x close

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

สังขละบุรี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ high on dreams สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก high on dreams :}

          ถ้าไม่กล้าออกเดินทาง คุณก็จะไม่มีวันได้พบเจอกับประสบการณ์แปลกใหม่ สถานที่ที่ไม่คุ้นตา หรือวิถีชีวิตที่แตกต่าง เหมือนกับที่ คุณ high on dreams สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กล้าคิด กล้าทำ และกล้าที่จะก้าวออกเดินทางไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยตัวเองคนเดียว ณ ดินแดนที่มีมนต์เสน่ห์เหลือหลายอย่าง "สังขละบุรี" นั่นแน่ ! เริ่มอยากรู้แล้วละสิว่าจะต้องพบเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ อะไรบ้าง ก็ตามบันทึกการเดินทางที่มาพร้อมภาพถ่ายบอกเล่าเรื่องราวของการเดินทางได้อย่างชัดเจนของ คุณ high on dreams สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปตะลุยเที่ยวกันเลยจ้า




          "ผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียว มันจะดีเหรอ"…"อันตรายนะ"…"หน้าตาโก๊ะ ๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็ถูกหลอก" คือ ก็ไม่ได้มีใครบอกนะ คิดเองล้วน ๆ

          เราไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรกค่ะ แล้วนี่ก็เป็นรีวิวครั้งแรกด้วย เราอยากแชร์ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใคร ๆ ในนี้บ้าง เหมือนที่เราได้รับมาจากที่นี่เช่นกัน :}

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          เช้ามืดวันเสาร์ที่ 5 เมษายน 2557 ปกติเราเป็นคนนอนดึก และชอบเล่นเน็ต ดูรูป อ่านเว็บบอร์ด นั่งดูรีวิวไปเรื่อย ไปเจอกับรีวิวนั่งรถไฟข้ามประเทศ ความคิดอยากขึ้นรถไฟก็เลยผุดเข้ามาในหัว อยากไปบ้าง แต่ให้ไปแบบนั้นก็ไม่มีตังค์ ทำไงได้ เอาใกล้ ๆ ก่อนแล้วกัน แต่นี่มันวันหยุดแล้วนี่ อยากไปแล้ว ๆๆๆๆ งั้นไปเช้านี้เลย !!! ตัดสินใจอย่างฉุกละหุกว่าจะต้องไปสักที่ให้ได้ในช่วงวันหยุด Weekend นี้ เลยนั่งเก็บข้อมูล ดูรีวิวรถไฟในประเทศไทย สรุปได้ว่าเราจะไปสังขละบุรีด้วยรถไฟฟรี ขึ้นที่สถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี) เวลา 07.50 น. ลงสุดสถานีที่สถานี "น้ำตก" นั่งยาว ๆ ไปเลย เพราะได้ยินมาว่าทางรถไฟสายนี้เป็นสายที่สวยที่สุดในประเทศไทย

          14.00 น. ลงสถานีปุ๊บ ต่อสองแถวไปน้ำตกไทรโยค และต่อรถบัสไปสังขละบุรี ถึง 5 โมง และเดิน Walkin หาที่พัก 2 คืน ที่สังขละบุรีมีอะไร ? เราอยากไปเจอหมู่บ้านมอญ เยือนถิ่นชายแดนไทย-พม่า อยากนั่งรถเล่นเรื่อยเปื่อย ดูบรรยากาศระหว่างทาง วิถีชีวิตริมน้ำและภูเขา และสัมผัสอากาศดี ๆ ยามเช้า ได้ใช้ชีวิตอยู่แบบช้า ๆ ชิล ๆ แผนคร่าว ๆ ของเราเป็นแบบนี้แหละ เราเคยวางแผนกับเพื่อน ๆ จะนั่งรถไฟไปกาญฯ กันแล้วรอบหนึ่ง ก็เลยพอมีข้อมูลบ้าง แต่ตอนนั้นปาร์ตี้ก่อนไป เลยตื่นสาย ไม่ทันรถไฟ 10 นาที จึงต้องเปลี่ยนแผน นั่งไปหัวหินแทน

          แต่ตอนนี้ ตี 4 นะ ถ้าจะนอนก็กลัวจะไม่ตื่น เดี๋ยวซ้ำรอยรอบที่แล้ว ไม่เอา ๆ อาบน้ำ เก็บกระเป๋า พริ้นท์ลายแทง (แผนที่ เบอร์รีสอร์ท เบอร์ศูนย์ท่องเที่ยวกาญฯ เบอร์เพื่อน ตารางเวลารถหมด) เอาทุกอย่างใส่กระดาษพับเข้ากะเป๋า เผื่อโทรศัพท์แบตฯ หมดหรือหาย จะได้ติดต่อคนอื่นได้ และรอเวลา 6 โมงเช้า นั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟ

          อันนี้เป็นลายแทงการเดินทางครั้งนี้ ยับหมดแล้ว ถ่ายหลังจากกลับมา ที่ยับนี่ไม่ใช่เอามาใช้ดูข้อมูลบ่อยนะ เอามาพัดกับกันแดด - -" ถือเป็นผู้ช่วยที่สำคัญมาก

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          ----- edit เพิ่มนะ ------

          ว่าแล้วก็...เอาเฟซบุ๊กเพจที่ไว้เก็บรูปเล่น ๆ มาเป็นเพจที่เก็บรูปไม่เล่น ๆ ดีกว่า เผื่ออยากสอบถามข้อมูลอะไร ในนี้ได้เลยนะค่ะ :}

