ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงเวลาแห่งฝันร้ายอีกช่วงหนึ่งของคนกรุงฯ เพราะมักจะมีปัญหาของน้ำท่วมจนเป็นเหตุให้รถติดอย่างหนักหน่วงอยู่เรื่อย ๆ แต่ในอีกมุมหนึ่งหน้าฝนกลับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะไปเที่ยวหน้าฝน ท่องเที่ยวภูเขา ป่าไม้ เพราะจะมีความอุดมสมบูรณ์ เขียวขจี ดูแล้วสดชื่นสุด ๆ นั่นจึงเป็นที่มาของการสำรวจเส้นทางจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิษณุโลกที่จัดขึ้น โดยกองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก กับโครงการ "Green Season วันธรรมดา หรรษาคูณสอง" จะสนุกสนานและสวยงามแค่ไหน ตามมาชมกันเลยค่ะ
ซึ่งทริปนี้กระปุกดอทคอมมีโอกาสติดสอยห้อยตามไปเที่ยวด้วย ^^ โดยเราอออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงเช้า เราก็มุ่งหน้าไปยังอำเภอวังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้แวะพักเพื่อชมไร่และทานอาหารกลางวันกันที่ "ไร่กำนัลจุล" ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 21 สายเพชรบูรณ์-หนองไผ่ กิโลเมตรที่ 202
เราเข้าไปเที่ยวชมการเลี้ยงปลาและจับปลาเพื่อส่งขายกันถึงปากบ่อ ซึ่งมีเนื้อที่กว้างใหญ่มากกว่า 3,000 ไร่ มีบ่อปลามากกว่า 200 บ่อ มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา มีทิวทัศน์ของภูเขาสีเขียวอุดมสมบูรณ์เป็นฉากหลังอยู่รอบด้าน โดยเราได้ชมการจับปลาอย่างใกล้ชิด ได้รู้ถึงกระบวนการการจับปลาเพื่อการส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลาง และการจับปลาเพื่อส่งเข้าโรงงานของไร่เอง มีพันธุ์ปลาหลากหลายชนิด เช่น ปลานิล ปลาจีน ปลายี่สก และปลานวลจันทร์ ซึ่งเป็นปลาที่นำมาทำปลาส้มอันเลื่องชื่อ โดยใช้พื้นที่บริเวณขอบบ่อให้เป็นประโยชน์ ด้วยการปลูกมะขามยักษ์ มะพร้าวน้ำหอม มะนาว และพืชอื่น ๆ ต่อจากการเที่ยวชมบ่อปลา เราก็มุ่งหน้าไปยังไร่ส้ม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ไร่กำนัลจุลเป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากชมบ่อปลาและสวนผลไม้ก็กลับมายังร้านอาหารของไร่เพื่อทานอาหารกลางวัน โดยมีเมนูที่น่าสนใจ เช่น ข้าวปลาส้มทอดน้ำพริกลงเรือ ยำหนังปลากรอบ โรตีเขียวหวานไก่ สเต๊กหมูสูตรลับ สลัดปลา ข้าวผัดปลาส้มทอดกรอบ เป็นต้น ทานควบคู่ไปกับน้ำผลไม้สุดชื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัลเบอร์รี น้ำส้มโชกุน น้ำส้มเช้ง น้ำพั้นซ์ ฯลฯ เรียกพลังงานกลับคืนสู่ร่างกายได้ดีเลยทีเดียว
