เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ HwinnHwinn สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
กาญจนบุรี จังหวัดชายแดนตะวันตกแห่งนี้ คือ ดินแดนแห่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ น้ำตก และประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ยิ่งไปกว่านั้นยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย (จังหวัดกาญจนบุรี) อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่อยากออกไปท่องเที่ยว สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อม ๆ กับสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย เฉกเช่นเดียวกับบันทึกการเดินทางของ คุณ HwinnHwinn สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ปลีกตัวจากเมืองกรุง ออกไปเสพความสวยงามตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี แล้วนำมาฝากให้เราได้ชมกันจ้า
วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวกาญจนบุรีมาค่ะ อันเนื่องมาจากความโสดและไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ เหงา ๆ ในวันแห่งความรัก เลยจัดการลากเอาน้องและพี่ที่บริษัทหาที่เที่ยวกัน ขอแบบไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก มีที่เที่ยวสวย ๆ ชิล ๆ สบาย ๆ สรุปเลยมาจบลงที่กาญจนบุรี แต่ไหงดันเลยเถิดไปถึงพม่าได้เนี่ยสิ เอาเป็นว่าไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ
เริ่มต้นกันที่น้ำตกเอราวัณกันเลยดีกว่าค่ะ ตัวน้ำตกเป็นน้ำตกไหลลงมาจากเขาหินปูน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ พวกเราเดินทางกันมาด้วย Google Map ล็อกจุดไว้เลยที่อุทยานฯ ขับมาเรื่อย ๆ ไม่เมื่อยเท่าไหร่ก็ถึง
ตัวน้ำตกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น เดินเข้าไปจากอุทยานฯ ไม่ไกลนักก็จะพบกับน้ำตก Welcome Waterfall (อารมณ์เดียวกับ Welcome Drink แอบตั้งชื่อเอาเอง) เป็นชั้นแรกก่อนจะขึ้นไปยังชั้นที่ 1 ไม่รอช้ารีบคว้ากล้อง Mirrorless น้อย ๆ กับขาตั้งอันละ 300 บาท ขึ้นมาทันที
ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง (กับรอยเท้าปริศนา) ช่วงที่ไปเจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำเริ่มน้อยลงแล้ว เพราะกำลังจะเข้าหน้าแล้ง แต่ก็ยังสวยอยู่ดี
ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ชั้นนี้จะมีปลามาตอดขานิด ๆ หน่อย ๆ พอจักจี้ หนุบ ๆ หนึบ ๆ
ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ถ่ายมาก่อนที่ต่างชาติกลุ่มใหญ่จะขึ้นมาเล่นน้ำแป๊บหนึ่ง
ชั้นที่ 4 อกผีเสื้อ ถ่ายไปได้รูปเดียวฝรั่งปีนขึ้นไปต่อคิวกันสไลเดอร์สนุกสนาน
ถ้าใครชอบเข้าสปาปลา อยากแนะนำให้แวะพักน้ำตกที่อยู่ระหว่างชั้น 4 กับ 5 นะคะ ชั้นนี้เด็ดมาก ปลาตอดกันหนุบหนับประหนึ่งว่าไม่ได้กินอะไรมา 3 วัน
ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง สวยมาก และ…ลื่นมาก
น้ำตกก่อนถึงชั้นที่ 6
ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา เริ่มเหนื่อย แดด 11 โมง จ้ามาก เริ่มตาลาย (ลืมกินข้าวเช้า) หามุมถ่ายรูปไม่เจอ
ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ในที่สุดก็ขึ้นมาถึง คนเล่นน้ำเต็มเลย ทั้งไทยและเทศ นั่งพักสักครู่เราก็ลงมาจากน้ำตกกันตอนประมาณบ่าย 2 โมงค่ะ ใช้เวลาขึ้น 4 ชั่วโมง ตอนลงแค่ชั่วโมงเดียว หากท่านใดชอบถ่ายรูปแนะนำให้มาตอนเช้า ๆ หน่อยนะคะ ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะเจอกับคนมหาศาล สวนสยามทะเลกรุงเทพฯ ได้
ทานข้าวเสร็จเราออกจากน้ำตกตรงเข้าที่พักเลย มาถึงที่พักรีสอร์ท บ้านทันย่า รักษ์ กาญจน์ ตอนบ่ายแก่ ๆ ที่พักเพิ่งเปิดใหม่ ตั้งอยู่ในตัวอำเภอทองผาภูมิ บริเวณท้ายเขื่อนวชิราลงกรณ์
สภาพบ้านที่พักอยู่ติดท้ายเขื่อน วิวริมน้ำ และอากาศข้างในนี้ติดน้ำเย็นสบาย ลมดีมากมาย
สภาพภายในบ้านทันย่า รักษ์ กาญจน์ ขาดเหลืออะไรขอเอากับทางคนดูแลที่พักได้ ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม หมอน เครื่องปรุง และเตาย่าง
ยามเย็นจากระเบียงบ้าน
เพื่อนตัวดีคันไม้คันมืออยากลงไปพายเรือเล่น (พายครั้งแรก ว่ายน้ำก็ไม่เป็น ชูชีพก็ไม่ใส่ -*- ป.ล. ที่พักมีเรือ และชูชีพให้ยืม)
ตื่นมาเช้าอีกวัน เดินสำรวจที่พัก ถ่ายต้นไม้ ใบหญ้าไปเรื่อยเปื่อยก่อนไปสังขละ ธารน้ำในรีสอร์ท เสียงน้ำไหลเมื่อคืนมาจากที่นี่เอง
เพิ่งเคยเห็นต้นเลมอนที่รีสอร์ทปลูกไว้ แอบเก็บมาลูกหนึ่ง หอม ๆ เปรี้ยวน้อยหน่อย หวานนิด ๆ อร่อยดีค่ะ
เด็ก ๆ ลูกคนดูแลในรีสอร์ท (โตไปน่าจะสวยนะเนี่ย)
สายแล้ว จุดหมายวันนี้ออกเดินทางไปสังขละบุรีค่ะ ก่อนออกแวะไหว้พระพุทธรูป ภปร.กาญจนธรรมพิทักษ์ วัดทองผาภูมิ เอาฤกษ์เอาชัย ขอให้เดินทางปลอดภัย
"เสี้ยวดอกขาว" ขึ้นระหว่างทางหลายต้น พอสลัดใบหมดก็จะเหลือแต่ดอกขาวโพลนเต็มต้น
ก่อนไปสังขละบุรี เพื่อนร่วมทางเสนอว่าเราแวะไปเจดีย์สามองค์กันก่อนไหม ไปสังขละบุรีตอนนี้มันร้อน เดี๋ยวค่อยแวะบ่าย ๆ เถอะ อ่ะได้...จัดไป
ว่าแล้วก็ข้ามแดนกันไป (อารมณ์ไปต่างประเทศกันเลยทีเดียว แหม !!) นโยบายของประเทศเพื่อนบ้านเรา
เหยียบแผ่นดินพม่าแล้ว แวะตลาดบ้านเค้าซะหน่อย ตลาดพญาตองซู
ของฮิตที่นี่ หมากกับพลู กินแล้วฟันแดง
ดอกไม้รับมาจากไทยแลนด์ -.-
ของทั่ว ๆ ไปเหมือนบ้านเราเลย ว่าแต่แมลงวันเยอะดีแท้ตลาดนี้
เดินได้สักพักก็กลับ ออกจากตลาดพม่ามุ่งหน้าสู่สังขละบุรีกันดีกว่าค่ะ มาถึงสังขละบุรีแวะวัดวังก์วิเวการาม กราบนมัสการหลวงพ่ออุตตมะ ไหว้เสร็จอย่าลืมไปรับประคำ จะมีพระสงฆ์คอยโยนประคำคล้องให้เราตอนไหว้ค่ะ
ออกจากวัดมานิดนึงก็แวะเจดีย์พุทธคยา ที่เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกนิ้วมือขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะอัญเชิญมาจากศรีลังกา...ใคร ๆ ก็ถ่ายด้านหน้า เราขอด้านหลังละกัน
ทดสอบทักษะการตั้งเหรียญ
แอบลอกมุมน้าในนี้มา
มุมตัวเองก็บ้าน ๆ หน่อย
ออกจากวัดไปต่อสะพานมอญกันดีกว่า สะพานอุตตมานุสรณ์หรือสะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สร้างโดยหลวงพ่ออุตตมะ สะพานไม้เส้นนี้เป็นเหมือนเส้นทางสัญจรหลักของชาวบ้านในอำเภอสังขละบุรีและชาวมอญ ใช้ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย
ปีที่แล้วสะพานขาดเนื่องจากฝนตกหนัก จนกระทั่งตอนนี้สะพานก็ยังคงขาดอยู่ แต่เห็นชาวบ้านแถวนี้ว่าจะมีการซ่อมในเร็ว ๆ นี้
ชาวบ้านในพื้นที่เลยช่วยกันสร้างสะพานลูกบวบขึ้นมาใช้กันไปพลาง ๆ ก่อน
เดิน ๆ ถ่ายไปได้สักพัก หันไปเห็นเงาดำ ๆ บนสะพาน
ปีนขึ้นไปถึงสะพานแล้วก็กระโดดตูมลงมา
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายที่กาญจนบุรี ก่อนกลับได้มีโอกาสนั่งเรือเข้าไปดูในเขื่อนวชิราลงกรณที่อยู่ติดกับรีสอร์ท เนื่องจากวันนี้หมอกลงหนามาก ภาพอาจจะมัวไปหน่อยนะคะ
ชาวบ้านเอาวัวมาปล่อยให้กินหญ้ากลางเกาะในเขื่อน
นักท่องเที่ยวพักในแพ และชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบ ๆ เขื่อน
เข้าไปถึงกลาง ๆ เขื่อนแล้วหมอกก็เริ่มหนาขึ้น
นึกว่าเข้ามาใน Silent Hill แต่ก็สวยดี
นั่งไปได้สักชั่วโมงก็ถึงเวลากลับกรุงเทพฯ กันซะที สรุปเป็นทริปที่มีความสุขมาก ๆ ค่ะ กาญจนบุรีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ภูมิประเทศสวย และมีที่เที่ยวเยอะมาก ๆ วันนี้ขอลาไปด้วยภาพสุดท้าย การทำประมงน้ำจืดของชาวบ้านในเขื่อนวชิราลงกรณในวันที่หมอกลงหนาค่ะ
สวัสดีค่ะ