เดี๋ยวนี้การท่องเที่ยวเมืองเพื่อนบ้านใกล้ ๆ อย่าง มาเลเซีย กำลังมาแรงแซงทุกสนาม นาทีนี้บอกเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จัก "ปีนัง" เมืองเล็ก ๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบคนพลุกพล่าน มาที่นี่คุณจะได้เดินทอดน่องปล่อยอารมณ์ไปกับผลงานศิลปะแนวสตรีทอาร์ตย่านบริเวณ George Town ชมวิวทิวทัศน์รอบเกาะปีนังที่ Penang Hill พร้อมตะเวนชิมอาหารจนแน่นท้อง ไม่ต่างจากทริปการเดินทางของ คุณสมาชิกหมายเลข 1520097 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เผยให้เห็นถึงความน่ารักน่าชังของเมืองนี้ทุกซอกมุม จนหลายคนแอบยกให้ปีนังเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ในดวงใจ ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของความขลังและโบราณท่ามกลางโลกสมัยใหม่ แล้วคุณล่ะพร้อมตกหลุมรักปีนังไปกับเราแล้วหรือยัง ?
สวัสดีค่ะ เราชื่อ บาส นะคะ หลัง ๆ นี่ก็ติดเที่ยวซะเหลือเกิน จนกระทู้เที่ยวเราเริ่มมาถี่ ๆ แล้วค่ะ
แบกเป้ สะพายกล้อง ตะลุยเดี่ยว เที่ยวสังขละบุรี บันทึกการเดินทางแรกของปี 4 วัน 3 คืน
http://pantip.com/topic/33141573
สองสาวแบกเป้ สะพายกล้อง แบ็คแพ็ก เที่ยวลาวใต้ บันทึกการเดินทาง 6 วัน 5 คืน
http://pantip.com/topic/33930750
บอกก่อนเลยว่าก่อนจะมาเป็นทริปนี้ น้อง ๆ ผู้ที่ร่วมเดินทางกับเราเค้าชวนเราไปวังเวียงเมื่อต้นพฤษภาคมแล้วเรามีภารกิจที่ทำให้ต้องทิ้งตั๋วไม่ได้ไปด้วยกัน ครั้งนี้เลยอยากไปซ่อม และจุดมุ่งหมายแรกที่เราจะไปกันก็คือ "หลีเป๊ะ" แต่ก็เป็นช่วงหน้าฝนอีกเนอะ จองตั๋วไป-กลับเรียบร้อย มาลงความเห็นกันว่าไปปีนังกันแทนแล้วกัน
Day 1
วันเดินทางพวกเราทั้งสี่คนออกจากบ้านตีห้า ไปรอขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณแปดโมงครึ่ง พวกเราเดินออกมารอขึ้นสองแถวตรงแถว ๆ ที่จอดรถ (ออกตรงประตูทางออกสนามบินแล้วตรงมาอย่างเดียวเลย)
จะเจอสองแถวสีน้ำเงินจอดรออยู่ เค้าบอกค่าโดยสารไปตลาดกิมหยง 30 บาท เรานั่งรอกันสักพัก คนไม่เต็ม คนขับบอกว่าไฟลท์เลทเป็น 09.50 น. ถ้ารอก็อีก 50 นาที ถ้าไม่รอเพิ่มอีกคนละ 20 บาท เป็นคนละ 50 บาท จะออกเลย เราก็เลยเอา มันไม่มีอะไร ไม่รู้จะรอทำไม อะ ๆ มุ่งหน้าสู่ตลาดกิมหยง
เราเดินหาร้านเพื่อเติมพลังยามสายกัน ถามหาร้านที่เค้าขายแต่เตี๊ยมกับคนแถวนั้น เค้าบอกให้เราเดินไปร้านหนึ่ง ซึ่งมันไม่อร่อยอะ เหมือนของค้าง เราไม่รีวิวรูปละกัน มันไม่ผ่านจริง ๆ แล้วก็ไม่ชอบที่เอาของที่ไม่ได้สั่งมาเสิร์ฟเหมือนยัดเยียด แล้วตบท้ายด้วยประโยคอันนี้ไม่กินไม่คิดเงินนะ พอกินมื้อนี้เสร็จเราก็เดินเตร็ดเตร่กันแถว ๆ นี้ แล้วไปท่ารถตู้ที่จะพาเราข้ามฝั่งไปมาเลเซีย เข้าปีนัง และไปส่งเราถึงโรงแรมในราคา ไปกลับ 750 บาทค่ะ ท่ารถตู้อยู่แถว ๆ ตรงข้ามโรงแรมอโลฮา พวกเราไปถึงก่อนเวลาก็ตามประสาพวกเสพติดโซเชียล ชาร์จแบตเตอรี่สิคะรออะไร
