เที่ยวปีนังด้วยตัวเอง ตระเวนกินเที่ยวแบบไม่ง้อแท็กซี่

ปีนัง

           เดี๋ยวนี้การท่องเที่ยวเมืองเพื่อนบ้านใกล้ ๆ อย่าง มาเลเซีย กำลังมาแรงแซงทุกสนาม นาทีนี้บอกเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จัก "ปีนัง" เมืองเล็ก ๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบคนพลุกพล่าน มาที่นี่คุณจะได้เดินทอดน่องปล่อยอารมณ์ไปกับผลงานศิลปะแนวสตรีทอาร์ตย่านบริเวณ George Town ชมวิวทิวทัศน์รอบเกาะปีนังที่ Penang Hill พร้อมตะเวนชิมอาหารจนแน่นท้อง ไม่ต่างจากทริปการเดินทางของ คุณสมาชิกหมายเลข 1520097 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เผยให้เห็นถึงความน่ารักน่าชังของเมืองนี้ทุกซอกมุม จนหลายคนแอบยกให้ปีนังเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ในดวงใจ ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของความขลังและโบราณท่ามกลางโลกสมัยใหม่ แล้วคุณล่ะพร้อมตกหลุมรักปีนังไปกับเราแล้วหรือยัง ? 



          สวัสดีค่ะ เราชื่อ บาส นะคะ หลัง ๆ นี่ก็ติดเที่ยวซะเหลือเกิน จนกระทู้เที่ยวเราเริ่มมาถี่ ๆ แล้วค่ะ

          แบกเป้ สะพายกล้อง ตะลุยเดี่ยว เที่ยวสังขละบุรี บันทึกการเดินทางแรกของปี 4 วัน 3 คืน
          http://pantip.com/topic/33141573

          สองสาวแบกเป้ สะพายกล้อง แบ็คแพ็ก เที่ยวลาวใต้ บันทึกการเดินทาง 6 วัน 5 คืน
          http://pantip.com/topic/33930750

          บอกก่อนเลยว่าก่อนจะมาเป็นทริปนี้ น้อง ๆ ผู้ที่ร่วมเดินทางกับเราเค้าชวนเราไปวังเวียงเมื่อต้นพฤษภาคมแล้วเรามีภารกิจที่ทำให้ต้องทิ้งตั๋วไม่ได้ไปด้วยกัน ครั้งนี้เลยอยากไปซ่อม และจุดมุ่งหมายแรกที่เราจะไปกันก็คือ "หลีเป๊ะ" แต่ก็เป็นช่วงหน้าฝนอีกเนอะ จองตั๋วไป-กลับเรียบร้อย มาลงความเห็นกันว่าไปปีนังกันแทนแล้วกัน

ปีนัง

          Day 1

          วันเดินทางพวกเราทั้งสี่คนออกจากบ้านตีห้า ไปรอขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณแปดโมงครึ่ง พวกเราเดินออกมารอขึ้นสองแถวตรงแถว ๆ ที่จอดรถ (ออกตรงประตูทางออกสนามบินแล้วตรงมาอย่างเดียวเลย)

หาดใหญ่

          จะเจอสองแถวสีน้ำเงินจอดรออยู่ เค้าบอกค่าโดยสารไปตลาดกิมหยง 30 บาท เรานั่งรอกันสักพัก คนไม่เต็ม คนขับบอกว่าไฟลท์เลทเป็น 09.50 น. ถ้ารอก็อีก 50 นาที ถ้าไม่รอเพิ่มอีกคนละ 20 บาท เป็นคนละ 50 บาท จะออกเลย เราก็เลยเอา มันไม่มีอะไร ไม่รู้จะรอทำไม อะ ๆ มุ่งหน้าสู่ตลาดกิมหยง

