เที่ยวธรรมชาติด้วยการปั่นจักรยานที่บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Nejuphoto
บางกะเจ้า ตั้งอยู่ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ถือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด และยังอยู่ใกล้บริเวณแหล่งอุตสาหกรรม ทางราชการจึงมีแนวคิดที่จะอนุรักษ์ให้พื้นที่บางกะเจ้าเอื้อประโยชน์โดยการ เป็นพื้นที่ "ปอด" เพื่อฟอกอากาศให้กรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรปราการ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ forest.go.th) ที่นี่จะทำให้คุณรื่นรมย์ไปกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว กิจกรรมอย่างหนึ่งที่หากใครได้มาเยือนบางกะเจ้าไม่ควรพลาด นั่นคือ การปั่นจักรยานกินลมชมวิวธรรมชาติ พร้อมไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เหมือนกับบันทึกการเดินทางของ คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปปั่นจักรยาน ณ บางกะเจ้า และถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านภาพถ่ายสวย ๆ ให้เราได้ชมกัน
++++++++++++++++++++++
สวัสดีเพื่อน ๆ ท่องเที่ยวทุกท่าน "ปอดกรุงเทพฯ" ถ้าขึ้นต้นด้วยคำนี้ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน ?
ชีวิตคนเมือง จันทร์ถึงศุกร์ทำงานออฟฟิศ เสาร์-อาทิตย์หาเวลาพักผ่อน เพื่อชาร์ตแบตและกลับมาเริ่มทำงานอีกทีในวันจันทร์ วนเวียนแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ ตามวัฏจักรสังคม แต่ธรรมชาติที่เหลือน้อยลงทุกทีในสังคมเมืองป่าคอนกรีต ทำให้ชาวกรุงทั้งหลายต่างค้นหาธรรมชาติใกล้พื้นที่แห่งนี้ รีวิวนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปปั่นจักรยานในสถานที่ที่ถูกขนานนามว่า "ปอดกรุงเทพฯ" สถานที่นี้อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว ไปเช้า-เย็นกลับแบบไม่ต้องค้าง ไปเพื่อชาร์ตแบตชีวิต ไปเพื่อเสพออกซิเจนให้เต็มปอด แล้วมาเริ่มทำงานใหม่ในวันรุ่งขึ้นกับสถานที่แห่งนี้...บางกะเจ้า
"Bicycle in Bang-Kachao สูดออกซิเจนกันให้เต็มปอด"
ป.ล. สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องสอบถามเพิ่มเติมสามารถสอบถามทาง Message Pantip หรือได้ที่ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ป.ล. 2 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรีวิวถ้าถูกใจ ชอบใจ ขอกำลังใจคนทำรีวิวด้วยนะครับ ^^
ในปี พ.ศ. 2549 จากนิตยสารไทม์เอเชีย (Time Asia) ฉบับ Best of Asia ได้ยกย่องให้บางกะเจ้าเป็นปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย บางกะเจ้าเป็นหนึ่งในตำบลของจังหวัดสมุทรปราการ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวใกล้กรุงเทพฯ พื้นที่บริเวณนี้บ้างก็ถูกเรียกว่า "กระเพาะหมู" เพราะมีรูปทรงคล้ายกระเพาะหมู
