ชวนเที่ยวญี่ปุ่นช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม กับ 7 สิ่งที่เป็นไฮไลต์ในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น ทั้งเทศกาลดั้งเดิมสุดยิ่งใหญ่ ทุ่งดอกไม้ ของกินพื้นเมือง ซึ่งหนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ไปช่วงนี้ก็จะไม่ได้สัมผัสความดีงามของญี่ปุ่นในอีกมุมมอง
ใครว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เฉพาะหน้าหนาว แต่จริง ๆ แล้วด้วยลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลาย แหล่งท่องเที่ยวก็มากมาย แต่ละฤดูก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งจริง ๆ ไปเที่ยวได้ทั้งปีเลยนะ แต่มีช่วงหนึ่งของปีที่ไม่อยากให้พลาดเลยก็คือปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงนี้จะเป็นรอยต่อของฤดูกาลที่อากาศกำลังเย็นสบาย และมีเทศกาลที่สำคัญต่าง ๆ อยู่พอดี เพื่อให้คุณได้เห็นความดีงามของฤดูกาลนี้ เราได้รวบรวม 7 สิ่งที่ไม่ควรพลาดในช่วงปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ผลิมาฝากกัน รับรองว่าเห็นแล้วต้องอยากไปญี่ปุ่นแน่นอน ^^
1. สนุกสนานกับสงกรานต์แบบญี่ปุ่นสมัยเอโดะ เมืองโตเกียว
ชวนไปเล่นสงกรานต์แบบชาวญี่ปุ่นสมัยเอโดะ กับ "เทศกาลฟุกะงะวะฮาจิมังมัตสึริ" (The Fukagawa Hachiman Festival) หนึ่งในเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ของฤดูร้อน มีความเก่าแก่เกือบ 400 ปี เชื่อกันว่าเริ่มครั้งแรกในปี ค.ศ. 1642 จัดขึ้นโดยศาลเจ้าโทมิโอกะฮาจิมังงู (Tomioka Hachimangu Shrine) ในเขตโคโต (Koto) เมืองโตเกียว เพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของโทกูงาวะ อิเอสึนะ (Tokugawa Ietsuna) ทายาทลำดับที่ 4 ของตระกูลโทกูงาวะ
ลักษณะการจัดงานจะมีการนำซุ้มศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็ก-ใหญ่ ที่เรียกว่า Mikoshi จำนวนทั้งสิ้นราว ๆ 120 ศาลเจ้า ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ประมาณ 50 ศาลเจ้า แห่ไปรอบ ๆ เมือง โดยมีการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม พร้อมทั้งผู้ที่ร่วมขบวนแห่ก็จะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองสมัยเอโดะ มีการแสดงและดนตรีตลอดทั้งขบวน สิ่งที่น่าสนใจของงานนี้ก็คือจะมีการสาดน้ำไปยังซุ้มศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์และผู้ร่วมขบวนแห่อย่างสนุกสนาน ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมากมายจะมารอเข้าร่วมพิธีกันอย่างคึกคัก เป็นบรรยากาศงานสงกรานต์ในแบบฉบับคนญี่ปุ่นที่แท้จริง
การจัดงาน The Fukagawa Hachiman Festival จะมีขึ้น 5 วัน โดยจะจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี โดยจัดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2017 สามารถติดตามการจัดงานได้อีกครั้งจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)
2. อิ่มอร่อยกับเทศกาลอาหารและเบียร์สดระดับโลก เมืองโตเกียว
สัมผัสบรรยากาศเทศกาลอาหารและเบียร์สดระดับโลกจากเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในแบบฉบับของคนญี่ปุ่นกับเทศกาล Odaiba Oktoberfest ที่มักจะขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม เป็นเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของปี ซึ่งได้รวบรวมร้านอาหารอร่อยสไตล์เยอรมันและญี่ปุ่น พร้อมทั้งเบียร์สดรสชาตินุ่มละมุนหลากหลายแบรนด์มาให้คอเบียร์ได้ลิ้มลองกันอย่างจุใจ
โดยงานจะจัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ภายใน Odaiba Symbol Promenade Park เขตโอะไดบะ โตเกียว มีที่นั่งให้ได้นั่งจิบเบียร์และกินอาหารแบบชิล ๆ อากาศเย็นสบายกำลังดี ใครอยากสนุกสนานกับดนตรีสดก็มีโดมแสดงคอนเสิร์ตให้ได้ไปร้องและเต้นกันทุกค่ำคืน ถือได้ว่าเป็นอีกเทศกาลที่จะทำให้คุณสนุกสนานกับญี่ปุ่นแบบไม่มีวันลืมเลยล่ะ
