แนะนำอุทยานแห่งชาติในเอเชีย ซึ่งแต่ละที่นั้นทั้งสวยและอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ เรียกว่าน่าไปเที่ยวสุด ๆ
1. อุทยานแห่งชาติมาซาดา ประเทศอิสราเอล
อุทยานแห่งชาติมาซาดา (Masada National Park) มรดกทางวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย โดยอุทยานแห่งชาติมาซาดาตั้งอยู่บนที่ราบสูงทางด้านตะวันออกของทะเลทรายยูดา (Judean Desert) เหนือทะเลเดดซี (Dead Sea) ว่ากันว่านี่เป็นป้อมปราการที่ชาวยิวมาพักครั้งที่ถูกทหารโรมันตามจับกุมในฐานะกบฏ และพวกเขาพร้อมใจกันฆ่าตัวตายที่ป้อมแห่งนี้ เนื่องจากไม่ยอมให้ทหารโรมันเข่นฆ่าหรือจับไปเป็นทาส แล้วประกาศตนว่าเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตะลึงให้บรรดาทหารโรมัน จนถึงกับยอมรับในศักดิ์ศรีและความกล้าหารของคนยิว เรียกว่าอุทยานแห่งชาติมาซาดาเป็นสถานที่ซึ่งเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลังและความเป็นมาที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
2. อุทยานแห่งชาติหุบเขาจิ่วจ้าย ประเทศจีน
อุทยานแห่งชาติหุบเขาจิ่วจ้าย (Jiuzhai Valley) ตั้งอยู่บริเวณภูเขาเทียนเหมินซาน (Min Shan) ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์และความสวยงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำตก ที่มีต้นน้ำมาจากป่าไม้อันอุดมที่ไหลจากที่สูงลงมากระทบกับหินและแอ่งน้ำด้านล่าง ก่อให้เกิดละอองน้ำบาง ๆ เพียงได้เข้าไปใกล้ ๆ ก็รู้สึกสดชื่นได้ทันที นอกจากนี้ ความสวยงามของทะเลสาบก็เป็นที่เลืองลือไม่น้อย เนื่องจากน้ำในทะเลสาบของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นสีเขียวแกมฟ้า และขอบอกเลยว่าใสสุด ๆ อะไรจะดีไปกว่าการได้อยู่ท่ามกลางภูเขา น้ำตก และทะเลสาบ ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะแก่การพักผ่อนสุด ๆ ให้คุณได้ชาร์จพลังชีวิตให้กลับมามีชีวาอีกครั้ง
3. อุทยานแห่งชาติซุนดาร์บันส์ ประเทศอินเดีย
อินเดียไม่ได้มีดีแค่ ทัชมาฮาล เท่านั้นนะ แต่ยังมีสถานที่อันงดงามอย่าง อุทยานแห่งชาติซุนดาร์บันส์ (Sundarbans National Park) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นเบงกอลในประเทศอินเดียนั่นเอง ซึ่งอุทยานแห่งชาติซุนดาร์บันส์โด่งดังในเรื่องการเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น เสือเบงกอล นอกจากนี้ ยังเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศอินเดียด้วยนะ และด้วยพื้นที่กว่าสามแสนเอเคอร์ นี่จึงเป็นสถานที่กว้างใหญ่ซึ่งเหมาะแก่การอยู่อาศัยของสัตว์ป่าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนกนานาชนิด จระเข้น้ำเค็ม รวมถึงสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังต่าง ๆ ด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นสวรรค์ของสัตว์ต่าง ๆ แล้ว ยังนับว่าอุทยานแห่งชาติซุนดาร์บันส์แห่งนี้ เป็นวิมานของคนชอบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างแท้จริง
4. อุทยานแห่งชาติเกอเรเม ประเทศตุรกี
อุทยานแห่งชาติเกอเรเม (Göreme National Park) ตั้งอยู่ใจกลางอนาโตเลีย พื้นที่ซึ่งเป็นเขตประวัติศาสตร์อันน่าสนใจของประเทศตุรกี จุดเด่นของอุทยานแห่งนี้ คือ ก้อนหินแท่งลักษณะคล้ายปล่องไฟตั้งอยู่มากมาย กล่าวกันว่าที่นี่เคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนสมัยโรมัน รวมทั้งเป็นที่พักของชาวคริสต์สมัยนั้นที่หลบหนีจากการโดนไล่ล่าครั้งก่อนที่ศาสนาคริสต์จะถูกยอมรับ แม้พื้นที่โดยรอบจะดูแห้งแล้งไปสักนิด เพราะมีแค่แท่งหินปูนกับพื้นหินขนาดใหญ่ แต่ด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย ทำให้อุทยานแห่งชาติเกอเรเมเป็นที่นิยมไม่น้อยในหมู่นักท่องเที่ยว รวมถึงนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ที่สนใจจะแกะรอยตามหาอดีตจากหลักฐานชิ้นสำคัญอย่างแท่งหินที่เรียงกันรายกันอยู่
5. อุทยานแห่งชาติเขาสก ประเทศไทย
จังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ได้โด่งแค่เกาะสมุย เพราะจังหวัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติเขาสกด้วย (Khao Sok National Park) ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาสกเป็นแหล่งธรรมชาติอันกว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยป่าดิบชื้น และประกอบไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่านานาชนิด ได้แก่ ช้าง กวาง เสือ หมี สมเสร็จ ชะนี ลิง เลียงผา และนกชนิดต่าง ๆ และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงกล่าวกันว่า อุทยานแห่งชาติเขาสกน่าจะมีความหลากหลายและมีอายุมากกว่าป่าอเมซอนเสียอีก นอกจากผืนป่าแล้วยังมีแหล่งน้ำอันอุดมอย่างคลองพระแสง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ของป่าแห่งนี้ด้วย และไฮไลท์ของที่นี่ คือ "บัวผุด" ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยเมื่อโตเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 35 นิ้ว และถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะน่าดึงดูด แต่ขอบอกเลยว่ากลิ่นนี่เหม็นสุด ๆ จนอยากเบือนหน้าหนีกันเลย
6. อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ประเทศเกาหลีใต้
อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานตั้งอยู่บนเกาะเซจู (Island of Jeju) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของช่องแคบเกาหลี สภาพอากาศของที่นี่ค่อนข้างหลากหลายมีทั้งร้อนและเย็นจึงมีพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ทั้งเขตร้อนและเย็นอยู่ในอุทยานเดียวกัน ซึ่งถือเป็นความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ที่น่าสนใจไม่น้อย นอกจากนี้ บนยอดเขาฮัลลาซานที่เดิมเป็นภูเขาไฟ (แต่ตอนนี้ดับแล้ว) ก็มีทะเลสาบอยู่บริเวณแอ่งกระทะ ช่างเป็นภาพที่สวยงามเกินบรรยายจริง ๆ ส่วนบริเวณโดยรอบนอกจากจะมีน้ำตกทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กตามรายทางแล้ว ทัศนียภาพข้างทางของต้นไม้ที่ไล่เฉดสีกันตั้งแต่เขียวชอุ่ม เหลือง ส้ม จนมาถึงสีแดงสด นับเป็นความหลากหลายของพรรณพืชที่นี่ ที่หากว่ามีโอกาสก็น่าจะมาสัมผัสสักครั้ง
7. อุทยานแห่งชาติ Gunung Gede Pangrango ประเทศอินโดนีเซีย
อุทยานแห่งชาติ Gunung Gede Pangrango ตั้งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นชวาในประเทศอินโดนีเซีย โดยครอบคลุมภูเขาไฟสองลูกด้วยกันคือ ภูเขาไฟ Gede และ ภูเขาไฟ Pangrango และถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนมามากที่สุดของอินโดนีเซีย ซึ่งนอกจากความงดงามตระการตาของภูเขาไฟทั้งสองลูกแล้ว พื้นที่โดยรอบนั้นยังเป็นไร่ชาที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็สร้างความสดชื่นให้ผู้มาเยือนได้เสมอ นอกจากนี้ยังมีน้ำตก น้ำพุร้อน และทะเลสาบ ให้คุณได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติแบบเพลิดเพลินกันไปเลย ทั้งสวยและหลากหลายเช่นนี้ ว่าแล้วก็น่าไปเยือนสักครั้งนะ ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย
8. อุทยานแห่งชาติเกนติ้ง ไต้หวัน
อุทยานแห่งชาติเกนติ้ง (Kenting National Park) ตั้งอยู่ทางใต้สุดของไต้หวัน จุดเด่นของที่นี่ คือ ประภาคารสูงเด่นสีขาวที่เรียกว่า Eluanbi Lighthouse ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและช่องแคบไต้หวัน นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติเกนติ้งยังมีหาดทรายขาวและน้ำทะเลใสที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและหน้าผาสูงชัน นักท่องเที่ยวจึงนิยมทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น ดำน้ำชมแนวปะการังที่สมบูรณ์ และเล่นเจสกี และการเดินชมทิวทัศน์และพรรณพืชเขตร้อนในเขตอุทยานก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และในเดือนมีนาคมของทุกปีก็จะมีเทศกาลดนตรี Rock-Band Festival ซึ่งดึงดูดนักท่องไม่น้อยให้มาสนุกกับจังหวะของเสียงเพลง ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม นับเป็นความหลากหลายของอุทยานแห่งชาติเกนติ้งที่น่าแวะเวียนมาสักครั้ง
9. อุทยานแห่งชาตินิกโก้ ประเทศญี่ปุ่น
นับเป็นอีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติในญี่ปุ่นที่น่าเที่ยวสุด ๆ สำหรับ อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) ทั้งทะเลสาบ ป่าไม้ แม่น้ำ และน้ำตก ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก นอกจากนี้ ยังมีศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu) ที่สร้างได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ที่สำคัญยังสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันระหว่างพุทธกับชินโต ซึ่งนอกจากจะได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามแล้ว คุณยังจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่อีกด้วย และหากใครที่ต้องการบรรยากาศสุดโรแมนติกล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณมาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งคุณจะได้เห็นใบไม้ค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากสีเขียวไปเป็นสีส้มและสีแดง เรียกว่าไล่เฉดต้อนรับผู้มาเยือนเลย
10. อุทยานแห่งชาติฟูจิ ฮะโกะเนะ อิซุ ประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศต้นแบบที่ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระเบียบวินัย ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทางด้านธรรมชาติก็แพ้กัน เพราะแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ก็ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมสุด ๆ และอุทยานแห่งชาติฟูจิ ฮะโกะเนะ อิซุ (Fuji Hakone Izu National Park Japan) คือ สิ่งที่พิสูจน์ได้ชัด เพราะอุทยานแห่งชาตินี้มีครบทั้งภูเขาไฟ ทะเลสาบ น้ำตก สวนพฤกษศาสตร์ และน้ำพุร้อน บอกได้เลยว่าคุ้มมากหากต้องการมาเที่ยวหรือพักผ่อน ลองจินตนาการความงามของภูเขาไฟฟูจิ ที่ถูกโอบล้อมด้วยทะเลสาบทั้งห้า แถมความร่มรื่นจากแมกไม้นานาพรรณ หากมีโอกาสแวะเวียนมาญี่ปุ่น คงต้องมาเยือนอุทยานแห่งชาติฟูจิ ฮะโกะเนะ อิซุ สักครั้งแล้วล่ะ
หัวใจของการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ไม่ใช่แค่ไปให้ถึงแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์ หรือตักตวงเอาสวยงามของสถานที่นั้น ๆ เก็บไว้ในความทรงจำ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การร่วมกันอนุรักษ์สถานที่ต่าง ๆ และรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด เพื่อที่ไม่ว่าจะกลับมาอีกสักกี่ครั้ง สถานที่เหล่านั้นยังคงงดงามเสมอทั้งในความเป็นจริงและในความทรงจำ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
amerikanki.com, tripstodiscover.com