เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ guTz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
นอกเหนือจากภาพของดอกซากุระบานสะพรั่ง อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ และวิถีชีวิตที่แปลกตาแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณได้ทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ก็คือ วิวทิวทัศน์ของ Japan Southern Alps ณ Central Alps โรงแรมที่ตั้งอยู่สูงสุดในญี่ปุ่น >< ผ่านบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายจากมุมมองสวย ๆ ของ คุณ guTz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับความงามเหล่านั้น และนำมาให้เราได้ชมกันจ้า
นอกเหนือจากภาพของดอกซากุระบานสะพรั่ง อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ และวิถีชีวิตที่แปลกตาแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณได้ทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ก็คือ วิวทิวทัศน์ของ Japan Southern Alps ณ Central Alps โรงแรมที่ตั้งอยู่สูงสุดในญี่ปุ่น >< ผ่านบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายจากมุมมองสวย ๆ ของ คุณ guTz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับความงามเหล่านั้น และนำมาให้เราได้ชมกันจ้า
Unseen Japan (มั้ง - -) : ชมวิว Japan Southern Alps จากโรงแรมที่ตั้งอยู่สูงสุดในญี่ปุ่น ณ Central Alps
สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากเพิ่งมี 2 กระทู้นี้ไปนะครับ
เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน Kamikochi, Shirakawago และ Tateyama Alpen Route ภาคจบ
เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน 5 คืน 6 วัน Hakuba,Komagane,Kamikochi,Shirakawago,Tateyama Alpen Route,Matsumoto ภาคต้น (2 วันแรก)
แค่ครั้งนี้ไม่ใช่กระทู้ดองเค็มล่ะ เพราะเพิ่งไปมาเมื่อวัน ที่ 8-9 มีนาคมที่ผ่านมานี่เอง จุดหมายปลายทางสำหรับทริปนี้ ก็คือ หนึ่งในสถานที่ที่ผมได้รีวิวไปจาก 2 กระทู้ด้านบนนั่นแหละครับ คือ การขึ้นไปชม Senjojiki Cirque ด้วย Komagatake Rope Way (โรปเวย์แห่งแรกของญี่ปุ่น ที่ครบรอบ 50 ปีแห่งการก่อตั้งไปเมื่อปีที่แล้ว) และยังเป็นสถานีโรปเวย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย (2,611.5 เมตร จากระดับน้ำทะเล)
เริ่มกันเลยดีกว่านะครับ ไม่ต้องแนะนำตัวกันล่ะ เพราะเขียนมาหลายกระทู้แล้ว สาเหตุจริง ๆ ที่เกิดทริปนี้ขึ้นมา ก็มาจากระหว่างนั่งเขียนกระทู้ด้านบนนั่นแหละครับ
เริ่มต้นเลย เนื่องจากครั้งนั้นที่ไปผมรู้สึกว่ามีเวลาให้กับที่นี่น้อยไปหน่อย คือ ผมได้อยู่บนนั้นแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเองครับ น้อยเกินไปสำหรับสถานที่สวย ๆ แบบนี้ และสาเหตุอีกเรื่อง ก็คือ ระหว่างที่เขียนกระทู้ซึ่งผมจำเป็นต้องเข้าเว็บหาไปหาข้อมูลมาประกอบการเขียนบ้างเนี่ย ผมก็บังเอิญไปเห็น ภาพของ Senjojiki Cirque ในฤดูหนาวเข้า แล้วก็รู้สึกว่ามันสวยดีครับ บวกกับว่าตั้งแต่ไปขี่จักรยานที่ฟูจิซังมาครั้งนั้น
ขี่จักรยานไปเหยียบหิมะ ภาค 2 (ปั่นเที่ยวรอบทะเลสาบทั้ง 5 ของภูเขาไฟฟูจิ)