เมื่อเติมพลังจนแน่นท้องก็ได้เวลาเที่ยวชมไร่กันต่อ ซึ่งนอกจากจะได้ชมพื้นที่ของโรงงานในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ไร่มัลเบอร์รี ไร่กล้วย ไร่มะละกอ สวนองุ่นในแปลงสาธิตแล้ว เรายังได้ชมการทำท็อปปิ้งผลไม้อย่างง่ายกันอีกด้วย และได้ช้อปปิ้งซื้อสินค้ากันที่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของไร่กำนัลจุล มีสินค้าหลากหลาย มีทั้งปลาส้ม น้ำมัลเบอร์รี มะขามแช่อิ่ม น้ำพริกต่าง ๆ แยมผลไม้ ผลไม้แปรรูป ผลไม้สด ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม เป็นต้น ซึ่งสินค้าแต่ละอย่างนั้นมีคุณภาพระดับห้าดาว ถือได้ว่าเป็นของฝากที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ (รายละเอียดเพิ่มเติม chulthai) สอบถามเส้นทางและสินค้าของไร่กำนัลจุลได้ที่ร้านค้าไร่กำนัลจุลสาขา 1 โทร. 0 5677 1109 และสาขา 2 โทร. 0 5677 1287
สถานที่บนเส้นทางท่องเที่ยวสีเขียวที่ต่อไปก็คือ "ไร่กาแฟจ่านรินทร์" ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกกาแฟและเกษตรผสมผสานตามแบบเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งอยู่ที่ 63 หมู่ 3 ตำบลริมสีม่วง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ที่ทำให้ไร่กาแฟแห่งนี้มีชีวิตก็คือ จ่านรินทร์ หรือ ด.ต.นรินทร์ ศรีมรกตมงคล (ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นดาบตำรวจแล้ว) หนีความฟุ้งเฟ้อและความวุ่นวายจากเมืองกรุง สู่ดินแดนแห่งภูเขาสูงใหญ่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยา (พี่เล็ก) แล้วผันตัวมาเป็นเกษตรกรปลูกกาแฟอาราบิก้าที่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศไทย
ด้วยความเอาใจใส่ดูแลตั้งแต่กระบวนการปลูก การเก็บผลผลิต ไปจนถึงการคั่วกาแฟ ทำให้กาแฟของไร่มีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนที่ไหน มียอดการสั่งผลิตภัณฑ์ทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านกาแฟสดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ของไร่จ่านรินทร์มีทั้งกาแฟคั่วเม็ดและกาแฟบด มีกาแฟผงสำเร็จรูปซองละ 25 บาท จำหน่ายด้วย
บริเวณด้านหน้าของไร่กาแฟได้เปิดเป็นร้านสะดวกซื้อและร้านกาแฟเล็ก ๆ ด้านข้างเป็นโรงคั่วกาแฟและโรงสีกะลา มีสวนกาแฟอยู่ด้านหลังบ้าน โดยมีพืชอื่น ๆ ปลูกแซมอยู่เต็มไร่ เช่น กล้วย เสารส อะโวคาโด พริกไทย และที่เป็นไฮไลท์ของวันนี้ก็คือ "มะไฟ" ที่กำลังออกลูกสีเหลืองเต็มต้น สุกกำลังกินพอดี ซึ่งเจ้าของไร่ก็ใจดีให้เก็บทานกันแบบสด ๆ เปรี้ยวหวานแบบโดนใจ ใครผ่านมาที่ไร่ก็สามารถแวะเที่ยวชมและอุดหนุนกาแฟของ ด.ต.นรินทร์ และภรรยากันได้ เป็นสินค้าคุณภาพดีที่มีราคาย่อมเยาที่ต้องสนับสนุน
เดินทางเหนื่อยมาทั้งวันก็ต้องไปสูดอากาศดี ๆ พร้อมกับนั่งทานเครื่องดื่มเย็น ๆ และขนมหวานอร่อย ๆ กันสักหน่อย ล้อรถเลื่อนอีกครั้งสู่ ร้านพิโน ลาเต้ รีสอร์ท แอนด์ คาเฟ่ (Pino Latte Resort & Cafe) มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาสลับซับซ้อนที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก พร้อมทั้งทิวทัศน์ที่งดงามของวัดผาซ่อนแก้ว นอกจากร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ด้านบนแล้ว ในส่วนของด้านล่างยังจัดสร้างเป็นรีสอร์ทสไตล์อินดัสเทียล (Industrial) รูปแบบด้านนอกเป็นรูปทรงกล่อง ซึ่ง คุณเสริมชัย ปัทมดิลก เจ้าของพื้นที่แห่งนี้ได้แนวคิดมาจากบ้านเรือนที่สร้างอยู่ตามถนนไฮเวย์แถวชานเมืองของประเทศอิตาลี โดยคำว่า Pino ในภาษาอิตาลีมีความหมายว่า ต้นสน นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อคาเฟ่และรีสอร์ท
