัดหมาย ผมนัดเขามารับ 6 โมงเย็นครับ ค่าธรรมเนียมเข้าชม 121 CNY ต่อคน และด้านในมีรถบริการรับ-ส่ง คนละ 35 CNY มันกว้างใหญ่สมคำร่ำลือมากกกกกกกกก (ก.ไก่ ร้อยตัว) แน่นอนผมต้องขึ้นรถอยู่แล้ว 555+
รถบริการจะมาส่งที่อาคารหลัก ที่เป็นประธานของวัดให้ได้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคล
หลังจากนั้นเริ่มออกสำรวจ โดยเดินย้อนไปยังอารามสูงสุดของวัด
จากหอสูงสุดของวัด...มุมมองแบบพาโนรามา
ลักษณะวัดสร้างตามแนวเขา ผมเดินลงเพื่อเก็บบรรยากาศทั้งหมด
กงล้อจารึกอักษรมนตราศักดิ์สิทธิ์ หมุนกงล้อขนาดใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล
ความยิ่งใหญ่สะท้อนด้วยซุ้มประตูและความอลังการของอารามแต่ละหลัง
สัญลักษณ์แห่งต้าหลี่ เจดีย์สามองค์ “ซานถ่า” โดดเด่นและงามสง่า
องค์กลางมีนามว่า "เชียนหลินถ่า"
เป็นสัญลักษณ์ของเมืองต้าหลี่ ถ้าใครมาต้องมาถ่ายรูปเจดีย์ 3 องค์แห่งนี้ ไม่อย่างนั้นถือว่าคุณพลาด !!!
ท่ามกลางสายหมอกและเงาสะท้อนบนพื้นน้ำ...มีเสน่ห์เหลือเกิน
ระหว่างรอคนขับรถรับกลับไปเมืองโบราณต้าหลี่ แวะถ่ายรูปหน้าทางเข้าวัดกันสักหน่อย
15 นาที กลับถึงที่พัก เตรียมตัวเดินเล่นในเมืองโบราณกันต่อ ทุกคืนจะมีการเต้นรำที่หน้าประตูเมืองตอน 2 ทุ่ม ที่นี่ค่อนข้างมืดช้า 2 ทุ่มกว่า ๆ แล้วเพิ่งจะเห็นแสงทไวไลท์เองครับ
มีเหล่าตำนานไซอิ๋วมาร่วมถ่ายรูปหน้าประตูเมืองด้วยนะ (เสียเงินนะจ๊ะ ^^)
สามารถเดินขึ้นไปด้านบนซุ้มประตูเมืองได้ จากประตูเมืองทิศใต้มองเห็นประตูเมืองทิศเหนือซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1.5 กม. ช่วงนี้ถนนทั้งเส้นจะปิดไม่ให้รถวิ่งผ่านและเปิดเป็นถนนคนเดิน
เปิดฉากช่วงตระเวนกิน ในเมืองโบราณจะมีศูนย์อาหารตั้งอยู่หลายจุด สามารถเข้าไปเลือกชมอาหารกับตามชอบ ราคาแต่ละอย่างจะอยู่ที่ 15-25 CNY เริ่มหิวแล้วล่ะ ^^
หนังท้องเริ่มตึงแล้ว เรามาเดินย่อยชมบรรยากาศอันสวยงามยามค่ำคืนกันต่อ การตกแต่งประดับประดายังคงประยุกต์ให้เข้ากับยุคโบราณ
ที่เห็นวางขายอยู่มากตามถนนคนเดินคือร้านขายกลอง มีคนตีกลองเคล้าทำนองเพลงมันส์ ๆ ได้บรรยากาศเหลือเกิน ดูอินดี้ ๆ ดี 555 ส่วนของที่ระลึก เครื่องเงิน ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
รุ่งเช้าก่อนที่จะออกเดินทางไปลี่เจียง ผมไม่พลาดที่จะเก็บภาพประตูเมืองทิศใต้อีกครั้ง อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโบราณต้าหลี่
ชาวเมืองมาออกกำลังกาย เต้นรำกันบนกำแพงเมือง
บรรยากาศยามเช้าสดชื่นและสวยงามเสมอ
ไต่ระดับความสูงกันต่อกับการนั่งรถบัสไปลี่เจียง ก่อนเวลารถบัสออก 10 นาที จะมีรถ Mini Van มารับเราไปส่งที่จุดขึ้นรถ ริมถนนใหญ่นอกเมืองโบราณ พอรถมาถึงก็ขึ้นได้เลย ไม่มีตั๋วให้ ไม่ระบุที่นั่ง ใช้การ Refer จากโรงแรมตอนรับคนมาส่งครับ
ทิวทัศน์ระหว่างทางบ่งบอกว่าต้าหลี่เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ เงียบสงบเพียงใด