3. ชมความอลังการของทุ่งดอกพลับพลึงแดง จังหวัดไซตามะ
ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นที่จะมีดอกไม้สวย ๆ ให้ได้ชมกัน อย่างในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็มีดอกไม้สวย ๆ ให้ได้ไปชมกันด้วย ที่ห้ามพลาดในช่วงนี้คือ "เทศกาลชมทุ่งดอกพลับพลึงแดง" (Red Spider Lily) หรือดอกฮิกังบานะ (Higanbana) ในภาษาญี่ปุ่น ณ Kinchakuda-Manjushage Park เขตฮิดากะ (Hidaka) จังหวัดไซตามะ (Saitama)
โดยจะบานสะพรั่งในช่วงกลางเดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคม ของทุกปี มีดอกพลับพลึงแดงมากกว่า 5 ล้านดอก บานส่งสีแดงสดไปทั่วทั้งสวน ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจี ท่ามกลางอากาศเย็นสบายสดชื่น มีทางเดินเล็ก ๆ ให้เดินลัดเลาะชมความสวยงามของทุ่งดอกพลับพลึงแดงไปรอบ ๆ สวน สามารถเข้าชมกันได้ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชม 300 เยน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kinchakuda.com
4. เพลิดเพลินกับดอกไม้ พร้อมฉากหลังภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ
อีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมดอกไม้ได้อย่างสวยงามแบบแทบจะหยุดหายใจ ในช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็คือ "สวนยามานากาโกะ ฮานาโนะ มิยาโกะ" (Yamanakako Hanano Miyako Kouen) เขตมินามิซึรุกัน (Minamitsuru) จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) สวนริมทะเลสาบที่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะได้รับชมทุ่งดอกไม้หลากสีสันไปพร้อมกับฉากหลังสุดอลังการของภูเขาไฟฟูจิ
ที่นี่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลราว ๆ 1,000 เมตร จะมีดอกไม้ให้ได้ชมกันตลอดในช่วงระหว่างฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูใบไม้ร่วง โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จะมีทุ่งดอกคอสมอสและดอกบานชื่นบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน ถ้าเป็นทุ่งดอกบานชื่นก็จะมีหลากสีสันปะปนกันไป
ส่วนทุ่งดอกคอสมอสส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง-ส้ม นักท่องเที่ยวจะได้ถ่ายรูปกับดอกไม้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับวิวสวย ๆ ของภูเขาไฟฟูจิ ทั้งนี้ภายในสวนแห่งนี้ยังมีอาคารเรือนกระจก ซึ่งปลูกดอกไม้สไตล์ยุโรปไว้ให้ชมกัน พร้อมทั้งยังมีน้ำตกเมียวจิน (Myojin) และเครื่องเล่นน่ารัก ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมได้อย่างใกล้ชิดด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hananomiyakokouen.jp
และต่อจากการชมทุ่งดอกไม้สวย ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะไปปีนภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วยนะ ซึ่งจะมีการเปิดให้พิชิตภูเขาไฟฟูจิเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น คือช่วงต้นเดือนกรกฎาคม-ปลายเดือนสิงหาคม ใครอยากสัมผัสกับภูเขาแห่งเทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของคนญี่ปุ่นสักครั้ง ก็ไม่ควรพลาดไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงปลายฤดูร้อนนี้
5. ชิลกับย่านพอนโตโชะ ริมแม่น้ำคาโมะ เมืองเกียวโต
ย่านพอนโตโชะ (Pontocho) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต เป็นย่านร้านอาหารสุดอร่อย ตั้งขนานไปกับแม่น้ำคาโมะ ร้านอาหารแต่ละร้านออกแบบมาให้มีพื้นที่เปิดโล่งกว้าง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ ริมแม่น้ำคาโมะได้อย่างเต็มที่ และยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณไว้อย่างดี
ในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่อากาศกำลังจะเย็นสบายกำลังดี จึงเหมาะที่จะมานั่งจิบเครื่องดื่มอุุ่น ๆ กันที่นี่ ยามเย็นบรรยากาศจะสวยโรแมนติก มีแสงส้ม ๆ รำไรจากดวงไฟในแต่ละร้าน พร้อมกับเสียงเพลงเพราะ ๆ ที่เคล้าคลอตลอดค่ำคืน สร้างบรรยากาศให้ที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนอันน่าพิสมัยที่สุดในเกียวโต
6. สนุกสนานกับเทศกาลฮาโลวีนที่ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน
สำหรับกิจกรรมวันฮาโลวีนในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน จะมีการจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายนไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม ดูความเคลื่อนไหวและดูรายละเอียดต่าง ๆ ของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน ได้ที่ usj.co.jp
7. ลิ้มรสความอร่อยของเกาลัดจากธรรมชาติ เมืองโอซาก้า
ใครที่ชอบกินเกาลัด (Chestnut) ต้องไม่พลาดการไปลิ้มรสเกาลัดสุดอร่อยกันที่ Mizukoshi Chestnut Farm ฟาร์มเกาลัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตโทโยโนะกุน (Toyono-gun) เมืองโอซาก้า ซึ่งมีการปลูกเกาลัดตามธรรมชาติบนภูเขา ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 7,000 เฮกเตอร์ นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มรสกับความอร่อยของเกาลัดพื้นเมืองพันธุ์ Gin-yose โดยในช่วงกลางเดือนกันยายน เกาลัดจะโตเต็มที่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเก็บลูกที่ร่วงหล่นบนพื้นซึ่งเป็นลูกที่พร้อมแก่การนำไปคั่วกินแล้วได้เอง เลือกได้เลยว่าชอบลูกไหน แล้วหยิบใส่ตะกร้า ชั่งน้ำหนัก ซื้อกลับมากินที่บ้าน หรือจะซื้อมาเป็นผลิตภัณฑ์ของฝากจากญี่ปุ่นก็ได้เช่นกัน หนึ่งปีมีให้เที่ยวชมแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เห็นแบบนี้แล้วอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ขึ้นมาทันที เลยไปแอบส่องตั๋วเครื่องบิน เจอของสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ต เขามีเส้นทางบินตรงไปประเทศญี่ปุ่นเยอะมาก และยังมีให้เลือกหลายเที่ยวบิน อย่างเมืองโตเกียวก็มีให้เลือกถึง 2 เที่ยวบินต่อวัน เมืองโอซาก้าก็มีเส้นทางบินตรงถึง 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
แต่ความน่าสนใจที่มากกว่านั้นคือ ทางสกู๊ตนำเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์ มาให้บริการในเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-โตเกียว และกรุงเทพฯ-โอซาก้า ด้วย ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีลำตัวกว้าง จึงทำให้ที่นั่งแต่ละที่กว้างตามไปด้วย สามารถปรับพนักพิงศีรษะได้มากกว่าเดิม มีพื้นที่เก็บกระเป๋าที่ใหญ่ขึ้น มี Wi-Fi ออนบอร์ดทุกที่นั่งนะ ถ้าใครเลือกที่นั่งแบบ ScootBiz ก็ยังจะมีที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ด้วย ซึ่งความพิเศษต่าง ๆ นานานี้เราจะจ่ายในราคาเบา ๆ เท่านั้น เทียบเท่ากับการนั่งอีโคโนมีคลาสของสายการบินที่ให้บริการแบบฟูลเซอร์วิสเลย โอ๊ย...มันดีอะ เปิดวาร์ปดูรายละเอียดเกี่ยวกับตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นของสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ตได้ที่ flyscoot.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
flyscoot.com, jnto.org.au, japanistry.com, japanvisitor.com, kinchakuda.com, jnto.or.th, yamanakako.yamanashi.jp, yamanashi-kankou.jp, japan-guide.com และ osaka-info.jp
ใครว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เฉพาะหน้าหนาว แต่จริง ๆ แล้วด้วยลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลาย แหล่งท่องเที่ยวก็มากมาย แต่ละฤดูก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งจริง ๆ ไปเที่ยวได้ทั้งปีเลยนะ แต่มีช่วงหนึ่งของปีที่ไม่อยากให้พลาดเลยก็คือปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงนี้จะเป็นรอยต่อของฤดูกาลที่อากาศกำลังเย็นสบาย และมีเทศกาลที่สำคัญต่าง ๆ อยู่พอดี เพื่อให้คุณได้เห็นความดีงามของฤดูกาลนี้ เราได้รวบรวม 7 สิ่งที่ไม่ควรพลาดในช่วงปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ผลิมาฝากกัน รับรองว่าเห็นแล้วต้องอยากไปญี่ปุ่นแน่นอน ^^
