เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
หลายคนมักเว้นวรรคการออกไปท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน เพราะคิดว่าช่วงเวลาสายฝนโปรยปรายทำให้เฉอะแฉะ หรือไม่สะดวกสบายในเรื่องการเดินทาง ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามที่สุด วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ออกเดินทางไปเที่ยวหน้าฝนผ่านบันทึกการเดินทางของ คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับความงามของ "ภูชี้ฟ้า" และ "ดอยผาตั้ง" จังหวัดเชียงราย กับเส้นทางทะลุเมฆ ในวันพายุฝนและสายหมอกโหมกระหน่ำ พร้อมนำมาถ่ายทอดมาให้เราได้ชมกันค่ะ
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางที่ผมรักที่สุด และคุณอาจหลงรักมันเหมือนผม... ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
ขุนเขาสูงเสียดฟ้า กลับต่ำกว่าหญ้านิดเดียว จากสังคมเมืองแห่งความวุ่นวาย กลิ่นควันท่อไอเสีย สู่ขุนเขา ต้นไม้ และสายหมอก ระยะทางไม่ได้สำคัญเท่าความคิดถึง...
ผมกลับมาเยือนดินแดนแห่งนี้อีกครั้งในฤดูกาลที่แตกต่าง มาในวันที่สายฝนและสายหมอกโหมกระหน่ำยามเข้าฤดูฝนอย่างเต็มตัว
เส้นทางขึ้นไปยัง ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย ในวันนี้ ดูแตกต่างจากวันที่ผมมาเยือนเมื่อ 3 เดือนที่แล้วเป็นอย่างมาก สายฝนทำให้ทุกอย่างเขียวไปหมด
บ้านพักรองรับนักท่องเที่ยวบริเวณก่อนถึงทางขึ้นภูชี้ฟ้ายังคงมีให้เลือกอย่างมากมาย สวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนดินแดนแห่งนี้ในช่วงฤดูฝน
ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ สิ่งอำนวยความสะดวก ถ้าเทียบกับราคาบ้านพักเพียงไม่กี่ร้อยบาท ผมคิดว่าบ้านพักของที่นี่ราคาเกินคุ้มอย่างไม่น่าเชื่อ
ในระดับความสูงพันกว่าเมตรก่อนขึ้นไปยังภูชี้ฟ้า ทำให้เรามองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกลในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน
หลายครั้งสิ่งที่เรามองเห็นตรงหน้า สายหมอก ขุนเขา และความเขียวที่เหมือนกันโดยทั่วไป แต่กับความรู้สึกที่วนเวียนเข้ามาในวันนี้ หล่อหลอมให้ได้รับความสุขและความสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
6 โมงเช้าของวันใหม่ ผมกำลังจะเดินขึ้นไปยังยอดแหลมของภูชี้ฟ้า สายหมอกและสายฝนยังคงทำหน้าที่ตั้งแต่เมื่อวานเย็นจนถึงเช้า เพิงไม้ร้านค้าของชาวเขาดูเงียบเหงาเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเยี่ยมเยือนนัก
จากร้านค้าด้านล่างต้องเดินขึ้นไปอีกราว 700 เมตร จะถึงยอดแหลมของภูชี้ฟ้า เช้าวันนี้ทางเดินค่อนข้างลื่นและเดินลำบากพอสมควร
3 เดือนก่อนที่ผมมาที่นี่ ทางเดินในตอนนั้นยังแห้งสนิท หญ้าเป็นสีเหลืองแห้ง ๆ และไม่มีสายหมอกแม้แต่น้อย แตกต่างจากวันนี้เป็นอย่างมาก
หากนิยามของการเดินทางไม่ได้จำกัดอยู่ที่จุดหมายปลายทาง เส้นทางสายนี้คงมีหลายเรื่องราวให้เราได้จดจำเรื่องแล้วเรื่องเล่า เก้าอี้นั่งพักตัวเก่า ต้นสนต้นเก่า กับเรื่องราวในครั้งใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