ลี่เจียง (Lijiang)-麗江
ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ถึงสถานีขนส่งลี่เจียง ผมซื้อตั๋วเดินทางล่วงหน้าไปแชงกรีล่า สำหรับวันมะรืนและต้องมาขึ้นรถสถานีนี้ด้วย
สำหรับตารางเวลารถที่ออกจากลี่เจียงเพื่อไปยังเมืองต่าง ๆ เที่ยวรถรอบที่จะไปแชงกรีล่าคือวงกลมสีแดงตามในรูป
ออกจากท่ารถขึ้นเมี่ยนเปาเชอ หรือ Mini Van ไปยังเมืองเก่าลี่เจียง ที่พัก 2 คืนของผม “Sinabro Inn” จองผ่าน Airbnb.com อยู่ริมเมืองเก่าลี่เจียงคนละฝั่งกับกังหันใหญ่หน้าประตูเมือง บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ อาคารของโรงแรมเป็นไม้ทั้งหลัง บรรยากาศสวนกลางบ้าน ชวนให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายในนักเชียว ^^
ผู้ดูแลโรงแรมเป็นเพียงเด็กสาวอายุไม่ถึง 20 ปี เธอพูดภาษาอังกฤษพอได้ เพราะเธอศึกษาจากแขกที่แวะเวียนมาพัก ผมชื่นชมน้องเขาเลย ภายในห้องพักไม่มีเครื่องปรับอากาศนะครับ มีแผ่นทำความร้อนใต้ฟูก อากาศน่าจะเย็น ๆ หนาว ๆ ตลอดปี
เมื่อลองเดินสำรวจเมืองดู มีโรงแรมเปิดให้บริการเยอะ และมีการจัดโซนที่ชัดเจน สามารถ walk-in เลือกตามใจชอบได้เลย
ภารกิจในเมืองลี่เจียงหลังเก็บกระเป๋าอันแสนจะหนักอึ้งไว้ในห้องพัก
1. ตามหา “หงจิ่นเทียน”
2. สระมังกรดำ
3. “หว่านกู่โหลว”-ชมทะเลหลังคา
4. ชมเมืองเก่าลี่เจียง
ยาแพ้ความสูงหรือชื่อจีน “หงจิ่นเทียน” สมุนไพรชุดนี้ผมซื้อจากร้านขายยาริมถนนใกล้ทางเข้าที่พัก กล่องเล็ก 6 ขวด กล่องละ 35 CNY ควรจะทานก่อนมื้ออาหาร ล่วงหน้าสัก 1-2 วัน ก่อนขึ้นที่สูง เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพได้ ทานเพื่อป้องกันอาการแพ้เมื่อขึ้นที่สูง ส่วนใหญ่จะปวดหัว หัวใจเต้นแรง หายใจไม่ค่อยสะดวก ยาจะช่วยให้ร่างกายใช้ออกซิเจนน้อยลงเมื่อขึ้นที่สูงที่อากาศเบาบาง และแก้เมื่อยล้าได้อีกด้วย หากใครสะดวกพกยาเม็ดก็ “Diamox” ครับ แต่ผมไม่ได้ใช้เลยไม่มีข้อมูลนะครับ
จากตัวเมืองเก่าลี่เจียงนั่งรถแท็กซี่ไปสระน้ำมังกรดำไม่ไกลนัก ประมาณ 10 นาที ค่าเข้าชมสระมังกรดำนี้ยังเป็นค่าธรรมเนียมการเข้าเมืองเก่าลี่เจียงด้วย 80 CNY ต่อคน
สระมังกรดำหรือ ”เฮยหลงถัน” ในสวนสาธารณะยู้วฉวน ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง (แมนจู) และถูกบำรุงมาเรื่อย ๆ แล้ววันที่ผมไปทางการจีนก็กำลังปิดซ่อมบำรุง “หออู่เฟิง” หอกลางน้ำพอดีครับ อดดูหงส์เลย ว่ากันว่าไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็จะเห็นหงส์ 5 ตัว จากหอแห่งนี้
ด้วยความใสสะอาดของพื้นน้ำสะท้อนให้เห็นทิวทัศน์ราวกับกระจก มองเห็นหุบเขาเบื้องหลังชัดเจน
หุบเขาหิมะมังกรหยกที่ผมจะไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ^^
สะพานแห่งความคิดถึงทอดตัวยาวกลางสระ เสาสะพานแกะสลักเป็นรูปช้างและสิงโต อีกสัญลักษณ์สำคัญของสระมังกรดำแห่งนี้
น้ำใสจับใจจริง ๆ คอนเฟิร์ม !!