          เฟซบุ๊ก high on dreams :}

          002 ถึงแล้วสถานีรถไฟธนบุรี แบกกระเป๋าเป้ Polka Dot 1 ใบ กับใจ 1 ดวง เตรียมหนังสือไปอ่าน กะชิล ๆ (อยากชิค อยากคูล ทนหน่อยน้อง กระเป๋าล้นแล้ว หนักชิบ T_T) เดินเข้าช่องขายตั๋วไปรับตั๋วธนบุรี-น้ำตก

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          003 ตื่นเต้นจุง จะได้นั่งรถไฟแล้ว ^_^ ตื่นเต้นได้ไม่นาน เฮ้ย ทำไมรถไฟมันยังไม่มาสักที เริ่มหงุดหงิดละ คนก็เยอะ ไม่มีที่นั่งรออีก ขึ้นไปจะได้นั่งมั้ย บ่น ๆ งึมงำ ๆ คนเดียว การเดินทางกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ตื่นเต้น

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          004 รถไฟมายังไม่ทันจอดสนิท คนก็กรูกันขึ้นไป ไอ้เราก็ยังไม่โปรฯ รอมันหยุด ต่อแถว ๆ ได้ขึ้นหลัง ๆ เลย เดินหาที่นั่งอยู่นาน เต็มหมด ต้องมาพิจารณาว่าจะนั่งหันหน้าหาใครดี มีที่นั่งว่างตรงข้ามคุณลุงที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เดินเลยไปหน่อย เป็นที่นั่งว่างตรงข้ามคู่รักกุ๊กกิ๊กมุ้งมิ้งงุงิ เอ่อ…นั่งกับลุงแล้วกัน

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          005 เพลิดเพลินกับวิวข้างทางได้ไม่นาน อากาศเริ่มร้อน หนังตาเริ่มหนัก เพราะไม่ได้นอนมาเมื่อคืน อาการออก กระทิงแดงหมดฤทธิ์ จึงหยิบกระเป๋าเข้ามากอด แล้วบอกกับตัวเองว่าอย่าเพิ่งนอน อย่าเพิ่งนอน อย่าเพิ่งนอน อย่าเพิ่งนอน อย่าเพิ่งนอน อย่า เพิ่ง นอน  อย่า...อย่า เพิ่ง นอน อย่า...นอน อย่า...นอน zzzZZZ



          006 ลืมตามาประมาณ 11 โมงกว่า ๆ รู้สึกตัวว่ารถไฟจอดนานนะ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เฮ้ย นี่มันถึงกาญจนบุรีแล้ว !! ครึ่งค่อนทางแล้ว ประสบการณ์บนทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทย หายไปกว่าครึ่งทางแล้ว ยังไม่เห็นอะไรเลย o_O !!

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          007 ถ่างตาเอาไว้นะ เรากำลังเดินทางบนทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทย ท่องไว้ ๆ และรถไฟก็เคลื่อนที่ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว ทำให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ เรากลัวการข้ามถนน กลัวการข้ามทางรถไฟมาก เคยมาครั้งที่นี่หนึ่ง ต้องวิ่งข้ามสะพานแบบสุดชีวิต กลัวรถไฟชน ทั้ง ๆ ที่รถไฟยังไม่มา คราวนี้ได้เป็นฝ่ายอยู่บนรถไฟบ้าง เจอเด็กยืนมองอยู่ข้างล่าง ฮ่าาาาาา ~ ~ ~



          008 ทางรถไฟสายนี้เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ เค้าว่ามาอย่างนั้น (ข้อมูลไม่แน่นค่ะ) เรานั่งฝั่งขวา มีแต่ผนังหิน เลยต้องเดินข้ามมาส่องอีกฝั่งตรงข้อต่อรถไฟ หวาดเสียวสุด ๆ แต่ก็ประทับใจกับภาพที่เห็น รางรถไฟเส้นนี้สร้างด้วยไม้ ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาหิน อีกด้านเป็นแม่น้ำ ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร แต่รถไฟขับผ่านตรงนี้อย่างช้า ๆ ไม่รู้ว่าให้ชมวิว หรือกลัวสะพานไม้จะพังลงมากันแน่ ระหว่างผ่านทางนี้มีเสียงเอียด ๆ ออด ๆ มาก รู้สึกเหมือนมันไม้จะหักไม่หัก แต่มันสวยนะ คลาสสิกแบบอธิบายไม่ถูก ชอบ ๆ นี่ใช่มั้ย ทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทย เรามาแล้วนะ  หลังจากผ่านรางรถไฟไม้มาสักพัก ก็เผลอหลับไปอีกรอบ...



          009 หิวอะ บนรถไฟจะมีน้ำ มีอาหาร เดินขายอยู่ตลอดเวลา เลยลองซื้อแพนเค้กที่ขายบนรถไฟมากิน ฮ่าา ฝืดคอดีจริง ๆ ร่วนแบบแป้งไม่เกาะกัน รสชาติมาตรฐานขนมเด็ก มีเกล็ดน้ำตาลโรย (ชิ้นละ 10 บาท ชิ้นเดียวจอดค่ะ)