ตลาดกิมหยง

          เราเดินหาร้านเพื่อเติมพลังยามสายกัน ถามหาร้านที่เค้าขายแต่เตี๊ยมกับคนแถวนั้น เค้าบอกให้เราเดินไปร้านหนึ่ง ซึ่งมันไม่อร่อยอะ เหมือนของค้าง เราไม่รีวิวรูปละกัน มันไม่ผ่านจริง ๆ แล้วก็ไม่ชอบที่เอาของที่ไม่ได้สั่งมาเสิร์ฟเหมือนยัดเยียด แล้วตบท้ายด้วยประโยคอันนี้ไม่กินไม่คิดเงินนะ พอกินมื้อนี้เสร็จเราก็เดินเตร็ดเตร่กันแถว ๆ นี้ แล้วไปท่ารถตู้ที่จะพาเราข้ามฝั่งไปมาเลเซีย เข้าปีนัง และไปส่งเราถึงโรงแรมในราคา ไปกลับ 750 บาทค่ะ ท่ารถตู้อยู่แถว ๆ ตรงข้ามโรงแรมอโลฮา พวกเราไปถึงก่อนเวลาก็ตามประสาพวกเสพติดโซเชียล ชาร์จแบตเตอรี่สิคะรออะไร

ปีนัง

          แต่ของพวกเรามีน้องชายเรามีปัญหาเรื่องพาสปอร์ตเหลือไม่ถึงหกเดือน (ห้าเดือนกว่าเกือบ ๆ หก) เจ้าหน้าที่ที่ท่ารถตู้บอกว่าไม่คอนเฟิร์มนะว่าเข้าได้ไหม อ้าวทีนี้ก็ลุ้นกัน

          พอเที่ยงครึ่งเลยมาหน่อยก็มีรถตู้มาจอด เจ้าหน้าที่ที่ท่ารถก็เรียกให้เราขึ้น นั่งรถประมาณชั่วโมงหนึ่งถึงด่านไทย ก็ลงไปแต่ตัวกับพาสปอร์ต ของทิ้งไว้บนรถ เขียนใบผ่านด่านเรียบร้อยก็กลับมาขึ้นรถตู้ ไปด่านเข้ามาเลเซียต้องเอาของลงหมด ด่านนี้อย่างลุ้น สรุปน้องชายผ่านได้ เย่ ๆๆ เที่ยวได้อย่างสบายใจสักที เพราะแพลนบีไม่มีเลย จากด่านนี้ไปปีนังกว่าจะส่งคนอื่นครบ กว่าจะถึงโรงแรม หกโมงครึ่งได้นะ (เวลาที่มาเลเซีย เร็วกว่าไทยหนึ่งชั่วโมงค่ะ) น้องเราจองโรงแรมไว้ที่ Wassup Youth Hotel แถว ๆ Komtar ใกล้ท่ารถ เดินไปท่ารถได้ในห้านาที

          Map 1

          จุดสีเขียว หมายเลข 1 ชื่อ Wassup Youth Hostel เป็นโฮสเทล

          จุดสีน้ำเงิน หมายเลข 1 เป็นท่ารถค่ะ

          จุดสีฟ้า หมายเลข 1 เป็น GeorgeTown ย่านสตรีทอาร์ตค่ะ ซึ่งพวกเรากันไว้ว่าจะไปพรุ่งนี้

ปีนัง

ปีนัง

ปีนัง

          วันแรกนอนห้อง Dormitory เตียงสองชั้นสองเตียง พร้อมห้องน้ำสองห้อง มัดจำกุญแจอันเดียวเลยใช้ล็อกเกอร์ได้อันเดียว แต่ไม่เป็นไรเพราะในห้องไม่มีคนอื่นด้วย และไม่ได้พกอะไรมีค่าเท่าไร มีห้องน้ำในตัวให้สองห้อง เครื่องทำน้ำอุ่น แต่ผ้าเช็ดตัวต้องลงไปขอที่เคาน์เตอร์ เราค่อนข้างโอเคกับโฮสเทลที่นี่นะ เคยไปนอนที่สิงคโปร์แคบและแพงกว่านี้มาก นี่ยังดีที่มีห้องน้ำในตัวให้สองห้อง พร้อมล็อกเกอร์ ภายในด้านล่างของโรงแรมมีโต๊ะพูลให้เล่น กับโต๊ะที่เป็นเกมเตะบอลแบบหมุนมืออะค่ะ ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร กับมุมให้นั่งเล่นเกมกระดาน หมากรุก หรือเลโก้ กับที่นั่งเบาะบีนแบคที่สุดแสนจะยวบยาบ นั่งทีตูดติดพื้น