นั่งแท็กซี่กลับมายังเมืองเก่าลี่เจียง สามารถเข้าได้หลายทาง บรรดาทางเข้าย่อย ๆ ก็สังเกตป้ายแบบนี้
เดินลัดเลาะตามแผนที่ไป “หว่านกู่โหลว” ชมทะเลหลังคา
ใช่แล้วครับ ! ทะเลหลังคา ทัศนียมุมสูงภาพเมืองเก่าที่ทุกหลังคาเรือนเป็นสีเดียวกันทั้งเมือง เป็นที่มาของชื่อเมืองเก่าแห่งนี้ “ต้าเอี้ยน” แปลว่าหินฝนหมึก ค่าธรรมเนียมเข้าชม 50 CNY
ที่ด้านบนสุดของหอหว่านกู่ สูง 5 ชั้นนี้ สามารถชมทัศนียภาพมุมกว้างได้จากด้านบน
อีกหนึ่งจุดเด่นของเมืองลี่เจียงคือ “อักษรตงปา” ลักษณะคล้ายกับอักษรภาพของอียิปต์ ริมกำแพงเมืองเก่า สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
และจุดสาหัสของทริปก็มาถึง !!! เมื่อผมตัดสินใจจะซื้อทัวร์ไปหุบเขาหิมะมังกรหยกกับ Local Agency ที่ตั้งอยู่ทุกมุมถนน ทั้งที่ผมสื่อสารจีนไม่ได้และอีกฝ่ายก็สื่อสารอังกฤษไม่ได้เช่นกัน สื่อสารด้วยภาษามือระยะหนึ่งก็ได้ราคามา แต่พอเขาให้กรอกใบยินยอมเท่านั้นล่ะครับ สปีคไชนีสมาชุดใหญ่ สิ่งเดียวที่ผมนึกขึ้นได้คือ Line Call หาเพื่อนไทยที่พูดจีนได้ แล้วให้สื่อสารแทน แต่เรื่องหักมุมน่ะสิ ทาง Agency บอกกับเพื่อนผมว่าเกรงว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง นัดสถานที่และเวลาไม่ได้ เขาไม่ขายให้ผมซะแล้วครับ Y_Y มุ่งหน้าหาร้านที่สามารถพูดอังกฤษได้ หวังว่าจะได้ไกด์อังกฤษซะด้วยนะเออ !!! ชี้รูปแล้วถามราคาอยู่ 5-6 ร้าน เทียบราคาแล้วเลือกร้านที่ราคาถูกที่สุดในตอนนั้น และให้เพื่อน Line Call ให้ สนนราคาคนละ 520 CNY หลังจากที่เพื่อนผมเจรจาให้เรียบร้อย Agency รีบถามหาเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ในการติดตามลูกทัวร์ทันที แต่นั่นล่ะครับผมไม่มีซิมจีนและเวลานั้นพระเอกอย่าง We Chat ก็ปรากฏขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ขอโทรศัพท์ไปจิ้ม ๆๆ แล้วกด Translate ให้ดู หึหึ ผมรอดแล้วครับ !!!