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          010 ตื่นตอนสุดสถานี ที่สถานีน้ำตกพอดี ที่หน้าสถานีจะมีรถสองแถวจอดรอรับคนไปน้ำตกไทรโยคอยู่แล้ว วิ่งขึ้นไปเลย คนละ 10 บาทเท่านั้น สองแถวจะส่งเราที่เซเว่นฯ หน้าทางขึ้นน้ำตกค่ะ เลยถามสองแถวว่ามันมีรถไปสังขละบุรีมั้ย เค้าบอกให้ไปรอใต้ต้นหูกวางเลย มีรถมาตลอด โบกเอา O_o ! เราก็เออ เดินมาใต้ต้นหูกวาง ที่มีคนยืนรออยู่แล้วประมาณ 3-4 คน จังหวะนี้เริ่มหวั่น ๆ แล้ว ว่ารถเข้าสังขละฯ จะหมดรึยัง เพราะรถไฟเลทไปเกือบ 2 ชั่วโมง ตั๋วบอกว่าถึง 12.35 น. แต่นี้มันบ่าย 2 แล้วววววววนะ !!! ในแพลนวางไว้ว่าต้องหารถไปสังขละฯ ให้ได้ก่อนบ่าย 2 ถ้าไม่ได้ให้นั่งรถกลับไปนอนกาญฯ เลย จึงถามคนแถวนั้นอีกรอบเพื่อความแน่ใจ เจอชายหญิงคู่หนึ่ง เค้าจะไปทองผาภูมิ ซึ่งเป็นทางผ่านก่อนถึงสังขละฯ เค้าบอกไปด้วยกันได้ เย่ ๆ ได้ที่พึ่งทางจิตใจแล้ว ก็ยืนคุย ๆ กัน ชื่อน้องออยกับน้องเอ็ม เป็นแฟนกัน

          ยืนรอรถสักพัก รู้สึกมวนท้อง เอาแล้วไง แพนเค้กทำพิษแล้วจ้าาา โชคดีแถวนั้นมีห้องน้ำอยู่ไม่ไกล 5 บาท ปล่อยไป 1 ดอก กลับมารอรถต่อ ถึงบ่าย 3 รถบัสมาแล้ว เป็นรถแอร์ กาญฯ-สังขละบุรี เจอปัญหาต่อไป คือ คนแน่นมากกก ถึงมากที่สุด กลัวไม่ได้ไป เลยตัดสินใจเบียด ๆ ไป แถมแอร์ร้อนอีก ได้ยืนเบียด ๆ กัน 3 คน ตรงทางเดิน คือ ตอนนั้นคิดในใจเลยว่ากูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้วะเนี้ย อยู่สบาย ๆ ไม่ชอบ ชอบออกมาลำบาก แต่ก็ครั้งหนึ่งในชีวิตอะเนอะ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะว่าสนุกก็สนุก จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย เอาวะ

          กระเป๋าเรียกเก็บเงิน เอ็มกับออยก่อน คนละ 50 บาท กำลังจะโล่งใจ ได้ราคาถูก พอเราบอกไปสังขละฯ ดันเก็บ 150 บาท หือ !!! สังขละฯ ไกลจากทองผา 3 เท่าเลยหรอ ความไกลไม่เท่าไหร่ แต่กูต้องยืนร้อนอย่างนี้ไปอีกกี่ชั่วโมง T_T

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          011 ถึงอำเภอทองผาภูมิ น้องออยปลุก พี่ ๆ ถึงแล้วนะ พี่ต้องย้ายไปขึ้นคันอื่น เพราะคันนี้ไม่เข้าสังขละฯ หะ !! ปลายทางรถก็บอกไปสังขละ แล้วทำไมไม่ไป ! หลอกลวงผู้บริโภคนะ แต่ก็ต้องเลยร่ำลาน้องทั้งสอง และลงจากรถไป ที่พึ่งทางจิตใจหายไป T_T



          เอ๋อแป๊บ ลงจากรถแล้วยังไง !?!?!?!?  ต้องไปไหน !?!?!?!  ที่นี่คือส่วนไหนของประเทศกาญจนบุรี !?!?!? ก่อนจะเหลือบไปเห็นรถบัสพัดลม หรือเรียกว่า รถหวานเย็น เขียนปลายทางหน้ารถว่า ทองผาภูมิ-สังขละบุรี ที่กำลังจะออก !!!! วิ่ง วิ่งสิคะ วิ่งไปขึ้นปุ๊บรถก็ออกทันที

          012 ใกล้เข้ามาอีกนิดแล้วสินะ...สังขละบุรี นั่งรถหลายต่อเหลือเกิน หวานเย็นคันนี้เย็นกว่าบัสแอร์คันนั้นเยอะ รู้สึกสบายตัวขึ้นมาทันที นั่งฟังเพลง อมยิ้มอยู่คนเดียว สักพักฝนก็ตก !!!  มิน่าล่ะมันเย็น ๆ มาตกอะไรตอนใกล้ถึงเนี้ย ต้องเดิน walk in หาที่พักอีกนะ

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          013 ฟ้าครึ้มมาเลย บวกกับต้นไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ยังกับกำลังเดินทางไปมิติลี้ลับ - -"



          014 ในที่สุดก็ถึงสักที และอยู่ ๆ ฝนก็หยุดตก ลงรถมาขอเอ๋อแป๊บ ต้องเดินไปทางไหน อะไรยังไง ไม่รู้เลย (คือไม่ยอมเอาแผนที่ขึ้นมาเปิดไง) มองไปเจอเซเว่นฯ อยู่รำไร ๆ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที ขอพักที่เซเว่นฯ ก่อนละกัน แล้วค่อยมองหามอเตอร์ไซค์ไปต่อ

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          015 walk in หาที่พัก ตอนแรกเล็ง ไฮกุ กับ ชื่นใจเฮ้าส์ไว้ แต่เต็มหมด ก็เล่นมาซะเย็นขนาดนี้ อดชิค ๆ คูล ๆ แล้วล่ะ !!! และก็มาจบที่ P guesthouse เข้าที่พักก็ 6 โมงพอดี พระอาทิตย์ตกดิน



