เที่ยวชิล ๆ สมุทรสาคร-เพชรบุรี-ประจวบฯ กับสถานที่สุดประทับใจ

ข้อมูลและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม

          เชื่อว่าหากใจของคนเราอยากออกไปลั้ลลาโลดแล่นแล้ว ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปตามความเรียกร้องของหัวใจ อิอิ เพราะฉะนั้น เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฝ่ายภูมิภาคภาคกลาง ชักชวนทีมงานกระปุกดอทคอมไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคาราวาน "ครอบครัวสุขสันต์-สิงหาพาแม่เที่ยว" เมื่อวันที่ 10-12 สิงหาคม 2556 เราก็ไม่รีรอที่จะไปร่วมทริปทันทีจ้า อิอิ


          โดยทริปนี้เราเดินทางไปชื่นชมความงามของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสาคร, จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 8 โมงกว่าล้อรถหมุนมุ่งหน้าสู่ "หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี" ตำบลดอนไก่ดี จังหวัดสมุทรสาคร ไปศึกษาภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมเครื่องเบญจรงค์ ซึ่งเมื่อ พ.ศ. 2525 กลุ่มชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีความรู้และทักษะขั้นตอนการผลิตและการเขียนเครื่องลายคราม เกิดการว่างงาน จึงมีการรวมกลุ่มกันเพื่อทำการผลิตถ้วยชามที่เป็นลายคราม จนทำให้เกิดเครื่องเบญจรงค์มาจนทุกวันนี้ โดยมี คุณอุไร แตงเอี่ยม เป็นประธานกลุ่มหมู่บ้านเบญจรงค์ และเนื่องด้วยสินค้ามีคุณภาพ สวยงาม ประณีต จึงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งศึกษาดูงาน ชมการสาธิต และเลือกซื้อเครื่องเบญจรงค์ที่มีลวดลายงดงาม นอกจากนี้ ทางชุมชนยังได้จัดที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ไว้บริการอีกด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก หมู่บ้านเบญจรงค์ ดอนไก่ดี)



          จากนั้นเราก็ไปเที่ยวต่อกันที่ "ศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า" หมู่บ้านเขาเต่า อำเภอหัวหิน เพื่อชมศูนย์ผ้า OTOP ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่เดิมใช้ชื่อ ศูนย์ฝึกอบรมทอผ้าบ้านเขาเต่าอันเนื่องจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อส่งเสริมให้ราษฎรมีอาชีพเสริมด้วยการทอผ้าฝ้ายด้วยกี่กระตุก สำหรับผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมจากทอผ้าและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้าย สามารถเดินทางมาได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.


          ก่อนจะไปนมัสการ "หลวงพ่อโต" องค์ใหญ่ ณ วัดตาลเจ็ดยอด ตำบลศาลาลัย อำเภอสามร้อยยอด สำหรับรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ขนาดหน้าตักกว้าง 11 เมตร สูง 18 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นรูปหล่อหลวงพ่อโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และด้านหน้าขององค์พระมีการหล่อรูปเหมือนขนาดบูชาเท่าองค์จริงของครูบาอาจารย์หลายรูป เช่น หลวงปู่ทวด พระอาจารย์มั่น หลวงปูสด เป็นต้น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดตาลเจ็ดยอด)


          พร้อมกับไปสักการะ "หลวงปู่ทวด" พระนามาภิไธย ส.ก. องค์ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร ฐานสูง 3 ชั้น ที่ "วัดห้วยมงคล" ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน ซึ่งบริเวณรอบ ๆ องค์พระยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ ยังมีรูปสลักหลวงพ่อทวดแกะจากไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ให้ประชาชนได้สักการบูชา ส่วนการเดินทางจากหัวหินใช้เส้นทางหมายเลข 3218 (หนองพลับ-ป่าละอู) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถึงตำบลทับใต้เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกหนองตะเภาแล้วไปตามทางจนถึงวัดห้วยมงคล

          และไปตะลุย "ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม" ตลาดน้ำในบรรยากาศรัตนโกสินทร์ย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ 6 ดำเนินงานโดยทีมงานตลาดน้ำอโยธยา "บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่" มีร้านค้าทั้งหมด 193 ร้าน และเรือขายสินค้า 40 ลำ โอบล้อมไปด้วยขุนเขา และติดแหล่งน้ำธรรมชาติ "ลำห้วยสามพันนาม" มีการแสดง โชว์แสง สี เสียงทุกวัน โดยเปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ huahinsamphannamfloatingmarket.com และ เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม)


          จากนั้นไปชื่นชมความงามสุดอลังการของ "เดอะ เวเนเซีย หัวหิน" (The Venezia Hua Hin) เป็นศูนย์การค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมนต์เสน่ห์ของเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี นอกจากนี้ ยังมีอาคารและร้านค้าสีสันสดใสตั้งเรียงรายอยู่ริมสองฝั่งคลอง รวมถึงมีการจำลองจัตุรัสเซ็นต์มาร์ค (St. Mark Square) และหอระฆัง (Bell Tower) สัญลักษณ์ของเมืองเวนิสมาไว้ที่นี่ด้วย และอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นเวนิส คือ แกรนด์คาแนล (Grand Canal) ที่มีเรือกอนโดลาล่องไปในบรรยากาศเสมือนอยู่ในเวนิสจริง ๆ อ๊ะ ๆ ยังไม่หมดเท่านี้นะจ้ะ เพราะที่นี่ยังมีรถไฟเล็กวิ่งรอบบริเวณโครงการ, รถม้า, สนามเด็กเล่น, ตลาดนัดยามเช้า และสวนสัตว์ขนาดย่อม ฯลฯ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.theveneziahuahin.com และ เฟซบุ๊ก The Venezia Hua Hin)





          และไปย้อนวันวานเสพความสุขในวัยเยาว์กันต่อที่ "เพลินวาน" อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต (Life Museum) ของย่านการค้าเก่า ที่ซึ่งเป็นมากกว่าสถานที่หรือสิ่งก่อสร้างสวยงามย้อนยุคตามสมัยนิยม ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, ร้านขายของแนว ๆ เช่น ของเล่นย้อนยุค เสื้อผ้าดีไซน์สวย, มุมถ่ายภาพเก๋ ๆ, เพลิน เพลิน บาร์ และพิมานเพลินวาน ห้องพักสไตล์วินเทจ ฯลฯ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.plearnwan.com)

          ต่อมาเราก็เที่ยวเริงร่าท้าแดดกันที่ Swiss Sheep Farm ฟาร์มแกะสไตล์ยูโรคันทรีของอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สถานที่ที่จะได้พบกับความน่ารักน่าชังของน้องแกะ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนฟูหนานุ่มนับสิบตัว ท่ามกลางหุบเขาที่โอบล้อม และแน่นอนกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ คือ การไปเป็น "เด็กเลี้ยงแกะ" ด้วยการให้อาหาร รวมถึงถ่ายรูปคู่กับน้องแกะไว้เป็นที่ระลึก อีกทั้งหนุ่มนักถ่ายกับสาวนักโพสก็ไม่ควรพลาด เพราะมีมุมสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปเพียบ หรือใครอยากประลองฝีไม้ลายมือเล่นเกมสไตล์งานวัด ทั้งยิงปืน ปาเป้า ยิงธนู ฯลฯ และเด็ดสุดกับการไปชมความน่ารักของ "อัลปาก้า" สัตว์ขนปุยคอยาว ตาหวาน สมาชิกใหม่ของ Swiss Sheep Farm (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ swisssheepfarm.com และ เฟซบุ๊ก Swiss Sheep Farm)


          ปิดท้ายทริปด้วยการไปสักการะ "องค์พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ" วัดข่อย อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี พร้อมชมศิลปะปูนปั้นที่งดงามตระการตา ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันจ้า

          เอาเป็นว่า...หากเพื่อน ๆ มีเวลาก็อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ กันดูนะจ๊ะ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบให้ไปสัมผัส รับรองว่า...คุณจะหลงรักเมืองไทย ^___^

ที่พัก


          สำหรับที่พักที่เราได้ไปเอนกายนอนหลับสบาย ๆ กันนั้น ก็ที่ "เทวัญ ดารา บีช วิลล่า-กุยบุรี" เป็นรีสอร์ทในสไตล์ชนเผ่าโพลินีเชียนที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและสวนเขตร้อนเขียวชอุ่ม (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dhevan-dara.com) และ "รอยัล พาวิลเลี่ยน หัวหิน" โรงแรมสไตล์โมเดิร์นแห่งใหม่กลางเมืองหัวหิน หรูหรา และสะท้อนความเป็นตัวตน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.royalpavilionhuahin.com)




ขอขอบคุณข้อมูลจาก