Agency ทัวร์จะสอบถามที่ตั้งโรงแรมและนัดหมายขึ้นรถตามจุดใหญ่ ๆ ใกล้ที่พัก สิ่งที่ผมต้องรอจาก Agency คือเวลาขึ้นรถและเลขทะเบียนรถ เสียขวัญไปซะเยอะ ต้องรีบหาขนมปลอบใจตัวเองสักหน่อย เกี่ยวไหมนะ ? Go Go ! ชมเมืองให้สบายใจได้แล้ว
จุดเด่นของเมืองเก่าลี่เจียงคือคูคลอง สายน้ำไหลผ่านทุกบ้านเรือน สะพานหินแบบฉบับจีนมีให้เห็นมากมาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งตะวันออก” กันเลยทีเดียว
Landmark กังหันน้ำขนาดใหญ่ที่หน้าประตูเมืองและซุ้มเครื่องรางสะดุดตา
ลานกว้างแห่งนี้ทุกเย็นจะมีชาวพื้นเมืองออกมาร่ายรำกันอย่างสนุกสนาน นักท่องเที่ยวผ่านไปมาก็เข้าไปร่วมเต้นรำกับเขาด้วย
ผมสังเกตบรรดาร้านค้าในเมืองเก่า ตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ หลัก ๆ เลยจะเป็นร้านเครื่องดนตรี เสียงกลองประกอบดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ ยิ่งเพิ่มอรรถรสในการเดินให้แก่ผู้ผ่านไปมายิ่งนัก...ร้านขนมเปี๊ยะ “โร่วปิ่ง”, ร้านของที่ระลึก, ทัวร์/Agency และร้านแพ็กเกจถ่ายรูป ช้อปปิ้งกันเพลินเลยล่ะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : สินค้าลี่เจียงน่าซื้อ -> เครื่องดนตรี ซีดีเพลง
อาหารมีทั้งร้านอาหารและศูนย์อาหารสไตล์เดียวกับเมืองโบราณต้าหลี่ ปิดท้ายคืนนี้ด้วยมื้อค่ำร้าน “LaMu” ตกแต่งสไตล์ทิเบต เดินมาทางด้านหลังกังหันใหญ่ช่องที่ 2 ร้านอยู่ด้านซ้ายมือ
อาหารและเครื่องดื่มเป็นสไตล์ทิเบต
07.30 น. ตามเวลานัด...พร้อมที่จุดนัดหมาย ห่างจากโรงแรม 5 นาที ท่าทางจะเป็นจุดรับลูกทัวร์ขนาดใหญ่ คนเยอะ รถผ่านไปผ่านมาก็แยะ มองหาเลขทะเบียนอยู่พักใหญ่ไม่มาสักที We Chat ถามหา Agency คนเมื่อวาน ให้เขาประสานงานให้ จะ 8 โมงแล้วเริ่มร้อนใจครับ สุดท้ายหันไปถามสาวจีนข้าง ๆ เพื่อคอนเฟิร์มว่าเราไม่ได้มาผิดจุดนัดหมายใช่ไหม คุณพระ!!! เขาพูดภาษาอังกฤษได้ ^____^
รถมาแล้ว…โชคชั้นที่ 2 !!! สาวจีนเมื่อสักครู่เป็นลูกทัวร์กรุ๊ปเดียวกับผมครับ อย่างที่ผมบอกตอนต้นความเอื้อเฟื้อมีอยู่ทุกที่ เขาต้องดูแลพวกผมเพราะเค้าสื่อสารได้ ที่สำคัญเขาดูยินดีซะด้วย เมื่อขึ้นรถไกด์จีนก็ขานชื่อ กำหนดประจำตัวลูกทัวร์ พร้อมกับแซวคนต่างถิ่นอย่างพวกผม เพราะทั้งรถหันมามอง หัวเราะร่วนเลย แต่เอาเถอะครับผมฟังไม่ออกสักหน่อย 555