เหตุที่เรียกว่าปอดกรุงเทพฯ เพราะว่าพื้นที่ส่วนนี้มีต้นไม้อยู่เยอะ มีธรรมชาติสมบูรณ์และเป็นพื้นที่ที่รับลมจากทางทะเลเข้ามาก่อนที่จะเข้าถึงตัวกรุงเทพฯ ดังนั้นต้นไม้และธรรมชาติเหล่านี้จะทำการฟอกอากาศที่สดชื่นและส่งต่อไปยังกรุงเทพฯ หลักการทำงานแบบนี้จะคล้ายกับการทำงานของปอด ที่แห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า "ปอดกรุงเทพฯ"
จุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ เนื่องจากเพื่อนผมเคยมาปั่นจักรยานแถวนี้อยู่หลายครั้ง วันว่าง ๆ จึงชวนผมและเพื่อน ๆ มาปั่นจักรยาน สูดอากาศบริสุทธิ์ โดยผมขับรถส่วนตัวไปและไปจอดตรงที่จอดรถของตลาดบางน้ำผึ้ง ที่จอดรถนี้เป็นกลางแจ้งแต่ไม่เสียค่าที่จอดนะครับ ส่วนจักรยานใครจะนำมาและเริ่มปั่นกันตั้งแต่ตรงนี้หรือจะมาเช่าแถวนี้ก็ได้ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นที่นิยมในการปั่นจักรยานแห่งหนึ่งใกล้กรุงเทพฯ ครับ
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เป็นตลาดน้ำใกล้กรุงเทพฯ ตั้งอยู่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เสน่ห์ของตลาดน้ำแห่งนี้ คือ วิถีชีวิตชาวบ้านริมคลองที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ และยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและอาหารที่มีชื่อเสียงของชุมชน รวมไปถึงร้านขายอาหารที่มีอยู่หลายร้าน
ด้านในเป็นโซนที่เปิดใหม่จะเน้นขายพวกของใช้และเสื้อผ้าเป็นหลัก
ผมและเพื่อน ๆ มาเช่าจักรยานในวัดนี้ครับ อัตราค่าเช่าชั่วโมงละ 30 บาท ถ้าเหมาเช่าทั้งวัน 80 บาทต่อคันครับ จักรยานมีหลายแบบแต่ส่วนใหญ่จะไม่มีเกียร์นะครับ แต่ที่โดดเด่นของร้านนี้ คือ รูปทรงจักรยานไปรษณีย์ญี่ปุ่นสีแดง แถมมีธงชาติกับธง ภปร. ติดอยู่ที่แฮนด์ด้วยครับ ^^
พร้อมกันหรือยัง ไปเริ่มต้นปั่นจักรยานเที่ยวกันดีกว่า อ้อ...สำหรับแผนที่สามารถขอได้จากร้านเช่าจักรยานได้เลยครับ หรือจะดูจากรูปในความคิดเห็นที่ 1 เส้นทางการปั่นจักรยานเที่ยวบางกระเจ้านี้ก็ได้ครับ
ป.ล. ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายตอนคืนจักรยาน เพราะก่อนเริ่มปั่นไม่ได้แชะภาพเก็บไว้ก่อนครับ ><
จากทางด้านหลังวัดสามารถขี่ลัดเลาะตามทางมาเรื่อย ๆ ถนนด้านในไม่ค่อยมีรถวิ่ง และโดยรวมบรรยากาศร่มรื่นมากครับ
ปั่นออกมาทางซอยเพชรหึงษ์ 28 ด้านนอกจะเป็นถนนใหญ่ โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่จักรยานด้วยนะครับ
ทานอาหารคาวเมื่อครู่แล้วจุดแรกที่แวะก่อน คือ ร้านกาแฟในบ้าน ร้านตั้งอยู่หน้าปากซอยเพชรหึงษ์ 29 ร้านนี้เพื่อนผมที่เคยมาปั่นจักรยานแถวนี้อยู่บ่อย ๆ แนะนำว่าลองทานดู ชากับกาแฟของร้านนี้ใช้มะพร้าวปั่นผสมด้วย บรรยากาศในร้านจัดแบบเรียบง่าย และด้านหน้าร้านมีที่จอดสำหรับจักรยานด้วยครับ
เมื่อเติมพลังทั้งของคาวและของหวานเรียบร้อย ได้เวลาปั่นเที่ยวแบบจริงจังกันแล้วนะครับ ปั่นจักรยานมาทางซอยเพชรหึงษ์ 33 จะมีป้ายบอกทางมาสวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ เลี้ยวตามทางเข้าไปด้านในเลยครับ