ผมก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดอีกเลย ได้แต่เที่ยวเล่นรอบ ๆ เมืองที่ตัวเองอยู่นี่เอง ก็เลยคิดว่าถึงเวลาล่ะ ออกต่างจังหวัดสักหน่อยดีกว่า
ซึ่งพอตัดสินใจว่าจะไป เรื่องแรกที่เข้ามาในหัวก่อนเลย ก็คือ ต้องแก้ปัญหาเรื่องมีเวลาอยู่บนนั้นน้อยไปให้ได้ครับ เพราะจากการลองคำนวณเวลาคร่า วๆ ดูแล้ว จากห้องผมที่ไซตามะต่อให้เริ่มเดินทางด้วยรถไปเที่ยวแรกสุดของวัน กว่าผมจะไปถึง Shirabidaira ซึ่งเป็นสถานีต้นทางของ Komagatake Rope Way เนี่ย ก็เที่ยงตรงพอดี (รวมเวลานั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Komagane ด้วย) นั่นก็จะทำให้ผมได้ใช้เวลาอยู่บนนั้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงเหมือนเดิมครับ เพราะก็ต้องรีบลงมาก่อน Rope Way เที่ยวสุดท้ายจะหมดตอน 4 โมงเย็น
และตามที่ผมได้บอกไปในกระทู้นี้ (ให้อ่านช่วงความคิดเห็นที่ 17 ถึงความคิดเห็นที่ 27 นะครับ) ว่าบนสถานี Senjojiki ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของ Komagatake Rope Way แห่งนี้ จะมีโรงแรม Senjojiki ตั้งอยู่ด้วย และเนื่องจากสถานี Senjojiki ได้ชื่อว่าเป็นสถานีที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น (2612 เมตร จากระดับน้ำทะเล) นั่นจึงเป็นสาเหตุของการที่โรงแรมนี้ถูกบอกว่าเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นครับ
ดังนั้น สำหรับครั้งนี้ผมก็เลยตัดสินใจที่จะพักบนนั้นเลยครับ ก็เข้าเว็บเช็กห้องว่าง ดูราคาห้อง โทรศัพท์ไปจองตั้งแต่เริ่มคิดว่าจะไป จนจองเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาไปประมาณ 10 นาที คิดไวทำไวครับ
ก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปพร้อม ๆ กัน ขอเอารูปบางส่วนของทริปนี้มาให้ดูกันก่อนครับ
สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากเพิ่งมี 2 กระทู้นี้ไปนะครับ
เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน Kamikochi, Shirakawago และ Tateyama Alpen Route ภาคจบ
เที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน 5 คืน 6 วัน Hakuba,Komagane,Kamikochi,Shirakawago,Tateyama Alpen Route,Matsumoto ภาคต้น (2 วันแรก)
แค่ครั้งนี้ไม่ใช่กระทู้ดองเค็มล่ะ เพราะเพิ่งไปมาเมื่อวัน ที่ 8-9 มีนาคมที่ผ่านมานี่เอง จุดหมายปลายทางสำหรับทริปนี้ ก็คือ หนึ่งในสถานที่ที่ผมได้รีวิวไปจาก 2 กระทู้ด้านบนนั่นแหละครับ คือ การขึ้นไปชม Senjojiki Cirque ด้วย Komagatake Rope Way (โรปเวย์แห่งแรกของญี่ปุ่น ที่ครบรอบ 50 ปีแห่งการก่อตั้งไปเมื่อปีที่แล้ว) และยังเป็นสถานีโรปเวย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย (2,611.5 เมตร จากระดับน้ำทะเล)
เริ่มกันเลยดีกว่านะครับ ไม่ต้องแนะนำตัวกันล่ะ เพราะเขียนมาหลายกระทู้แล้ว สาเหตุจริง ๆ ที่เกิดทริปนี้ขึ้นมา ก็มาจากระหว่างนั่งเขียนกระทู้ด้านบนนั่นแหละครับ
เริ่มต้นเลย เนื่องจากครั้งนั้นที่ไปผมรู้สึกว่ามีเวลาให้กับที่นี่น้อยไปหน่อย คือ ผมได้อยู่บนนั้นแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเองครับ น้อยเกินไปสำหรับสถานที่สวย ๆ แบบนี้ และสาเหตุอีกเรื่อง ก็คือ ระหว่างที่เขียนกระทู้ซึ่งผมจำเป็นต้องเข้าเว็บหาไปหาข้อมูลมาประกอบการเขียนบ้างเนี่ย ผมก็บังเอิญไปเห็น ภาพของ Senjojiki Cirque ในฤดูหนาวเข้า แล้วก็รู้สึกว่ามันสวยดีครับ บวกกับว่าตั้งแต่ไปขี่จักรยานที่ฟูจิซังมาครั้งนั้น