ลำดับของทัวร์มดแดงคันนี้ในหน้ามรสุมนักท่องเที่ยวชาวไทย-จีน (ทำไมต้องมดน่ะเหรอ นักท่องเที่ยวทะลักมาก ครึ่งหนึ่งก็พี่ไทยเรานี่เอง เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเทศกาลไทยหรือจีนเป็นอันดีที่สุด) เริ่มต้นตั้งแต่ 8 โมงเช้า สิ้นสุดที่ 6 โมงเย็น
1. ขึ้นรถ ต้องสังเกตเลขทะเบียนรถ ณ จุดรับลูกทัวร์ให้ดี ควรเผื่อเวลาไว้เนื่องจากต้องวนรับลูกทัวร์หลายจุด
2. แวะร้านอุปกรณ์ รับ Oxygen กระป๋อง+เสื้อหนาวสีแดง สีฮอตฮิตประหนึ่งมีแม่สีเดียวทั้งเมือง !!! นี่ล่ะครับที่มาชื่อ “ทัวร์มดแดง” ของผม (สำหรับคนจีนเขามีชุดขนม น้ำผลไม้ถุงโตให้ด้วย แต่ผมไม่ได้อะ Y_Y)
3. ดูการแสดง “IMPRESSION LIJIANG” กำกับโดยจาง อี้โหมว
4. พิชิตหุบเขาหิมะมังกรหยก
5. ชมธารน้ำไป่สุ่ยเหอ Blue Moon Valley
6. ส่งผู้โดยสาร-ผมเลือกลงหน้าเมืองเก่าเพื่อเดินเล่นต่อครับ
บรรยากาศทัวร์มดแดงและไกด์…
จากการสื่อสารชี้รูปแบบมั่ว ๆ ตอนซื้อทัวร์ที่เมืองเก่า ก็ได้ความว่าไม่มีเวลาการแสดงที่แน่นอน !!! ซึ่งมันเป็นไปได้รึ ? โชว์ใหญ่โตอยู่นะ ? สรุปคือทัวร์จีนเขาจะบริหารจัดการเวลาให้เอง ถ้าไปทันรอบไหนเขาก็จะให้เข้าที่รอบนั้น ถ้าไม่ทันก็จะให้รันโปรแกรมอื่นขึ้นมาแทน วันนี้เรามาถึงหน้าสถานที่แสดงโชว์ไม่ทันรอบ การแสดงเริ่มแล้ว 10 นาที แต่ก็นะ เขาให้เข้าก็เข้าวะ !!! 555 (รอบละ 1 ชม.)
การแสดงเท้าความถึงชนเผ่านาซี ชนเผ่าที่ผู้หญิงมีความโดดเด่นในสังคมและสำคัญในทุกด้าน ไม่เว้นแม้แต่ด้านการใช้แรงกาย โชว์จาง อี้โหมว นี้มี English Sub ขึ้นบ้างในบางจังหวะของการแสดง แต่ยังไงก็ตามการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการร้องเพลง เต้นรำ และท่าทางที่ทำให้พอเข้าใจได้ ผู้ชมจีนบางคนถึงกับน้ำตาไหลในฉากที่ต้องพลัดพรากจากกัน หรือฉากที่แสดงถึงความภูมิใจในชนเผ่าสตรีที่เป็นผู้ขับเคลื่อนชนเผ่า ส่วนผู้ชายจะรักการร้องรำทำเพลงหรือเป็นคนที่ผ่านทางมายังเมืองแห่งนี้
ความอลังการของเวทีและนักแสดงหลายร้อยชีวิต
ฉากหลังหุบเขาหิมะมังกรหยกที่สวยงาม ตรึงผู้ชมอยู่กับสถานที่ต้นกำเนิดเรื่องราวตรงหน้าอย่างได้อรรถรส
อันที่จริงผมก็ดูโชว์ไม่จบดีครับ เพราะแก๊งมดแดงของผมต้องรีบไปต่อแถวขึ้นรถอุทยานฯ เพื่อต่อกระเช้าลอยฟ้าแถวย้าวยาวววววว
ปกติแล้วใช้เวลารวมไม่เกิน 1 ชม. ในการขึ้นไปบริเวณด้านบนหุบเขา แต่ด้วยสภาพคนติดขัด รวมถึงมีการวางมวยระหว่างไกด์หลายกลุ่ม ผมใช้เวลาถึง 2 ชม. ครึ่งครับ เสบียงที่เตรียมมาซัดหมดไปก่อนถึงด้านบนเป็นที่เรียบร้อย แถมยังเห็นการแสดงโชว์เล่นซ้ำไปอีก 2 รอบ อยู่ลิบ ๆ ><