ปีนัง

          สภาพพวกเราตอนนี้แต่ละคนร่างกายโหยหาอาหารมาก เพราะกว่าจะถึงกัน มื้อกลางวัน-มื้อเย็นไม่ได้กิน กระเพาะเต้นระบำหมดแล้วค่ะ พวกเราเลยเดินไปย่านไชน่าทาวน์ ไม่รู้เค้าเรียกอย่างนั้นหรือเปล่า เห็นเค้าขายแต่อาหารแนว ๆ จีนกัน ตามแผนที่นี้เลยค่ะ

          Map 2

ปีนัง

ปีนัง

          สรุปเราก็ไปนั่งกินกันร้านหัวมุมถนนย่านนี้ จากใน MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 1 ค่ะ ได้ Char Kuey Teow น้อง ๆ ได้ Curry Mee กับ Oysters อีกจานจำไม่ได้อะ แป้ง Oysters ร้านนี้หนึบยืดมาก อร่อยมาก ราคา 12 ริงกิต เป็นจานที่แพงที่สุดบนโต๊ะแล้วค่ะตอนนี้ ราคาน้ำเปล่าตามร้านอาหารจะอยู่ที่ขวดละ 1.3 ริงกิต นะคะ

          ป.ล. ในที่พักเรามีตู้ให้กด ราคาถูกกว่าแค่ 1 ริงกิต เท่านั้นค่ะ

          MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 2 จะเป็นร้านรถขายน้ำเก๊กฮวยค่ะ

          จบจากร้านเมื่อกี้ก็ออกไปตระเวนต่ออีกหน่อย แต่ดูจากแผนที่ไม่หน่อยนะ อีกฟากเลย เดินเพลินไปนิดเจอร้านขายอาหารเหมือนร้านลูกชิ้นไทยเลยอะ เค้าเรียกว่า Lok Lok ตาม MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 3 ราคาตามสีปลายไม้ อย่างปลายไม้สีดำก็ราคา 2.5 ริงกิต, สีเขียว 1.2 ริงกิต, สีแดง 2 ริงกิต ประมาณนี้ค่ะ น้ำจิ้มก็มิกซ์มาให้ รสประหลาดดี แต่กินได้ เหมือนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะกับน้ำจิ้มซีฟู้ด เค้าให้น้ำจิ้มมา 4 อย่าง จำรสได้สองอย่างค่ะ

ปีนัง

ปีนัง

          ขากลับข้ามฝั่งไปหาซื้อขนมกินใน 7-11 ฝั่งตรงข้ามค่ะ MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 4 จบจากจานนี้เราก็กลับโรงแรมมาพักเอาแรงต่อค่ะ พรุ่งนี้โปรแกรมแน่นมาก

          Day 2

          วันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ย้ายห้องมาเป็น Superior Twin Room 2 ห้อง วันนี้มีไดร์เป่าผม เตารีด กาต้มน้ำ ตู้เย็น และทีวีที่เพิ่มมา ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใช้งานอยู่ดี 5555

ปีนัง

ปีนัง

ปีนัง

          จากนั้นก็ออกไปหาข้าวเช้ากินกัน แต่เดินเจอร้านขนมหวานร้านที่ขึ้นชื่อ ต้องยืนตากแดดกิน คือหน้าร้านไม่มีที่นั่งและแดดจัด ๆ แต่ก็อยากลองไง พิกัด MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 5 ค่ะ ร้าน CHENDUL

ปีนัง

ปีนัง

          เหมือนน้ำแข็งไสใส่น้ำแดง มีถั่วแดงหวาน ๆ เฉาก๊วย เส้นลอดช่อง รสชาติก็โอเคอยู่นะ ไม่เลว ๆ เราชอบที่มันมีถั่วแดงหวาน ๆ อร่อย ราคาก็จะอยู่ที่ 2.5/2.7/3.5 ริงกิต อิ่มจากร้านนี้เอาจานคืนแม่ค้าแล้วเดินไปหาของอิ่ม ๆ ทานเถอะ เล่นของหวานกันแต่เช้าเลย