ยิ่งถ้าใครไปช่วงหน้าฝนนี้ยิ่งพิเศษ เพราะมีโปรโมชั่นราคาห้องพักที่ถูกกว่าปกติ สำหรับวันอาทิตย์-พฤหัสบดี ราคา 3,000 บาท ไม่รวมอาหารเช้า วันศุกร์ราคา 4,000 บาท รวมอาหารเช้า และวันเสาร์ราคา 5,000 บาท รวมอาหารเช้า โปรโมชั่นนี้จะมีถึงแค่วันที่ 15 ตุลาคม 2558 เท่านั้น และหลังจากนั้นราคาจะพุ่งขึ้นไปจนถึงประมาณ 10,000 บาท เลยทีเดียว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Pino Latte Resort & Cafe
เช้าวันใหม่ตื่นมาด้วยความแจ่มใส เพราะที่พักของเรานั้นตั้งอยู่บนภูเขาสูงในตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ ซึ่งสามารถมองเห็นหมอกที่คลอเคลียอยู่บนภูเขาอีกหลายลูกได้อย่างชัดเจน ที่นี่คือ บุรีมันตา รีสอร์ทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สไตล์ของอาคารบ้านพักเป็นเรือนไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา มีห้องพักทั้งหมด 20 ห้องพัก โดยมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ไว้รองรับนักท่องเที่ยว ราคาเริ่มต้นในช่วงหน้าฝนเพียงแค่ 3,000 บาท พร้อมอาหารเช้า สอบถามเส้นทางและข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08 4421 1717
จุดแรกของวันเราเริ่มต้นกันที่ "จุดชมวิวตะเคียนโงะ" ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับสายหมอกสีขาวนวล ๆ ได้อย่างงดงามอีกจุดหนึ่งในอำเภอเข้าค้อ และเช้านี้ก็พอมีไอหมอกให้ได้ชมบ้าง แต่อากาศ บรรยากาศของหุบเขาสีเขียว และแสงพระอาทิตย์สีทองก็ทำเราฟินสุด ๆ ได้เช่นกัน
จากจุดชมวิวตะเคียนโงะในอำเภอเขาค้อ เรามุ่งหน้าสถานที่ท่องเที่ยวสุดกรีนแห่งต่อไป นั่นก็คือ "ภูทับเบิก" แม้ว่าช่วงเวลาที่เราไปถึงนั้นตะวันจะทำมุมเกือบเก้าสิบองศาแล้วก็ตาม แต่ไม่น่าเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้จะยังถูกปกคลุมไปด้วยสายหมอก เป็นความฟินดับเบิลของทริปนี้เลยจริง ๆ จากจุดชมวิวภูทับเบิกเราจะได้เห็นไร่กะหล่ำปลีสีเขียวไกลไปจนสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาเป็นระยะ ประกอบกับไอหมอกสีขาวละมุนที่เต้นระบำหยอกล้อยอดเขาอย่างน่ารัก เป็นภาพแห่งความประทับใจที่จะฟินได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้
มุ่งหน้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวตามแบบฉบับกรีนซีซั่นกันต่อไปที่ "โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า" มีความโดดเด่นตรงที่เป็นพื้นที่อยู่บนภูเขาสูง ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาลาดเอียง ซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาสีเขียวขจีอีกฝั่งได้อย่างชัดเจน โดยจุดชมวิวแบ่งเป็นหน้าผาทั้งหมด 6 ผา ได้แก่ ผาพบรัก ผาสลัดรัก ผารักยืนยง ผาคู่รัก ผาไททานิก และผาบอกรัก ในบริเวณเดียวกันยังมีไร่กาแฟ ไร่สตรอว์เบอร์รี และในช่วงปลายปีของทุกปีจะมีทุ่งดอกกระดาษให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย
ช่วงบ่ายแบบนี้หนังตาชักจะหย่อน แบบนี้เลยต้องหาของกินอร่อย ๆ มาเบิกตากันสักหน่อย ซึ่งฤดูกาลนี้เราจะพลาดไม่ได้กับการกินทุเรียน จุดหมายต่อไปก็คือ "สวนทุเรียนหลงรักไทย" ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก พี่น้อย หรือคุณวรรณชัย กาญจนเพ็ญ และภรรยา ซึ่งนอกจากพี่ทั้งสองจะพาเราเดินชมสวนทุเรียนพันธุ์หลงและพันธุ์หลินแล้ว ยังใจดีปอกทุเรียนทั้ง 2 พันธุ์ ให้ได้ชิมลิ้มลองรสชาติกันด้วย ต้องขอบอกว่าความอร่อยนั้นสมกับคำร่ำลือจริง ๆ
สำหรับทุเรียนพันธุ์หลงเนื้อจะหอมหวาน ส่วนพันธุ์หลินจะหอมมันคล้ายนม ราคาก็ต้องสูงตามคุณภาพ ถ้าเป็นพันธุ์หลินราคาหน้าสวนจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท พันธุ์หลินราคากิโลกรัมละ 400 บาท แต่ใช่ว่าจะไปถึงสวนปุ๊บแล้วซื้อได้ปั๊บ เพราะว่าต้องทำการโทรศัพท์สั่งจองล่วงหน้า ยังมีคิวรอยาวอีกเป็นหางว่าวเลยทีเดียว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งจอง โทร. 08 3333 3316
ในค่ำคืนนี้เรามีนัดกับการแสดงแสง สี เสียง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จอมราชันย์คู่แผ่นดิน ณ บริเวณพระราชวังจันทน์ ซึ่งเป็นการแสดงที่จังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และยังทำให้ลูกหลานในปัจจุบันได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ท่ามกลางบรรยากาศย้อนยุคจากสื่อผสมและฉากสุดอลังการ โดยมีนักแสดงกว่า 300 ชีวิต เป็นผู้ดำเนินเรื่องราว การแสดงดังกล่าวจะจัดขึ้นในทุกคืนวันเสาร์แรกของทุกเดือน ไม่มีค่าใช่จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742-3
อยู่ดีกินดีกันมาหลายวันก็ต้องไปเอาไขมันออกกันบ้าง ซึ่งเป็นวิธีการออกกำลังกายแบบไทย ๆ ที่ใครก็ทำได้ นั่นก็คือ "รำวง" พอได้ยินชื่อว่ารำวง หลายคนอาจจะสงสัยว่าจะช่วยปลดปล่อยไขมันได้อย่างไร มันช่วยได้แน่นอน เพราะรำวงย้อนยุควิถีไทยที่ถนนคนเดินในเมืองพิษณุโลก เขามาแบบจัดเต็มทั้งดนตรีและนางรำ ใช้เพลงและจังหวะดนตรีที่สนุกสนาน จึงทำให้ผู้เข้าร่วมรำวงสนุกเพลิดเพลิน เต้นกันแบบไม่อยากกลับบ้านเลยเชียว ถ้าอยากรู้ว่าจะมันส์ขนาดไหนต้องไปพิสูจน์กันเองค่ะ งานรำวงจะจัดขึ้นทุกคืนวันเสาร์ควบคู่ไปกับถนนคนเดินบริเวณถนนสังฆบูชา โดยเวทีของรำวงจะอยู่บริเวณวัดจันทร์ตะวันออก