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย :
1. พลังงานเป็นสิ่งสำคัญ ควรรับประทานอาหารให้พลังงานให้พร้อม และเตรียมลูกอม/ช็อกโกแลต/Energy Bar ติดตัวไว้
2. Oxygen กระป๋องช่วยได้เยอะมากครับ สูดตั้งแต่ขึ้นกระเช้าเลยก็ดี เพื่อเตรียมสภาพร่างกายสักเล็กน้อย
ใช้เวลาในกระเช้า 20 นาที คันละไม่เกิน 8 คน ระหว่างทางเห็นภูเขารายล้อม สะท้อนความยิ่งใหญ่ของหุบเขาแห่งนี้ได้ดีทีเดียว
การเข้าชมหุบเขาหิมะมังกรหยกจะแบ่งเป็น 3 ระยะ
1. ระยะแรก 3,356 เมตร เป็นสถานีกระเช้าด้านล่าง (ก่อนขึ้นกระเช้ามาด้านบน) สามารถเดินถ่ายรูปรอบ ๆ ได้
2. ระยะที่สอง 4,506 เมตร เป็นสถานีกระเช้าด้านบน หลังจากขึ้นกระเช้ามาจะเห็นป้ายบอกตำแหน่งความสูงตั้งอยู่ด้านหน้าอาคาร
3. ระยะที่สาม 4,680 เมตร เป็นจุดสูงสุดของอุทยานฯ แห่งนี้ ต้องเดินเท้าไปตามทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแต่ละวัน
ตอนแรกที่ไปถึงใจหายเลย เป้าหมายของผม…ทางอุทยานฯ ติดประกาศว่าปิดห้ามเดินขึ้นเนื่องจากมีหิมะตก แต่ก็เห็นมีชาวจีนบางส่วน (เรียกว่าส่วนน้อยถึงจะถูก) เดินอยู่ลิบ ๆ ไม่รอช้าครับลุยครับลุย เวลามีน้อยยยยยยย
ระหว่างทางเดินไปจุดที่ 3 ลมแรงมาก หิมะพัดปะทะหน้าจนแสบไปหมด เสื้อหนาวที่เตรียมไปเองไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่ได้เสื้อหนาวแก๊งมดแดงเนี่ยผมคงยืนแข็งเป็นรูปปั้นตั้งแต่ 50 เมตรแรกละ
หุบเขาหิมะมังกรหยก เป็นยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี สำหรับใครที่มีอาการแพ้ความสูงหรือมีปัญหาเรื่องระบบหายใจ ต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองเยอะหน่อย ป้องกันไว้ก่อนดีที่สุดครับ
อากาศเบาบางและหิมะพัดแรงมาก เดินไม่กี่ขั้นก็เหนื่อยแล้วครับ Oxygen กระป๋องนี่ผมใช้หมดเลยล่ะ
ขาวโพลนทุกทิศทาง ฉ่ำหิมะมากครับงานนี้ 555
ถึงแล้ว !!! 4,680 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลมที่พัดมาอย่างไม่ขาดสาย ช่วงนั้นเป็นช่วงทรมานที่สุดเลยก็ว่าได้ หนาวสุดขั้วเลยยยยยย บรื๋อออออออ ><
ผมลงมาช้าที่สุดในแก๊งมดแดง ตารางเวลาทัวร์รวนจนไกด์บอกว่าเราไม่สามารถไปแวะที่ไหนต่อได้อีก Y_Y แต่จากการลงความเห็นของเหล่าหนุ่มสาวมดแดงจีน (เหลือเชื่อครับ !!! แก๊งนี้มีนักศึกษาสัก 80% ทำให้พอจะมีภาษาอังกฤษได้สื่อสารกันบ้าง) จะไปต่อที่ไป่สุ่ยเหอ ถึงแม้จะเลยเวลาที่ทัวร์แจ้งไว้แต่แรกแล้วก็ตาม ไปขึ้นรถอุทยานฯ ไปต่อกันเลย Go ! Go !