ขี่จักรยานไปเหยียบหิมะ ภาค 2 (ปั่นเที่ยวรอบทะเลสาบทั้ง 5 ของภูเขาไฟฟูจิ)
ผมก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดอีกเลย ได้แต่เที่ยวเล่นรอบ ๆ เมืองที่ตัวเองอยู่นี่เอง ก็เลยคิดว่าถึงเวลาล่ะ ออกต่างจังหวัดสักหน่อยดีกว่า
ซึ่งพอตัดสินใจว่าจะไป เรื่องแรกที่เข้ามาในหัวก่อนเลย ก็คือ ต้องแก้ปัญหาเรื่องมีเวลาอยู่บนนั้นน้อยไปให้ได้ครับ เพราะจากการลองคำนวณเวลาคร่า วๆ ดูแล้ว จากห้องผมที่ไซตามะต่อให้เริ่มเดินทางด้วยรถไปเที่ยวแรกสุดของวัน กว่าผมจะไปถึง Shirabidaira ซึ่งเป็นสถานีต้นทางของ Komagatake Rope Way เนี่ย ก็เที่ยงตรงพอดี (รวมเวลานั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Komagane ด้วย) นั่นก็จะทำให้ผมได้ใช้เวลาอยู่บนนั้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงเหมือนเดิมครับ เพราะก็ต้องรีบลงมาก่อน Rope Way เที่ยวสุดท้ายจะหมดตอน 4 โมงเย็น
และตามที่ผมได้บอกไปในกระทู้นี้ (ให้อ่านช่วงความคิดเห็นที่ 17 ถึงความคิดเห็นที่ 27 นะครับ) ว่าบนสถานี Senjojiki ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของ Komagatake Rope Way แห่งนี้ จะมีโรงแรม Senjojiki ตั้งอยู่ด้วย และเนื่องจากสถานี Senjojiki ได้ชื่อว่าเป็นสถานีที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น (2612 เมตร จากระดับน้ำทะเล) นั่นจึงเป็นสาเหตุของการที่โรงแรมนี้ถูกบอกว่าเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นครับ
ดังนั้น สำหรับครั้งนี้ผมก็เลยตัดสินใจที่จะพักบนนั้นเลยครับ ก็เข้าเว็บเช็กห้องว่าง ดูราคาห้อง โทรศัพท์ไปจองตั้งแต่เริ่มคิดว่าจะไป จนจองเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาไปประมาณ 10 นาที คิดไวทำไวครับ
ก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปพร้อม ๆ กัน ขอเอารูปบางส่วนของทริปนี้มาให้ดูกันก่อนครับ
ป.ล. เพิ่มเติมครับ คิดว่าน่าจะมีหลายคนอยากเห็นรูปฤดูอื่น ๆ ของที่นี่บ้าง ก็เลยเอามาฝากครับ www.chuo-alps.com
เริ่มต้นกันที่เช้าวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมาเลยนะครับ ผมออกจากห้องช่วง 7 โมงกว่า ๆ ใช้รถไฟในการเดินทางเหมือนเดิม รายละเอียดการเดินทางก็ตามนี้เลยครับ
อย่างที่เคยบอกบ่อย ๆ ว่าผมชอบการเดินทางด้วยรถไฟเป็นพิเศษ เวลา 4 ชั่วโมง จึงผ่านไปเร็วมากครับ นั่งมองนู่น มองนี่
ถึงสถานี Komagane ช่วงเที่ยง ก็ต้องนั่งรถบัสต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
ถึงแล้วครับ สถานี Shirabidaira สถานีตั้งต้นของ Komagatake Rope Way
มาครั้งนี้แตกต่างกับที่มาครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิงเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบรรยากาศและจำนวนคน เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วนี่คนอย่างกับหนอน
ช่วงหน้าหนาว Rope Way จะมีชั่วโมงล่ะหนึ่งรอบเท่านั้นครับ ผมมาถึงที่นี่เกือบ ๆ บ่ายโมง ก็จะได้ขึ้นรอบบ่ายโมง 5 นาทีครับ ไม่ต้องรอนานเหมือนครั้งที่แล้ว ระหว่างยืนรอก็เดินดูของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ
วันนี้คนที่ขึ้นรอบเดียวกับผม มีแค่นี้ล่ะครับ
ครั้งนี้คนน้อยครับ ตอนที่อยู่ใน Rope Way ก็เลยเดินถ่ายรูปได้สะดวกมาก ไปได้ทุกด้านเลย
บรรยากาศโดยรอบก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ ช่วงเดือนสิงหาคมเราจะเห็นแต่สีเขียวของต้นไม้ ใบไม้ แต่วันนี้เจอแต่สีขาวของหิมะครับ แต่ไม่ว่าจะต่างกันยังไง สำหรับผมมันก็สวยทั้งคู่ครับ
ถึงแล้วครับ สถานี Senjojiki สถานีที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น จากบนนี้ถ้าเราหันหลังกลับไปยังทิศที่นั่ง Rope Way ขึ้นมา ก็จะเห็นวิวแบบนี้ครับ
ก่อนอื่นคงต้องขออธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับเทือกเขา Alps ของญี่ปุ่นกันหน่อยครับ ให้ทุกคนดูตามภาพนี้นะครับ
เทือกเขา Alps ของญี่ปุ่น จะแบ่งเป็นหลัก ๆ ทั้งหมด 3 เทือกเขาครับ คือ North Alps ,Central Alps และ Southern Alps ก็คือ แบ่งตามสถานที่ที่มันตั้งอยู่นั่นเองล่ะ North Alps จะอยู่เหนือสุด แหล่งท่องเที่ยวบนนี้ที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดี ก็คือ กำแพงหิมะที่ Teteyama หรือลานสกีที่ Hakuba นั่นก็ใช่ ส่วน Komagane ที่ผมอยู่ตอนนี้ตั้งอยู่บน Central Alps ซึ่งถ้าดูตามรูปด้านบน เพื่อน ๆก็จะเห็น Southern Alps อยู่ฝั่งตรงข้ามใช่ไหมครับ นั่นเลยเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุของการตั้งชื่อกระทู้นี้นั่นเองครับ และนี่ ก็คือ วิวของ Southern Alps จากโรงแรมที่ตั้งอยู่สูงสุดในญี่ปุ่น ณ Central Alps
ขอให้เพื่อน ๆ ย้อนกลับไปดูแผนที่อีกทีนะครับ สังเกตว่าถ้าให้ตัวเราอยู่บน Central Alps จะเห็นว่าฟูจิซังอยู่ด้านหลังของ Southern Alps ใช่ไหมครับ แล้วก็มาดูภาพนี้กัน เห็นฟูจิซังกันไหมเอ่ย
ไม่น่าเห็นล่ะ ผมว่ามันเล็กเหลือเกิน เอารูปนี้ไปดูอีกทีครับ เห็นกันไหมอ่า ด้านบนตรงกลางภาพเลยครับ
เข้าห้องเอาของมาเก็บในโรงแรมก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวค่อยออกมาถ่ายรูปอีกที วันนี้เวลาเหลือเฟือครับ ห้องพักก็อยู่ชั้นสองของสถานี Rope Way นี่แหละ เช็กอินเสร็จก็ขึ้นห้องมาเลยครับ
สภาพภายในห้องครับ
ผมได้ห้องที่มองเห็นวิวของ Southern Alps ครับ โชคดีมากเลย 2 รูปนี้ถ่ายจากหน้าต่างห้องเลยครับ
เอาสัมภาระเก็บเรียบร้อยก็ได้เวลาออกมาถ่ายรูปแล้วครับ จุดหมายจริง ๆ ของผมในวันนี้ครับ Senjojiki Cirque หุบเขาที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งเมื่อกว่า 20,000 หมื่นปีที่ผ่านมา
เปรียบเทียบกับเมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้วครับ
เปรียบเทียบระหว่างทั้ง 2 ฤดู อีกสักรูปครับ
ไม่ว่าจะฤดูไหนก็สวยทั้งนั้นเลย...จริงไหมครับ
จะว่าไปก็ถือว่าผมค่อนข้างโชคดีเลยนะ เพราะฟ้าค่อนข้างเป็นใจพอสมควรครับ
เห็นวิวสวย ๆ แบบนี้ก็อดใจไม่ไหวครับ ว่าแล้วก็แอบถ่ายตัวเองซะหน่อย
อ้อ ตอนนี้ก็ยังสามารถปีนเขาได้นะ เส้นทางด้านหลังนั่นแหละครับ แต่ต้องสวมใส่อุปกรณ์ปีนเขาให้ครบนะครับ ถ้าแต่งตัวแบบผมนี่ห้ามขึ้นครับ เพราะมันอันตรายมาก
มองย้อนกลับไปที่โรงแรมหน่อยครับ นี่ล่ะโรงแรมที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