แต่ของพวกเรามีน้องชายเรามีปัญหาเรื่องพาสปอร์ตเหลือไม่ถึงหกเดือน (ห้าเดือนกว่าเกือบ ๆ หก) เจ้าหน้าที่ที่ท่ารถตู้บอกว่าไม่คอนเฟิร์มนะว่าเข้าได้ไหม อ้าวทีนี้ก็ลุ้นกัน
พอเที่ยงครึ่งเลยมาหน่อยก็มีรถตู้มาจอด เจ้าหน้าที่ที่ท่ารถก็เรียกให้เราขึ้น นั่งรถประมาณชั่วโมงหนึ่งถึงด่านไทย ก็ลงไปแต่ตัวกับพาสปอร์ต ของทิ้งไว้บนรถ เขียนใบผ่านด่านเรียบร้อยก็กลับมาขึ้นรถตู้ ไปด่านเข้ามาเลเซียต้องเอาของลงหมด ด่านนี้อย่างลุ้น สรุปน้องชายผ่านได้ เย่ ๆๆ เที่ยวได้อย่างสบายใจสักที เพราะแพลนบีไม่มีเลย จากด่านนี้ไปปีนังกว่าจะส่งคนอื่นครบ กว่าจะถึงโรงแรม หกโมงครึ่งได้นะ (เวลาที่มาเลเซีย เร็วกว่าไทยหนึ่งชั่วโมงค่ะ) น้องเราจองโรงแรมไว้ที่ Wassup Youth Hotel แถว ๆ Komtar ใกล้ท่ารถ เดินไปท่ารถได้ในห้านาที
Map 1
จุดสีเขียว หมายเลข 1 ชื่อ Wassup Youth Hostel เป็นโฮสเทล
จุดสีน้ำเงิน หมายเลข 1 เป็นท่ารถค่ะ
จุดสีฟ้า หมายเลข 1 เป็น GeorgeTown ย่านสตรีทอาร์ตค่ะ ซึ่งพวกเรากันไว้ว่าจะไปพรุ่งนี้
วันแรกนอนห้อง Dormitory เตียงสองชั้นสองเตียง พร้อมห้องน้ำสองห้อง มัดจำกุญแจอันเดียวเลยใช้ล็อกเกอร์ได้อันเดียว แต่ไม่เป็นไรเพราะในห้องไม่มีคนอื่นด้วย และไม่ได้พกอะไรมีค่าเท่าไร มีห้องน้ำในตัวให้สองห้อง เครื่องทำน้ำอุ่น แต่ผ้าเช็ดตัวต้องลงไปขอที่เคาน์เตอร์ เราค่อนข้างโอเคกับโฮสเทลที่นี่นะ เคยไปนอนที่สิงคโปร์แคบและแพงกว่านี้มาก นี่ยังดีที่มีห้องน้ำในตัวให้สองห้อง พร้อมล็อกเกอร์ ภายในด้านล่างของโรงแรมมีโต๊ะพูลให้เล่น กับโต๊ะที่เป็นเกมเตะบอลแบบหมุนมืออะค่ะ ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร กับมุมให้นั่งเล่นเกมกระดาน หมากรุก หรือเลโก้ กับที่นั่งเบาะบีนแบคที่สุดแสนจะยวบยาบ นั่งทีตูดติดพื้น
สภาพพวกเราตอนนี้แต่ละคนร่างกายโหยหาอาหารมาก เพราะกว่าจะถึงกัน มื้อกลางวัน-มื้อเย็นไม่ได้กิน กระเพาะเต้นระบำหมดแล้วค่ะ พวกเราเลยเดินไปย่านไชน่าทาวน์ ไม่รู้เค้าเรียกอย่างนั้นหรือเปล่า เห็นเค้าขายแต่อาหารแนว ๆ จีนกัน ตามแผนที่นี้เลยค่ะ
Map 2
สรุปเราก็ไปนั่งกินกันร้านหัวมุมถนนย่านนี้ จากใน MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 1 ค่ะ ได้ Char Kuey Teow น้อง ๆ ได้ Curry Mee กับ Oysters อีกจานจำไม่ได้อะ แป้ง Oysters ร้านนี้หนึบยืดมาก อร่อยมาก ราคา 12 ริงกิต เป็นจานที่แพงที่สุดบนโต๊ะแล้วค่ะตอนนี้ ราคาน้ำเปล่าตามร้านอาหารจะอยู่ที่ขวดละ 1.3 ริงกิต นะคะ
ป.ล. ในที่พักเรามีตู้ให้กด ราคาถูกกว่าแค่ 1 ริงกิต เท่านั้นค่ะ
MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 2 จะเป็นร้านรถขายน้ำเก๊กฮวยค่ะ