ด้านในมีป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ตลอดทาง พร้อมทั้งบอกระยะทางที่จะถึงไว้ด้วยครับ
เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-17.00 น. ไม่เก็บค่าเข้าชม มีที่จอดสำหรับจักรยานด้านนอก
แนวคิดของการสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ มิได้เป็นเพียงสถานที่ให้ความรู้ในเรื่องของปลากัด หากแต่เป็นสถานที่ของการร่วมมือร่วมใจ ความมีสมานฉันท์ของคนในชุมชน เพื่อสร้างความแข็งแรงด้วยการเรียนรู้ โดยจุดเริ่มต้นจากการไม่รู้เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ เริ่มจากน้อยไปสู่มากเพื่อเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชน ด้วยการเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชน...ที่นี่มีปลากัดหลากหลายพันธุ์ พร้อมทั้งบอกถึงวิธีดูแล บอกถึงสายพันธุ์ และที่มาของปลาแต่ละสายพันธุ์ไว้อีกด้วยครับ
มีคลินิกปลากัดที่คอยให้คำแนะนำตั้งแต่ปลากัดที่เพิ่งเกิดจนไปถึงโตเต็มที่
ที่นี่ไม่ได้มีแต่อาคารที่จัดแสดงปลากัดเท่านั้น ยังมีปลาอีกหลากหลายชนิดที่ไม่ใช่ปลากัดตั้งไว้อยู่ในโซนด้านหลัง รวมถึงมีร้านกาแฟและร้านขายสินค้าที่ระลึกตั้งอยู่ด้านหน้าอีกด้วย
ออกจากพิพิธภัณฑ์ปลากัดขี่จักรยานย้อนมาทางเดิม จุดต่อไปที่จะแวะมาเที่ยว คือ สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์
สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ มีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อน ออกกำลังกาย และศึกษาระบบนิเวศน์ของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียง
ลักษณะของสวนเป็นการผสมผสานของสวนสาธารณะที่มีการจัดสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินชมพื้นที่อันสงบร่มรื่น มีพื้นที่สำหรับให้อาหารปลา หรือใครจะมาเช่าจักรยานขี่เล่นชมสวนแห่งนี้ก็มีร้านจักรยานให้เช่าอยู่ด้านหน้า ชั่วโมงละ 50 บาท ทั้งวัน 100 บาท ต่อคันครับ
บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นมาก เหมาะแก่การมาพักผ่อนสูดอากาศสดชื่น
มีธงแบบนี้ติดด้านหน้าจักรยาน ขี่ไปโบกสะบัดไป พลิ้วไหวไป ^^
ที่นี่มีสะพานไม้สูงอยู่หลายสะพาน จังหวะตอนขึ้นต้องใช้แรงเยอะหน่อย แต่ตอนขาลงสะพานควบคุมจักรยานให้ดีนะครับ เพราะบางสะพานจะเป็นทางโค้งเดี๋ยวจะมีหลุดโค้งโดยไม่รู้ตัว >< โปรดขับขี่ด้วยความระมัดระวังครับ
จะเห็นว่าที่นี่นิยมมาปั่นจักรยานกันค่อนข้างมาก ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนไทยเองหรือคนต่างชาติ เพราะที่สวนนี้ร่มรื่น สะอาด เหมาะสำหรับพักผ่อน และเป็นสถานที่ออกกำลังกายได้ดีทีเดียว
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือ หอชมวิวสูง 7 เมตร ที่สามารถชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ
มีเส้นทางเดินสำหรับศึกษาธรรมชาติ บางเส้นทางผุพังลงไปบ้างแต่ความร่มรื่นไม่จางหายไปจากที่สวนแห่งนี้
