x close

นั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวเกาะเต่า งบน้อยไปคนเดียวก็เฟี้ยวได้

เกาะเต่า

          เกาะเต่า ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชื่อดังติดอันดับโลกจนได้ถูกขนานนามว่าเป็น "เกาะสวรรค์กลางทะเลอ่าวไทย" โดยเฉพาะเรื่องการดำน้ำ เพราะมีธรรมชาติสวยงามและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกขนาดใหญ่ จึงเป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง แต่นักเดินทางสไตล์แบ็คแพ็กเกอร์หลาย ๆ คนมักมองข้ามเกาะเต่า เพราะคิดว่าต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ ที่พักแพง ราคาอาหารโหด ดังนั้นวันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวเกาะเต่าในราคาเบา ๆ 4 วัน 3 คืน แบบใช้งบน้อยสุด ๆ จากบันทึกการเดินทางของ คุณ Nutsuksawakhon สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กับรีวิวแบกเป้ขึ้นรถไฟฟรีหนีไปเกาะเต่า งบน้อยไปคนเดียวก็เฟี้ยวได้ ... เอาเป็นว่าตามเราไปเที่ยวเกาะเต่ากันเลยค่ะ !



          ขอกราบสวัสดีสามครั้งพร้อมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กแบบลุงสายันต์ ขอต้อนรับทุกท่านสู่กระทู้เที่ยวสุดเฟี้ยวแบบหนุ่มโสดเปลี่ยว เที่ยวคนเดียว ณ เกาะเต่า กับการตัดสินใจเที่ยวแบบโดดเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต เปิดประสบการณ์การเที่ยวเกาะเต่าแบบ 4 วัน 3 คืน แบบใช้งบน้อยที่สุด เพื่อเป็นแนวทางเผื่อผู้สนใจอยากจะแบ็คแพ็กหนีโลกแห่งความจริงไปอยู่ในโลกอีกโลกที่ไม่มีคนรู้จัก การเที่ยวคนเดียวกับการภาพถ่ายตัวเองที่ใช้ความพยายามอย่างล้นเหลือ ขอจุดไฟในตัวทุกคนให้ออกเดินทางเจอโลกใหม่ ๆ รออะไรกันครับทุกคน ปรบมืออออออออ !!

เกาะเต่า

          คำเตือน : กระทู้รีวิวนี้อาจจะมีแต่ภาพของเจ้าของกระทู้มากเกินไป อาจจะทำให้ทุกท่านโมโหอยากจะกดกากบาทขวาบนปิด และอาจมีถ้อยคำหยาบคายและภาษาวิบัติเพื่อสื่ออารมณ์ และเป็นครั้งแรกของการรีวิวอาจจะขาดตกบกพร่องในรายละเอียดและความต่อเนื่อง จึงใคร่ขออภัยท่านผู้อ่านที่น่ารักไว้ ณ ที่นี้

          คำแนะนำ : สำหรับท่านที่ยาวไปขี้เกียจอ่านให้เลื่อนไปด้านล่างจะมี รวมรูปภาพสรุปการเดินทาง, งบประมาณ, Trick ที่เจ้าของกระทู้แนะนำ

          ติดตามหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม IG : Nutsuksawakhon

          กล้องที่ใช้ : Sony RX100 M2, Gopro (เฉพาะในน้ำ)

เกาะเต่า

          ก่อนอื่นต้องขอเท้าความถึงก่อนวันเริ่มต้นของการไปเที่ยว เนื่องจากความเหงาหงอยของเจ้าของกระทู้ที่ทุกคนรอบข้างทำงาน และรุ่นน้องก็อยู่ในช่วงสอบมิดเทอมของมหาวิทยาลัย จึงได้แชร์กระทู้ของท่าน High on dreams (http://pantip.com/topic/32100654) แต่ไม่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้าง จึงได้เกิดประกายการหนีเที่ยวครั้งนี้ และเนื่องด้วยความจนของเจ้าของกระทู้และไม่ได้เตรียมเงินไว้ ทริปนี้เลยต้องใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ จึงเกิดทริปโหด ตลก หลง ฮา แต่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความทรงจำ ที่ไม่มีวันหาได้ถ้าไม่ไปด้วยตัวเองคนเดียว

          และแล้วทริปก็เริ่มขึ้นด้วยการเสิร์ชหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การเดินทาง ที่พัก และได้ข้อสรุปแรกรถไฟฟรี เป็นทางเลือกที่แสนดี สำหรับการประหยัดเงิน จึงจัดแจงหารอบรถไฟฟรี โทรสายตรง 1690 ได้ความว่ามีรถไฟขบวนเร็วที่ 171 (เร็วจริง ๆ แล้วใช่ไหม T T ) กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก ออกจากกรุงเทพฯ 13.00 น. และต้องลงสถานีชุมพรเวลา 21.12 น. ถือเป็นเวลาที่ลงตัวอย่างยิ่ง จึงจัดกระเป๋าเตรียมกล้องล้างเมมโมรี่...เตรียมตัวเดินทาง

เกาะเต่า

Start Day 1 !!!

          งงตัวเองว่าทำไมกล่าวบทนำหลายรอบไม่เริ่มสักที คราวนี้เริ่มจริง ๆ แล้วนะ หลังจากจัดกระเป๋าเรียบร้อยเดินทางขึ้นรถไฟฟรี เจ้าของกระทู้ขึ้นจากสถานีศาลายาโดยรถไฟจะมาถึงตอน 14.08 น. จึงมาก่อนเวลา 30 นาที เพื่อการซื้อตั๋วขึ้นรถไฟ เดินทางมาถึงสถานีตีตั๋วเรียบร้อย ได้ตั๋วมาแถมยังมีเวลาเหลืออีก 20 นาที จึงไหว้วานน้องสุดที่รักที่เป็นคนรู้จักคนสุดท้ายของทริปให้เป็นตากล้องให้ถ่ายกับสถานีรถไฟ

          เวลาผ่านไปไม่นานเริ่มได้สัมผัสกลิ่นอายความร้อนของอากาศเมืองไทยที่ร่ำลือกัน ทำให้นึกถึงคำขู่ที่แสนน่ากลัวของรถไฟฟรี แต่ก็ช่างมันตั้งใจแล้วอย่าไปกลัวลำบาก ถึงเวลารถไฟมาก็ได้ดูตั๋วด้วยความสงสัยว่ามันไม่เห็นจะมีเลขขบวนกับเลขที่นั่งเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าขึ้นอันไหน จึงตัดสินใจถามสาว ๆ ชาวใต้ที่ดูเป็นผู้เชี่ยวชาญ ได้ความว่าให้ไปซื้อตั๋วฟรีที่มีเลขที่นั่ง ผมก็มึนงงอยู่ 30 วินาที เห็นจะได้ พี่สาวชาวใต้เห็นความโง่ของผม ไตร่ตรองแล้วไม่เข้าท่าแน่ ๆ จึงได้พาวิ่งไปซื้อตั๋วที่มีที่นั่งจากคนเก็บเงินหน้าทางเข้าห้องน้ำ (ลับขนาดนี้จะรู้ได้ยังไง 555) แต่ขณะเดียวกันนั้นเอง "ประกาศรถไฟขบวนต่อไปเป็นรถไฟขบวน 171 บลา ๆๆ" รถไฟมาแล้วครับ คราวนี้ทั้งผมทั้งพี่สาวผู้โชคร้ายวิ่งกันหน้าตั้งเพื่อไปซื้อตั๋วใหม่ให้ผม สวมวิญญาณนักวิ่งยิ่งกว่ายูเซน โบลต์ กระโดดขึ้นรถไฟ