เดินทางท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกันมาตลอดทริป ขอไปแวะ "ศูนย์การเรียนรู้บ้านเรือนไทยจิ๋ว" กันบ้าง ไปชมความสามารถของชาวบ้านในตำบลอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ที่สามารถสร้างบ้านเรือนไทยจำลองขนาดจิ๋วได้อย่างสวยงามเหมือนของจริง คุณอรสา ทองขาว ได้อธิบายให้ฟังว่าบ้านเรือนไทยจิ๋วของทางศูนย์นั้นจะสร้างตามแบบเรือนไทยของทั้ง 4 ภาค ในประเทศไทย มีทั้งเรือนเดี่ยวและเรือนหมู่ ลูกค้าสามารถสั่งทำได้ วัสดุที่ใช้ทำจะเป็นเศษไม้สัก มีขั้นตอนการทำที่พิถีพิถันและต้องอาศัยความชำนาญพอสมควร แต่มีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 400 บาท สำหรับโมเดลบ้านเรือนไทยจิ๋วราคาเพียง 150 บาท ซื้อไปเป็นของฝากได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันมีจุดวางจำหน่ายบ้านเรือนไทยอยู่เพียงแค่ 2 จุดเท่านั้น คือ พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร และสนามบินพิษณุโลก สนใจสินสั่งจองสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08 1688 5348
ก่อนกลับบ้านขอทิ้งท้ายทริปกรีน ซีซั่นนี้ด้วยการทำบุญไหว้พระ มาถึงพิษณุโลกทั้งทีต้องห้ามพลาดการไปสักการะ "พระพุทธชินราช" ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ชาวบ้านมักเรียกว่า "วัดพระศรี" หรือ "วัดใหญ่" มีพระพุทธชินราชองค์ใหญ่ เป็นพระประธานอยู่ในพระวิหาร โดยจะมีประชาชนจากทั่วสารทิศมาไหว้สักการะขอพรเป็นจำนวนมาก
ใกล้ ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นที่ตั้งของพลับพลาหทัยนเรศวร์ วัดนางพญา ซึ่งเราจะได้ไหว้สักการะและขอพรรูปหล่อ 5 พระองค์ ได้แก่ พระนเรศวรมหาราช พระสุพรรณกัลยา สมเด็จพระเอกาทศรถ พระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ เป็นการจบทริปกรีนซีซั่นได้อย่างอิ่มอก อิ่มใจ
สำหรับใครที่ยังลังเลไม่กล้าออกไปท้าสายฝน ต้องบอกว่าคุณอาจจะพลาดความสวยงามของเมืองไทยในอีกรูปแบบ เพราะฉะนั้นถ้าอยากหยิบหมอก หยอกล้อกับต้นไม้ และหุบเขาสีเขียวขจี ก็ต้องออกเดินทางกันเลยตอนนี้ พิเศษสุด ๆ สำหรับหน้าฝน เพราะมีเคมเปญดี ๆ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับผู้ประกอบการในพื้นที่พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ มอบส่วนลดให้กับนักท่องเที่ยวสูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งที่พักและร้านอาหาร นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดคูปองส่วนลดต่าง ๆ ได้ที่ greenseasondeals ตลอดเดือนมิถุนายน-กันยายน 2558 และหลังจากใช้คูปองเรียบร้อยแล้ว ยังสามารถนำคูปองเขียนชื่อ-ที่อยู่ด้านหลัง ส่งไปชิงของที่ระลึก และแพ็กเกจท่องเที่ยวสุดหรรษาฟรีได้อีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742-3
ขอขอบคุณกองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก สำหรับการสนับสนุนให้ออกเดินทางไปเที่ยวและข้อมูลดี ๆ ด้วยนะคะ ^^
ซึ่งทริปนี้กระปุกดอทคอมมีโอกาสติดสอยห้อยตามไปเที่ยวด้วย ^^ โดยเราอออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงเช้า เราก็มุ่งหน้าไปยังอำเภอวังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้แวะพักเพื่อชมไร่และทานอาหารกลางวันกันที่ "ไร่กำนัลจุล" ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 21 สายเพชรบูรณ์-หนองไผ่ กิโลเมตรที่ 202