เส้นทางการเดินทางมาบางกระเจ้านั้นมาได้ทั้งทางรถยนต์หรือทางเรือข้ามฟาก ด้านในมีท่าเรือบางกะเจ้า ซึ่งเชื่อมต่อไปยังท่าเรือคลองเตยนอก ตรงวัดคลองเตยนอก พระราม 3
เรือหางยาวข้ามฟากคิดค่าบริการต่อเที่ยวคนละ 10 บาท สามารถนำจักรยานขึ้นเรือหางยาวนี้ข้ามฟากมาได้คิดเพิ่มอีก 10 บาทต่อคัน หรือถ้าใครไม่มีจักรยานสามารถหาเช่าจักรยานตรงท่าเรือ คิดชั่วโมงละ 50 บาท ทั้งวัน 100 บาทครับ
ที่นี่มีหลายซอย บางซอยตัน บางซอยสามารถทะลุไปเส้นทางอื่นได้ แต่ละซอยร่มรื่น แต่การปั่นจักรยานต้องระมัดระวัง เพราะทางมีระยะห่างแค่รถจักรยานสวนกันเท่านั้นครับ
จุดต่อไปที่จะพาไปเที่ยวจะอยู่ใกล้ ๆ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เราต้องปั่นย้อนกลับไปทางเดิม
กว่าจะมาถึงป้ายทางเข้าต้องถามทางมาเรื่อย ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำ ข้ามสะพาน แล้วปั่นต่อมาอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะพบทางเข้าหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว
เส้นทางด้านในร่มรื่นปกคลุมไปด้วยต้นไม้ มีผู้คนท้องถิ่นอาศัยอยู่ละแวกรอบข้าง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่นิยมปั่นจักรยานก็ต้องแวะมาเส้นทางนี้ด้วยเช่นกัน
ถึงแล้วครับ บ้านธูปหอมสมุนไพร เศรษฐกิจแห่งชุมชน
ที่นี่มีจักรยานไว้รองรับนักท่องเที่ยวคิดชั่วโมงละ 50 บาทต่อคัน ทั้งวัน 100 บาท
ที่นี่มีการสอนวิธีการทำธูปหอมสมุนไพร ตะไคร้หอมกันยุง หรือจะสอนการเพ้นท์ผ้า ค่าเรียนคนละ 60 บาท ต่อคนและต่อคอร์ส ผมได้คุยกับคุณป้าเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณป้าบอกว่าช่วงวันธรรมดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันเยอะ มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ จักรยานของที่นี่ถูกเช่าเต็มหมดแทบทุกวัน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยมีเข้ามาบ้างแต่ไม่มาก ที่นี่ถือว่าเป็นวิถีชุมชน แหล่งความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สามารถมาศึกษาถึงวิธีการทำธูปหอม ตะไคร้หอม อย่างน้อยที่นี่เป็นแหล่งเศรษฐกิจชองชาวบ้านที่มีรายได้จากภูมิปัญญาวิถีชีวิตของชุมชนตัวเอง
ปั่นจักรยานมาตามทางเรื่อย ๆ จะพบกับอีกหนึ่งที่พัก Bangkok Tree House ที่นี่เป็นทั้งที่พัก เป็นทั้งร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นร้านกาแฟนั่งพักเหนื่อยของนักปั่นหลาย ๆ ท่าน
เส้นทางบริเวณนี้เชื่อมต่อถึงกัน แต่จาก Bangkok Tree House ปัจจุบันทางตรงไปสะพานกำลังปรับปรุงซ่อมแซมอยู่ ไม่สามารถปั่นวนไปทางนั้นได้ เราต้องย้อนกลับไปทางเดิมครับ
สวนป่าแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของการปั่นจักรยานชมวิวที่นี่เลยครับ ยิ่งมาเจอแสงช่วงตอนเย็นก่อนกลับ อดใจไม่ไหว แชะถ่ายรูปอย่างเมามัน ^^
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ผมก็ได้นำจักรยานที่เช่ามาไปคืนที่วัดบางน้ำผึ้งใน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่แห่งนี้ เห็นเวลาผ่านมาถึงช่วงเย็นสีท้องฟ้าวันนี้สวยงามจริง ๆ เลยขับรถมาจอดที่สวนเฉลิมพระเกียรติและแวะมาถ่ายรูปใต้สะพานภูมิพล