จบจากร้านเมื่อกี้ก็ออกไปตระเวนต่ออีกหน่อย แต่ดูจากแผนที่ไม่หน่อยนะ อีกฟากเลย เดินเพลินไปนิดเจอร้านขายอาหารเหมือนร้านลูกชิ้นไทยเลยอะ เค้าเรียกว่า Lok Lok ตาม MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 3 ราคาตามสีปลายไม้ อย่างปลายไม้สีดำก็ราคา 2.5 ริงกิต, สีเขียว 1.2 ริงกิต, สีแดง 2 ริงกิต ประมาณนี้ค่ะ น้ำจิ้มก็มิกซ์มาให้ รสประหลาดดี แต่กินได้ เหมือนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะกับน้ำจิ้มซีฟู้ด เค้าให้น้ำจิ้มมา 4 อย่าง จำรสได้สองอย่างค่ะ
ขากลับข้ามฝั่งไปหาซื้อขนมกินใน 7-11 ฝั่งตรงข้ามค่ะ MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 4 จบจากจานนี้เราก็กลับโรงแรมมาพักเอาแรงต่อค่ะ พรุ่งนี้โปรแกรมแน่นมาก
Day 2
วันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ย้ายห้องมาเป็น Superior Twin Room 2 ห้อง วันนี้มีไดร์เป่าผม เตารีด กาต้มน้ำ ตู้เย็น และทีวีที่เพิ่มมา ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใช้งานอยู่ดี 5555
จากนั้นก็ออกไปหาข้าวเช้ากินกัน แต่เดินเจอร้านขนมหวานร้านที่ขึ้นชื่อ ต้องยืนตากแดดกิน คือหน้าร้านไม่มีที่นั่งและแดดจัด ๆ แต่ก็อยากลองไง พิกัด MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 5 ค่ะ ร้าน CHENDUL
เหมือนน้ำแข็งไสใส่น้ำแดง มีถั่วแดงหวาน ๆ เฉาก๊วย เส้นลอดช่อง รสชาติก็โอเคอยู่นะ ไม่เลว ๆ เราชอบที่มันมีถั่วแดงหวาน ๆ อร่อย ราคาก็จะอยู่ที่ 2.5/2.7/3.5 ริงกิต อิ่มจากร้านนี้เอาจานคืนแม่ค้าแล้วเดินไปหาของอิ่ม ๆ ทานเถอะ เล่นของหวานกันแต่เช้าเลย
เดินไปหน่อยเจอร้านติ่มซำ จัดเต็มกันมาก MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 6 ทาร์ตไข่ไม่ค่อยโอเคเท่าไรเลย น้ำจิ้มจิ๊กโฉ่วหรืออะไรไม่รู้ นึกว่าจะออกเปรี้ยว ๆ นิด พอเอาติ่มซำจิ้มกลายเป็นเค็มกว่าที่คิด อาจจะถูกปากเค้าแต่ไม่ถูกปากพวกเราค่ะ ราคาก็เอาเรื่องอยู่นะ ทั้งโต๊ะมื้อนี้ประมาณ 65 ริงกิต ได้ค่ะ
กินติ่มซำกันอิ่มแล้วเราก็ออกเดินกันค่ะ จุดมุ่งหมายเราคือสตรีทอาร์ต ซึ่งกระจายอยู่ทั่ว ต้องเดินตามเก็บภาพในจุดต่าง ๆ เราไปเจอร้านตัดผมมินิมอลเก๋ ๆ ดีเลยแอบแชะรูปไว้หน่อย
พอถ่ายเสร็จก่อนข้ามถนน มีชาวต่างชาติเดินมาสองคน หน้าตาหล่อเหลาทั้งคู่เลย น้องเราบอกหล่อจุง ขอ WhatsApp ได้ไหม พอเค้าเดินผ่านพวกเราคนหลังพูดว่าเร็ว ๆๆๆ เท่านั้นแหละ เราหันไปมองหน้าน้องเลย เก็บเศษหน้าด่วนค่ะอินาง เค้าฟังไทยออก 555555
ร้านอาหารหลายร้านนะคะที่พอพูดไทยได้ ฟังไทยออก รีเซฟชั่นที่โรงแรมที่เราพักก็พูดไทยได้นิดหน่อยค่ะ เรากับน้องก็ชอบปากไว ไปวิจารณ์อาหารเค้าตอนกำลังอยู่ในร้าน ชะนีไทยหวิดดับแล้วไหมล่ะ