มีเวลา 20 นาที กับ “ไป่สุ่ยเหอ Blue Moon Valley”
ธารน้ำจากหิมะที่ละลายบนเขา ยามบ่ายคล้อย ๆ แสงสาดส่องแบบนี้ฟินครับ…
อีกสิ่งที่ผมประทับใจไม่น้อยกว่าความสวยงามและอลังการของธรรมชาติที่นี่แล้ว คือแก๊งมดแดงที่เอื้อเฟื้อและช่วยกันดูแล คนต่างถิ่นอย่างผมมันยอดเยี่ยมมากครับ ซาบซึ้ง T______T
สิ้นสุดการผจญภัยในหุบเขาหิมะมังกรหยก กลับมาเดินเล่นและชดเชยมื้อใหญ่กันที่เมืองเก่าลี่เจียง
มื้อนี้เป็นอาหารพื้นเมืองและขึ้นชื่อของยูนนาน “Cross the Bridge Noodles” แปลมันตรง ๆ เลยแล้วกัน ก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน มักพบเห็นได้ทั่วไปทั้งในคุนหมิง ต้าหลี่ และลี่เจียง ร้านที่ผมไปทานนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกังหันใหญ่ เมืองเก่าลี่เจียง ข้ามถนนแล้วเดินตรงมาอีกนิดร้านอยู่ขวามือ
ร้านนี้เขามีราคาเป็นชุด เลือกไซส์ได้ตามใจชอบ
โดยจะเสิร์ฟเครื่องมาก่อน หลังจากนั้นหม้อน้ำซุปเดือด ๆ ก็ตามมา ชุดนี้สำหรับ 1 คนนะครับ
เทเครื่องทุกอย่างลงไปเลย…แล้วตักขึ้นมาพร้อมทานแล้วครับ ^^
ตามหาขนมหวานกันต่อ…สะดุดที่ร้านนี้ครับ บรรยากาศน่านั่งเอนตัวพักแข้งพักขาซะจริง ๆ “Prague Caf?” ร้านตั้งอยู่ในเมืองเก่าลี่เจียง เดินเลยจากร้าน Lamu ที่ทานไปวันแรก ประมาณ 300 เมตร ร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือ หน้าร้านมีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่าน
การตกแต่งภายในร้านสไตล์โมเดิร์นแตกต่างกับเมืองเก่าอย่างสิ้นเชิง แต่มันแปลกตาสำหรับที่นี่...น่าสนใจ
Hot Chocolate with Marshmallow และ Fruit Crape
เก็บภาพบรรยากาศเมืองเก่าลี่เจียงยามดึกให้อิ่มยิ่งขึ้น ๆๆๆ อีก สีสันจัดจ้านจริง ๆ สมแล้วที่เป็นเมืองเก่าต้นแบบที่โด่งดังไปทั่วยูนนาน
ยามกลางวันตึกไม้ทรงโบราณชวนค้นหา ยามค่ำคืนสีสันเมืองเก่าลี่เจียงน่าหลงใหล…
ปิดท้ายเมืองเก่าลี่เจียงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและการผสมผสานวัฒนธรรมหลายสมัยอย่างมีเสน่ห์ ราตรีสวัสดิ์แสงสีเมืองเก่าลี่เจียง
ทิ้งท้ายด้วยค่าใช้จ่าย 4 วันแรก (จากที่เดินทางทั้งหมด 9 วัน) ต้าหลี่–ลี่เจียง รวมถึงชื่อสถานที่ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เผื่อไว้ใช้ประโยชน์กันได้ครับ
ต้าหลี่-ลี่เจียง ธรรมชาติยิ่งใหญ่และงดงามเสมอ การผสมผสานสิ่งปลูกสร้างและวัฒนธรรมให้คงอยู่ ช่างมีเสน่ห์สำหรับผมมากเลยทีเดียว
ขอบคุณผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาทั้งคนไทย คนจีน ที่คอยช่วยเหลือพวกผม
ขอบคุณทุกความยิ่งใหญ่ที่ลงตัวในธรรมชาติแผ่นดินจีน
ขอบคุณทุกส่วนประกอบของรสชาตินักเดินทาง ที่ปรุงแต่งบันทึกหน้านี้ของผมให้เข้มข้นและเต็มไปด้วยสีสัน
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่คอยช่วยเหลือผมตลอดเส้นทาง ^^
ความสุขสงบและความตื่นเต้นเป็นของคู่กัน เหมือนหยินหยาง จะเป็นยังไง ??? ถ้าการออกตามหาเส้นขอบฟ้าเริ่มต้นด้วยการขึ้นรถผิดสถานี !!! การก้าวพลาดที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่ยอดเขาสือข่า !!!...ไปร่วมลุ้นด้วยกันในตอนต่อไป ... ตามหาเส้นขอบฟ้าที่หลายคนบอกว่าไม่มีอยู่จริงในดินแดนที่ชื่อว่า “แชงกรีล่า-ซัมบาลา”
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหนสามารถสอบถามได้ทาง Message Pantip หรือในเพจของผมได้
เฟซบุ๊ก Nejuphoto และของเพื่อนร่วมทริปผมที่ช่วยเรียบเรียงเขียนรีวิวในครั้งนี้ด้วย
เฟซบุ๊ก yingtidteestory
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวต้าหลี่-ลี่เจียง ตอนที่ 1 จนจบ แล้วอย่าลืมมาสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ ^^
แนะนำที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรม เพียบ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Nejuphoto