ที่บริเวณนี้เรียกว่า คลองลัดโพธิ์ เดิมที่มีลักษณะตื้นเขิน ต่อมาได้จัดสร้างเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ เป็นการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการ "เบี่ยงน้ำ" (Diversion) มีหลักการ คือ จากสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคดเคี้ยวบริเวณรอบพื้นที่บริเวณบางกระเจ้านั้น มีความยาวถึง 18 กิโลเมตร ทำให้การระบายน้ำที่ท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ำทะเลหนุน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาใช้คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความตื้นเขินมีความยาวราว 600 เมตร ให้ใช้ระบายน้ำที่หลากและน้ำที่ท่วมทางสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลทันทีในช่วงก่อนที่น้ำทะเลหนุน และปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ำทะเลหนุน เพื่อหน่วงน้ำทะเลไม่ให้ขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดโค้งก่อน ซึ่งใช้เวลามากจนถึงเวลาน้ำลง ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปท่วมตัวเมืองได้
ป.ล. ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia ครับ
1 วันกับการปั่นจักรยานชมวิว สูดออกซิเจนให้ชุ่มปอดบริเวณบางกะเจ้านี้ ถือว่าเป็นการ Refresh ตัวผมและรู้สึกได้ถึงความสดชื่น
เมื่อก่อนมาที่นี่มีคนถามผมว่าบางกะเจ้าคือที่ไหน ? และมีคนถามผมอีกว่าบางกะเจ้ามีอะไรเที่ยวนอกจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ? ผมว่ารีวิวนี้เป็นคำตอบให้คนกรุงเทพฯ และใครอีกหลาย ๆ คนที่อยากจะมาพักผ่อนในสถานที่ใกล้กรุง ในสถานที่ร่มรื่นที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อบอุ่นแห่งนี้ ที่นี่ยังมีวัดวาอารามอีกหลายวัดที่สามารถมาเป็นทริปไหว้พระทำบุญอย่างเดียว ที่นี่ยังมีสวนต้นลำพูที่ชาวบ้านแถวนี้บอกกันว่ามีหิ่งห้อยอยู่จำนวนมาก ที่นี่ยังมีเส้นทางปั่นจักรยานที่ปลอดภัย รวมถึงมีนักปั่นหลาย ๆ ท่านต่างมาออกกำลังกายกันที่นี่ และที่นี่ยังคงเป็น "ปอดแห่งกรุงเทพมหานคร" เป็นปอดที่ฟอกอากาศสดชื่นให้คนกรุงอย่างเราได้รับ
ขอขอบคุณเพื่อนที่ร่วมทริปทุกคนที่ชวนผมไปออกกำลังกายในวันว่าง ชวนไปเสพออกซิเจนเข้าตัว ขอบคุณชาวบ้านบางกะเจ้าทุกท่าน ที่แบ่งปันรอยยิ้มตลอด 2 ข้างทางที่พวกผมปั่นจักรยานผ่านและถามทาง และที่สำคัญผมต้องขอขอบคุณพี่ผู้ชายทั้ง 2 คน ในรูปด้านล่างนี้ที่ช่วยปฐมพยาบาลผมตอนประสบอุบัติเหตุจากการปั่นจักรยาน น้ำใจคนไทยไม่ขาดแคลนในทุกถิ่นจริง ๆ ครับ ขอบคุณมากครับ
ใครมีคำถามสอบถามได้นะครับจะทาง Message Pantip หรือในเพจของผมก็ได้
http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวปั่นจักรยานเที่ยวบางกะเจ้านี้จนจบ
"Bicycle in Bang-Kachao สูดออกซิเจนกันให้เต็มปอด"