          โง่เรื่องตั๋วยังไม่พอยังทำมึนหาโบกี้ไม่เจออีก พี่สาวผู้โชคร้ายจึงบอก "ขึ้น ๆ ไปก่อนเถอะ แล้วค่อยเดินหาเดี๋ยวกูตกรถ" ล้อเล่นนะครับ พี่เขาสุภาพมาก ผมใส่ไข่เพื่อความสนุกสนาน 5555 แม้จะทุลักทุเลไปบ้างแต่เควสต์แรกของผมสำเร็จ ได้มีที่นั่งบนรถไฟอย่างสมบูรณ์  ขอขอบคุณพี่สาวผู้โชคร้ายทั้ง 3 คน ที่ช่วยให้เด็กน้อยอย่างผมที่เกือบจะตกรถไฟได้ไปต่อ

เกาะเต่า

          ภาพนี้เป็นคุณแม่ลูกสองที่นั่งตรงข้ามผม ถ่ายหลังจากนั่งรถไฟมาสักพักด้วยความตื่นเต้น พอหมดความรู้สึกนั้นสิ่งที่สัมผัสได้ต่อมา คือ ความร้อน แต่ก็พอทนไหวถ้าแลกกับคำว่าฟรีผมทนได้ และด้วยมิตรไมตรีที่น่ารักช่างคุยของผม จึงได้เจอกับพี่ชายที่นั่งติดกับผมชื่อพี่ ดาวุต พี่เขาเป็นคนชุมพร แต่ทำงานที่ยะลา จับความได้ว่าเป็นนักลงทุน เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อหาแนวคิดในการเปิดร้านขายของเพื่อพัฒนาธุรกิจของพี่เขาในยะลา เท่สุด ๆ พี่เขาได้สอนแนวคิดการลงทุน แลกเปลี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจ ทำให้เวลา 8 ชั่วโมงบนรถไฟ ไม่เหงาและดูสั้นลงมาก

          นอกจากมิตรภาพน่ารัก ๆ ของคนไทยแล้ว ยังมีวิวนอกหน้าต่างตลอดทางที่สวยงามมองแก้เบื่อ ก็เป็นอีกเสน่ห์ของรถไฟฟรีชั้น 3 ที่ได้เจอคนจำนวนมาก ได้เห็นวิถีชีวิตบนรถไฟที่เราไม่เคยเห็น พ่อค้าแม่ค้าบนรถไฟที่กลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง หลับนอนพักผ่อนกันบนรถไฟ (พี่ดาวุตบอกมา) ได้มองเห็นความลำบาก ยิ่งทำให้รู้สึกถึงว่าโชคดีแค่ไหนที่ตัวเองมีโอกาสดี ๆ กว่าคนอื่น เกือบลืมบอกรถไฟจะเรท 1-2 ชั่วโมง ทำให้ผมถึงสถานีรถไฟชุมพรประมาณ 22.15 น. ผมได้ไปต่อ 5555

เกาะเต่า

          กลางวันเด็ก ๆ ยังสนุกสนาน พอพระอาทิตย์เริ่มตกเด็ก ๆ ก็เริ่มหมดแรง พระอาทิตย์ที่ทำงานมาทั้งวันก็ถึงเวลาพักผ่อนบรรยากาศเย็นลง ฝากไว้เพียงความสวยงามของแสงสุดท้ายก่อนจะลับขอบฟ้า

เกาะเต่า

          หลังจากนั่งมาถึงค่ำรถไฟก็มาถึงจุดหมาย สถานีรถไฟชุมพร เควสต์ที่สองก็เริ่มขึ้น คือ ต้องไปขึ้นเรือนอนที่ออกเวลา 23.00 น. (แล้วแต่วันควรโทรเช็กแต่ละบริษัท) แต่รถไฟจะเรทตามที่กล่าวไว้แล้ว หลังจากถึงสถานีชุมพรจึงต้องรีบเดินทางไปท่าเรือ ทางเลือกที่มีทางเดียวตอนนั้น ก็คือ มอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าสถานี ด้วยราคา 100 บาท พี่เขาจะไปส่งถึงท่าเรือพร้อมทั้งพาไปซื้อตั๋วเรียบร้อย หลังจากซื้อตั๋วเสร็จตอนนั้นเหลือเวลาอีก 20 นาที จึงได้ตุนขนม กินมาม่า เพื่อกันหิวในตอนกลางคืน เพราะบนเรือจะไม่มีของขาย แต่ที่ขาดไม่ได้ไหน ๆ ก็จะมีโอกาสได้นั่งเรือตอนกลางคืนแล้ว ก็ต้องมีเบียร์มานั่งจิบ เป็นสิ่งวาดฝันไว้ก่อนมาว่าต้องได้ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ดูดาว จิบเบียร์ แค่คิดก็ฟินสุด ๆ พอเสร็จภารกิจการกินก็ถึงเวลาเรือออก ในตอนนี้คุณจะรู้สึกว่าภาษาไทยบ้านเกิดของเราจะไม่มีโอกาสได้ใช้อีกแล้ว ให้สัมผัสเหมือนเจ้าของกระทู้เที่ยวยุโรปก็มิปาน ฝรั่งเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็มีแต่ฝรั่ง คนไทยนี่แรร์ไอเทม (Rare item) มาก ขึ้นเรือเรียบร้อยแต่ผมไม่ได้จองมาก่อนจึงได้นอนเตียงเสริมเป็นเบาะที่ปูระหว่างเตียงหลัก แต่สำหรับผมความสบายเหมือนกันนอนไหนก็ได้ขอให้ได้ไปก็พอ

          ไปดูเตียงเรียบร้อยก็เดินดูบรรยากาศรอบเรือได้เจอเพื่อนฝรั่งคนแรก เธอมาจากเดนมาร์กมาเที่ยวไทยครั้งนี้ครั้งที่ 8 คิดในใจตูคนไทยไม่รู้จะเที่ยวไทยน้อยกว่าเจ๊แกหรือเปล่า แต่ดูเป็นเซียนท่องเที่ยวเพราะที่บ้านทำบริษัทเกี่ยวกับจัดทริปท่องเที่ยว เที่ยวเดนมาร์กครบทุกซอกทุกมุมแล้ว แถมยังชวนไปเที่ยวบ้านบอกว่าจะพาเที่ยวฟรี ด้วยความหน้าด้านของผมก็ตอบตกลงไว้ก่อนแลกเฟซบ็กไว้เผื่ออนาคต และก็ชวนกันขึ้นไปนั่งชิลบนดาดฟ้าเรือ มีสาวผมบลอนด์ซื้อเบียร์ขวดมา 2 ขวด แต่ดันไม่มีฝาเปิด เข้าทางสกิลที่สั่งสมมาจากวงเหล้าที่ฝึกมาอย่างเชี่ยวชาญ วิชาเปิดขวด หยิบขวดมาควงสองทีจับฝาทั้งสองมางัดกันตามตำรา โพละ !! ฝาเปิดออกพร้อมฟองฟอดดั่งแชมเปญ ทุกคนหันมาปรบมือจ้าาา งงจ้า แถมยังมีฝรั่งอีกหลายคนมาให้สอนเปิด เปิดได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็สนุกสนานกันไป แต่ก็ฟินอย่างที่ตั้งใจไว้จิบเบียร์ ดูดาว เม้าส์กับฝรั่ง เพลินยาวไปถึงตี 2 กว่าจะลงมา อยู่เป็นกลุ่มสุดท้ายของดาดฟ้า แล้วราตรีนี้ก็จบลงหลับสนิทด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน

Day 2

          ลืมตางัวเงียตื่นขึ้นมาอีกทีดูเวลา 6 โมงเช้า ห้องนอนเปิดไฟเป็นสัญญาณแจ้งเตือนว่าเรือใกล้เทียบท่าแล้ว เก็บของเรียบร้อย เรือก็จอดเข้าเทียบท่า ด้วยความแกร่งกล้าวิชารับกระเป๋าจากห้องสัมภาระได้ก็เดินตามหาหนังสือคัมภีร์เทพเกาะเต่า ตามคำแนะนำของท่าน high on dreams นามว่า Koh Tao complete guide ตามที่ได้รับคำแนะนำมา เมื่อได้รับเหมือนท่านได้รับ Hack map ทั้งหมดในเกาะเต่า ทุกหาด ทุกอ่าว รวมทั้งรูปตัวอย่างของแต่ละที่ประกอบการตัดสินใจ หาได้จากถามร้านค้าหรือโรงแรมต่าง ๆ จะเป็นเอกสารแจกฟรี

เกาะเต่า

          ตอนเรามาถึงจะค่อนข้างเช้าจะไม่ค่อยมีร้านเปิดอยู่ดี เพื่อความประหยัดเจ้าของกระทู้จึงเลือกใช้การเดินแทนรถรับจ้าง เพื่อความประหยัดงบแถมยังได้ชมบรรยากาศยามเช้าอีกด้วย หลังจากออกจากท่าเรือเดินไป 7-11เพื่อหาอะไรกินรองท้อง ตามคำแนะนำหาดแรกที่ใกล้ที่สุดและจะมาถึงเป็นหาดแรกจากบริเวณท่าเรือ ก็คือ หาดทรายรี ฟ้าเริ่มเปิดแดดก็เริ่มส่อง เรือจอดค่อนข้างเยอะบรรยากาศจะคล้าย ๆ ภาพด้านล่าง

เกาะเต่า

          น้ำใสสมกับระยะทางที่เดินทางมาจริง ต่อไปก็เป็นการหารายชื่อ Hostel แล้วแต่ชื่อที่ได้ลายแทงมากลับหาเจอแต่ทางร้านเปิดเป็นรีสอร์ทแทนซะแล้ว ก็ยังชิล ๆ ที่อื่นก็ได้เยอะแยะ เดินชิมลางถึงเกือบ 9 โมงเช้าเจอ Hostel ไม่กี่ที่ พูดไทยก็งงใส่ ต้องพูดอังกฤษจะดีกว่า ทั้งเกาะแทบไม่มีคนไทย มีแต่พม่ากับฝรั่ง ได้ข้อสรุปทุกที่เต็มทุกที่เนื่องจากเป็น High Season ลองมาอีกที 11.00 น. เริ่มสูญเสียความมั่นใจ+กับความเหนื่อยที่แบกกระเป๋าเป้มาด้วย จึงตัดสินในเช่ามอเตอร์ไซค์ดีกว่า โง่จริง ๆ ถ้าเช่าตั้งแต่ท่าเรือก็สิ้นเรื่องแล้ว แต่ไม่เป็นไรยังฟินกับบรรยากาศตอนเช้าถือว่ายังคุ้มค่า มอเตอร์ไซค์หาเช่าได้ในราคา 200 บาท มีหลายร้านผมเลือกร้านที่ไม่เสียค่ามัดจำ ร้านปกติมีค่ามัดจำ 2-5 พันบาท ตรงนี้ใช้สกิลส่วนตัวนะครับ เป็นคนไทยก็หาคนไทยละกันจะได้ไม่ต้องเสียค่าประกัน ร้านที่ผมไปเช่าเป็นคนไทยใจดีให้แค่ใช้บัตรประชาชนมัดจำไว้ แล้วก็ได้รับคำเตือนจากพี่ให้เช่าว่า ขับระวัง ๆ นะ ค่าปรับโหด ด้วยความห่วงใยสำหรับคนไทยด้วยกัน แต่ผมขับรถมอเตอร์ไซค์แข็งพอสมควรเลยไม่กลัวเท่าไร แต่เจ้าของร้านยังย้ำบอกว่าทางหฤโหดมาก ล้มกันมานักต่อนัก แต่ก็ไม่เอะใจ คิดว่าก็ไปหลายที่แล้วคงไม่เป็นไรมั้ง

          ตรงนี้สำคัญได้มอเตอร์ไซค์เรียบร้อยก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน มีเวลาก่อนที่พักจะเช็กอินอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จึงตัดสินใจจอดรถแวะถ่ายรูปที่หาดทรายรี แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นมาคนเดียวถ่ายรูปยังไงวะครับ ปกติเป็นคนชอบมีรูปตัวเองในที่เที่ยวต่าง ๆ ถ่าย Land ก็ไม่เป็น เดินถ่ายสักพักเริ่มทนตัวเองไม่ไหว อยากมีรูปเลยหยิบขาตั้งกล้องมาถ่ายตัวเองรีโมทผ่านโทรศัพท์บ้าง ตั้งเวลาบ้าง (พวกรูปถือโทรศัพท์คือรีโมทผ่านไอโฟน) ก็เป็นสภาพดังที่เห็นก็มาคนเดียวก็ต้องทำใจ T T แต่ก็ได้ภาพที่ตัวเองพอใจ แม้จะหลาบสิบเทคก็ตาม อิอิ

เกาะเต่า

          ถ่ายไปสักพักก็กลับไป Hostel ที่เต็มเมื่อเช้า จึงมาที่ Jizzo Hostel แล้วก็สนทนากับพี่พม่าจนได้เตียงว่าง ราคา 300 บาท ห้องรวมเตียง 2 ชั้น ประมาณห้องละ 10 เตียง มีแอร์ ห้องน้ำรวม และมีล็อกเกอร์ให้ (กุญแจเตรียมเอง) ขึ้นหอไปก็แปลกใจนึกในใจว่าห้องแอร์ทำไมมันร้อนจัง ไหนบอกมีแอร์ไง เดินไปดูแอร์มีป้ายบอกเปิด 2 ทุ่ม-9 โมงเช้า โอ๊ยยยยยย โดนหลอกอีกแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะยังไงก็ออกไปเที่ยวอยู่แล้ว วางของ เตรียมของ อาบน้ำอาบท่า อัดครีมกันแดดเรียบร้อยถึงเวลาลุยรอบเกาะ

          การกินข้าวแต่ละมื้อควรเลือกร้านข้าวที่คนท้องที่เขากินกันจะได้ราคาถูกกว่าร้านปกติ จึงได้ร้านของคนไทยราคาเริ่มต้น 60 กว่าบาท แพงนะแต่ของบนเกาะแพงกว่านี้เยอะครับ นั่งคุยตามประสาดีใจเจอคนไทยก็ให้แนะนำว่ามีเวลา 1 วัน ควรขับไปเที่ยวหาดไหนบ้าง ได้ความว่าอย่าไปอ่าวโตนดและ Mango Bay เพราะทางโหดมาก ไปลำบาก เดี๋ยวรถล้ม จึง list จากหนังสือ Koh Tao Complete Guide ที่เที่ยวตามทางรอบเกาะโดยวนตามเข็มนาฬิกา แล้วคุณป้าเจ้าของร้านได้แนะนำว่าวันที่สองควรซื้อ One Day Trip ไปดำน้ำรอบเกาะเพื่อความคุ้มค่ากับเวลา แถมยังประหยัดค่าอาหาร ถ้าไปให้มาติดต่อป้าได้ ป้าจะลดให้เป็นพิเศษ ให้ไปตัดสินใจมาตอนเย็นค่อยมาบอกป้าก็ได้ กินเสร็จเรียบร้อยก็ขับรถไปเติมน้ำมันเตรียมพร้อมลุยวันแรก