อะต่อค่ะ เราเดินมาถึงย่าน George Town แล้วค่ะ ดูทางจาก MAP 1 จุดสีฟ้า หมายเลข 1 นะคะ อันนี้จะเป็นแผนที่เดินตามเก็บภาพสตรีทอาร์ตจากกำแพงมุมถนนต่าง ๆ ที่เราเดินผ่านมานะคะ เราทำ MAP 3 ไว้ ค่ะ เพราะแต่ละที่ค่อนข้างกระจายอยู่ทั่วเลยค่ะ ต้องใช้เวลากับเส้นนี้พอสมควรกว่าจะตามเก็บได้ครบ เราน่าจะขาดอีกหลายจุดเหมือนกันค่ะ
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 1 เค้ามีเหล็กสีดำดัดลายแนว ๆ อาร์ต ๆ ตามอาชีพของคนพื้นที่แถวนี้ค่ะ
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 2
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 3
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 4
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 5
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 6
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 7
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 8
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 9
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 10
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 11
นักท่องเที่ยวบางคนก็เช่าจักรยานขี่ค่ะ ประหยัดเวลาในการไปเที่ยวละแวกนี้ได้ดีเลย เพราะสตรีทอาร์ตแต่ละลายจะอยู่แยกกันค่อนข้างไกล ถ้าเดินต้องใช้เวลามากเลยค่ะ แต่เราก็เลือกจะเดินกันนะ ราคาค่าเช่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน วันละ 10 ริงกิต
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 12
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 13
แวะกินไอศกรีมเย็น ๆ กันหน่อยค่ะ เดินร้อนกันมานาน Lollipops Ice Cream ร้านอยู่มุมถนน MAP 3 จุดสีแดง หมายเลข 8 ค่ะ ข้าง ๆ มีร้านรถผลไม้ขายด้วยค่ะ
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 14
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 15
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 16
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 17
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 18
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 19
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 20
MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 21
หลังจากเก็บภาพสตรีทอาร์ตมาจนหนำใจแล้ว ถึงจะไม่ครบก็เถอะ เราก็หาร้านเติมพลังกันต่อ น้องพาเข้าร้านอาหารแนว ๆ อินเดีย ชื่อร้าน KAPITAN … MAP 3 จุดสีแดง หมายเลข 8
พวกเราไม่เคยเข้าร้านอาหารแนวนี้กันเลย เกิดอาการอยากลองล้วน ๆ เข้าไปแล้วไม่มีใครสนใจด้วย ขอเมนูก็แทบจะสไลด์มาให้แบบส่ง ๆ