1. สนุกสนานกับสงกรานต์แบบญี่ปุ่นสมัยเอโดะ เมืองโตเกียว
ภาพจาก Saethapoeng TRIECHORB / Shutterstock.com
ชวนไปเล่นสงกรานต์แบบชาวญี่ปุ่นสมัยเอโดะ กับ "เทศกาลฟุกะงะวะฮาจิมังมัตสึริ" (The Fukagawa Hachiman Festival) หนึ่งในเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ของฤดูร้อน มีความเก่าแก่เกือบ 400 ปี เชื่อกันว่าเริ่มครั้งแรกในปี ค.ศ. 1642 จัดขึ้นโดยศาลเจ้าโทมิโอกะฮาจิมังงู (Tomioka Hachimangu Shrine) ในเขตโคโต (Koto) เมืองโตเกียว เพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของโทกูงาวะ อิเอสึนะ (Tokugawa Ietsuna) ทายาทลำดับที่ 4 ของตระกูลโทกูงาวะ
ภาพจาก MAHATHIR MOHD YASIN / Shutterstock.com
ลักษณะการจัดงานจะมีการนำซุ้มศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็ก-ใหญ่ ที่เรียกว่า Mikoshi จำนวนทั้งสิ้นราว ๆ 120 ศาลเจ้า ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ประมาณ 50 ศาลเจ้า แห่ไปรอบ ๆ เมือง โดยมีการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม พร้อมทั้งผู้ที่ร่วมขบวนแห่ก็จะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองสมัยเอโดะ มีการแสดงและดนตรีตลอดทั้งขบวน สิ่งที่น่าสนใจของงานนี้ก็คือจะมีการสาดน้ำไปยังซุ้มศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์และผู้ร่วมขบวนแห่อย่างสนุกสนาน ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมากมายจะมารอเข้าร่วมพิธีกันอย่างคึกคัก เป็นบรรยากาศงานสงกรานต์ในแบบฉบับคนญี่ปุ่นที่แท้จริง
การจัดงาน The Fukagawa Hachiman Festival จะมีขึ้น 5 วัน โดยจะจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี โดยจัดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2017 สามารถติดตามการจัดงานได้อีกครั้งจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)
2. อิ่มอร่อยกับเทศกาลอาหารและเบียร์สดระดับโลก เมืองโตเกียว
สัมผัสบรรยากาศเทศกาลอาหารและเบียร์สดระดับโลกจากเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในแบบฉบับของคนญี่ปุ่นกับเทศกาล Odaiba Oktoberfest ที่มักจะขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม เป็นเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของปี ซึ่งได้รวบรวมร้านอาหารอร่อยสไตล์เยอรมันและญี่ปุ่น พร้อมทั้งเบียร์สดรสชาตินุ่มละมุนหลากหลายแบรนด์มาให้คอเบียร์ได้ลิ้มลองกันอย่างจุใจ
โดยงานจะจัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ภายใน Odaiba Symbol Promenade Park เขตโอะไดบะ โตเกียว มีที่นั่งให้ได้นั่งจิบเบียร์และกินอาหารแบบชิล ๆ อากาศเย็นสบายกำลังดี ใครอยากสนุกสนานกับดนตรีสดก็มีโดมแสดงคอนเสิร์ตให้ได้ไปร้องและเต้นกันทุกค่ำคืน ถือได้ว่าเป็นอีกเทศกาลที่จะทำให้คุณสนุกสนานกับญี่ปุ่นแบบไม่มีวันลืมเลยล่ะ
3. ชมความอลังการของทุ่งดอกพลับพลึงแดง จังหวัดไซตามะ
ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นที่จะมีดอกไม้สวย ๆ ให้ได้ชมกัน อย่างในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็มีดอกไม้สวย ๆ ให้ได้ไปชมกันด้วย ที่ห้ามพลาดในช่วงนี้คือ "เทศกาลชมทุ่งดอกพลับพลึงแดง" (Red Spider Lily) หรือดอกฮิกังบานะ (Higanbana) ในภาษาญี่ปุ่น ณ Kinchakuda-Manjushage Park เขตฮิดากะ (Hidaka) จังหวัดไซตามะ (Saitama)
โดยจะบานสะพรั่งในช่วงกลางเดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคม ของทุกปี มีดอกพลับพลึงแดงมากกว่า 5 ล้านดอก บานส่งสีแดงสดไปทั่วทั้งสวน ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจี ท่ามกลางอากาศเย็นสบายสดชื่น มีทางเดินเล็ก ๆ ให้เดินลัดเลาะชมความสวยงามของทุ่งดอกพลับพลึงแดงไปรอบ ๆ สวน สามารถเข้าชมกันได้ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชม 300 เยน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kinchakuda.com