          เดินไปหน่อยเจอร้านติ่มซำ จัดเต็มกันมาก MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 6 ทาร์ตไข่ไม่ค่อยโอเคเท่าไรเลย น้ำจิ้มจิ๊กโฉ่วหรืออะไรไม่รู้ นึกว่าจะออกเปรี้ยว ๆ นิด พอเอาติ่มซำจิ้มกลายเป็นเค็มกว่าที่คิด อาจจะถูกปากเค้าแต่ไม่ถูกปากพวกเราค่ะ ราคาก็เอาเรื่องอยู่นะ ทั้งโต๊ะมื้อนี้ประมาณ 65 ริงกิต ได้ค่ะ

ปีนัง

          กินติ่มซำกันอิ่มแล้วเราก็ออกเดินกันค่ะ จุดมุ่งหมายเราคือสตรีทอาร์ต ซึ่งกระจายอยู่ทั่ว ต้องเดินตามเก็บภาพในจุดต่าง ๆ เราไปเจอร้านตัดผมมินิมอลเก๋ ๆ ดีเลยแอบแชะรูปไว้หน่อย

ปีนัง

          พอถ่ายเสร็จก่อนข้ามถนน มีชาวต่างชาติเดินมาสองคน หน้าตาหล่อเหลาทั้งคู่เลย น้องเราบอกหล่อจุง ขอ WhatsApp ได้ไหม พอเค้าเดินผ่านพวกเราคนหลังพูดว่าเร็ว ๆๆๆ เท่านั้นแหละ เราหันไปมองหน้าน้องเลย เก็บเศษหน้าด่วนค่ะอินาง เค้าฟังไทยออก 555555

          ร้านอาหารหลายร้านนะคะที่พอพูดไทยได้ ฟังไทยออก รีเซฟชั่นที่โรงแรมที่เราพักก็พูดไทยได้นิดหน่อยค่ะ เรากับน้องก็ชอบปากไว ไปวิจารณ์อาหารเค้าตอนกำลังอยู่ในร้าน ชะนีไทยหวิดดับแล้วไหมล่ะ

          อะต่อค่ะ เราเดินมาถึงย่าน George Town แล้วค่ะ ดูทางจาก MAP 1 จุดสีฟ้า หมายเลข 1 นะคะ อันนี้จะเป็นแผนที่เดินตามเก็บภาพสตรีทอาร์ตจากกำแพงมุมถนนต่าง ๆ ที่เราเดินผ่านมานะคะ เราทำ MAP 3 ไว้ ค่ะ เพราะแต่ละที่ค่อนข้างกระจายอยู่ทั่วเลยค่ะ ต้องใช้เวลากับเส้นนี้พอสมควรกว่าจะตามเก็บได้ครบ เราน่าจะขาดอีกหลายจุดเหมือนกันค่ะ

ปีนัง

ปีนัง

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 1 เค้ามีเหล็กสีดำดัดลายแนว ๆ อาร์ต ๆ ตามอาชีพของคนพื้นที่แถวนี้ค่ะ

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 2

ปีนัง

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 3

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 4

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 5

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 6

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 7

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 8

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 9

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 10

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 11

          นักท่องเที่ยวบางคนก็เช่าจักรยานขี่ค่ะ ประหยัดเวลาในการไปเที่ยวละแวกนี้ได้ดีเลย เพราะสตรีทอาร์ตแต่ละลายจะอยู่แยกกันค่อนข้างไกล ถ้าเดินต้องใช้เวลามากเลยค่ะ แต่เราก็เลือกจะเดินกันนะ ราคาค่าเช่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน วันละ 10 ริงกิต