เมื่อเติมพลังจนแน่นท้องก็ได้เวลาเที่ยวชมไร่กันต่อ ซึ่งนอกจากจะได้ชมพื้นที่ของโรงงานในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ไร่มัลเบอร์รี ไร่กล้วย ไร่มะละกอ สวนองุ่นในแปลงสาธิตแล้ว เรายังได้ชมการทำท็อปปิ้งผลไม้อย่างง่ายกันอีกด้วย และได้ช้อปปิ้งซื้อสินค้ากันที่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของไร่กำนัลจุล มีสินค้าหลากหลาย มีทั้งปลาส้ม น้ำมัลเบอร์รี มะขามแช่อิ่ม น้ำพริกต่าง ๆ แยมผลไม้ ผลไม้แปรรูป ผลไม้สด ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม เป็นต้น ซึ่งสินค้าแต่ละอย่างนั้นมีคุณภาพระดับห้าดาว ถือได้ว่าเป็นของฝากที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ (รายละเอียดเพิ่มเติม chulthai) สอบถามเส้นทางและสินค้าของไร่กำนัลจุลได้ที่ร้านค้าไร่กำนัลจุลสาขา 1 โทร. 0 5677 1109 และสาขา 2 โทร. 0 5677 1287
ด้วยความเอาใจใส่ดูแลตั้งแต่กระบวนการปลูก การเก็บผลผลิต ไปจนถึงการคั่วกาแฟ ทำให้กาแฟของไร่มีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนที่ไหน มียอดการสั่งผลิตภัณฑ์ทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านกาแฟสดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ของไร่จ่านรินทร์มีทั้งกาแฟคั่วเม็ดและกาแฟบด มีกาแฟผงสำเร็จรูปซองละ 25 บาท จำหน่ายด้วย
บริเวณด้านหน้าของไร่กาแฟได้เปิดเป็นร้านสะดวกซื้อและร้านกาแฟเล็ก ๆ ด้านข้างเป็นโรงคั่วกาแฟและโรงสีกะลา มีสวนกาแฟอยู่ด้านหลังบ้าน โดยมีพืชอื่น ๆ ปลูกแซมอยู่เต็มไร่ เช่น กล้วย เสารส อะโวคาโด พริกไทย และที่เป็นไฮไลท์ของวันนี้ก็คือ "มะไฟ" ที่กำลังออกลูกสีเหลืองเต็มต้น สุกกำลังกินพอดี ซึ่งเจ้าของไร่ก็ใจดีให้เก็บทานกันแบบสด ๆ เปรี้ยวหวานแบบโดนใจ ใครผ่านมาที่ไร่ก็สามารถแวะเที่ยวชมและอุดหนุนกาแฟของ ด.ต.นรินทร์ และภรรยากันได้ เป็นสินค้าคุณภาพดีที่มีราคาย่อมเยาที่ต้องสนับสนุน
ยิ่งถ้าใครไปช่วงหน้าฝนนี้ยิ่งพิเศษ เพราะมีโปรโมชั่นราคาห้องพักที่ถูกกว่าปกติ สำหรับวันอาทิตย์-พฤหัสบดี ราคา 3,000 บาท ไม่รวมอาหารเช้า วันศุกร์ราคา 4,000 บาท รวมอาหารเช้า และวันเสาร์ราคา 5,000 บาท รวมอาหารเช้า โปรโมชั่นนี้จะมีถึงแค่วันที่ 15 ตุลาคม 2558 เท่านั้น และหลังจากนั้นราคาจะพุ่งขึ้นไปจนถึงประมาณ 10,000 บาท เลยทีเดียว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Pino Latte Resort & Cafe
