
ภาพจาก chuckstock / shutterstock.com


เมืองชิงเต่า ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลซานตง (Shandong) ตัวเมือง 3 ด้านล้อมรอบไปด้วยท้องทะเลเหลือง (Yellow Sea) ซึ่งเชื่อมต่อกับประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่น ทำให้เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญในน่านน้ำแถบนี้อีกด้วย ในอดีตชิงเต่าเคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเยอรมนีและประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเราจึงยังเห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามสไตล์ยุโรปกระจายตัวอยู่รอบเมือง สร้างบรรยากาศสบาย ๆ ให้กับชิงเต่าได้อย่างมาก เมื่อผนวกกับสีสันแห่งท้องทะเลที่อยู่โดยรอบ เมืองชิงเต่าจึงได้รับฉายาว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งตะวันออก (The Switzerland of the Orient)
ชิงเต่า มีชื่อเสียงมากในเรื่องการผลิตเบียร์ชิงเต่า (Tsingtao) ใครได้มาเที่ยวเมืองนี้จึงไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองรสชาติเบียร์พื้นเมืองของชิงเต่า อีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันก็คือ "อาหารทะเล" เพราะชิงเต่าห้อมล้อมไปด้วยทะเล ซึ่งทะเลในแถบนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก จึงทำให้อาหารทะเลที่นี่มีความสด ใหม่ รสชาติอร่อย ๆ ไม่เหมือนกับที่ไหน เมื่อได้รับประทานคู่กับเบียร์ท้องถิ่นชิงเต่า ยิ่งเข้ากันอย่างมากเลยทีเดียว
ในปี 2008 จีนได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ และได้จัดการแข่งขันเรือใบที่เมืองชิงเต่า นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชิงเต่าได้เผยโฉมความงดงามออกสู่สายตาชาวโลก และนำพามาซึ่งโอกาสทางธุรกิจที่ค่อย ๆ เติบโตอีกมากมาย

เมืองชิงเต่าแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ตามเราไปดูกันเลยว่าจะมีเที่ยวที่ไหนบ้างในเมืองชิงเต่าที่ควรไปเห็นด้วยตาตัวเอง


จัตุรัส May Fourth ตั้งอยู่บริเวณอ่าว FuShan เป็นพื้นที่สาธารณะให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวได้มาเดินเล่นผ่อนคลายกับบรรยากาศแสนสบายของเมืองและริมชายฝั่งทะเล ซึ่งย่านนี้ได้ตั้งชื่อมาจากการเคลื่อนไหวในการเรียกร้องการเป็นอิสระจากเยอรมนีในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1919 สัญลักษณ์อันโดดเด่นของที่นี่ก็คืองานศิลปะที่คล้ายกับการหมุนของลมในเดือนพฤษภาคมที่มีสีแดงสด เป็นแลนด์มาร์กที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและน่าจดจำไปตลอดกาล


เมืองชิงเต่าเป็นเมืองริมทะเลที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของโลก เพราะฉะนั้นเมื่อไปถึงชิงเต่าเราจึงไม่ควรพลาดที่จะไปเยือนหาดทรายและชายทะเลของเมืองนี้ โดยเฉพาะที่หาดนัมเบอร์วัน (Number One Bathing Beach) ซึ่งเป็นหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองชิงเต่า ด้วยเป็นชายหาดที่มีทรายเนียนนุ่ม น้ำทะเลใส พร้อมทั้งคลื่นไม่แรงมากนัก ตั้งอยู่บริเวณอ่าว Huiquan ยาวประมาณ 580 เมตร กว้าง 40 เมตร ชาวเมืองชิงงเต่าและนักท่องเที่ยวมักจะมาเล่นน้ำและเดินเล่นกันที่หาดแห่งนี้ บริเวณชาดหาดมีทั้งโรงแรมและรีสอร์ทมากมายให้ได้เลือกพักผ่อน


หากมองจากทางฝั่งทะเลเข้ามายังเมืองชิงเต่า สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือภูเขาเหลาซาน ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองชิงเต่า เป็นแนวเทือกเขที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีทัศนียภาพของป่าเขา และภูเขาหินปูนที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ยอดเขาที่สูงที่สุดมีความสูงอยู่ที่ 1,133 เมตร ซึ่งในเขตภูเขาเหลาซานก็มีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยสามารถดูรายละเอียดและค่าธรรมเนียมได้ที่ travelchinaguide

ในช่วงเวลาหนึ่งชิงเต่าได้อยู่ในการปกครองของเยอรมนี สิ่งหนึ่งที่ชิงเต่าได้รับมาก็คือการผลิตเบียร์ ซึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเบียร์ชิงเต่า ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น ภายนอกอาคารจัดแสดงประติมากรรมที่เกี่ยวข้องกับเบียร์ชิงเต่า โดดเด่นด้วยอาคารที่ประดับประดาไปด้วยกระป๋องเบียร์ขนาดใหญ่ ส่วนตัวอาคารเป็นลักษณะสไตล์ยุโรปสีแดงอิฐสวยงาม ด้านในจัดแสดงประวัติของเบียร์ชิงเต่า กระบวนการผลิต พร้อมทั้งสินค้าตัวอย่าง และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ค่าเข้าชมในเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม คนละ 60 หยวน และเดือนพฤศจิกายน-เมษายน คนละ 50 หยวน