          เริ่มต้นด้วยที่แรก อ่าวลึก แต่ขับไปขับมาไม่เห็นป้าย เลยสิครับตามสไตล์ ขับยังไงก็ไม่ถึงสักที ขับไปสักพัก โอ้โห !! ทางโหดมาก ทั้งชัน หลุมบ่อ และที่สำคัญเป็นทราย แถวนี้โหดครับ ไม่แน่จริงอยู่ยาก สวมวิญญาณมอเตอร์ครอสใจเสาะ ค่อย ๆ คลานไปแบบสบาย ๆ เนื่องจากกลัวล้ม ไม่กลัวเจ็บ แต่กลัวเสียตังค์ 55555 ขับมาสักพักมาเจอป้ายอ่าวโตนด อ้าว...ไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่ทำไมมาโผล่นี่วะ ถึงว่าทางโหดจัง แต่คงหลงมาไกลก็เลยไปต่อดีกว่าจนถึงหาดแบบทุลักทุเล จอดรถและเดินต่ออีกสักพักก็ถึงหาดแรกนามว่า อ่าวโตนด สวยงามตามท้องเรื่องครับ เป็นหาดทรายมีหินก้อนใหญ่ เริ่มมีภูมิต้านทานในการมาคนเดียว เริ่มใช้เทคน้อยลงในการถ่ายภาพ แม้แดดร้อนแค่ไหนแต่ใจก็สู้ครับ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ใช้ความพยายามในการให้ชาวต่างชาติถ่ายภาพให้ปรากฏว่า 5 คน ผ่านไป ยังไม่ได้ภาพถูกใจเลย ตัดสินใจตั้งกล้องถ่ายตัวเองไปอย่าไปเขินครับ คนไม่รู้จักฝรั่งทั้งนั้นเจอกันครั้งเดียว อย่าไปอาย ถ้าคนรู้จักก็สนิทกันอย่าไปเขิน จำ Quote นี้ไว้ครับจะสามารถหน้าด้านได้ทุกสถานการณ์แล้ว 55555 อ่าวเป็นดังภาพด้านล่าง ค่อนข้างเงียบและสวยงาม น้ำใสมากตื่นเต้นครับ อยู่สักพักจนถ่ายรูปจนร้อนทนไม่ไหวก็ไปหาดต่อไป

เกาะเต่า

เกาะเต่า

          แถมรูปเจ้าของกระทู้ซะหน่อย อิอิ หลังจากเดินขึ้นจากหาดโตนดมาเอารถแล้วก็เปิดแผนที่ใหม่ดูทางเลี้ยวให้มั่นใจ ก็ลุยต่อครับ ขับกลับทางหฤโหดกลับไปสักพักจะเจอป้ายทางเลี้ยวเขียนว่า leuk Bฺeach เล็กมากนะครับ สังเกตดี ๆ ไม่อย่างนั้นได้เลยกลับเมืองอีก เมื่อเลี้ยวลงมาจากทางหลักขับมาสักพักข้างทางก็จะมีทุ่งหญ้าหินสวยงาม ขับไปอีกไม่นานก็เจอความสวยงามแบบลืมทะเลทุกที่ไปเลยครับ หาดขาว น้ำทะเลสีฟ้าเขียว ตรงตามคอนเซ็ปต์ทะเลในอุดมคติ คนเงียบ มีที่นั่งพักฟรีในร่มให้อ่านหนังสือ ผมประทับใจที่นี่มากเลยอยู่นานมาก นอนเล่น ถ่ายรูป ซึมซับบรรยากาศ เนื่องจากมีที่ร่มให้อยู่ แถมลมยังเย็นมาก ๆ แต่ช่วงที่ไปเป็นช่วงลมพัดเข้าเกาะแรง จึงทำให้ขยะเยอะกว่าปกติ แต่ก็ยังสวยมาก ๆ อยู่ดี ดูนาฬิกาอีกทีก็บ่าย 2 แล้วจึงตัดสินใจไปต่อเพราะมีเวลาน้อย รูปนี้ถ่ายจากที่หลบแดดเป็นร้านค้าใกล้ ๆ หาด มองออกไปจะเป็นต้นมะพร้าวเรียงกัน แต่กล้องไม่ Wide ก็เลยถ่ายได้แค่นี้ครับ T_T

เกาะเต่า

          หลังจากนี้ก็ยอมพ่ายแพ้แก่ความร้อนจากแดดของไทย ความพยายามในการถ่ายรูปตัวเองเริ่มหมดไป ดาวจะไม่ทน !!! กระทู้หลังจากนี้ก่อนจะถึงช่วงเย็นของวันก็จะกลายเป็นกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวอย่างแท้จริงไปสักพักนะครับ 555 พูดซะมากมายต่อ ๆ

          ขับรถวนไปเรื่อย ๆ ต่อไปจะเจอ หาดทรายแดง แต่ไม่รู้รูปหายไปไหนครับ 55555 ชมบรรยากาศระหว่างทางไปแทนนะครับ

เกาะเต่า

          ต่อมาจะเป็นที่ที่ฮิตที่สุด เนื่องจากไปง่ายทางค่อนข้างสะดวก อ่าวฟรีดอม บรรยากาศจะค่อนข้างสนุกสนาน มีฝรั่งค่อยข้างเยอะ ไม่เหงาแน่นอนจนถึงขั้นวุ่นวายซะด้วยซ้ำ บนหาดมีร้านขายอาหาร มีปิงปองทะเลให้เช่ามาเล่นกัน ถ้าใครกลัวเหงาหาดนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

          หาดต่อมาเป็น หาดโฉลกบ้านเก่า หาดสุดท้ายของวันเนื่องจากทนความร้อนไม่ไหว อยากจะกลับไปอาบน้ำให้สบายตัว เป็นหาดส่วนตัวที่เป็นคล้าย ๆ ท่าเรือ มีร้านอาหาร และโรงเรียนสอนดำน้ำอยู่ที่ชายฝั่ง ก็อยู่ได้ไม่นานก็เป็นดังรูปประมาณนี้

เกาะเต่า

          และแล้วผมก็ยอมแพ้กลับโฮสเทลมาพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวไปชมพระอาทิตย์ตก กลับมาถึงโฮสเทลวาดฝันว่าจะสบายแอร์เย็นฉ่ำ พอมาถึงก็เอ้าร้อนกว่าข้างนอกอีก แอร์มันเปิดเป็นเวลา โง่ซ้ำสองอีกรอบ แต่ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนจากแดด ไม่อย่างนั้นจะป่วยจะหมดสนุกซะก่อน

          หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็ถึงเวลาเย็นประมาณ 5 โมงกว่า ๆ จึงเปิดแผนที่เลือกหาดที่อยู่ฝั่งตะวันตกเพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตก จึงตัดสินใจเลือกจุดชมวิว ดุสิตบัญชา ซึ่งเป็นรีสอร์ทส่วนตัว เพราะดูจากรูปถ่าย จัดแจงของหยิบกุญแจรถคร่อมพาหนะคู่ใจรีบขับเพื่อไปหามุมถ่ายรูป ขับไปไกลมาก ไกลแล้วไกลอีก จนเจอทางที่โคตรหฤโหดยิ่งกว่าหาดโตนด ขับไปไกลมากจนเจอป้าย Mango Bay เอ้า ! เวรกรรมหลงอีกแล้ว ไม่ได้หลงธรรมดาหลงมาไกลมาก งานเข้าครับ เวลาจำกัดด้วยพระอาทิตย์จะตก จึงตัดสินใจกลับรถรีบขับกลับมา