เช้าวันใหม่ตื่นมาด้วยความแจ่มใส เพราะที่พักของเรานั้นตั้งอยู่บนภูเขาสูงในตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ ซึ่งสามารถมองเห็นหมอกที่คลอเคลียอยู่บนภูเขาอีกหลายลูกได้อย่างชัดเจน ที่นี่คือ บุรีมันตา รีสอร์ทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สไตล์ของอาคารบ้านพักเป็นเรือนไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา มีห้องพักทั้งหมด 20 ห้องพัก โดยมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ไว้รองรับนักท่องเที่ยว ราคาเริ่มต้นในช่วงหน้าฝนเพียงแค่ 3,000 บาท พร้อมอาหารเช้า สอบถามเส้นทางและข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08 4421 1717
มุ่งหน้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวตามแบบฉบับกรีนซีซั่นกันต่อไปที่ "โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า" มีความโดดเด่นตรงที่เป็นพื้นที่อยู่บนภูเขาสูง ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาลาดเอียง ซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาสีเขียวขจีอีกฝั่งได้อย่างชัดเจน โดยจุดชมวิวแบ่งเป็นหน้าผาทั้งหมด 6 ผา ได้แก่ ผาพบรัก ผาสลัดรัก ผารักยืนยง ผาคู่รัก ผาไททานิก และผาบอกรัก ในบริเวณเดียวกันยังมีไร่กาแฟ ไร่สตรอว์เบอร์รี และในช่วงปลายปีของทุกปีจะมีทุ่งดอกกระดาษให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย
สำหรับทุเรียนพันธุ์หลงเนื้อจะหอมหวาน ส่วนพันธุ์หลินจะหอมมันคล้ายนม ราคาก็ต้องสูงตามคุณภาพ ถ้าเป็นพันธุ์หลินราคาหน้าสวนจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท พันธุ์หลินราคากิโลกรัมละ 400 บาท แต่ใช่ว่าจะไปถึงสวนปุ๊บแล้วซื้อได้ปั๊บ เพราะว่าต้องทำการโทรศัพท์สั่งจองล่วงหน้า ยังมีคิวรอยาวอีกเป็นหางว่าวเลยทีเดียว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งจอง โทร. 08 3333 3316
ในค่ำคืนนี้เรามีนัดกับการแสดงแสง สี เสียง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จอมราชันย์คู่แผ่นดิน ณ บริเวณพระราชวังจันทน์ ซึ่งเป็นการแสดงที่จังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และยังทำให้ลูกหลานในปัจจุบันได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ท่ามกลางบรรยากาศย้อนยุคจากสื่อผสมและฉากสุดอลังการ โดยมีนักแสดงกว่า 300 ชีวิต เป็นผู้ดำเนินเรื่องราว การแสดงดังกล่าวจะจัดขึ้นในทุกคืนวันเสาร์แรกของทุกเดือน ไม่มีค่าใช่จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742-3
อยู่ดีกินดีกันมาหลายวันก็ต้องไปเอาไขมันออกกันบ้าง ซึ่งเป็นวิธีการออกกำลังกายแบบไทย ๆ ที่ใครก็ทำได้ นั่นก็คือ "รำวง" พอได้ยินชื่อว่ารำวง หลายคนอาจจะสงสัยว่าจะช่วยปลดปล่อยไขมันได้อย่างไร มันช่วยได้แน่นอน เพราะรำวงย้อนยุควิถีไทยที่ถนนคนเดินในเมืองพิษณุโลก เขามาแบบจัดเต็มทั้งดนตรีและนางรำ ใช้เพลงและจังหวะดนตรีที่สนุกสนาน จึงทำให้ผู้เข้าร่วมรำวงสนุกเพลิดเพลิน เต้นกันแบบไม่อยากกลับบ้านเลยเชียว ถ้าอยากรู้ว่าจะมันส์ขนาดไหนต้องไปพิสูจน์กันเองค่ะ งานรำวงจะจัดขึ้นทุกคืนวันเสาร์ควบคู่ไปกับถนนคนเดินบริเวณถนนสังฆบูชา โดยเวทีของรำวงจะอยู่บริเวณวัดจันทร์ตะวันออก
เดินทางท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกันมาตลอดทริป ขอไปแวะ "ศูนย์การเรียนรู้บ้านเรือนไทยจิ๋ว" กันบ้าง ไปชมความสามารถของชาวบ้านในตำบลอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ที่สามารถสร้างบ้านเรือนไทยจำลองขนาดจิ๋วได้อย่างสวยงามเหมือนของจริง คุณอรสา ทองขาว ได้อธิบายให้ฟังว่าบ้านเรือนไทยจิ๋วของทางศูนย์นั้นจะสร้างตามแบบเรือนไทยของทั้ง 4 ภาค ในประเทศไทย มีทั้งเรือนเดี่ยวและเรือนหมู่ ลูกค้าสามารถสั่งทำได้ วัสดุที่ใช้ทำจะเป็นเศษไม้สัก มีขั้นตอนการทำที่พิถีพิถันและต้องอาศัยความชำนาญพอสมควร แต่มีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 400 บาท สำหรับโมเดลบ้านเรือนไทยจิ๋วราคาเพียง 150 บาท ซื้อไปเป็นของฝากได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันมีจุดวางจำหน่ายบ้านเรือนไทยอยู่เพียงแค่ 2 จุดเท่านั้น คือ พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร และสนามบินพิษณุโลก สนใจสินสั่งจองสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08 1688 5348
ก่อนกลับบ้านขอทิ้งท้ายทริปกรีน ซีซั่นนี้ด้วยการทำบุญไหว้พระ มาถึงพิษณุโลกทั้งทีต้องห้ามพลาดการไปสักการะ "พระพุทธชินราช" ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ชาวบ้านมักเรียกว่า "วัดพระศรี" หรือ "วัดใหญ่" มีพระพุทธชินราชองค์ใหญ่ เป็นพระประธานอยู่ในพระวิหาร โดยจะมีประชาชนจากทั่วสารทิศมาไหว้สักการะขอพรเป็นจำนวนมาก
ใกล้ ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นที่ตั้งของพลับพลาหทัยนเรศวร์ วัดนางพญา ซึ่งเราจะได้ไหว้สักการะและขอพรรูปหล่อ 5 พระองค์ ได้แก่ พระนเรศวรมหาราช พระสุพรรณกัลยา สมเด็จพระเอกาทศรถ พระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ เป็นการจบทริปกรีนซีซั่นได้อย่างอิ่มอก อิ่มใจ
สำหรับใครที่ยังลังเลไม่กล้าออกไปท้าสายฝน ต้องบอกว่าคุณอาจจะพลาดความสวยงามของเมืองไทยในอีกรูปแบบ เพราะฉะนั้นถ้าอยากหยิบหมอก หยอกล้อกับต้นไม้ และหุบเขาสีเขียวขจี ก็ต้องออกเดินทางกันเลยตอนนี้ พิเศษสุด ๆ สำหรับหน้าฝน เพราะมีเคมเปญดี ๆ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับผู้ประกอบการในพื้นที่พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ มอบส่วนลดให้กับนักท่องเที่ยวสูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งที่พักและร้านอาหาร นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดคูปองส่วนลดต่าง ๆ ได้ที่ greenseasondeals ตลอดเดือนมิถุนายน-กันยายน 2558 และหลังจากใช้คูปองเรียบร้อยแล้ว ยังสามารถนำคูปองเขียนชื่อ-ที่อยู่ด้านหลัง ส่งไปชิงของที่ระลึก และแพ็กเกจท่องเที่ยวสุดหรรษาฟรีได้อีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742-3
ขอขอบคุณกองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก สำหรับการสนับสนุนให้ออกเดินทางไปเที่ยวและข้อมูลดี ๆ ด้วยนะคะ ^^