ภาพจาก zhaoliang70 / shutterstock.com

ถ้าถามหาแลนด์มาร์กของเมืองชิงเต่า หนึ่งสถานที่ที่จะต้องอยู่ในลิสต์นี้ก็คือสะพาน Zhan ซึ่งเป็นสะพานปูนที่ทอดยาวลงไปในทะเล ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองชิงเต่า ห่างจากสถานีรถไฟชิงเต่าเพียง 0.3 ไมล์เท่านั้น โดยเชื่อมต่อกับที่ปลายสุดของถนน Zhongshan สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1891 เพื่อใช้เป็นท่าเรือสำหรับการจอดเรือขนาดใหญ่ที่จะเข้ามายังเมืองชิงเต่า หลังจากการปรับปรุงปัจจุบันตัวสะพานยาว 440 เมตร และกว้าง 10 เมตร ที่ปลายสุดของสะพาน มีศาลารูปทรงจีนดั้งเดิมตั้งอยู่ เรียกว่าศาลา Huilan เมื่อไปยืนที่ตรงศาลาแล้วมองกลับมายงฝั่งจะเห็นตัวเมืองชิงเต่าที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมจีน ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลอย่างงดงาม ค่าเข้าชมศาลา Huilan สำหรับบุคคลทั่วไปราคา 4 หยวน ตัวสะพานเปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชั่วโมง


โบสถ์ St. Emil หรือโบสถ์ St. Michael เป็นอีกจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปในเมืองชิงเต่า โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนน Dexian เป็นโบสถ์คาทอลิก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมัน มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ผสมผสานแบบโรมัน สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1934 มีเอกลักษณ์คือ บริเวณอาคารด้านหน้ามีหอนาฬิกาสูง 56 เมตร 2 หลัง ตั้งอย่างโดดเด่น โดยจะส่งเสียงสัญญาณในทุกวันอาทิตย์หรือช่วงเทศกาลสำคัญ ภายในโบสถ์สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 1,000 คน ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่สวยตามสไตล์เรเนอซองส์ในอิตาลี เมื่อทุกสิ่งอย่างถูกผสมผสานกัน จึงทำให้โบสถ์แห่งนี้งดงามและกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่โรแมนติกในเมืองชิงเต่า

สำหรับการรับชมวิวทะเลของเมืองชิงเต่า นักท่องเที่ยวนิยมที่จะไปเดินเล่นกันที่สวยสาธารณะแห่งนี้ เพราะตั้งอยู่ติดกับริมทะเลของเมืองชิงเต่า มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 4 เฮกเตอร์ ภายในสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ กลุ่มหิน และวิวของท้องทะเล นักท่องเที่ยวจะได้ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังได้เรียนรู้ป่าเขาริมชายหาดอีกด้วย

พระราชวัง Tai Qing ถือได้ว่าเป็นพระราชวังเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของประเทศจีน ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา โดยหันหน้าไปทางทะเล สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (Northern Song Dynasty) หรือราวพันปีมาแล้ว ภายในพระราชวังมีทั้งหมด 140 ห้อง แต่ละห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งของเก่าแก่ต่าง ๆ ไว้มากมาย ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปราคา 15 หยวน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Visit Qingdao,China

เกาะเล็กชิงเต่า เป็นเกาะเล็ก ๆ ในทะเล ห่างจากฝั่งไม่มากนัก ลักษณะของเกาะจะมีรูปร่างคล้ายกับพิณโบราณ ชาวเมืองจึงเรียกเกาะนี้ว่าเกาะพิณ (Lute Island) ภายในเกาะจัดเป็นสวนสาธารณะ มีทางเดินเล็ก ๆ ให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวได้เดินสูดอากาศบริสุทธิ์และรับลมทะเลเย็น ๆ มีประภาคารตั้งโดดเด่น พร้อมทั้งมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้ไดนั่งดื่มกาแฟและผ่อนคลายไปกับบรรยากาศสุดชิลของท้องทะเล ค่าเข้าชมคนละ 15 หยวน เปิดตั้งแต่ 07.30-17.30 น.
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงที่เที่ยวเพียงเศษเสี้ยวของเมืองชิงเต่าเท่านั้น ถ้าอยากรู้ที่นี่จะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นรออยู่อีกบ้าง ก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วบินลัดฟ้าไปค้นหาคำตอบกันเองได้เลยค่ะ :)
หมายเหตุ : ราคาและข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
china.org.cn, travelchinaguide.com และ qingdaochinaguide.com