4. เพลิดเพลินกับดอกไม้ พร้อมฉากหลังภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ
อีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมดอกไม้ได้อย่างสวยงามแบบแทบจะหยุดหายใจ ในช่วงปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็คือ "สวนยามานากาโกะ ฮานาโนะ มิยาโกะ" (Yamanakako Hanano Miyako Kouen) เขตมินามิซึรุกัน (Minamitsuru) จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) สวนริมทะเลสาบที่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด นั่นหมายความว่านักท่องเที่ยวจะได้รับชมทุ่งดอกไม้หลากสีสันไปพร้อมกับฉากหลังสุดอลังการของภูเขาไฟฟูจิ
ที่นี่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลราว ๆ 1,000 เมตร จะมีดอกไม้ให้ได้ชมกันตลอดในช่วงระหว่างฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูใบไม้ร่วง โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จะมีทุ่งดอกคอสมอสและดอกบานชื่นบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน ถ้าเป็นทุ่งดอกบานชื่นก็จะมีหลากสีสันปะปนกันไป
ส่วนทุ่งดอกคอสมอสส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง-ส้ม นักท่องเที่ยวจะได้ถ่ายรูปกับดอกไม้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับวิวสวย ๆ ของภูเขาไฟฟูจิ ทั้งนี้ภายในสวนแห่งนี้ยังมีอาคารเรือนกระจก ซึ่งปลูกดอกไม้สไตล์ยุโรปไว้ให้ชมกัน พร้อมทั้งยังมีน้ำตกเมียวจิน (Myojin) และเครื่องเล่นน่ารัก ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมได้อย่างใกล้ชิดด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hananomiyakokouen.jp
และต่อจากการชมทุ่งดอกไม้สวย ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะไปปีนภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วยนะ ซึ่งจะมีการเปิดให้พิชิตภูเขาไฟฟูจิเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น คือช่วงต้นเดือนกรกฎาคม-ปลายเดือนสิงหาคม ใครอยากสัมผัสกับภูเขาแห่งเทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของคนญี่ปุ่นสักครั้ง ก็ไม่ควรพลาดไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงปลายฤดูร้อนนี้
5. ชิลกับย่านพอนโตโชะ ริมแม่น้ำคาโมะ เมืองเกียวโต
ภาพจาก Sanga Park / Shutterstock.com
ย่านพอนโตโชะ (Pontocho) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต เป็นย่านร้านอาหารสุดอร่อย ตั้งขนานไปกับแม่น้ำคาโมะ ร้านอาหารแต่ละร้านออกแบบมาให้มีพื้นที่เปิดโล่งกว้าง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ ริมแม่น้ำคาโมะได้อย่างเต็มที่ และยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณไว้อย่างดี
ในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่อากาศกำลังจะเย็นสบายกำลังดี จึงเหมาะที่จะมานั่งจิบเครื่องดื่มอุุ่น ๆ กันที่นี่ ยามเย็นบรรยากาศจะสวยโรแมนติก มีแสงส้ม ๆ รำไรจากดวงไฟในแต่ละร้าน พร้อมกับเสียงเพลงเพราะ ๆ ที่เคล้าคลอตลอดค่ำคืน สร้างบรรยากาศให้ที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนอันน่าพิสมัยที่สุดในเกียวโต
6. สนุกสนานกับเทศกาลฮาโลวีนที่ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน
ภาพจาก Mr.pinate / Shutterstock.com
เทศกาลฮาโลวีน เป็นอีกเทศกาลที่มีความสนุกสนานและได้รับความนิยมไปทั่วโลก อย่างในญี่ปุ่นก็มีการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้อย่างแพร่หลาย มีหลายสถานที่จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่นก็ต้องที่นี่เลย "ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน" ซึ่งมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ในทุกปี มีการตกแต่งสถานที่ให้อยู่ในธีมฮาโลวีน พร้อมเตรียมจัดกิจกรรมสนุกสนานไว้รอนักท่องเที่ยวเพียบ โดยนักท่องเที่ยวสามารถแต่งกายแฟนซีมาร่วมสนุกในวันปล่อยผีนี้ได้ด้วยภาพจาก roroto12p / Shutterstock.com