สรุปเราลองสั่ง Tandoori Set Plain Naan Set ราคา 9 ริงกิต คนรับออร์เดอร์หายไปประมาณยี่สิบนาที จานนี้ก็มาเสิร์ฟ คิดเอาไว้ว่ามันต้องเป็นรสเครื่องเทศหนัก ๆ ตามที่เคยได้ยินมา เลยลองฉีกแป้งฉีกไก่กินมือกันตามโต๊ะรอบข้าง แล้วก็จิ้ม ๆ น้ำ ๆ ปรากฏว่าก็อร่อยนะ Not Bad ใครจะกินแบบใช้ช้อนส้อมเค้าก็มีจุดบริการคือเดินไปหยิบมาได้เลยค่ะ นี่อยากอินกันไง...ซัดมือค่ะ
น้องชายเห็นสั่งจานบนแล้วรอนาน เลยไปยืนจิ้ม ๆ ที่ตู้อาหารแล้วได้มาเป็นจานนี้
หลังจากเติมพลังแล้วก็เดินต่อกันอีกค่ะ จาก MAP 3 จุดสีแดง หมายเลข 8 เราทำไฮไลท์ถนนไว้...สีเหลือง คือเดินไปเส้นนั้นค่ะ
MAP 4
เดินเส้น Lebuh King ไปทางจนถึงแยกที่ Lebuh Bishop เลี้ยวซ้ายไปสุดจะเจอโบสถ์ด้านล่างนี้ค่ะ
MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 1
เดินไปตาม MAP ก็จะเจออาคารสวย ๆ ด้านล่าง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่สวยดีก็เลยถ่ายรูปเก็บเอาไว้ค่ะ
MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 2
MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 3
ตรงพื้นที่สีเขียวใน MAP 4 เป็นสนามหญ้าค่ะ ช่วงที่เราไปมีงาน Transformers Street Art เห็นว่ามีจนถึงวันที่ 17 กันยายน 2558 ค่ะ ไม่ทันแล้วนะคะทุกคน เอาภาพมายั่วเฉย ๆ อย่าโกรธเค้า 5555
เดินออกไปหน่อยจะเป็น Fort Cornwallis หรือป้อมปราการคอร์นเวลลิส ด้านในจะมีรูปปั้นเซอร์ฟรานซิส ไลท์ และก็ปืนใหญ่ค่ะ ซึ่งดูค่าเข้าชาวต่างชาติอย่างเราแล้วรู้สึกไม่ค่อยคุ้มค่า เลยไม่ได้เข้าค่ะ (คนละ 20 ริงกิต)
MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 4
เดินออกมาหน่อยจะเจอกับฟู้ดคอร์ทค่ะ เราแค่แวะซื้อน้ำกันเลยไม่ได้ถ่ายรูป จะอยู่ตรง MAP 4 จุดสีแดง หมายเลข 8 อันนี้เดินผ่านที่จอดรถแบบเสียตังค์เข้าจอดค่ะ หันไปเห็นพอดี อดไม่ได้ที่จะต้องเก็บรูปมา จอดที่นี่แถมฟรีขี้นกค่ะ = =\'\' เล่นอยู่กันซะนึกว่าเป็นรังของตัวเองเลยค่ะ
เดินมาหน่อยจะเจอหอนาฬิกาค่ะ
MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 5
เราก็ต้องวนกลับมาที่โรงแรมอีกรอบค่ะ กลับอีกทาง ทีแรกว่าจะขึ้นรถบัสกลับค่ะ แต่ก็อยากเดินเล่นดูนั่นนี่กัน เลยลงความเห็นว่าเดินเนอะ เห็นเค้าฮิต ๆ มาถ่ายกันค่ะ ธนาคาร Standard Chartered
MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 6
น้องชวนแวะกินขนมไอศกรีมอีกร้านหนึ่งระหว่างทางค่ะ ชิ้นนี้รวม Vat 6% แล้ว 17 ริงกิตกว่า ๆ ค่ะ ทีรามิสุราคาค่อนข้างเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่อร่อยค่ะ...ยอม
MAP 4 จุดสีแดง หมายเลข 9
จากนั้นเราก็เดินเที่ยวละแวกนั้นจนกลับมาถึงโรงแรม เก็บของนิดหน่อยแล้วออกไปที่ท่ารถเมล์ ขึ้นรถเมล์ Rapid Penang ครั้งแรกของทริปกัน