เห็นใกล้ ๆ แบบนี้ แต่กว่าจะเดินกลับไปถึงโรงแรมได้ ใช้เวลาเกิน 20 นาที นะครับ เดินยากพอสมควรครับ ทั้งชัน ทั้งโดนหิมะดูด เพราะหิมะมันลึกอ่ะ ถ้าพลาดออกนอกเส้นทางนี่จมลงไปถึงโคนขาได้ง่าย ๆ เลยนะ ผมพลาดไปทีหนึ่ง มัวแต่ถ่ายรูปอยู่ไม่ได้มองที่เท้า จมวูบลงไปเลย ตกใจหมด
อากาศบนนี้ก็ค่อนข้างแปรปรวนนิดหน่อยครับ เดี๋ยวฟ้าใส เดี๋ยวฟ้าหม่น
เปลี่ยนมาดูเมฆสวย ๆ กันบ้างครับ
หลังจากถ่ายชุดนี้เสร็จ ผมก็ไม่ไหวแล้วครับหนาวมาก จุดอื่นยังพอทนแต่ที่มือนี่ขนาดใส่ถุงมือซ้อนกัน 2 คู่ ยังปวดนิ้วจนแทบขยับไม่ได้ครับ เลยกลับเข้าไปนอนพักในห้องดีกว่า รอเวลากินข้าวเย็นครับ อ้อ ผมลืมบอกราคาห้องไปใช่ไหมครับ ค่าห้องจะอยู่ที่ 11,550 เยน ต่อคนต่อคืนนะครับ โดยราคานี้จะรวมอาหารเย็นและอาหารเช้าเข้าไปแล้ว อาหารเย็นเวลา 6 โมง อาหารเช้า 7 โมงครับ อาหารเย็นของวันนี้ครับ เบียร์นั่นไม่เกี่ยวนะครับ ผมสั่งเองต่างหาก แหะ แหะ
กินเสร็จก็ออกมาถ่ายรูปด้านนอกอีกนิดหน่อยครับ
ลองถ่ายดาวนิดหน่อยครับ แต่ทนหนาวไม่ไหวได้มาแค่นี้ล่ะ
แถมอีกรูปหนึ่งก่อนเข้านอนก็แล้วกันครับ หนาวมาก
เช้าวันอาทิตย์ก็โชคดีต่อเนื่องครับ ฟ้ายังใสอยู่เลย เสียดายแค่อย่างเดียว คือ ผมตื่นมาไม่ทันได้ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นครับ แต่ได้ท้องฟ้าแบบนี้มาก็ยังโอเคล่ะ ผมว่าเห็นคนไปปีนเขากันแต่เช้าเลยครับ ลิบ ๆ นั่นล่ะ
ซูมเข้ามาอีกหน่อย
เห็นใกล้ ๆ แบบนี้กว่าจะเดินไปถึงตรงโน้นได้ ใช้เวลากว่า 1.5 ชั่วโมง นะครับ
หันไปดูวิวทางอื่นบ้างดีกว่า
อ้อ ที่เห็นภาพสีไม่เหมือนกันนี่ เพราะผมเอากล้องไปสองตัวนะครับ ตัวหนึ่งสีจะค่อนข้างจัดนิดหน่อย
มุมอื่น ๆ ต่อครับ
ถ่ายตรงนี้เสร็จผมก็เดินลงไปถ่ายที่ด้านล่างอีกรอบครับ
จากมุมนี้ผมว่ามันเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจุดที่สวยจริง ๆ นะครับเนี่ย
ว่าแล้วก็อดไม่ได้อีกล่ะ
กลับขึ้นมาด้านบนแล้วครับ ด้านหลังโรงแรม
นักท่องเที่ยวเริ่มขึ้น Rope Way มาจากด้านล่างแล้วครับ
ส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวที่มาในฤดูนี้จะเป็นนักปีนเขาซะส่วนใหญ่ครับ ต่างกับช่วงหน้าร้อนเลย ช่วงนั้นลูกเล็ก เด็กแดง นักท่องเที่ยวทั่วไปจะค่อนข้างเยอะครับ
สถิติการเกิดอุบัติเหตุของนักปีนเขาตลอด 5 ปีหลังสุดที่ผ่านมาครับ
นับเฉพาะช่วงฤดูหนาว (เดือน 11 ถึงเดือน 3) นะครับ ตายไป 6 คน เฉลี่ยแล้วตายปีล่ะ 1 คนนั่นเองครับ อันตรายไม่ใช่เล่นเลยล่ะ
ตอนนี้ก็ได้เวลากลับแล้วครับ ผมตั้งใจจะลง Rope Way รอบ 10 โมงครับ ระหว่างนี้ก็เดินถ่ายรูปในสถานีเล่น ฆ่าเวลาครับ
ที่สำคัญไม่อยากจะบอกว่า รอบที่ผมลงมีผมคนเดียวเองฮะ
ลงมาถึงข้างล่างก็ได้นั่งรถบัสคนเดียวอีกเหมือนกัน ฮะ ๆ
เส้นทางสวย ๆ ครับ ระหว่างนั่งรถกลับครับ
แป๊บเดียวก็ถึงแล้วครับ สถานีรถไฟ Komagane รูปปั้นหน้าสถานีรถไปครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีความหมายอะไรหรือเปล่า
ได้เวลาเดินทางกลับแล้วครับ ขอลาไปด้วยภาพที่ถ่ายระหว่างเดินทางกลับก็แล้วกันนะครับ
แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้ครับ เพี้ยนออกทริป เพราะผมยังมีแพลนอีกหลายที่เลยครับ ช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