กิจกรรมและเครื่องเล่นที่ไม่ควรพลาด เช่น The Flying Dinosaur โซน Jurassic Park รถไฟเหาะสูงกว่า 37.8 เมตร สามารถหมุนรอบได้ 360 องศา, The Wizarding World of Harry Potter โลกแห่งเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เดียวในเอเชีย, Universal Spectacle Night Parade ขบวนพาเหรดสุดอลังการยามค่ำคืน และ The Ride โซนฮอลลีวูด รถไฟเหาะที่มีจุดสูงที่สุดกว่า 40 เมตร สำหรับกิจกรรมวันฮาโลวีนในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน จะมีการจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายนไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม ดูความเคลื่อนไหวและดูรายละเอียดต่าง ๆ ของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน ได้ที่ usj.co.jp
7. ลิ้มรสความอร่อยของเกาลัดจากธรรมชาติ เมืองโอซาก้า
ใครที่ชอบกินเกาลัด (Chestnut) ต้องไม่พลาดการไปลิ้มรสเกาลัดสุดอร่อยกันที่ Mizukoshi Chestnut Farm ฟาร์มเกาลัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตโทโยโนะกุน (Toyono-gun) เมืองโอซาก้า ซึ่งมีการปลูกเกาลัดตามธรรมชาติบนภูเขา ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 7,000 เฮกเตอร์ นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มรสกับความอร่อยของเกาลัดพื้นเมืองพันธุ์ Gin-yose โดยในช่วงกลางเดือนกันยายน เกาลัดจะโตเต็มที่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเก็บลูกที่ร่วงหล่นบนพื้นซึ่งเป็นลูกที่พร้อมแก่การนำไปคั่วกินแล้วได้เอง เลือกได้เลยว่าชอบลูกไหน แล้วหยิบใส่ตะกร้า ชั่งน้ำหนัก ซื้อกลับมากินที่บ้าน หรือจะซื้อมาเป็นผลิตภัณฑ์ของฝากจากญี่ปุ่นก็ได้เช่นกัน หนึ่งปีมีให้เที่ยวชมแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เห็นแบบนี้แล้วอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงปลายฤดูร้อน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ขึ้นมาทันที เลยไปแอบส่องตั๋วเครื่องบิน เจอของสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ต เขามีเส้นทางบินตรงไปประเทศญี่ปุ่นเยอะมาก และยังมีให้เลือกหลายเที่ยวบิน อย่างเมืองโตเกียวก็มีให้เลือกถึง 2 เที่ยวบินต่อวัน เมืองโอซาก้าก็มีเส้นทางบินตรงถึง 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
แต่ความน่าสนใจที่มากกว่านั้นคือ ทางสกู๊ตนำเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์ มาให้บริการในเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-โตเกียว และกรุงเทพฯ-โอซาก้า ด้วย ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีลำตัวกว้าง จึงทำให้ที่นั่งแต่ละที่กว้างตามไปด้วย สามารถปรับพนักพิงศีรษะได้มากกว่าเดิม มีพื้นที่เก็บกระเป๋าที่ใหญ่ขึ้น มี Wi-Fi ออนบอร์ดทุกที่นั่งนะ ถ้าใครเลือกที่นั่งแบบ ScootBiz ก็ยังจะมีที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ด้วย ซึ่งความพิเศษต่าง ๆ นานานี้เราจะจ่ายในราคาเบา ๆ เท่านั้น เทียบเท่ากับการนั่งอีโคโนมีคลาสของสายการบินที่ให้บริการแบบฟูลเซอร์วิสเลย โอ๊ย...มันดีอะ เปิดวาร์ปดูรายละเอียดเกี่ยวกับตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นของสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ตได้ที่ flyscoot.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
flyscoot.com, jnto.org.au, japanistry.com, japanvisitor.com, kinchakuda.com, jnto.or.th, yamanakako.yamanashi.jp, yamanashi-kankou.jp, japan-guide.com และ osaka-info.jp