ท่ารถอยู่ใน MAP 1 จุดสีน้ำเงิน หมายเลข 1
เดินทางไป Gurney Plaza ขึ้นสาย 101 ราคา 1.4 ริงกิต เตรียมเงินให้พอดีนะคะ ไม่พอดีเค้าจะไม่ทอนค่ะ คนขับจะให้ตั๋วมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ด้วยความที่คิดว่าสายแปดบ้านเราก็ขับแย่แล้ว ที่นี่คงไม่เท่าไรหรอก ชะล่าใจไป ที่ไหนได้รถที่นี่ขับกระชากไม่แพ้กันจริง ๆ เผลอ ๆ ยิ่งกว่าด้วย ลงรถอย่าลืมตรวจเช็กเครื่องในตัวเองนะคะว่ายังอยู่ครบหรือเปล่า 555 ต่างกับสายแปดตรงแค่ไม่ขับซิ่งแบบประมาทค่ะ
จุดที่เราลงกันคือ Gurney Plaza คิดว่าจะมาห้างกันทำไมใช่ไหมคะ ผิดแล้วค่ะ พวกเราไม่ได้จะมาห้าง เราเดินทะลุไปหลังห้าง น่าจะเรียกว่า Anjung Gurney เราเดินสายกินค่ะ ตรงนี้เย็น ๆ ค่ำ ๆ จะมีร้านอาหารเรียงรายกันมากมายเชียวค่ะ
ร้านสะเต๊ะร้านนี้เค้าว่ากันว่าปีหนึ่งขายสามวันนะคะ ที่เหลือปิดซ่อมค่ะ ไฟไหม้ร้านพัง ซึ่งเราโชคดีมาก ๆ ที่มาเจอค่ะ 5555555 พูดเล่นนะ เราก็ลองซื้อมากินกับน้อง ๆ ด้วยค่ะ ไม้ละ 1 ริงกิต ซื้อ 10 ไม้ เค้าลดให้เหลือ 8 ริงกิต ส่วนน้องไปซื้อร้านท้ายสุดที่คนต่อคิวกันหลาย ๆ คน เป็นร้านขายอาหารประจำชาติ เรียกว่า Nasi lemak น้องเราถูกใจมาก จานละ 6.5 ริงกิต
จากนั้นเราก็กลับที่พักไปนอนกันค่ะ เพราะเดินตะลอน ๆ กันทั้งวันมาก
Day 3
เราออกจากที่พักมากินข้าวมันไก่ ร้านนี้พิกัดอยู่ที่ MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 11 เลยค่ะ
ร้านนี้คนขายพูดไทยได้ด้วยนิดหน่อย เราสั่งแบบรวม ๆ มาก จำราคาไม่ได้อะค่ะ
จากนั้นเราก็เดินไปที่ท่ารถเพื่อขึ้นรถเมล์ Rapid Penang ไป Penang Hill ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะขึ้นสาย 204 สุดสายค่ะ รถเมล์กระชากวิญญาณ เรปิดสมชื่อไปนะ
ถึงแล้วววววววววว
นั่งรถรางขึ้นไปชมวิวข้างบนกันค่ะ Pinang Hill ค่าตั๋ว 30 ริงกิต ถ้าช่อง Fast Lane 60 ริงกิตค่ะ
เรามาตอนฟ้าปิดค่ะ ฝนลงปรอย ๆ มองวิวข้างล่างไม่เห็นเลยค่ะ น่าจะเป็นช่วงโดนหมอกควันจากอินโดนีเซียด้วยนะคะ แต่ทริปนี้ชอบรูปบนสุด ๆ แล้วค่ะ ยังกับอยู่ในนิยายแฟนตาซี ขอฝันเฟื่องแป๊บนะคะ 5555
มีร้านอาหารด้วยค่ะ เดี๋ยวขอเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อนค่ะ
มีที่หยอดเหรียญเพื่อส่องดูวิวด้วยค่ะ แต่ตอนเราไปฟ้าปิด ฝนจะตกด้วย ไม่มีอะไรน่าดูเลยค่ะ ข้าม ๆ
เดินตามทางขึ้นไปเรื่อย ๆ มีเวิ้ง ๆ และมีบันไดให้ขึ้นไปคล้องกุญแจ เต็มที่ค่ะ ชะนีโสดอย่างเราก็กรอกตาเป็นตัวงองู
น้องชายกะแฟนน้องให้ถ่ายรูปให้ นี่ก็เฉย ๆ นะ เห็นคนมีความรักก็รู้สึกดีใจด้วยจริง ๆ ... เดินเล่นแล้วก็ลงมาแวะกิน Calamari Ring จานละ 38 ริงกิต อร่อยหนึบ ๆ มากอะ แพงแต่คิดว่าถ้าไปก็คงกินอีก
ต่อคิวลงรถรางกันเถอะค่ะ เลือกที่นั่งด้านล้านสุดด้านล่าง