          016 ห้องพักเราเป็นห้องพัดลม คืนละ 250 บาท ห้องน้ำรวม ห้องเล็ก ๆ มี 2 เตียง กับกระจก จิ้งจก แมลง แมงมุม มีเป็นธรรมดา หน้าห้องไม่มีวิวอะไรเลย แต่ไม่เป็นอะไร เราไม่ซีเรียสนะ เดินออกมานิดหน่อยก็เป็นสวนหญ้าวิวแม่น้ำและวิวสะพานมอญ 180 องศาละ ได้อยู่ ๆ เรื่องห้องน้ำรวมเราก็ไม่มีปัญหานะ อยู่ใกล้ ๆสบาย ๆ ห้องอาบน้ำยังใหญ่กว่าห้องนอนอีก บอกเลย ฮ่า ๆๆ

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          017 ที่ห้องไม่มีสบู่ แชมพู ครีมนวดให้ เลยว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อ แต่มีคนเช่ามอเตอร์ไซค์ไปหมดแล้ว...อด จึงยืมจักรยานปั่นไปร้านใกล้ ๆ ที่พัก แล้วนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีถนนคนเดินนะ ลองไปดูดีกว่า ๆ ปั่นไปได้สักพัก คือ เหมือนจะเป็นทางเรียบ แต่มันเป็นเนิน เหมือนมันจะใกล้ ๆ แต่จริง ๆ มันไกล ปั่นไม่ไหวแล้วววววว ๆๆๆ เข็นเอาละกัน เข็น ๆ ปั่น ๆ สลับกันไป ทั้งเหนื่อย ทั้งหอบ ตอนดูในแผนที่ ไม่เห็นรู้สึกว่ามันไกลอย่างนี้นะ หรือมองเห็นสะพานจากรีสอร์ท มันก็เหมือนไม่ไกลมากนะ เอาน่ะ ได้ซื้อของกินถนนคนเดินสักหน่อย เดินทางมานานข้าวก็ยังไม่ได้กิน ก็คงจะดี ปั่นจนไปถึงสะพานมอญ อ้าวว ทำไมมันเงียบ ๆ ถนนคนเดินปิดแล้วหรอ มาช้าไปใช่มั้ย หรือว่ามันไม่ได้จัดที่สะพาน !!!! เอ๋อเลยยย - -" คือ เข้าใจมาตลอดว่าถนนคนเดินอยู่ที่สะพานมอญ ปั่นมาแทบตายนะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ปั่นมาแล้ว ก็ลงไปเดินเล่น ถ่ายรูปสะพานหน่อยแล้วกัน มืดละ



          แล้วก็เพิ่งรู้ว่าที่ปั่นมามันเป็นทางที่อ้อมมาก ๆๆๆๆๆ มีแผนที่ แต่ไม่รู้จักดูนะ เออ T_Tขากลับเลยจะกลับทางใหม่ที่มันไม่อ้อม ปั่น ๆ ไปสักพัก ข้างทางเริ่มมีแต่ป่า ไม่มีรถคนอื่น ไม่คุ้นทาง ไม่มีไฟถนน ใช้ไฟฉายไอโฟนส่องทาง เอาแล้วไง จินตนาการบังเกิดอะไรตอนนี้ ภาพจำจากในหนังผีเริ่มมา ไม่กล้ามองข้างทาง หลับตาปั่นได้ คงหลับตาไปแล้ว ไม่ไหวแล้ววว เลยถอยกลับมาตั้งหลักใหม่ แบบว่ากลัวผีมากกว่าคนอะ ปั่นย้อนกลับมาหน้าแพรมิตรสัมพันธ์ เจอพนักงานโบกรถ ทำหน้าจ๋อยเดินเข้าไป

          "พี่ ๆ ทางเส้นนี้มันไป พีเกสต์เฮ้าส์ได้ป่าวคะ"

          "@#@#?$>@?#<?#<%!?$<^" ภาษาพม่ามาเต็ม ขอบคุณ !!

          แล้วเขาก็เดินไปเรียกชายอีกคนหนึ่งมาคุย รู้เรื่องละค่ะ

          "ทางนี้ไปพีได้ แต่มันมืดนะ น่ากลัว ปั่นจักรยานไม่ได้ด้วย เพราะเนินมันสูงมาก"

          "เอ่อ คือ ไปส่งได้มั้ยคะ แค่ตรงปากทางถนนหลักก็พอ" เชิดหัวคิ้วขึ้น พร้อมทำหน้าตาน่าสงสาร เค้าใจดีให้เอาจักรยานขึ้นมอเตอร์ไซค์เลยจ้าาา ไม่ต้องปั่นแล้ว ๆๆ กลับถึงห้องอย่างปลอดภัย ยอมเสียเงินสั่งข้าวกระเพราหมูไข่ดาวที่รีสอร์ทกิน (แพงอะ) แล้วสั่งเบียร์ย้อมใจเพิ่มอีกขวด หมดไป 160 บาท คืนนี้สบายยยย

          018 เช้าวันอาทิตย์ที่ 6 ตื่น 7 โมง นี่เช้าที่สุดในรอบปีแล้วนะ ออกมานั่งสูดอากาศ เดินเล่น ชมวิว วันนี้ว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ไปฝั่งหมู่บ้านมอญสักหน่อย แต่ก็ยังไม่มีใครมาคืนมอเตอร์ไซค์ เฮ้อ ไม่รอแล้ว ไม่ปั่นจักรยานด้วย ออกเดินเลยแล้วกัน !!!

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี



          019 เดินออกมาหน้ารีสอร์ท จะเจอ graph cafe ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ข้างหลังร้านเป็น ไฮกุเกสต์เฮ้าส์ ตามสไตล์คนชิค ๆ คูล ๆ อย่างเราพลาดไม่ได้

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          อย่าลืมถ่ายรูปร้านลง instagram ด้วยนะ

สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี

          งานแก้วกาแฟ งานคุกกี้ งานโต๊ะ งานนี้ต้องมาค่ะ



          งานอาหารผ่านไป ต้องเป็นงานสัตว์ค่ะ หมา แมว ว่ากันไป ตัวนี้อยู่ดี ๆ มันก็เดินมาอ้อนเองนะ น่ารัก จุ๊บุ



          ทั้งหมดนี่เจอได้ที่ graph cafe ค่ะ

          020 กฎข้อสามของ backpacker คือ ไปไม่ได้ให้โบก (ข้อ1 และ 2 คืออะไรก็ไม่รู้นะ 555) หลังจากทำตัวชิคคูลจบแล้ว อยากจะไปเดินเล่นที่สะพานมอญ แต่ไม่รู้จะไปยังไง รู้แค่ต้องไปเริ่มต้นในเมือง ในเมืองมีพี่วิน พี่วินพาไปได้ทุกที่ โบกเลย จังหวะนี้ ด้านได้อายอดนะ โบกรถพี่มอเตอร์ไซค์เข้าเมือง ลงเซเว่นฯ ค่ะ ที่พักพิงที่อุ่นใจที่สุด ขอตั้งหลักก่อน แวบดูตารางเดินรถขากลับ อันนี้ตารางรถแดง บขส. หวานเย็น ไปเมืองกาญฯ รอบสุดท้าย 13.15 น.



          ส่วนตารางนี้เป็น สังขละบุรี-กรุงเทพฯ ยิงยาวเข้า กทม. 09.30 น. แต่คาดว่าไม่ทัน



          021 เดินไปหาพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปสะพานมอญ พี่วินพูดไทยไม่ชัด มาจากพม่าแน่ ๆ แล้วความคิดอยากไปพม่าก็เข้ามาในหัว จึงถามวิธีไปพม่าเรียบร้อย แถมพี่วินแจกเบอร์ด้วย โอเคเลย โปรแกรมวันนี้ แพลนเสร็จทันที ช่วงเช้าทัวร์หมู่บ้านมอญ ช่วงบ่ายนั่งสองแถวไปพม่ากัน

          ก่อนอื่นเลย สะพานมอญตอนสาย ๆ เดี๋ยวนี้วิถีชาวบ้าน จากเรือที่ไว้ใช้ออกหาปลา ก็เป็นเรือสำหรับออกหานักท่องเที่ยว ตกเบ็ดกันด้วยคำพูดเชื้อเชิญ โดยมีเหยื่อเป็นสถานที่ ชีวิตคนเรามันเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดได้ตลอดแหละ





          022 น่าเสียดายที่ไม่ได้มาก่อนที่สะพานมอญนี้จะโดนน้ำป่าไหลหลากมาถล่มสะพาน แต่ก็ได้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป เจอเด็กชาวบ้านนั่งเล่นอยู่ที่สะพาน ไปแอบได้ยินมาว่า

          เด็กชายเอ : เมื่อวานนี้มาโดดสะพานเล่น ๆ ได้เงินตั้ง 700 บาท
          เด็กชายบี : อาทิตย์ก่อน กูได้ 1,000 บาท
          เด็กชายซี : ถ้าเรามาโดดทุกวัน ปีหนึ่ง คงได้ตังค์เยอะมากก

          เงินไหลมาเทมานะน้องนะ...





          023 ข้ามมาที่ฝั่งหมู่บ้านมอญ แวะลองขนมจีนป้าหยิน น้ำยาแกงฮังเลครั้งแรก เผ็ดค่ะ กินไม่ทันหมด จู๊ดแตกตามสไตล์ ชอบลองของแปลกก็เงี้ย



          024 โบกรถเที่ยวจุดแลนด์มาร์ก โดยการถามจากป้าร้านขนมจีนนั้นแหละ คุณแฟนป้าคงเห็นหน้าตาเด๋อด๋า ๆ เค้าเลยอาสาพาเที่ยว วัดหลวงพ่ออุตตมะ และเจดีย์พุทธคยา ด้วยรถสามล้อจ่ายตลาด อิอิ

          peace





          025 แดด 11 โมง ร้อนละอุ แทบจะไหม้ จนเกิดอาการตายแดด รีบเดินข้ามสะพานมอญกลับไปฝั่งไทย โบกรถชาวบ้านกลับรีสอร์ท ระหว่างนั่งรถพี่ที่รีสอร์ทโทรศัพท์มาว่า ได้รถแล้วนะ มาเอาไปขับได้เลย แล้วคือ...ไปมาหมด โดยไม่ต้องใช้รถ ช้าไปนะคะ - -" แต่ก็เอาอยู่ดี กลับห้องมาพักสักหน่อย ให้แดดร่มลมตก ค่อยออกไปพม่ากัน แต่ดันเป็นห้องพัดลม ร้อน คิดถึงห้องแอร์ ว่าแล้วก็สั่งน้ำสับปะรดปั่นมากิน สดชื่นขึ้นนิดนึง ได้เวลาเดินทาง เตรียมตัวหมวก แว่น ขี่มอเตอร์ไซค์ไปตั้งหลักหน้าเซเว่นฯ (อีกแล้ว) เพื่อรอโบกสองแถวไปด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งอยู่ไกลจากเมือง 19 กิโลเมตร จะขับมอเตอร์ไซค์ไปเองก็ไกลเกิ๊น ถามพี่วินเค้าคิดค่าไปส่ง 200 บาทแหนะ เนื่องจากอากาศมันร้อนมาก ระหว่างรถรถเลยเข้าไปหลบแดด ตากแอร์ในเซเว่นฯ และแอบส่องสองแถวตรงกระจกเอา - -"

          มาแล้ววววว เป็นสองแถวสีเขียว ไม่มีคนนั่งเลย พี่ ๆ ไปด่านเจดีย์ป่าวคะ พี่สองแถวนิ่งคิดสักแป๊บ เหมา 200 บาทนะ เอิ่ม…บายค่ะ เดินกลับเข้าไปรอในเซเว่นฯ เพื่อนคู่ใจดังเดิม ครึ่งชั่วโมงผ่านไป สองแถวคันใหม่ก็มา คราวนี้คนเต็มรถเลย

          "ด่านเจดีย์ปะพี่"..."ขึ้นเลยน้อง" เดินไปข้างหลังรถเท่านั้นแหละ !!! ไม่มี Space ให้ place ทั้งคน ทั้งเด็ก ทั้งกระสอบข้าว หม้อถัง กะละมัง ไห เต็มซะขนาดนี้ยังจะรับกูขึ้นอีก แต่ไม่อยากรอแล้วอะ ทำไงได้ ไปก็ไป ยืนเกาะอยู่ข้างหลังละกัน พอมีที่ให้เหยียบอยู่บ้าง ยืน 19 กิโลเมตร เองงงงงงง - -" เบียดตัวไปข้าง ๆ ชายฉกรรจ์ 5-6 คน ที่โหนอยู่ท้ายรถ และทุกคนพูดภาษาที่เราฟังไม่ออก ! ประสบการณ์โหนรถเมล์ไปพม่าเกิดขึ้นแล้ว ความคิดที่ว่า "กูมาทำอะไรอยู่ที่นี่วะ" ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ความกลัวสิ่งต่าง ๆ เริ่มผุดเข้ามา โดนขโมย โดนฉุด ตกรถ กลับไม่ทัน กลับยังไง ฟังไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้เรื่อง คิดถึงพ่อ แม่ พี่ มากตอนนั้น จินตนาการมา อยู่ดี ๆ ก็เห็นทุกคนหน้าตาแปลก ๆ เหมือนมีอีกร่างอยู่ข้างใน หรือว่าเป็นมนุษย์ต่างด้าวปลอมตัวมา ส่วนชายข้าง ๆ นี่ยิ้มเบียดจัง เถิบไปอีกก็ได้นะ ไอ้เราหนีบกระเป๋าสุดฤทธิ์ ไม่กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อยู่เงียบ ๆ ไม่มองหน้าใคร ไม่คุยกับใคร

          ระหว่างทางไปพม่า จะมีด่านตรวจเป็นระยะ ๆ และตำรวจก็จะเรียกลงทุกครั้ง

          "พม่าทั้งคัน ลงมาครับ ๆ ต่อแถวเลย" เอ่อ คือ เรากลายเป็นคนประหลาดทันที ทันใด มีบัตรประชาชนอยู่คนเดียว ไม่ต้องไปต่อแถว ทุก ๆ ด่านก็จะมีตำรวจ 1 คน เข้ามาซักประวัติ ประหนึ่งว่าเป็นพม่าปลอมตัว

          “พักที่ไหน"..."มากับใคร"..."เพื่อนอยู่ไหน"..."มาทำอะไร"…"มาจากขอนแก่นเลยเหรอ มาไกลนะ" พูดแบบนี้คล้าย ๆ กัน ผ่านไป 4 ด่าน และผ่านไปแต่ละด่าน จำนวนคนในรถก็จะลดลงเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้นั่งแล้ว เหลือผู้รอดชีวิตอยู่ 7 คนสุดท้าย มีป้าคนหนึ่งมาคุยด้วย และบ่นให้ฟัง

          "ตำรวจจะตั้งด่านอะไรนักหนา ขนาดมีพาสปอร์ต โดนไปด่านละร้อย ๆ แล้ว ค่ารถแค่ 150 บาท แต่ค่าโดนด่าน 500 !!!!" เลยรู้เหตุผลที่คนพม่าต้องไปเข้าแถวทุก ๆ ด่าน อย่างนี้นี่เองงงงง



          026 ทุกครั้งหลังจากลงรถ และสัมผัสพื้นดินต่างถิ่น ความรู้สึกเป๋อ ๆ งง ๆ จะบังเกิด อยู่ส่วนไหน ? ไปยังไง ? ไปทิศไหน ? อีกไกลมั้ย ? ถามพี่สองแถว บอกว่าไปอีก 500 เมตร ถึงด่านนะ จะมีตลาดอยู่ข้างหน้า จะเดินก็ได้ มอเตอร์ไซค์ก็ได้ 10 บาทเอง ตัดสินใจขึ้นมอเตอร์ไซค์ด้วยความขี้เกียจ

          "พี่ ๆ ไปตลาด"

          "#?@#> @#> ข้างล่าง" ฟังพี่แกไม่ค่อยชัด รู้เรื่องอยู่แค่นี้

          "ไม่ ๆ พี่ หนูจะไปตลาด ตรงเนี้ย ๆๆ (ชี้ ๆ) ที่ด่านอ่ะ"

          "@#!@# ข้างล่างนะ!@## ?<>”:”@## (ชี้ ๆ ไปทางเดียวกัน)"

          "อะ ๆ ข้างล่างก็ข้างล่าง - -" ข้างล่าง คือ อะไร !?!?!?!

          ก็ซ้อนท้ายพี่เค้าไป ก่อนออกมีพี่มอเตอร์ไซค์มาฝากเด็กน้อยให้ติดรถไปด้วย รถออกปรากฏว่าไม่ได้ไปทางด่านจ้า พาไปไหนเนี่ย เข้าซอยเล็ก ๆ ถนนลูกรัง เป็นป่า ๆ มีบ้านอยู่นิดนึง ตายแล้ว ๆๆ ตื่นเต้น จับความรู้สึกจังหวะที่รถเปลี่ยนจากเลนซ้ายไปอยู่เลนขวา โดยที่ไม่ต้องผ่านด่านชายแดน เฮ้ย เรื่องอย่างงี้มันเกิดขึ้นได้จริง ๆ ฉันกลายเป็นมนุษย์ต่างด้าวในการเยือนพม่าครั้งแรก



          027 ขับมาได้สักพัก ไม่รู้ว่า "ข้างล่าง" ของเค้าคืออะไร เราเลยตัดสินใจลงตรงที่ที่ดูเหมือนตลาด มีร้านขายของ มีวินมอเตอร์ไซค์ ลืมบอกไปว่าเรามีตังค์ติดตัวแค่ 200 บาท ไม่ได้แลกเงินพม่าด้วย กะไม่ซื้ออะไรอยู่แล้ว และรู้ว่าพม่าเค้าก็รับเงินไทยอยู่ จะจ่ายแบงค์ร้อยค่ามอเตอร์ไซค์ เค้าก็ไม่มีทอนอีก เลยต้องหาร้านแลกเงิน ไปเจอรถขายหมูพะโล้เสียบไม้ ไม้ละ 1 บาท กำลังหิวพอดี ซื้อเลยละกัน 5 ไม้ ใส่ถุงนะคะ (คนขายพูดไทยได้ แถมรับเงินไทย ดีไป) จ่ายเงินมอเตอร์ไซค์เสร็จ เดินไปกินไป 5 ไม้ ได้ 5 คำ เดิน 5 ก้าวก็หมดแล้ว

          แต่ !! มันอร่อยมากกกกก อยากกินอีก ติดใจ เลยย้อนกลับไป เห็นคนยืนกินอยู่แล้ว เลยทำบ้าง ยืนกินมันตรงนั้นแหละ มีหม้อพะโล้ใหญ่ ๆ อยู่ตรงกลาง หมูสามชั้น หนังหมู เนื้อหมู ตับ ไส้ เครื่องใน แต่ละชิ้นถูกหันเสียบไม้ให้เรียบร้อย มีน้ำซุปร้อน ๆ มาเสิร์ฟ มีน้ำจิ้มเลือก 2 ชนิด อันหนึ่งเหมือนน้ำจิ้มสุกี้ อีกอันเหมือนน้ำจิ้มซีฟู้ด กินอย่างสบายใจ เหมือนอยู่ในซูชิบาร์ โดนไป 30 ไม้ ประทับใจจริง ๆ ^_^





          028 การเดินคนเดียวก็สนุกไปอีกแบบ หยุดที่ที่อยากหยุด ไปที่ที่อยากไป ด้วยวิธีของตัวเอง ชอบความรู้สึกนี้จัง ทุกอย่างมันแปลก มันใหม่ ถึงแม้มีร้านขายของเหมือนของบ้านเรา ขนม ผงซักฟอก น้ำปลา ยี่ห้อไทย แต่มันก็รู้สึกแปลกตาอยู่ดี ภาษาที่อ่านไม่ออก คนที่พูดไม่รู้เรื่อง เส้นทางที่ไม่อยู่ในแผนที่ ความไม่รู้ กลับทำให้ฉันตื่นเต้นทุกครั้ง...





          029 ได้เวลากลับประเทศแล้ว เรียกมอเตอร์ไซค์ไปไทย แบบไม่ผ่าน ตม. เค้าพาไปส่งข้างหลังตลาดที่ด่าน และลอดช่องจากหลังร้านเข้าไป - -" นี่สินะ ด่านเจดีย์สามองค์ ที่ควรจะเห็นตอนขามา ไม่ใช่ขากลับ เราตัดสินใจเดินไปที่ขึ้นรถสองแถว 500 เมตร ไม่เอาแล้วมอเตอร์ไซค์ ระทึกทุกครั้ง สองแถวกลับสังขละบุรีรอบสุดท้าย คือ 6 โมงเย็น





          030 กลับที่พักอย่างปลอดภัย เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัยค่ะ พักจนหายเหนื่อย ค่ำ ๆ ขับรถออกไปหาอะไรกินถนนคนเดิน คราวนี้ไปถูกทางแล้ว ฮี่ ๆ ^_^



          031 เช้าวันจันทร์ที่ 7 ตื่นสาย !! ว่าจะไปตักบาตรที่สะพาน - -" เลยออกไปขับรถมอเตอร์ไซค์เล่นแทน อากาศยามเช้าดีจริง ๆ เราขับมอเตอร์ไซค์กินลม ชมวิว ไปหมู่บ้านมอญ ไปวัด ไปเจดีย์ อีกรอบหนึ่ง และแวะกินต้มเลือดหมูข้างเซเว่นฯ 10 โมงตรง เลยเวลาที่รถบัสที่ดูไว้วันก่อน สังขละบุรี-กรุงเทพฯ ออกแล้ว เรายังนั่งกินข้าวอยู่เลย - -" เราไม่ซีเรียสกับการนั่งรถหวานเย็นเข้าเมืองอยู่แล้วไง บ่ายโมงออกก็ได้ แต่ถ้าได้รถบัสแอร์เย็น ๆ ยิงยาวถึงกรุงเทพฯ เลยก็จะดีกว่านะ 555 ไม่รู้อะไรดลใจ เดินไปถามที่ขายตั๋วรถทัวร์ไปกรุงเทพฯ อีกครั้ง เค้าบอกว่ารถรอบเช้าเสียไม่ได้ออก แต่เดี๋ยวมีรถเข้ามาใหม่แทน ตอนบ่ายโมง สวรรค์เข้าข้างเราแล้ว ได้กลับแบบสบาย ๆ สมใจอยาก ^__^ ว่าแล้วก็กลับไปรีสอร์ท อาบน้ำ เก็บของ นั่งชิล และเช็กเอาท์ออกมาตอนเที่ยง









