ชวนไปสะพรึงกับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์อันลึกลับ ต้อนรับเทศกาลฮาโลวีน
ถ้าเอ่ยถึง วันฮาโลวีน (Halloween) หลายคนคงนึกถึงเรื่องราวหรือสถานที่สุดลึกลับและน่ากลัวกันอยู่ใช่ไหมล่ะ
วันนี้เราได้นำ 10
สถานที่สุดสะพรึงกับเรื่องราวเขย่าขวัญมาบอกเล่ากันด้วย
ซึ่งรับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกถึงความน่ากลัวของมันอย่างแน่นอน อ๊ะ ๆ
ขอเตือนก่อนนะว่าใครที่ใจไม่ถึงละก็ เรียกเพื่อนมานั่งข้าง ๆ ด้วยดีกว่า
แต่สำหรับใครที่ใจกล้าเรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
Corfe Castle ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง มันจึงถูกโอบล้อมด้วยสายหมอกตลอดทั้งปี ทว่ามันกลับไม่ใช่สถานที่สุดโรแมนติกเหมือนอย่างสถานที่อื่น ๆ แต่สายหมอกที่อยู่ล้อมรอบตัวปราสาทกลับทำให้บรรยากาศวังเวงและดูลึกลับขึ้นไปอีก ตามตำนานยังเล่าว่ามันเคยเป็นที่คุมขังนักโทษ และนักโทษส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตลงเพราะความหนาวเหน็บและหิวโหย นอกจากนี้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมรณสักขี (Edward the Martyr) ยังถูกสังหาร ณ ที่แห่งนี้ด้วย มันจึงเป็นที่มาของปราสาทผีสิงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
เมืองโบราณ Chichen Itza เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณคาบสมุทรยูกาตัง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับบูชาพระเจ้า (ตามความเชื่อของมายา) ภายในเมืองโบราณยังมีปูชนียสถานที่สำคัญซึ่งถูกเรียกว่า The Wall of Skulls หรือกำแพงหัวกะโหลก ซึ่งจะเห็นได้ว่ารอบ ๆ กำแพงนั้นถูกแกะสลักเป็นรูปหัวกะโหลกจำนวนมาก
และอีกสถานที่หนึ่ง คือ The Well of Sacrifice ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเสียสละ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าการสละเลือดหรือพลีชีพนั้นเป็นการพิสูจน์ความรักที่มีต่อพระเจ้า ซึ่งการกระทำดังกล่าวยังคงถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามแม้ว่าทุกวันนี้มันจะกลายเป็นแหล่งมรดกโลกซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่บรรยากาศและความเก่าแก่ของมันยังชวนให้เราขนลุกได้เสมอ
ในกลางศตวรรษที่ 19 ได้มีการร่วมมือกันของหลายชาติสำหรับการสร้างทางรถไฟข้ามเทือกเขาแอนดีสไปยังประเทศชิลี แต่ทว่ากลับมีปัญหาหลายด้านจึงทำให้แผนการดังกล่าวถูกล้มเลิกไป แต่ขบวนรถไฟจำนวนมากยังคงอยู่ที่เดิม กระทั่งขึ้นสนิมและพุพังจนไม่สามารถใช้การได้ ผู้คนไม่น้อยจึงนิยมเดินทางมายังทะเลทรายเพื่อดูซากของรถไฟไอน้ำสมัยโบราณ และแม้ว่าจะไร้ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีและวิญญาณก็ตาม แต่ความน่ากลัวของมันยังคงอยู่ที่บรรยากาศรอบด้านของทั้งทะเลทรายสุดกว้างใหญ่ที่ดูเงียบเหงาและวังเวง บวกกับช่องประตูและหน้าต่างของรถไฟอันเก่าแก่ที่อดจินตนาการไม่ได้ว่าจะมีใครโผล่มาจากหน้าต่างบานนั้นหรือไม่
หมู่บ้านร้าง Kayakoy สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1700 เดิมมันเคยเป็นที่อยู่ของชาวกรีกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมันยังนำมาสู่สงครามกรีซ-ตุรกี ทำให้มีการสู้รบเพื่อยึดคืนดินแดน และแน่นอนว่าเกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของทั้งสองประเทศ กระทั่งสงครามได้สิ้นสุดลง หมู่บ้าน Kayakoy แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่รกร้างและไม่มีผู้อยู่อาศัย มันจึงถูกขนานนามว่าเป็นเมืองผี และผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้ามาตั้งรกรากบริเวณดังกล่าวเนื่องจากความน่ากลัวและเรื่องราวการตายของผู้คนจำนวนมาก ที่พวกเขาเชื่อกันว่าวิญญาณเหล่านั้นยังคงวนเวียนอยู่
The Berlin Flak Tower ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1940 โดยการสั่งการของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีจอมเผด็จการ เพื่อใช้เป็นที่กำบังและปกป้องน่านฟ้าของเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันมันได้กลายเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญของเบอร์ลินที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมจำนวนมากต่อวัน นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ซึ่งหลายคนมักจะมาพิสูจน์ความเร้นลับในช่วงฮาโลวีนอีกด้วย ซึ่งนอกจากความเก่าแก่ด้านนอกแล้ว ยังมีช่องเล็ก ๆ คล้ายอุโมงค์ให้คุณเดินทางเข้าไปสำรวจความน่ากลัวท่ามกลางความมืดและบรรยากาศเงียบเชียบ ที่แม้แค่เสียงลมพัดแผ่วเบาก็ชวนให้คุณผวาได้แล้ว
Teotihuacan แปลว่าสถานที่ซึ่งสร้างโดยพระเจ้า โดยสถาปัตยกรรมภายนอกนั้นเป็นรูปทรงพีระมิดขนาดยักษ์ที่ดูเก่าแก่และน่ากลัวไม่น้อย แต่ใครจะรู้ว่าภายในนั้นน่ากลัวกว่าหลายเท่า เนื่องจากบริเวณกำแพงและผนังด้านในเต็มไปด้วยโครงกระดูกมากมาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกระดูกของผู้ที่อุทิศตนเพื่อเทพเจ้า (ตามความเชื่อของชาวบ้าน) ลองจินตนาการว่าคุณกำลังยืนอยู่ในที่แคบ ๆ ซึ่งรายล้อมไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์สิ ถ้าไม่กลัวก็ถือว่าใจเด็ดสุด ๆ แต่สำหรับใครที่ใจไม่ถึงเราขอแนะนำให้ชมความงามของ Teotihuacan ภายนอกจะดีกว่า
7. Catacombs of Kom ash-Shuqqafa ประเทศอียิปต์
ขึ้นชื่อว่าเป็นสุสานก็ว่าน่ากลัวแล้ว แต่ถ้าเป็นสุสานใต้ดินด้วยแล้วยิ่งเพิ่มความน่ากลัวมากขึ้นไปอีก อย่างสุสานแห่งอเล็กซานเดรียในประเทศอียิปต์แห่งนี้ ที่มีความลึกลงไปถึง 35 เมตร และมีหลุมศพมากกว่า 300 หลุมเลยทีเดียว !! และทันทีที่คุณเข้าไปคุณจะสัมผัสได้ถึงความหลอนแบบชวนฝันร้าย ว่ากันว่ามันยังทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกราวกับว่ามีใครมาจ้องมองอยู่ตลอดเวลา บรึ๋ยย...แค่คิดก็สยองแล้ว หากใครที่อยากไปพิสูจน์บรรยากาศสุดสะพรึงเช่นนี้ก็คิดให้ดีนะคะ
ภาพจาก eFesenko / Shutterstock.com
อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตสำหรับการผจญภัยในวันฮาโลวีน คือ ป้อมปราการใต้ดิน Bock Casemates ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเขาวงกตและมีขนาดใหญ่โตพอที่จะทำให้คุณหลงทางได้ง่าย ๆ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณไปกันเป็นแก๊งและเกาะกลุ่มกันไว้จะดีกว่า เพราะความใหญ่โตของมันไม่เพียงแต่จะทำให้คุณหลงทางแต่มันยังเต็มไปด้วยความน่ากลัวอีกด้วย นอกจากนี้ในวันธรรมดาคุณสามารถมาเยือนสุสานใต้ดิน Bock Casemates ได้เช่นกัน แต่จะมีไกด์คอยนำทางให้คุณพร้อมกับเล่าความเป็นมาของสุสานแห่งนี้ ถ้าใจไม่ถึงก็มาวันหลังจะดีกว่านะ
Leon Viejo เป็นดินแดนที่มีเรื่องเล่าขานแบบสยองขวัญสั่นประสาท โดยกล่าวกันว่ามันเคยเป็นสถานที่ซึ่งมีการฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม โดยครั้งหนึ่งเคยพบศพของชายคนหนึ่งในสภาพโดนตัดหัว และว่ากันว่าผู้ที่ตัดหัวของชายคนดังกล่าวก็ได้ตายอย่างปริศนา ที่สำคัญศพของเขายังอยู่ข้าง ๆ ศพของคนที่เขาเป็นผู้ลงมือฆ่าอีกด้วย จึงเป็นปริศนาว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ บ้างก็ว่าเป็นเพราะคำสาปแช่งจากคนที่ถูกฆ่า อย่างไรก็ตามปริศนาความน่ากลัวของ Leon Viejo ยังเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้กล้าแวะเวียนมาสัมผัสกับความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้เสมอ
Bran Castle ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทแดรกคูล่า อันที่จริงปราสาทร้างแห่งนี้ไม่ได้เป็นที่อยู่ของผีจอมดูดเลือดแต่อย่างใด ทว่ามันดันเป็นปราสาทร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปราสาทของแดรกคูล่าในภาพยนตร์นั่นเอง ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ แต่คนส่วนมากยังคงฝังใจให้มันเป็นปราสาทแดรกคูล่าอยู่ดี และนั่นก็หมายถึงบรรยากาศความหลอนที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นอีกสถานที่ซึ่งเป็นที่นิยมในวันฮาโลวีนด้วย
เรียกว่าแต่ละที่นั้นมีความเป็นมาอันน่าสนใจไม่แพ้กันเลย แถมยังเต็มไปด้วยบรรยากาศวังเวงสุด ๆ งานนี้ใครที่ชอบเรื่องราวสยองขวัญสั่นประสาทก็เดินทางไปพิสูจน์กันได้ แต่สำหรับใครที่กลัวสิ่งลี้ลับเป็นชีวิตจิตใจละก็ แค่นอนดูหนังผีอยู่บ้านก็ได้บรรยากาศความหลอนไปอีกแบบนะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : huffpost.com, travelandleisure.com และ tripsavvy.com
Halloween กับสถานที่น่ากลัว ๆ
1. Corfe Castle ประเทศอังกฤษ
Corfe Castle ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง มันจึงถูกโอบล้อมด้วยสายหมอกตลอดทั้งปี ทว่ามันกลับไม่ใช่สถานที่สุดโรแมนติกเหมือนอย่างสถานที่อื่น ๆ แต่สายหมอกที่อยู่ล้อมรอบตัวปราสาทกลับทำให้บรรยากาศวังเวงและดูลึกลับขึ้นไปอีก ตามตำนานยังเล่าว่ามันเคยเป็นที่คุมขังนักโทษ และนักโทษส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตลงเพราะความหนาวเหน็บและหิวโหย นอกจากนี้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมรณสักขี (Edward the Martyr) ยังถูกสังหาร ณ ที่แห่งนี้ด้วย มันจึงเป็นที่มาของปราสาทผีสิงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
2. Chichen Itza ประเทศเม็กซิโก
เมืองโบราณ Chichen Itza เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณคาบสมุทรยูกาตัง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับบูชาพระเจ้า (ตามความเชื่อของมายา) ภายในเมืองโบราณยังมีปูชนียสถานที่สำคัญซึ่งถูกเรียกว่า The Wall of Skulls หรือกำแพงหัวกะโหลก ซึ่งจะเห็นได้ว่ารอบ ๆ กำแพงนั้นถูกแกะสลักเป็นรูปหัวกะโหลกจำนวนมาก
และอีกสถานที่หนึ่ง คือ The Well of Sacrifice ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเสียสละ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าการสละเลือดหรือพลีชีพนั้นเป็นการพิสูจน์ความรักที่มีต่อพระเจ้า ซึ่งการกระทำดังกล่าวยังคงถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามแม้ว่าทุกวันนี้มันจะกลายเป็นแหล่งมรดกโลกซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่บรรยากาศและความเก่าแก่ของมันยังชวนให้เราขนลุกได้เสมอ
3. Train Graveyard ประเทศโบลิเวีย
ในกลางศตวรรษที่ 19 ได้มีการร่วมมือกันของหลายชาติสำหรับการสร้างทางรถไฟข้ามเทือกเขาแอนดีสไปยังประเทศชิลี แต่ทว่ากลับมีปัญหาหลายด้านจึงทำให้แผนการดังกล่าวถูกล้มเลิกไป แต่ขบวนรถไฟจำนวนมากยังคงอยู่ที่เดิม กระทั่งขึ้นสนิมและพุพังจนไม่สามารถใช้การได้ ผู้คนไม่น้อยจึงนิยมเดินทางมายังทะเลทรายเพื่อดูซากของรถไฟไอน้ำสมัยโบราณ และแม้ว่าจะไร้ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีและวิญญาณก็ตาม แต่ความน่ากลัวของมันยังคงอยู่ที่บรรยากาศรอบด้านของทั้งทะเลทรายสุดกว้างใหญ่ที่ดูเงียบเหงาและวังเวง บวกกับช่องประตูและหน้าต่างของรถไฟอันเก่าแก่ที่อดจินตนาการไม่ได้ว่าจะมีใครโผล่มาจากหน้าต่างบานนั้นหรือไม่
4. Kayakoy ประเทศตุรกี
หมู่บ้านร้าง Kayakoy สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1700 เดิมมันเคยเป็นที่อยู่ของชาวกรีกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมันยังนำมาสู่สงครามกรีซ-ตุรกี ทำให้มีการสู้รบเพื่อยึดคืนดินแดน และแน่นอนว่าเกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของทั้งสองประเทศ กระทั่งสงครามได้สิ้นสุดลง หมู่บ้าน Kayakoy แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่รกร้างและไม่มีผู้อยู่อาศัย มันจึงถูกขนานนามว่าเป็นเมืองผี และผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้ามาตั้งรกรากบริเวณดังกล่าวเนื่องจากความน่ากลัวและเรื่องราวการตายของผู้คนจำนวนมาก ที่พวกเขาเชื่อกันว่าวิญญาณเหล่านั้นยังคงวนเวียนอยู่
5. The Berlin Flak Tower ประเทศเยอรมนี
The Berlin Flak Tower ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1940 โดยการสั่งการของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีจอมเผด็จการ เพื่อใช้เป็นที่กำบังและปกป้องน่านฟ้าของเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันมันได้กลายเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญของเบอร์ลินที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมจำนวนมากต่อวัน นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ซึ่งหลายคนมักจะมาพิสูจน์ความเร้นลับในช่วงฮาโลวีนอีกด้วย ซึ่งนอกจากความเก่าแก่ด้านนอกแล้ว ยังมีช่องเล็ก ๆ คล้ายอุโมงค์ให้คุณเดินทางเข้าไปสำรวจความน่ากลัวท่ามกลางความมืดและบรรยากาศเงียบเชียบ ที่แม้แค่เสียงลมพัดแผ่วเบาก็ชวนให้คุณผวาได้แล้ว
6. Teotihuacan ประเทศเม็กซิโก
Teotihuacan แปลว่าสถานที่ซึ่งสร้างโดยพระเจ้า โดยสถาปัตยกรรมภายนอกนั้นเป็นรูปทรงพีระมิดขนาดยักษ์ที่ดูเก่าแก่และน่ากลัวไม่น้อย แต่ใครจะรู้ว่าภายในนั้นน่ากลัวกว่าหลายเท่า เนื่องจากบริเวณกำแพงและผนังด้านในเต็มไปด้วยโครงกระดูกมากมาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกระดูกของผู้ที่อุทิศตนเพื่อเทพเจ้า (ตามความเชื่อของชาวบ้าน) ลองจินตนาการว่าคุณกำลังยืนอยู่ในที่แคบ ๆ ซึ่งรายล้อมไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์สิ ถ้าไม่กลัวก็ถือว่าใจเด็ดสุด ๆ แต่สำหรับใครที่ใจไม่ถึงเราขอแนะนำให้ชมความงามของ Teotihuacan ภายนอกจะดีกว่า
7. Catacombs of Kom ash-Shuqqafa ประเทศอียิปต์
ขึ้นชื่อว่าเป็นสุสานก็ว่าน่ากลัวแล้ว แต่ถ้าเป็นสุสานใต้ดินด้วยแล้วยิ่งเพิ่มความน่ากลัวมากขึ้นไปอีก อย่างสุสานแห่งอเล็กซานเดรียในประเทศอียิปต์แห่งนี้ ที่มีความลึกลงไปถึง 35 เมตร และมีหลุมศพมากกว่า 300 หลุมเลยทีเดียว !! และทันทีที่คุณเข้าไปคุณจะสัมผัสได้ถึงความหลอนแบบชวนฝันร้าย ว่ากันว่ามันยังทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกราวกับว่ามีใครมาจ้องมองอยู่ตลอดเวลา บรึ๋ยย...แค่คิดก็สยองแล้ว หากใครที่อยากไปพิสูจน์บรรยากาศสุดสะพรึงเช่นนี้ก็คิดให้ดีนะคะ
ภาพจาก eFesenko / Shutterstock.com
8. Bock Casemates ประเทศลักเซมเบิร์ก
อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตสำหรับการผจญภัยในวันฮาโลวีน คือ ป้อมปราการใต้ดิน Bock Casemates ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเขาวงกตและมีขนาดใหญ่โตพอที่จะทำให้คุณหลงทางได้ง่าย ๆ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณไปกันเป็นแก๊งและเกาะกลุ่มกันไว้จะดีกว่า เพราะความใหญ่โตของมันไม่เพียงแต่จะทำให้คุณหลงทางแต่มันยังเต็มไปด้วยความน่ากลัวอีกด้วย นอกจากนี้ในวันธรรมดาคุณสามารถมาเยือนสุสานใต้ดิน Bock Casemates ได้เช่นกัน แต่จะมีไกด์คอยนำทางให้คุณพร้อมกับเล่าความเป็นมาของสุสานแห่งนี้ ถ้าใจไม่ถึงก็มาวันหลังจะดีกว่านะ
9. Leon Viejo ประเทศนิการากัว
Leon Viejo เป็นดินแดนที่มีเรื่องเล่าขานแบบสยองขวัญสั่นประสาท โดยกล่าวกันว่ามันเคยเป็นสถานที่ซึ่งมีการฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม โดยครั้งหนึ่งเคยพบศพของชายคนหนึ่งในสภาพโดนตัดหัว และว่ากันว่าผู้ที่ตัดหัวของชายคนดังกล่าวก็ได้ตายอย่างปริศนา ที่สำคัญศพของเขายังอยู่ข้าง ๆ ศพของคนที่เขาเป็นผู้ลงมือฆ่าอีกด้วย จึงเป็นปริศนาว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ บ้างก็ว่าเป็นเพราะคำสาปแช่งจากคนที่ถูกฆ่า อย่างไรก็ตามปริศนาความน่ากลัวของ Leon Viejo ยังเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้กล้าแวะเวียนมาสัมผัสกับความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้เสมอ
10. Bran Castle ประเทศโรมาเนีย
Bran Castle ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทแดรกคูล่า อันที่จริงปราสาทร้างแห่งนี้ไม่ได้เป็นที่อยู่ของผีจอมดูดเลือดแต่อย่างใด ทว่ามันดันเป็นปราสาทร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปราสาทของแดรกคูล่าในภาพยนตร์นั่นเอง ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ แต่คนส่วนมากยังคงฝังใจให้มันเป็นปราสาทแดรกคูล่าอยู่ดี และนั่นก็หมายถึงบรรยากาศความหลอนที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นอีกสถานที่ซึ่งเป็นที่นิยมในวันฮาโลวีนด้วย
เรียกว่าแต่ละที่นั้นมีความเป็นมาอันน่าสนใจไม่แพ้กันเลย แถมยังเต็มไปด้วยบรรยากาศวังเวงสุด ๆ งานนี้ใครที่ชอบเรื่องราวสยองขวัญสั่นประสาทก็เดินทางไปพิสูจน์กันได้ แต่สำหรับใครที่กลัวสิ่งลี้ลับเป็นชีวิตจิตใจละก็ แค่นอนดูหนังผีอยู่บ้านก็ได้บรรยากาศความหลอนไปอีกแบบนะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง