ประเทศจีนถือเป็นดินแดนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบฉบับของตนเอง ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นประเทศที่มีผู้มาเยือนไม่ขาดสาย รวมทั้งคนไทยก็เช่นกันที่อยากไปชมความสวยงามของกำแพงเมืองจีน, จัตุรัสเทียนอันเหมิน, เขาหวงซาน, พระราชวังฤดูร้อน และอีกหลายสถานที่ แต่เชื่อว่าหลายคนยังลังเลอยู่ว่าจะเอาตัวรอดในจีนได้อย่างไรเมื่อต้องไปใช้ชีวิตในเมืองที่มีความแตกต่างกับคนไทย ถ้าเช่นนั้นมาดู 10 ทิปส์ดี ๆ ที่เว็บไซต์ chinahush แนะนำกันดีกว่าค่ะ
1. รู้ภาษาอังกฤษเยอะไม่สำคัญเท่ากับสื่อสารภาษาจีนได้นิดหน่อย แม้จะเห็นว่าสถานที่ต่าง ๆ ในจีนนิยมใช้ภาษาอังกฤษควบคู่ไปกับภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม, ห้างสรรพสินค้า หรือโรงเรียนก็เถอะ แต่ภาษาที่สองก็ไม่เท่าภาษาบ้านเกิดจริง ๆ แถมคนจีนส่วนใหญ่ก็อาจไม่คุ้นเคยกับการพูดภาษาอังกฤษแบบไฟแลบเสียด้วย ดังนั้นลองศึกษาภาษาจีนมาสักหน่อยก็ยังดีนะคะ เช่น คำทักทาย, คำขอบคุณ, การถามทาง คำศัพท์ง่าย ๆ ที่ทำให้คุณสื่อสารกับเจ้าถิ่นได้เข้าใจมากขึ้น รวมทั้งการพยายามจะสื่อสารก็สำคัญเช่นกัน
2. หลีกเลี่ยงการขึ้นแท็กซี่ที่คะยั้นคะยอให้คุณใช้บริการ น่าจะเป็นเหมือนกันทั่วโลกสำหรับข้อนี้ ดังนั้นไม่ควรไว้ใจใครง่าย ๆ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่คะยั้นคะยออยากจะไปส่งคุณที่จุดหมายปลายทางเหลือเกิน หรือหากจำเป็นต้องใช้บริการจริง ๆ ก็ลองสอบถามราคาที่แน่ชัดดูเสียก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวของคุณด้วย ทางที่ดีควรลิสต์รายชื่อสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณจะไปไว้คร่าว ๆ จากนั้นก็หาข้อมูลว่าคุณจะไปสถานที่นั้น ๆ ได้อย่างไรบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้รถแท็กซี่
3. ห้องน้ำที่มีฐานราบเรียบเหมือนพื้น ห้องน้ำแบบส้วมหลุมในจีนก็คล้าย ๆ กับของไทยนั่นแหละ ซึ่งความสะอาดก็เป็นเรื่องที่คุณควรคำนึงถึงอยู่แล้ว นอกจากนี้หากไปเที่ยวกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องขา ข้อเข่า เส้นเอ็น ก็เกรงว่าจะไม่สะดวกหากต้องใช้ส้วมแบบนี้ ลองเข้าห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าดีกว่า รวมทั้งอย่าลืมพกกระดาษทิชชูติดตัวไว้เสมอ
4. หัวข้อสนทนาที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด แม้จะอยากชวนเจ้าถิ่นคุยเพื่อทำความคุ้นเคย แต่ก็ใช่ว่าทุกเรื่องจะคุยกันได้นะจ๊ะ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง, ทิเบต, ไต้หวัน, สิทธิมนุษยชน และการบล็อกข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต เพราะมีสิทธิ์ว่าคุณจะทำให้พวกเขาเกรี้ยวโกรธได้ แม้ว่าคุณจะรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนก็เถอะ แต่อย่าเอามาเป็นหัวข้อในวงสนทนาเลยดีกว่าค่ะ