          032 บ๊ายบาย

          บ๊ายบายนะ P GUESTHOUSE
          บ๊ายบายนะ 7-11 คู่ใจ
          บ๊ายบายชาวมอญ ชาวพม่าทั้งหลายแหล่
          บ๊ายบายสังขละบุรี
          บ๊ายบายพม่า
          บ๊ายบายสะพาน
          บ๊ายบายฝรั่งคนนั้น :3
          บ๊ายบายนะ

          ก่อนกลับมิวายทำตัวชิค ๆ คูล ๆ นั่งรอรถบัสที่มาเลทไป 1 ชั่วโมง ที่สถานีกาแฟ ไว้เราจะพาไปเที่ยวใหม่นะ

          ขอบคุณที่ติดตามจนจบค่ะ ^____^







          ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

          ทำตามความสุขของตัวเองกันนะคะ ทำในสิ่งที่อยากทำ ไปในที่ที่อยากไป นอนเวลาที่อยากนอน และกินอะไรที่อยากกิน

          รวมค่าใช้จ่ายให้ตามที่ขอนะ แต่ออกตัวก่อนว่าเราเป็นคนกินน้อย ค่าอาหารเลยไม่ค่อยเยอะ แต่ค่าเครื่องดื่มจะเยอะกว่า 555

          ค่าเสียหาย

          ------- เดินทาง 890 บาท --------


          รถไฟ : ฟรี
          สองแถวไปน้ำตก : 10 บาท
          รถบัสเข้าสังขละบุรี : 150 บาท
          วินมอเตอร์ไซค์ไปรีสอร์ท : 40 บาท
          มอเตอร์ไซด์ไปสะพาน : 20 บาท
          เช่ามอเตอร์ไซค์+น้ำมัน : 250 บาท
          สองแถวไปด่าน ไป-กลับ : 60 บาท
          มอเตอร์ไซด์ไป-กลับ พม่า-ไทย : 40 บาท
          รถทัวร์กลับกรุงเทพฯ (หมอชิต) : 320 บาท

          ------- ที่พัก 500 บาท --------

          ที่พัก 2 คืน : 500 บาท

          ------- อาหารและเครื่องดื่ม 650 บาท ---------

          รวมทั้งหมด 2,040 บาทค่ะ

          ภาพถ่ายทุกภาพเราถ่ายจากกล้อง iPhone 5s ค่ะ แต่งต่อด้วย app FOTOR อะ แหะ ๆ

          ว่าแล้วก็เอาเฟซบุ๊กเพจที่ไว้เก็บรูปเล่น ๆ มาเป็นเพจที่เก็บรูปไม่เล่น ๆ ดีกว่า เผื่ออยากสอบถามข้อมูลอะไร ในนี้ได้เลยนะคะ

          เฟซบุ๊ก high on dreams :}



          สำหรับคนที่ถามหาลายแทงและแผนที่

          07.50 น. ขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี (บางกอกน้อย)

          12.00 น. ถึงกาญจนบุรี ใครจะลงที่นี่ก็ได้ ถ้าไม่อยากเสี่ยงรถไฟเลท ไปโบกรถที่สุดสถานีไม่ทัน ก็ต่อมอเตอร์ไซค์เข้า บขส. และไปหารถเข้าสังขละบุรีได้ แต่ ! ระหว่างรถไฟสถานีกาญฯ เป็นต้นไปนี่แหละ จุดไคลแม็กซ์ของทางรถไฟที่กล่าวกันว่าสวยที่สุดในประเทศไทย

          14.00 น. ถึงสถานีปลายทางน้ำตก (ถ้ารถไฟไม่เลทไปกว่านี้)

          - ต่อสองแถวที่หน้าสถานี 10 บาท ไปลงน้ำตกไทรโยค

          - เดินไปหน้าเซเว่นฯ มองหาต้นหูกวางริมถนน แล้วไปรอตรงนั้น

          15.30 น. ต้องได้ขึ้นรถกาญจนบุรี-สังขละบุรี แล้วนะ ! ถ้ายังไม่ได้ ก็เดินข้ามถนนและโบกรถกลับเข้าเมืองเถอะ

          18.00 น. ถึง บขส. อำเภอสังขละบุรี มองหามอเตอร์ไซค์ไปที่พัก

          นี่แหละค่ะวิธีการเดินทาง ส่วนเช้าวันต่อไปก็เที่ยวตามสะดวกเลยนะคะ

          ** ป.ล. พริ้นท์อันนี้ไปก็ได้นะ มีเบอร์ที่สำคัญต่างไว้ให้แล้ว ลองแกะลายมือกันเอาเอง ฮ่า ๆๆๆ




คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สะพายเป้ นั่งรถไฟฟรี ลุยเดี่ยวเที่ยวสังขละบุรี อัปเดตล่าสุด 24 เมษายน 2557 เวลา 19:41:35 12,136 อ่าน
TOP