ปีนัง

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 12

ปีนัง

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 13

ปีนัง

          แวะกินไอศกรีมเย็น ๆ กันหน่อยค่ะ เดินร้อนกันมานาน Lollipops Ice Cream ร้านอยู่มุมถนน MAP 3 จุดสีแดง หมายเลข 8 ค่ะ ข้าง ๆ มีร้านรถผลไม้ขายด้วยค่ะ

ปีนัง

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 14

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 15

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 16

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 17

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 18

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 19

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 20

ปีนัง

          MAP 3 จุดสีฟ้า หมายเลข 21

          หลังจากเก็บภาพสตรีทอาร์ตมาจนหนำใจแล้ว ถึงจะไม่ครบก็เถอะ เราก็หาร้านเติมพลังกันต่อ น้องพาเข้าร้านอาหารแนว ๆ อินเดีย ชื่อร้าน KAPITAN … MAP 3 จุดสีแดง หมายเลข 8

ปีนัง

          พวกเราไม่เคยเข้าร้านอาหารแนวนี้กันเลย เกิดอาการอยากลองล้วน ๆ เข้าไปแล้วไม่มีใครสนใจด้วย ขอเมนูก็แทบจะสไลด์มาให้แบบส่ง ๆ

ปีนัง

          สรุปเราลองสั่ง Tandoori Set Plain Naan Set ราคา 9 ริงกิต คนรับออร์เดอร์หายไปประมาณยี่สิบนาที จานนี้ก็มาเสิร์ฟ คิดเอาไว้ว่ามันต้องเป็นรสเครื่องเทศหนัก ๆ ตามที่เคยได้ยินมา เลยลองฉีกแป้งฉีกไก่กินมือกันตามโต๊ะรอบข้าง แล้วก็จิ้ม ๆ น้ำ ๆ ปรากฏว่าก็อร่อยนะ Not Bad ใครจะกินแบบใช้ช้อนส้อมเค้าก็มีจุดบริการคือเดินไปหยิบมาได้เลยค่ะ นี่อยากอินกันไง...ซัดมือค่ะ

ปีนัง

          น้องชายเห็นสั่งจานบนแล้วรอนาน เลยไปยืนจิ้ม ๆ ที่ตู้อาหารแล้วได้มาเป็นจานนี้
         
ปีนัง

          หลังจากเติมพลังแล้วก็เดินต่อกันอีกค่ะ จาก MAP 3 จุดสีแดง หมายเลข 8 เราทำไฮไลท์ถนนไว้...สีเหลือง คือเดินไปเส้นนั้นค่ะ
         
          MAP 4

ปีนัง

          เดินเส้น Lebuh King ไปทางจนถึงแยกที่ Lebuh Bishop เลี้ยวซ้ายไปสุดจะเจอโบสถ์ด้านล่างนี้ค่ะ

ปีนัง

          MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 1

          เดินไปตาม MAP ก็จะเจออาคารสวย ๆ ด้านล่าง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่สวยดีก็เลยถ่ายรูปเก็บเอาไว้ค่ะ

ปีนัง

          MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 2

ปีนัง

          MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 3

          ตรงพื้นที่สีเขียวใน MAP 4 เป็นสนามหญ้าค่ะ ช่วงที่เราไปมีงาน Transformers Street Art เห็นว่ามีจนถึงวันที่ 17 กันยายน 2558 ค่ะ ไม่ทันแล้วนะคะทุกคน เอาภาพมายั่วเฉย ๆ อย่าโกรธเค้า 5555

ปีนัง

ปีนัง

ปีนัง

          เดินออกไปหน่อยจะเป็น Fort Cornwallis หรือป้อมปราการคอร์นเวลลิส ด้านในจะมีรูปปั้นเซอร์ฟรานซิส ไลท์ และก็ปืนใหญ่ค่ะ ซึ่งดูค่าเข้าชาวต่างชาติอย่างเราแล้วรู้สึกไม่ค่อยคุ้มค่า เลยไม่ได้เข้าค่ะ (คนละ 20 ริงกิต)

ปีนัง

          MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 4

          เดินออกมาหน่อยจะเจอกับฟู้ดคอร์ทค่ะ เราแค่แวะซื้อน้ำกันเลยไม่ได้ถ่ายรูป จะอยู่ตรง MAP 4 จุดสีแดง หมายเลข 8 อันนี้เดินผ่านที่จอดรถแบบเสียตังค์เข้าจอดค่ะ หันไปเห็นพอดี อดไม่ได้ที่จะต้องเก็บรูปมา จอดที่นี่แถมฟรีขี้นกค่ะ = =\'\' เล่นอยู่กันซะนึกว่าเป็นรังของตัวเองเลยค่ะ

ปีนัง

          เดินมาหน่อยจะเจอหอนาฬิกาค่ะ

ปีนัง

          MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 5

          เราก็ต้องวนกลับมาที่โรงแรมอีกรอบค่ะ กลับอีกทาง ทีแรกว่าจะขึ้นรถบัสกลับค่ะ แต่ก็อยากเดินเล่นดูนั่นนี่กัน เลยลงความเห็นว่าเดินเนอะ เห็นเค้าฮิต ๆ มาถ่ายกันค่ะ ธนาคาร Standard Chartered

ปีนัง

          MAP 4 จุดสีชมพู หมายเลข 6

          น้องชวนแวะกินขนมไอศกรีมอีกร้านหนึ่งระหว่างทางค่ะ ชิ้นนี้รวม Vat 6% แล้ว 17 ริงกิตกว่า ๆ ค่ะ ทีรามิสุราคาค่อนข้างเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่อร่อยค่ะ...ยอม

ปีนัง

          MAP 4 จุดสีแดง หมายเลข 9

          จากนั้นเราก็เดินเที่ยวละแวกนั้นจนกลับมาถึงโรงแรม เก็บของนิดหน่อยแล้วออกไปที่ท่ารถเมล์ ขึ้นรถเมล์ Rapid Penang ครั้งแรกของทริปกัน

ปีนัง

          ท่ารถอยู่ใน MAP 1 จุดสีน้ำเงิน หมายเลข 1

          เดินทางไป Gurney Plaza ขึ้นสาย 101 ราคา 1.4 ริงกิต เตรียมเงินให้พอดีนะคะ ไม่พอดีเค้าจะไม่ทอนค่ะ คนขับจะให้ตั๋วมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ปีนัง

          ด้วยความที่คิดว่าสายแปดบ้านเราก็ขับแย่แล้ว ที่นี่คงไม่เท่าไรหรอก ชะล่าใจไป ที่ไหนได้รถที่นี่ขับกระชากไม่แพ้กันจริง ๆ เผลอ ๆ ยิ่งกว่าด้วย ลงรถอย่าลืมตรวจเช็กเครื่องในตัวเองนะคะว่ายังอยู่ครบหรือเปล่า 555 ต่างกับสายแปดตรงแค่ไม่ขับซิ่งแบบประมาทค่ะ

          จุดที่เราลงกันคือ Gurney Plaza คิดว่าจะมาห้างกันทำไมใช่ไหมคะ ผิดแล้วค่ะ พวกเราไม่ได้จะมาห้าง เราเดินทะลุไปหลังห้าง น่าจะเรียกว่า Anjung Gurney เราเดินสายกินค่ะ ตรงนี้เย็น ๆ ค่ำ ๆ จะมีร้านอาหารเรียงรายกันมากมายเชียวค่ะ

ปีนัง

ปีนัง

          ร้านสะเต๊ะร้านนี้เค้าว่ากันว่าปีหนึ่งขายสามวันนะคะ ที่เหลือปิดซ่อมค่ะ ไฟไหม้ร้านพัง ซึ่งเราโชคดีมาก ๆ ที่มาเจอค่ะ 5555555 พูดเล่นนะ เราก็ลองซื้อมากินกับน้อง ๆ ด้วยค่ะ ไม้ละ 1 ริงกิต ซื้อ 10 ไม้ เค้าลดให้เหลือ 8 ริงกิต ส่วนน้องไปซื้อร้านท้ายสุดที่คนต่อคิวกันหลาย ๆ คน เป็นร้านขายอาหารประจำชาติ เรียกว่า Nasi lemak น้องเราถูกใจมาก จานละ 6.5 ริงกิต