5. การต่อราคาสินค้า การต่อรองราคาสินค้าในจีนถือเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว เพราะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะเรียกราคาสินค้าไว้สูงลิบ ซึ่งไม่ควรตัดสินใจซื้อหากยังไม่ได้ต่อรอง แนะนำว่าให้ต่อราคาแบบครึ่งต่อครึ่งได้ยิ่งดี หรือต่อให้เยอะที่สุดแบบไม่น่าเกลียดเกินไป เชื่อเลยว่าคุณจะได้สินค้าราคาถูกมากมายเลยแหละ นอกจากนี้การเปรียบเทียบสินค้าร้านนั้นร้านนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อที่คุณจะได้ราคาที่ดีที่สุดยังไงล่ะ
ภาพจาก pcruciatti/Shutterstock.com
6. พกเงินสดติดตัวไว้บ้าง ว่ากันว่าบัตรเครดิตไม่สำคัญเท่าเงินสดเลยทีเดียว งานนี้ก็พกเงินสดติดตัวไว้บ้างนะคะ เพราะร้านค้าข้างทางหรือร้านรวงส่วนใหญ่นิยมรับเงินสดมากกว่า
7. หลีกเลี่ยงการเรียกชื่อผู้อาวุโสหรืออายุมากกว่า ข้อนี้คล้ายกับคนไทยอยู่เหมือนกัน ที่เราจะไม่เรียกผู้ที่มีอายุมากกว่าด้วยชื่อเล่นหรือชื่อจริง แต่จะต้องมีคำนำหน้าเช่น พี่, น้า, ลุง, ป้า ฯลฯ ซึ่งหากคุณเรียกผู้อาวุโสชาวจีนด้วยชื่อของพวกเขาเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าไม่สุภาพ ดังนั้นเรียกกลาง ๆ ไว้ดีกว่า เช่นใช้คำว่า You, Grandfather, Grandmother เป็นต้น
8. อย่าปักตะเกียบลงในชามข้าว แม้จะไม่คุ้นชินกับการใช้ตะเกียบคีบอาหาร แต่ก็อย่านำตะเกียบปักชามข้าวเด็ดข้าว เพราะคนจีนเขาถือเรื่องนี้มาก โดยเปรียบเปรยได้ว่าเหมือนคุณกำลังเขียนชื่อพวกเขาแปะลงบนโลงศพเลยทีเดียว
9. ความเชื่อเรื่องตัวเลข รวมทั้งความเชื่อในเรื่องของตัวเลขด้วยเช่นกัน โดยคนจีนเชื่อกันว่าเลข 3 และเลข 8 จะนำโชคดีมากให้ ส่วนเลข 4 นั้นหมายถึงโชคร้ายหรือความตาย ดังนั้นหากมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขก็หลีกเลี่ยงไปใช้เลขที่มีความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของเจ้าถิ่นดีกว่า
10. ของขวัญที่ไม่ควรให้กัน ในประเทศจีนนั้น ของขวัญแต่ละชิ้นก็มีความหมายที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากคิดจะให้อะไรใครก็ต้องดูความหมายของสิ่งนั้น ๆ ด้วยนะคะ แม้ว่าคุณไม่มีเจตนาจะทำให้ผู้รับเสียความรู้สึกก็เถอะ อย่างเช่น หมวกสีเขียว ซึ่งหมายถึงว่าคนคนนั้นไม่ซื่อสัตย์ต่อคนรักของตนเอง ถือเป็นการประณามผู้รับอย่างไรอย่างนั้นเลย นอกจากนี้การมอบนาฬิกาหรือของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีขาวก็หมายถึงความโชคร้ายและความตายด้วยเช่นกัน
แม้คนไทยจะไม่ได้มีความเชื่อเช่นเดียวกันกับคนจีน แต่ในฐานะผู้มาเยือนก็ต้องทำตัวเป็นเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีโดยการเคารพกฎและวัฒนธรรมของสถานที่นั้น ๆ ด้วยนะคะ เพราะเราคงไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีใครต้อนรับ ที่สำคัญการได้เรียนรู้วัฒนธรรมและความเชื่อของสถานที่ต่าง ๆ ก็ทำให้คุณเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่คับขันได้เช่นกัน