          ขากลับนี่ทุลักทุเลมากครับ ต้องรีบขับกับทางหฤโหด ย้ำว่าหฤโหด นึกว่าขี่มอเตอร์ครอส หวุดหวิดไปหลายรอบ แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดมาได้สักพักก็ดูแผนที่ พบกับคำว่ามันคนละทางเลยนี่หว่า หลงอะไรแบบนี้ช่างน่าอับอายวงศ์ตระกูลยิ่งนัก ไม่ควรแก่การเล่าให้ใครฟังแต่ก็เล่าไปแล้ว ขับกลับมาทางใหม่ได้ไม่นานเกินอึดใจก็ไปถึง ดุสิตบัญชารีสอร์ท ทางลงชันมากต้องเดินเท้าเข้าไป หวังว่าจะพบกับความสวยงามจากจุดชมวิวที่เห็นเกาะนางยวน พร้อมแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่ไปถึงก็หน้าเหวอครับ เพราะที่ที่ลงด้านล่างได้เป็นเฉพาะลูกค้าของรีสอร์ท แต่รีสอร์ทสวยมากนะครับ มีร้านอาหารบนจุดชมวิวที่มองเห็นเกาะนางยวนตามภาพด้านล่าง แนะนำอย่างยิ่งสำหรับผู้มีโอกาสไปทาน แต่ทริปนี้ท่องไว้ประหยัด ประหยัด ทำให้อดใจเลือกทางเลือกสุดท้าย

เกาะเต่า

          และสุดท้ายก็กลับมาหาดท่าไม้ตายตอนเช้า หาดทรายรี แม้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดรัว ๆ มาสองที่หวังว่าด้วยเวลาที่แสนจะจำกัด สวรรค์จะทรงโปรดความโชคดีให้เจ้าของกระทู้สักนิด ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเสมอ แล้วเจ้าของกระทู้ก็ได้พบกับมุมมหาชน

เกาะเต่า

          นั่นล่ะครับดังภาพ สวยงามกว่าที่วาดฝันไว้มาก ๆ ทรายรี...ทางเลือกที่ไม่ใช่ทางเลือกเลย เพราะจะเก็บไว้ในวันที่สอง แต่ก็ถึงตรงนี้ก็พอใจมากกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกกับพร็อพต้นมะพร้าวนอน มุมมหาชนเกาะเต่า เจ้าของกระทู้จึงใช้ความพยายามอันสูงส่ง จัดแจงขาตั้งกล้องเพื่อเข้าคอนเซ็ปต์เที่ยวไหนต้องมีรูปตัวเอง ไม่อย่างนั้นเหมือนมาไม่ถึง นอนไม่หลับกระสับกระส่าย ใช้ความพยายามไม่กี่เทคก็ได้รูปถูกใจ...ดังภาพ

เกาะเต่า

          เฟี้ยวฟ้าวสุด ๆ ใช่ไหมล่ะครับ อย่าเพิ่งเบื่อรูปเจ้าของกระทู้นะครับ (กราบ 3 ที) หลังจากได้รูปพอใจแล้วก็ถึงเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตก นั่งทบทวนความคิดว่าเกิดมาตั้งหลายปี 20 กว่าปี มีโอกาสดูตั้ง 8,000 กว่าครั้ง แต่จะมีสักกี่ครั้งที่คนเราได้ใช้ความสนใจดูความสวยงามของตะวันลับฟ้า ฟ้าแบ่งเป็นสองสีฟ้าแดง กลมกลืนกันเพื่อขับแสงสุดท้ายให้สวยงามที่สุด ก็จะส่งพระจันทร์และดาวได้มาทำหน้าที่แทน ผมให้เวลากับตรงนี้นานมาก

เกาะเต่า

          อาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ถึงเวลาที่เจ้าของกระทู้ลอยคอ เอ้ย ! รอคอย เวลาของการปาร์ตี้ ~~~~ ช่วงเย็นบรรยากาศเปลี่ยนไปความร้อนเริ่มจากหายไป ลมเย็น ๆ พัดพอกระทบร่างกาย ถึงเวลาทำงานของดาวและพระจันทร์ เริ่มรู้สึกหิวจึงกลับไปร้านข้าวเดิมกับตอนเช้าเพราะราคาถูกและจะไปตกลงเรื่องซื้อ One Day Trip ใช้มิตรภาพคนไทยให้เป็นประโยชน์ ขอข้าวเยอะ ๆ เพราะมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายของวัน ก็เลยได้ข้าวจานใหญ่และยังแถมน้ำซุปและน้ำดื่มฟรี ใครมาแนะนำร้านนี้ครับป้า ๆ น่ารักมาก

          ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ดูนาฬิกา 2 ทุ่ม เวลาของคนรักการสังสรรค์แต่แอบเหงาเพราะไม่เคยดื่มคนเดียวมาก่อน แต่ก็ได้แค่คิดเพราะไม่ทันได้เหงาเลยสักนิด หลังจากเลือกร้านได้ผมลงตัวที่ Lotus Bar ถ้าไปคนเดียวแนะนำให้นั่งบาร์ สั่งเบียร์ช้างเบียร์ไทยทำเอง ที่เป็นสุดยอดเบียร์แห่งคนไทยจริง ๆ นะ คนชอบดูถูกคนกินช้าง แต่ถ้าได้ลองทานจะติดใจมาก ต้นหอมปลายหวาน ที่ถูกบ่มอย่างยาวนานด้วยการขนส่งไกลข้ามน้ำข้ามทะเลมาเกาะเต่า สนนราคาขวดใหญ่ 90 บาท สำหรับผมคิดว่าไม่แพงครับ เพราะเที่ยวทองหล่อ RCA ยังจ่ายได้ แค่นี้สบายมาก กินไปได้ 2 ขวด ฝรั่งผ่านมาก็ผ่านไป ผมนับได้ที่คุยกับคนที่มานั่งข้าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 10 คน คุยไปเรื่อย ตามสไตล์มาคนเดียวแล้วอยากได้เพื่อนใหม่ แล้วยังมีการแสดงของ Thailand Only ที่ทุกหาดต้องมี ก็คือ การหมุนไฟ ให้ดูแก้เหงาเพลิน ๆ

เกาะเต่า

          เบียร์หมดก็เลยเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นชายหาด ดูดาวเพลิน ๆ นั่งทอดอารมณ์คิดอะไรเพลิน ๆ ตามสไตล์หนุ่มโสด ไม่หนีร้อนก็หนีรักมาเที่ยวทะเล ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง พอเพลิน ๆ กับ 400 กิโลเมตร จากบ้าน แต่ฟ้าก็ฟ้าเดียวกัน แต่ภาพนั้นเป็นเหมือนคนละภาพกัน ดาวนับพันบนท้องฟ้าระยิบระยับใหญ่เล็กคละกันไป

เกาะเต่า

          ป.ล. ถ่ายดาวครั้งแรกด้วยความมั่วขออภัยในความไม่สวยงาม ของจริงสวยกว่านี้มาครับ

          โอ๊ยยยยยย อย่าให้ความเหงาอารมณ์เปลี่ยวมาทำร้ายเรา พอแล้วพอ กลับไปบาร์ดีกว่าก่อนจะเพ้อเจ้อมากกว่านี้ บรรยากาศในร้านสนุกสนานมากขึ้น นั่งดูเพลิน ๆ ก็เจอกลุ่มคนไทยคนแรกในการเที่ยว พี่ชาย 3 คน 1 เป็นคนเกาะเต่า อีก 2 เป็นคนกรุงเทพฯ ตอนแรกจะกลับรีสอร์ทก่อนตี 1 เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเก็บแรงไว้ดำน้ำ แต่ยาวครับ พี่แกชวนไปต่อ คุยกันอย่างสนุกสนานต่างกับคนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ตามสภาพครับเมากลับที่พัก เตรียมตัวนอน ขอขอบคุณกับขนมและเบียร์ที่พี่เลี้ยงเด็กน้อยด้วยนะครับ สำหรับคืนนี้ก็ราตรีสวัสดิ์นอนหลับเปรียบคนตายนิ่งถึงเช้า