ปีนัง

          จากนั้นเราก็กลับที่พักไปนอนกันค่ะ เพราะเดินตะลอน ๆ กันทั้งวันมาก

          Day 3

          เราออกจากที่พักมากินข้าวมันไก่ ร้านนี้พิกัดอยู่ที่ MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 11 เลยค่ะ

ปีนัง

ปีนัง

          ร้านนี้คนขายพูดไทยได้ด้วยนิดหน่อย เราสั่งแบบรวม ๆ มาก จำราคาไม่ได้อะค่ะ

ปีนัง

          จากนั้นเราก็เดินไปที่ท่ารถเพื่อขึ้นรถเมล์ Rapid Penang ไป Penang Hill ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะขึ้นสาย 204 สุดสายค่ะ รถเมล์กระชากวิญญาณ เรปิดสมชื่อไปนะ

          ถึงแล้วววววววววว

ปีนัง

          นั่งรถรางขึ้นไปชมวิวข้างบนกันค่ะ Pinang Hill ค่าตั๋ว 30 ริงกิต ถ้าช่อง Fast Lane 60 ริงกิตค่ะ

ปีนัง

          เรามาตอนฟ้าปิดค่ะ ฝนลงปรอย ๆ มองวิวข้างล่างไม่เห็นเลยค่ะ น่าจะเป็นช่วงโดนหมอกควันจากอินโดนีเซียด้วยนะคะ แต่ทริปนี้ชอบรูปบนสุด ๆ แล้วค่ะ ยังกับอยู่ในนิยายแฟนตาซี ขอฝันเฟื่องแป๊บนะคะ 5555

ปีนัง

          มีร้านอาหารด้วยค่ะ เดี๋ยวขอเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อนค่ะ

ปีนัง

          มีที่หยอดเหรียญเพื่อส่องดูวิวด้วยค่ะ แต่ตอนเราไปฟ้าปิด ฝนจะตกด้วย ไม่มีอะไรน่าดูเลยค่ะ ข้าม ๆ

ปีนัง

ปีนัง

          เดินตามทางขึ้นไปเรื่อย ๆ มีเวิ้ง ๆ และมีบันไดให้ขึ้นไปคล้องกุญแจ เต็มที่ค่ะ ชะนีโสดอย่างเราก็กรอกตาเป็นตัวงองู

ปีนัง

          น้องชายกะแฟนน้องให้ถ่ายรูปให้ นี่ก็เฉย ๆ นะ เห็นคนมีความรักก็รู้สึกดีใจด้วยจริง ๆ ... เดินเล่นแล้วก็ลงมาแวะกิน Calamari Ring จานละ 38 ริงกิต อร่อยหนึบ ๆ มากอะ แพงแต่คิดว่าถ้าไปก็คงกินอีก

ปีนัง

ปีนัง

          ต่อคิวลงรถรางกันเถอะค่ะ เลือกที่นั่งด้านล้านสุดด้านล่าง

ปีนัง

ปีนัง

          หลังจากลงจาก Penang Hill เราก็ขึ้นรถกลับไปที่ท่ารถ แล้วไปต่อที่ Batu Ferringhi ขึ้นสาย 101 รถขับฉวัดเฉวียงเช่นเคย เลียบทะเลด้านขวามือ จุดสังเกตซ้ายมือมีปั๊มน้ำมันปิโตรนาส แต่อากาศไม่เป็นใจ ไปถึงฝนตกค่ะ ฟิลลิ่งทะเลก็เหมือนพัทยาและบางแสนบ้านเราค่ะ ไม่ได้สวยเว่อร์วัง ไม่ได้ถ่ายเพราะกลัวกล้องเปียกค่ะ เราหาร้านโรตีกินแถว ๆ นี้แทน

ปีนัง

ปีนัง

ปีนัง

          จากนั้นก็ไป Anjung Gurney กินอีกแล้ว กินยับเลยทริปนี้

ปีนัง

ปีนัง

          ร้านขาย Rojar ของทอด ๆ มีหลายอย่าง ปู กุ้ง ปลาเส้น แป้งมั่ง ลูกชิ้นมั่ง เต้าหู้ ชิ้นหนึ่งก็ราคาไม่เท่ากันค่ะ เค้าจะให้เราเลือกใส่จานแล้วเค้าจะสับ ๆ ราดน้ำจิ้ม พร้อมแตงกวากับมันแกวฝานหั่นฝอยแบบในรูปด้านล่างค่ะ

ปีนัง

          ส่วนน้องเราก็ไปซื้อ Nasi lemak ร้านเดิมกินกัน ติดใจค่ะ แต่หลังจากกินที่นี่แล้วเราก็ยังไม่หยุดกินกันค่ะ ไปแถวไชน่าทาวน์กันต่อ

ปีนัง

          ตาม MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 12 มีร้านราดหน้าขายค่ะ รสชาติก็คล้ายบ้านเราค่ะ แต่บ้านเราอร่อยกว่านะ ^^ ส่วนน้อง ๆ ก็กินราดหน้าเหมือนกัน จากนั้นก็หาของหวานปิดท้ายค่ะ

ปีนัง

          ร้านขนมหวาน MAP 2 จุดสีแดง หมายเลข 13  ไปลองทานกันดูค่ะ เราสั่งแบบเซฟ ๆ เฉาก๊วยเย็น ๆ มีฝานเลมอนมาให้ด้วย รสชาติแปลก ๆ ค่ะ แต่กินได้ ถึงตอนกินก็กินกันจนรูปไม่ได้ถ่ายค่ะ จะว่าหิวก็คงไม่ใช่เพราะว่ากินกันมาตลอดทาง เรียกว่าตะกละน่าจะได้ค่ะ 5555

ปีนัง

          กลับถึงที่พักก็มืดเลยทีเดียวค่ะ นอนพักก่อนค่ะ เพราะพรุ่งนี้เช้ารถตู้มารับเจ็ดโมง (เวลามาเลเซียนะคะ) เรากลับมาจัดกระเป๋าเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ

          Day 4

          วันนี้ตื่นเช้ากว่าทุกวันค่ะ รถตู้จะมารับที่หน้าโรงแรมเลย สงสัยที่พักเราจะอยู่ไกลกว่าคนอื่น ตอนมาส่งก็ลงคนสุดท้ายของรถ ตอนมารับก็ได้ขึ้นคนแรก ๆ ได้เลือกที่นั่งด้วย อันนี้ถ่ายไว้ก่อนออกมาจากโรงแรม ลองเทียบกับใน booking ดูอีกทีนะคะ

ปีนัง

          รถตู้แวะรับคนจนครบแล้วก็แวะ Duty Free ให้ จนกว่าเราจะซื้อของกันเสร็จ น่าจะครึ่งชั่วโมงได้ค่ะ จากนั้นก็ผ่านด่าน ตม. แล้วรถตู้ไปส่งที่สนามบิน เรานัดเพื่อนไว้ไปหลีเป๊ะกันต่อ ส่วนน้อง ๆ ก็ไปลงตลาดกิมหยง เราส่งของฝากที่ตะบี้ตะบันซื้อมาจาก Duty free แพ็กใส่กล่องส่งไปรษณีย์กลับบ้านก่อนค่ะ

          รีวิวอันนี้เราตั้งใจเขียนเพื่อให้เป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่สนใจจะไปเที่ยวแบบไม่ง้อแท็กซี่

          MAP ที่เราทำจะเป็น MAP แค่ในบริเวณที่พักและสตรีทอาร์ตนะคะ ถ้างงหรือมีอะไรผิดพลาดก็แย้งกันได้ค่ะ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามรับชมนะ ไว้วันหลังไปเที่ยวจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ค่ะ 555

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1520097 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวปีนังด้วยตัวเอง ตระเวนกินเที่ยวแบบไม่ง้อแท็กซี่ อัปเดตล่าสุด 2 เมษายน 2567 เวลา 15:08:00 29,237 อ่าน
TOP
x close