เส้นทางเดินเกือบหนึ่งกิโลเมตร แต่ละย่างก้าวของความทรงจำที่เปลี่ยนไป หนึ่งในความแตกต่างที่เป็นตัวแปรของความทรงจำคงเป็นช่วงฤดูกาล จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ฤดูฝนหรือฤดูร้อนจะมีนักท่องเที่ยวมาตามหาความทรงจำไม่มากนัก
ว่ากันว่าภูชี้ฟ้าจะงดงามที่สุดในช่วงปลายฝนต้นหนาว และจะเป็นความงามในแบบที่ทุกคนใฝ่ฝัน
แต่ในวันนี้วันที่ภูชี้ฟ้ามองเห็นได้แค่ระยะไม่เกิน 10 เมตร คงเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด ที่ผมยังไม่เคยได้สัมผัสด้วยตาตัวเองมาก่อนเช่นกัน
ยอดแหลมของภูชี้ฟ้าที่ไม่สามารถมองเห็นจากระยะไกล ต้องเดินขึ้นมาให้สุดทาง ทำให้เก็บภาพในมุมมหาชนไม่ได้เลยสักใบ แต่ผมกลับไม่รู้สึกเสียใจ ตรงกันข้ามผมกับรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นในแบบที่ไม่เคยได้เห็นจากที่ไหน ๆ
จากภูชี้ฟ้าผมเดินทางไปที่ ดอยผาตั้ง ซึ่งห่างออกไปราว 30 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางหมายเลข 1093 ตามแผนที่ครับ
เส้นทาง 30 กิโลเมตรจากภูชี้ฟ้าไปยังดอยผาตั้ง จะลัดเลาะไปตามไหล่เขาโค้งไป โค้งมา ถนนหนทางค่อนข้างดีทีเดียว
สองข้างทางในวันนี้ปกคลุมไปด้วยสายหมอกและความเขียวขจีของพืชไร่ที่ชาวเขาได้ปลูกเอาไว้
กับคำกล่าวที่ว่าเรื่องราวระหว่างทางสำคัญไม่น้อยไปกว่าจุดหมายปลายทางเห็นจะเป็นเรื่องจริง
และเรื่องราวระหว่างทางในวันนี้ คงจะทำให้ผมตราตรึงไปอีกนานแสนนาน
จากภูชี้ฟ้าไปยังดอยผาตั้ง ถ้าเป็นเส้นทางปกติทั่วไป ระยะทาง 30 กิโลเมตร คงใช้เวลาไม่นานนัก
แต่ผมกลับใช้เวลาเดินทางกับที่นี่ค่อนข้างนาน เหตุผลคงไม่ใช่เพราะเส้นทางที่ยากลำบาก
แต่เป็นเรื่องราวที่กำลังผ่านเข้ามาในทุก ๆ นาทีที่ผมอยากบันทึกไว้ในความทรงจำเสียมากกว่า
เรื่องราวของสายหมอกและขุนเขาในฤดูฝนที่น่าจดจำและสวยงามเกินกว่าจะผ่านไป
สีเขียวของภูเขา ต้นไม้ และพืชไร่ ตัดกับสีขาวนวลนุ่มของทะเลหมอก เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดที่ได้พบเห็น
กับความคาดหวังที่จะได้เห็นสิ่งสวยงามกำลังลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่ออยู่บนภูชี้ฟ้า
แต่กับสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังและไม่ได้ตั้งใจ ดูจะยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย
ทิวเขาลูกแล้วลูกเล่าที่ปกคลุมไปด้วยสายหมอก สายหมอกที่ไม่ได้หยุดนิ่ง สายหมอกที่มีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้
สายหมอกที่เคลื่อนตัวติดตามผม และกำลังตามไปส่งผมที่ดอยผาตั้ง
และคงเป็นสายหมอกเหล่านี้ที่กำลังคอยปลอบผมว่าอย่าเพิ่งท้อถอย ไปให้ถึงจุดหมาย สิ่งสวยงามกำลังรอเธออยู่...ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
เส้นทางที่ไต่ระดับวามสูงลดหลั่นสลับกันไปมา ดูสวยงามและทำให้มีความสุขกับการได้เดินทางบนเส้นทางสายนี้
ดอกไม้ริมทางดอกเล็ก ๆ ที่ขึ้นแซมตลอดเส้นทาง ดูสวยงามบนความไร้ค่าที่ใครต่อใครไม่ได้สนใจนัก
แต่ผมกลับรู้สึกว่าดอกไม้เล็ก ๆ เหล่านี้ทำให้บรรยากาศแห่งความสุขเพิ่มพูนขึ้นไปอีก สีขาวของดอกไม้ช่วยแต่งแต้มความเขียวให้ดูลงตัวและมีเสน่ห์มากขึ้น
ระหว่างทางจากภูชี้ฟ้าไปยังดอยผาตั้งแทบจะไม่มีบ้านคนให้เห็นเท่าไหร่นัก
แต่สิ่งที่เห็นอย่างเด่นชัดคงเป็นพืชไร่ ต้นข้าวโพด กะหล่ำปลี และพืชสีเขียวอื่น ๆ ที่พบเห็นได้ตลอดเส้นทาง
มีเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ลึกลงไปในหุบเขาไม่กี่หลังคาเรือนดีนัก บางทีก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าหมู่บ้านเหล่านั้นจะอยู่กันยังไง มีน้ำมีไฟใช้หรือไม่ และประกอบอาชีพอะไรกัน
สายหมอกยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง สลับกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างปรอย ๆ อากาศเย็นสบายและไม่มีแสงแดด
ต้องยอมรับว่าเส้นทางแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สวยงามจริง ๆ
30 กิโลเมตร ที่ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ทำให้เราได้อะไรมากกว่าการท่องเที่ยว ยิ่งเข้าใกล้ดอยผาตั้งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเห็นวิถีชีวิตเกษตรกรรมมากขึ้นเท่านั้น
วิถีชีวิตที่อยู่คู่กับดอยสูง คู่กับธรรมชาติ และเกษตรกรรม ดู ๆ ไปก็น่ายกย่องเหมือนกัน
กว่าจะได้มาซึ่งผลผลิตทางการเกษตร กว่าพืชไร่จะงอกงาม คงต้องใช้ความมุมานะ ขยัน และอดทน
คุณลุงเกษตรกรที่กำลังทำอะไรบางอย่างกับพืชไร่ที่ปลูกอยู่ริมถนนเพียงลำพังด้วยความตั้งใจ ท่ามกลางสายหมอกบนความสูง
ที่ดินที่มีเพียงจำกัดคงมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ทำให้ตามซอกหลืบ ริมถนน บนเขาสูง จะพบเห็นการทำเกษตรกรรมทั่วไปหมดตลอดเส้นทาง
บางจุดก็มีการรวมกลุ่มช่วยเหลือกันในการทำการเกษตร ทำให้เห็นถึงความสามัคคี และการพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งหาได้ไม่ยากในชนบท
ต้นข้าวโพดที่ปลูกกันเป็นแนวยาวริมถนนหลัก ดูไปก็สวยแปลกตาดีเหมือนกัน
ถ้าวิถีชีวิตคู่กับคนไทยคือการเกษตรกรรม เส้นทางสายนี้คงเห็นได้อย่างเด่นชัดที่สุด ตลอดระยะทางร่วม 30 กิโลเมตร จากภูชี้ฟ้ามายังดอยผาตั้งจะพบเห็นการทำการเกษตรกรรมได้ตลอดเส้นทาง
ดอยผาตั้ง ตั้งอยู่บนเทือกเขาหลวงพระบาง มีอาณาเขตติดกับประเทศลาว มีชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ร้านค้าขายของจำพวกใบชา กาแฟ ผลไม้เมืองหนาว ไวน์ มีให้เลือกซื้ออยู่หลายร้านทีเดียว รวมไปถึงร้านขายอาหารจีนจำพวกขาหมูหมั่นโถวก็มีอยู่หลายร้าน ซุ้มประตูที่เห็นคือจุดเริ่มต้นในการเดินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ บนดอยผาตั้ง
เมื่อเดินขึ้นมาด้านบนจะพบกับจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวผาบ่องประตูสยาม ศาลาเก๋งจีน ป่าหินยูนนาน จุดชมวิวช่องผาขาด และจุดชมทะเลหมอกเนิน 102 และ103
ความทรงจำของดอยผาตั้งในวันที่มีพายุฝน คงเห็นได้แค่สายหมอกฟุ้ง ๆ เพียงเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าเรื่องราวระหว่างทางสวยงามเพียงใด
จากลากันไปกับดินแดนที่สวยงาม ภูชี้ฟ้า-ดอยผาตั้ง ถ้ามีโอกาสคงได้กลับมาเก็บเรื่องราวในฤดูกาลที่แตกต่างกันอีกครั้ง ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม ยังมีอีกหลายเรื่องราวบนพื้นที่การเดินทางที่ผมรักที่สุด และคุณอาจหลงรักมันเหมือนผม...ม่วงมหากาฬLIFE FOR TRAVEL www.facebook.com/PEESAT.PANTIP แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไปครับ สวัสดีครับ