เกาะเต่า

Day 3

          อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่แสนสดใส ที่มีแพลนการไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ความขี้เกียจก็มากระซิบข้างหูว่าอย่าไปเลย นอนสบายกว่า ผมก็เป็นคนเชื่อคนง่ายครับ นอนต่อถึง 8 โมง ถึงจะลุกมาอาบน้ำ เช็กเอาท์นำรถที่เช่ามาไปคืน แล้วก็โทรเรียกคุณป้าหงา ป้าร้านข้าวใจดีที่ชวนไป One Day Trip เพื่อให้คุณป้ารับไปส่งที่ออฟฟิศเพื่อเตรียมตัวไปดำน้ำ ผมเลือกของที่ แสงทองทัวร์ เพราะป้าเขาลดราคาให้ผม 5555 จาก 750 บาท เหลือ 600 บาท ดำน้ำ 4 จุด และสุดท้ายก็ไปเกาะนางยวน ก็ครบถ้วนตามแผนที่วางไว้แต่แรก ราคานี้รวมอาหารกลางวัน ของทานเล่น และอุปกรณ์สำหรับดำน้ำเรียบร้อย ถือว่าคุ้มค่ากว่าการไปเกาะนางยวนเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าไปเกาะนางยวนที่เดียวทั้งวันต้องเสียค่า Taxi Boat 400 บาท (อาจจะหาได้ถูกกว่านี้ ลองหาดู) และพี่ปุ๊กเจ้าของทัวร์ยังใจดีหาตั๋วเรือนอนสำหรับคืนนี้ด้วย มิตรภาพคนไทยไปไหนก็สบายจริง ๆ จึงตอบแทนน้ำใจด้วยการกินมื้อเช้าราคาแพง ผิดแผนของผม แต่ก็เป็นรางวัลตัวเอง 140 บาท สบายตัว

          เติมพลังเรียบร้อยพร้อมตะลุยดำน้ำ ลงเรือเรียบร้อยด้วยผู้โดยสาร 47 คน 1 ในนั้นเป็นผมที่สัญชาติไทยเพียงคนเดียว โชคดียังมีพี่ไกด์ที่เป็นคนไทย เรือเป็นเรือ 2 ชั้น ข้างบนอากาศค่อนข้างเย็นสบาย ผมจึงเลือกด้านบน ฝรั่งทุกคนน่ารัก แถมยังมีคู่รักให้ผมอิจฉาคู่หนึ่งอีกด้วย

เกาะเต่า

          นั่งเรือมาไม่นานนักมาถึงที่แรก Shark Bay ไม่ปะการัง มีแต่ฉลาม เอ๊ยย ฉลามมมมมม ~~ ม ไม่เคยเห็นมาก่อน คิดในใจหลอกกูปะวะ แต่ไม่ดูก็ไม่รู้ มีฉลามจริงๆครับ แต่ตัวไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าโชคดีก็จะเจอตัวใหญ่ถามจากฝรั่งมา แต่ผมไม่เจอ มีเวลาดำน้ำประมาณ 30 นาที วันนี้ค่อนข้างหงอยไม่มีรูปตัวเอง

เกาะเต่า

          แต่สวรรค์ก็เห็นใจคนเหงา ส่งพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย พี่ไกด์มานำเสนอกล้องถ่ายใต้น้ำ แต่ผมก็ปฏิเสธเพราะดำน้ำยังยาก ก็เลยงอแงใส่พี่เขาว่ากลัวโน่นกลัวนี่ จะเซลฟี่ก็คงพัง ดำน้ำก็ไม่เก่ง น้ำตาเทียมหยอดตา ร้องไห้เรียกร้องความสงสาร พี่เขาจึงยื่นข้อเสนอเป็นตากล้องให้ด้วย และลดราคาแบบพิเศษจาก 600 บาท เหลือ 300 บาท แถมตากล้อง แถมตากล้อง แถมตากล้องงงงง !!! ตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดเหมือนผ่านไขสันหลังไม่ผ่านสมอง ตกลงพี่ !!! พี่เขารูปโหดกว่าที่คาดไว้มาก ทำให้วันนี้ยังคงคอนเซ็ปต์สายแข็งเที่ยวคนเดียวก็มีรูปตัวเอง ขอมอบเครดิตพาร์ทนี้ให้พี่ไกด์แห่งแสงทองทัวร์นะครับ ร่ายซะเยอะ อ่าวนี้เรียกว่าอ่าวลึก จุดขายคือปลาค่อนข้างเยอะ สกิลการดำน้ำการหายใจเริ่มเข้าที่เข้าทาง เริ่มสนุกกับการดำมากขึ้น

เกาะเต่า

          จุดต่อมาจุดที่ 3 เป็นจุดที่สวยที่สุดของผม เพราะค่อยข้างมีหินก้อนใหญ่และปะการังค่อนข้างเยอะ มีความสุขกับการดำน้ำเพราะมีรูปตัวเองมาก ๆ คงคอนเซ็ปต์มาตลอด 5555

เกาะเต่า

          จุดที่ 4 Mango Bay จุดนี้ปลาค่อนข้างเยอะ ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์แต่ไม่มีรูปปลานะครับ มีแต่รูปเจ้าของกระทู้ 55555

เกาะเต่า

          จุดสุดท้าย Unseen in Thailand เกาะนางยวน ทะเลแหวกที่หลายคนรู้จักในชื่อนี้ หาดทรายขาวเชื่อมเกาะทั้งสามเข้าด้วยกัน บวกเข้ากับท้องฟ้าสีคราม ความสวยงามและอุดมสมบูรณ์มาก น้ำทะเลใสมาก ทรายจะมีเศษหอยปน เพราะน้ำทะเลท่วมถึงหาด

เกาะเต่า

          หลังจากเดินชื่นชมบรรยากาศ อิ่มเอมกับความสวยงามลืมความร้อนได้สักพัก จึงใช้ความพยายามในการถ่ายภาพตัวเอง แต่ไม่สำเร็จและยอมพ่ายแพ้แก่ความร้อน ไม่มีร่มให้หลบ เพราะไม่มีต้นไม้หรือต้นมะพร้าว จะเช่าเก้าอี้ก็ตั้ง 150 บาท เราจะเสียตังค์แบบนี้ไม่ได้ จึงอาศัยเงาร้านอาหารหลบแดด ดูน่าสงสาร 55555

เกาะเต่า

          เราจะมีเวลา 2 ชั่วโมงบนเกาะนางยวน ตอนแรกผมจะไม่ขึ้นไปจุดชมวิวเพราะเหนื่อยมากอากาศค่อนข้างร้อน แต่ถามฝรั่งที่ขึ้นไปแล้วเขาค่อนข้างแนะนำและไม่ไกลมาก แต่ด้านบนสวยมาก ไม่ไปแล้วจะเสียดาย

เกาะเต่า

          ผมก็ตัดสินใจใช้ HP พลังชีวิตช่วงสุดท้ายของหลอดพลัง ตัดสินใจขึ้นจุดชมวิว ทางค่อนข้างดี แต่ค่อนข้างชันมาก เป็นทางไม้เรียบเกาะและเป็นบันไดปูนตอนขึ้นเขา เหนื่อยมากเพราะรีบขึ้นเพราะมัวไปเสียเวลานั่งเล่นไปนานมาก แต่หลังถึงจุดชมวิวก็หายเหนื่อยครับเป็นหินก้อนใหญ่ยื่นออกจากภูเขา เห็นวิวทั้งหมดของเกาะ และก็ได้เจอกับเพื่อนชาวเดนมาร์กคนที่เจอบนเรือนอน จึงได้ให้ช่วยถ่ายภาพให้เพราะไม่สามารถตั้งกล้องได้

เกาะเต่า

          4 โมงเย็นก็ถึงเวลากลับเกาะเต่า หมดเรี่ยวแรงค่อนข้างเยอะ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าและเป็นการตัดสินใจที่ดีที่ไม่ได้เลือกมาเกาะนางยวนทั้งวัน เพราะคงไม่มีอะไรทำ ระหว่างทางบนเรือแนะนำกินขนมเยอะ ๆ เพื่อความคุ้มค่า 555555 ... ลาก่อนเกาะนางยวน

เกาะเต่า

          ใช้เวลาไม่นานเรือก็ถึงเกาะ ถึงเวลากล่าวคำอำลาเพื่อนต่างชาติที่รู้จักเป็นเวลา 1 วันเต็ม แต่ก็เป็นมิตรภาพที่ดี และพี่ไกด์ล้วนน่ารักทุกคน ดูแลดูมาก ๆ เจอพี่ปุ๊กอีกครั้ง พี่เขาก็ใจดีมากให้ไปอาบน้ำที่ออฟฟิศได้

เกาะเต่า

          หลักจากทำภารกิจเรียบร้อยมีเวลาเหลือถึง 5 ทุ่ม ตามเวลาออกของเรือนอน อากาศเย็นขึ้นพลังของหนุ่ม Night Life ก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จึงขอฝากกระเป๋ากับพี่ปุ๊กเพราะออฟฟิศพี่เขาปิด 4 ทุ่ม มาหาอะไรนิดหน่อยทาน และหาบาร์นั่งดื่ม ก็ไปเจอบาร์หนึ่งเป็นสไตล์ Loft มี Hostel ด้านบน ชื่อร้าน Koh Tao Loft Hostel ดูไม่เงียบเหงาจึงแวะเข้าไปดื่มเบียร์ พี่ ๆ เจ้าของบาร์เป็นคนไทย ก็ชวนคุยตามสไตล์ คุยกันถูกคอ ขวดแรกผ่านไป สอง สาม..ยาวววววว พี่เขาก็เล่าเรื่องราวว่ามาเกาะเต่าได้ยังไง ผมค่อนข้างประทับใจในการทำอาหารของพี่เขา พี่เขาก็ชงค็อกเทลให้ลองให้ชิม แต่ก็ไม่กล้าดื่มมากเพราะเดี๋ยวจะเลอะเทอะบนเรือ ดึกขึ้นหน่อยก็มีพี่พม่าอีกคน พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก ๆ จนผมขอคารวะ เป็นจุดประกายความอยากพัฒนาภาษามาก ๆ คุยกันถูกคอ

          ประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ ผมจึงไปเอากระเป๋าคืนจากพี่ปุ๊กแสงทองทัวร์ กล่าวคำอำลาแสนน่ารักกับรอยยิ้มตามสไตล์คนไทย พี่ปุ๊กน่ารักมากและชวนมาใหม่ และสัญญาว่าจะพาเพื่อนไปอีก ใครไปก็เอารีวิวกับหน้าเจ้าของกระทู้ไป เผื่อพี่ปุ๊กจำได้เขาจะได้ลดให้พิเศษ 55555

เกาะเต่า

          หิ้วเป้กลับมาบาร์เดิม พี่เจ้าของบาร์ก็เลยชวนไปชมบรรยากาศอีกร้าน ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน พี่เขาอาสาขับรถไปส่งที่ท่าเรือด้วย ผมก็ตอบตกลงตามสไตล์ มาถึงร้านอีกร้านชื่อร้าน Whitening ร้านหรูขึ้น มีบรรยากาศริมทะเล สไตล์การแต่งร้าน และก็ได้พบกับคุณลุง God of  เกาะเต่า เป็นคนแก่ที่ยังเฟี้ยวนั่งคุยกันแบบครึกครื้นมาก เพราะพอดีวันนั้นเป็นวันที่ร้านเงียบไม่ค่อยมีแขก คุณลุงจึงอาสาเลี้ยงเครื่องดื่มผม เพราะเห็นเป็นเด็กน้อยมาคนเดียว คุยกันไปคุยกันมา ถึงทราบถึงว่าคุณลุงเป็นเจ้าของบาร์ และที่พักหลายที่ นี่เป็นที่มาสำหรับนามว่า God of เกาะเต่าที่ผมตั้งให้

          เวลาผ่านไปเร็วมาก เพราะบทสนทนาที่สนุกสนานจนผมไม่อยากให้ถึง 5 ทุ่ม เพราะคนไทยค่อนข้างเป็น Rare Item สำหรับเกาะเต่า ไม่ค่อยมีคนไทยหลงมาเที่ยวเกาะเต่า พี่ ๆ ได้บอกผมไว้ แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา ทำเอาผมอยากจะพักเพิ่มอีกคืน แต่ก็ด้วยงบประมาณจำกัดก็ต้องทำใจ กล่าวบอกลา ยิ้มยกมือไหว้ตามแบบฉบับเด็กไทยแสนน่ารักและสัญญาจะกลับมาหาทุกท่านอีกรอบหนึ่ง ผมจึงขอเบอร์คุณลุงไว้ และแลกไลน์ FB กับพี่ ๆ ทุกคนที่คนอยู่ในคืนนั้น

เกาะเต่า

          อยู่กับทุกเวลาให้มีความสุขเพราะถึงเวลาเราก็ต้องจากมา ไม่ช้าก็เร็ว เรือออกจากเกาะเต่าจากท่าเรือ คืนนั้นผมไม่ได้ออกไปดูดาว เนื่องจากความเหนื่อยล้าและเมามาก 55555 พอมาเจอเบาะนุ่มนิ่มแสนสบายบนเรือนอน ก็ดูดพลังหลับสนิทอีกคืน

          เช้าวันใหม่เสียงเรือดังขึ้น ไฟในห้องนอนโดยสารเปิดขึ้น หนุ่มใหญ่ หนุ่มน้อย ก็ลุกขึ้นเมาขี้ตา เก็บข้าวของ เตรียมตัวลงเรือ เวลาใกล้จะหมดแล้วจริง ๆ ลงมาถึงท่าเรือมีรถสองแถวบริการรับส่งในเมืองชุมพร สนนราคา 50 บาท ได้เพื่อนฝรั่งเพิ่มอีกหนึ่งคน หลงใหลเสน่ห์ของเมืองไทยจนสักภาษาไทยที่แขนว่า "อยู่ต่อเพื่อหายใจ" คำสั้น ๆ แต่ความหมายยิ่งใหญ่

เกาะเต่า

          ลาเพื่อนอีกคน มาถึงสถานีรถไฟชุมพร ซื้อตั๋วรถไฟฟรีเรียบร้อย เพื่อรอเวลา รถไฟออก 07.20 น. จึงเดินไปหาอาหารเช้าทานในสถานีรถไฟ เป็น Scramble Egg ขนมปังและโอวัลติน 1 แก้ว ราคา 70 บาท แต่โต๊ะเต็มจึงได้เพื่อนคนไทยใหม่อีกคน พี่นีส มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เพิ่งกลับมาจากเกาะเต่าเช่นกัน แต่พี่เขาไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือสอบ อินดี้มาก จึงได้เพื่อนใหม่ร่วมทางแก้เหงาบนรถไฟ

          ถึงเวลารถไฟออกแล้ว ทริปที่แสนสั้นแต่ความทรงจำมากมาย อีกทั้งยังเป็นการจุดประกายความแข็งแกร่งในการเที่ยวคนเดียว จนมีความรู้สึกว่าเที่ยวคนเดียวก็สนุกกว่าที่คิดไว้ การนั่งรถไฟฟรีไม่ได้เพียงแค่ความประหยัด มันทำให้พบกับสังคมใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยมีโอกาสจะได้เจอในชีวิตประจำวันแน่ การเที่ยวคนเดียวก็ทำให้ผมได้คิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง ได้สัมผัสความรู้สึกใหม่ ๆ ตอนนี้ผมได้กลับถึงจุดเริ่มต้น สถานีรถไฟศาลายาอีกครั้ง การเดินทางครั้งนี้คงจบลงเพียงเท่านี้ ขอบคุณมิตรภาพและน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ทั้งไทยและฝรั่ง เกือบ 50 ชีวิต ที่ผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนบทสนทนาและน้ำใจที่มอบให้ทุกคน ภาพบรรยากาศเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หาได้แค่รถไฟฟรีชั้น 3 เท่านั้นนะครับ

เกาะเต่า

เกาะเต่า

          ขอขอบพระคุณผู้อ่านที่ทนเสพรีวิวนี้จนจบ อาจจะไม่ค่อยมีสาระไปบ้าง แต่หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นเครื่องมือในการจุดประกายไฟในทำอะไรใหม่ ๆ ค้นหาสิ่งที่ไม่เคยได้เห็น การเที่ยวคนเดียว อย่ากลัวในสิ่งที่ไม่เคยทำ เปิดโลกว้าง ยังมีอะไรอีกหลายอย่างอีกเยอะที่เราต้องรู้

          ติดตามทริปต่อ ๆ ไปได้ใน IG : Nutsuksawakhon นะครับ กราบ 3 ที ขอบคุณครับบบบบบบ ~~~ บ

เกาะเต่า

14 Trick !! สำหรับการเที่ยว

          1. เช็กรอบรถไฟ โทร 1690 เพราะบนเว็บไซต์ไม่มีบางรอบ ส่วนตั๋วฟรีของรถไฟฟรีมี 2 แบบ แบบมีที่นั่งและไม่มีเลขที่นั่ง ต้องใช้สกิลส่วนตัวในการเสาะหาแบบมีเลขที่นั่ง แต่มีแค่บางขบวนแต่สำหรับรถขบวนที่ 171 มีตั๋วมีที่นั่ง

          2. รถไฟลงใต้จะวิ่งลงทางทิศใต้ ทางขวาเป็นทิศตะวันตก ท้างซ้ายจะเป็นทิศตะวันออก (เช้าซ้ายร้อน บ่ายขวาร้อน) ถ้าจะหลบแดดรถไฟขบวนนี้ต้องนั่งทางซ้ายมือของขบวนนั่นเอง ขากลับก็สลับทางกัน

          3. ควรเตรียมปลั๊กพ่วง เพราะ Hostel ส่วนใหญ่จะมีปลั๊กให้รูเดียว

          4. เรือนอนราคา 400 บาท ควรตรวจสอบรอบด้วยการโทรไปที่บริษัทโดยตรง มีให้เลือกหลายประเภท ราคาก็แตกต่างกันไป

          5. การเช่ามอเตอร์ไซค์ค่าเช่าวันละ 200 บาท แต่จะต่างกันที่ค่ามัดจำ ตั้งแต่ฟรี-5,000 บาท ใช้สกิลการต่อรองกันเอง พยายามหาร้านที่เป็นคนไทยจะง่ายในการต่อรอง และควรถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อป้องกันการขูดรีดภายหลัง

          6. ควรหาร้านอาหารที่คนท้องที่กินจะถูกและเยอะกว่าร้านปกติ

          7. Koh Tao Complete Guide เป็นลายแทงสุดเทพ ควรหาไว้ครอบครองเมื่อถึงเกาะเต่า หาตามโรงแรมหรือร้านค้าต่าง ๆ ได้ฟรี

          8. วางแผนการท่องเที่ยวตามการขึ้นและลงของพระอาทิตย์ โดยเริ่มต้นจากด้านขวาของเกาะตามแผนที่ซึ่งเป็นทิศตะวันออก และช่วงเย็นจะได้มีเวลาในการชมพระอาทิตย์ตก

          9. ถ้าในกรณีมาคนเดียวควรเลือกนั่งบาร์จะเหมาะกว่าเพราะได้เจอคนเยอะ

          10. มีทางเลือก 2 ทาง คือ ใช้ One Day Trip ราคา 750 บาท ขอต่อราคาตามความสามารถและการเหมา Taxi Boat ไปเกาะนางยวนโดยตรง ควรให้ทางร้านติดต่อจองเรือนานให้จะได้ไม่ต้องนอนเตียงเสริม

          11. เรือจะไม่แจกเสื้อชูชีพ แต่ถ้าว่ายไม่แข็งให้ขอจากไกด์ได้เลย

          12. สำหรับคนไม่กล้องสามารถเช่ากล้องได้จากพี่ ๆ ทัวร์ ส่วนราคาและคนถ่ายใช้ความสามารถในการต่อรองนะครับประมาณ 300-700 บาท

          13. เกาะนางยวนเสียค่าเข้าเกาะ 30 บาท สำหรับไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ และห้ามเอาพลาสติกขึ้นเกาะ

          14. หลังจากลงเรือนอนจะมีรถสองแถวจากท่าเรือส่งถึงท่ารถและท่าเรือต่าง ๆ ในชุมพร ราคา 50 บาท

สรุปการเดินทางทั้งหมด

          กรุงเทพฯ 13.00 น. > รถไฟฟรีขบวน 171 > สถานีรถไฟชุมพร 22.00 น. > รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (100 บาท) > ท่าเรือท่ายาง 23.00 น. > เรือนอน (400 บาท)

          เกาะเต่า 06.00 น. > เช่ามอเตอร์ไซค์ (200 บาท) > ซื้อ One Day Trip รอบเกาะ 10.00-16.00 น. (600 บาท) > เรือนอน (400 บาท) > ท่าเรือท่ายาง 05.30 น. > สองแถวรับส่ง (50 บาท) > สถานีรถไฟชุมพร 06.30 น. > รถไฟฟรีขบวน 254

สรุปค่าที่พัก 4 วัน 3 คืน (2 คืน บนเรือนอน 1 คืน ที่โฮสเทล)

          ถ้าตามแพลนของรีวิวนี้จะเสียค่าโฮสเทล Jizzo เพียงคืนเดียวสนนราคา 300 บาท อีก 2 คืน นอนบนเรือนอนนะครับ ประหยัดสุด ๆ

          สรุปค่าใช่จ่ายทั้งหมด

          ค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างจากสถานีรถไฟ > ท่าเรือท่ายาง 100 บาท
          ค่าเรือนอนไป-กลับ  800 บาท
          ค่าที่พัก Hostel 1 คืน 300 บาท
          ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์รอบเกาะ 200 บาท
          ค่าน้ำมัน 50 บาท
          One Day Trip รอบเกาะ (ลดจาก 750 บาท) 600 บาท
          เช่า Gopro (ลดจาก 700 บาท) 300 บาท
          ค่าเข้าเกาะนางยวน (คนไทย 30 บาท ต่างชาติ 100 บาท) 30 บาท
          รถสองแถวจากท่าเรือท่ายาง > สถานีรถไฟ  50 บาท
          ในส่วนค่าใช้จ่ายจำเป็นรวม 2,430 บาท

*******************************************

          อื่น ๆ อันนี้แล้วแต่การจัดการของแต่ละคน อาหาร 6 มื้อ (ฟรีกลางวันจาก One Day Trip 1 มื้อ) 520 บาท
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 270 บาท

*******************************************

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ    



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Nutsuksawakhon สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวเกาะเต่า งบน้อยไปคนเดียวก็เฟี้ยวได้ อัปเดตล่าสุด 24 มีนาคม 2558 เวลา 14:06:38 88,195 อ่าน
TOP