หลังจากลงจาก Penang Hill เราก็ขึ้นรถกลับไปที่ท่ารถ แล้วไปต่อที่ Batu Ferringhi ขึ้นสาย 101 รถขับฉวัดเฉวียงเช่นเคย เลียบทะเลด้านขวามือ จุดสังเกตซ้ายมือมีปั๊มน้ำมันปิโตรนาส แต่อากาศไม่เป็นใจ ไปถึงฝนตกค่ะ ฟิลลิ่งทะเลก็เหมือนพัทยาและบางแสนบ้านเราค่ะ ไม่ได้สวยเว่อร์วัง ไม่ได้ถ่ายเพราะกลัวกล้องเปียกค่ะ เราหาร้านโรตีกินแถว ๆ นี้แทน
ร้านขาย Rojar ของทอด ๆ มีหลายอย่าง ปู กุ้ง ปลาเส้น แป้งมั่ง ลูกชิ้นมั่ง เต้าหู้ ชิ้นหนึ่งก็ราคาไม่เท่ากันค่ะ เค้าจะให้เราเลือกใส่จานแล้วเค้าจะสับ ๆ ราดน้ำจิ้ม พร้อมแตงกวากับมันแกวฝานหั่นฝอยแบบในรูปด้านล่างค่ะ
ส่วนน้องเราก็ไปซื้อ Nasi lemak ร้านเดิมกินกัน ติดใจค่ะ แต่หลังจากกินที่นี่แล้วเราก็ยังไม่หยุดกินกันค่ะ ไปแถวไชน่าทาวน์กันต่อ
ตาม MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 12 มีร้านราดหน้าขายค่ะ รสชาติก็คล้ายบ้านเราค่ะ แต่บ้านเราอร่อยกว่านะ ^^ ส่วนน้อง ๆ ก็กินราดหน้าเหมือนกัน จากนั้นก็หาของหวานปิดท้ายค่ะ
ร้านขนมหวาน MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 13 ไปลองทานกันดูค่ะ เราสั่งแบบเซฟ ๆ เฉาก๊วยเย็น ๆ มีฝานเลมอนมาให้ด้วย รสชาติแปลก ๆ ค่ะ แต่กินได้ ถึงตอนกินก็กินกันจนรูปไม่ได้ถ่ายค่ะ จะว่าหิวก็คงไม่ใช่เพราะว่ากินกันมาตลอดทาง เรียกว่าตะกละน่าจะได้ค่ะ 5555
กลับถึงที่พักก็มืดเลยทีเดียวค่ะ นอนพักก่อนค่ะ เพราะพรุ่งนี้เช้ารถตู้มารับเจ็ดโมง (เวลามาเลเซียนะคะ) เรากลับมาจัดกระเป๋าเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ
Day 4
วันนี้ตื่นเช้ากว่าทุกวันค่ะ รถตู้จะมารับที่หน้าโรงแรมเลย สงสัยที่พักเราจะอยู่ไกลกว่าคนอื่น ตอนมาส่งก็ลงคนสุดท้ายของรถ ตอนมารับก็ได้ขึ้นคนแรก ๆ ได้เลือกที่นั่งด้วย อันนี้ถ่ายไว้ก่อนออกมาจากโรงแรม ลองเทียบกับใน booking ดูอีกทีนะคะ
รถตู้แวะรับคนจนครบแล้วก็แวะ Duty Free ให้ จนกว่าเราจะซื้อของกันเสร็จ น่าจะครึ่งชั่วโมงได้ค่ะ จากนั้นก็ผ่านด่าน ตม. แล้วรถตู้ไปส่งที่สนามบิน เรานัดเพื่อนไว้ไปหลีเป๊ะกันต่อ ส่วนน้อง ๆ ก็ไปลงตลาดกิมหยง เราส่งของฝากที่ตะบี้ตะบันซื้อมาจาก Duty free แพ็กใส่กล่องส่งไปรษณีย์กลับบ้านก่อนค่ะ
รีวิวอันนี้เราตั้งใจเขียนเพื่อให้เป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่สนใจจะไปเที่ยวแบบไม่ง้อแท็กซี่
MAP ที่เราทำจะเป็น MAP แค่ในบริเวณที่พักและสตรีทอาร์ตนะคะ ถ้างงหรือมีอะไรผิดพลาดก็แย้งกันได้ค่ะ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามรับชมนะ ไว้วันหลังไปเที่ยวจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ค่ะ 555
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1520097 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม