ถ้าเอ่ยถึงทะเลหน้าร้อนชื่อของ "เกาะสมุย" เกาะสุดฮอตฮิตต้องติดอยู่ในรายชื่ออันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน ก็แหม...ทั้งทะเลสวย น้ำใส บรรยากาศก็แสนจะชิล แบบนี้ใคร ๆ ก็อยากพาร่างไปพักผ่อนในวันหยุดกันทั้งนั้น (จริงไหม)
เฉกเช่นเดียวกับ คุณ The Travelerz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้เดินทางไปเที่ยวเกาะสมุยและนำประสบการณ์สุดประทับใจ พร้อมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาแชร์ให้เราได้ชมกัน กับรีวิว [Samui First Time]The Travelerz แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเกาะสมุย 3 วัน 2 คืน จะสนุกสนานขนาดไหนนั้น...ไปชมกันเลย
++++++++++++++++
สวัสดีครับ...กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน ครั้งนี้ได้มีโอกาสแบกเป้ไปเที่ยวเกาะสมุยมา และเป็นครั้งแรกของทุกคนที่ไปเกาะสมุยด้วย มันจึงมีเรื่องเล่าที่อยากจะแชร์ให้เพื่อนได้ลองอ่านดู เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่ชื่อ “เกาะสมุย” แต่ไม่เคยไปสักที ครั้งนี้เราจึงไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เกาะสมุย อยากรู้นักหนาว่าบนเกาะสมุยมันมีอะไร จึงทำให้คนนั้นต้องอยากไป เราจึงได้ออกเดินทางไปดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าเกาะสมุยมันมีดีอะไร ถ้าพร้อมแล้วมาเดินทางไปกับพวกเราได้เลย
ติดตามการเดินทางการเดินทางแบกเป้ของเราได้ที่
เฟซบุ๊ก thetravelerz
IG : run_totz
ถ้าถูกอกถูกใจช่วยกดไลค์หรือคอมเม้นท์กันหน่อยนะครับ
การไปสมุยครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ตั้งใจไว้ว่าจะไปหาพี่ที่เปิดร้านกาแฟอยู่ที่สมุย เลยชวนเพื่อนสาวไปด้วยกัน แค่เอ่ยปากชวนทุกคนก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อเราระบุวันและเวลาได้แล้ว เราก็ไปจองตั๋วที่จะเดินทางไปเกาะสมุยกัน การเดินทางครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ (ที่จริงมันก็มีหลายทางทั้งเครื่องบิน รถไฟไปต่อรถทัวร์อะไรประมาณนี้) ของ บขส.999 ที่หมอชิต (สะดวกและใกล้ที่สุด ปกติรถลงใต้จะต้องไปขึ้นที่สายใต้ซึ่งรถติดมาก ๆ) ซึ่งเราเลือกรถ ป.1 รอบเวลา 19.05 น. ราคา 692 บาท (ไม่รวมตั๋วเรือเฟอร์รี่) มีอีกรอบหนึ่งคือ 18.45 น. เป็นรถ VIP 24 ที่นั่งราคา 1,060 บาท
ทริปนี้เราพยายามจะประหยัดที่สุดแต่ไม่รู้จะรอดไหม ลืมบอกไปเรามาจองตั๋วล่วงหน้าแบบว่ากลัวเต็ม
เมื่อถึงวันเดินทางหลังจากเลิกงานแล้วเราก็มุ่งหน้ามาที่หมอชิตโดยทันที เพื่อมาซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ ราคาคนละ 130 บาท
เมื่อถึงเวลาเดินทางประมาณ 19.00 น. เราก็ไปรอที่ท่ารถชานชาลา 108 แต่สมาชิกที่จะไปยังไม่ครบ ขาดอยู่หนึ่งสาว พวกเราทุกคนพยายามโทรหา ไลน์ก็แล้วแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ยิ่งใกล้ถึงเวลารถจะออกเราก็ยิ่งกังวลว่านางจะมาไม่ทัน เราต้องไปบอกให้รถช่วยรอหน่อย ในที่สุดนางก็มาถึงแบบว่าก้าวขึ้นรถแล้วรถก็ออกทัน ตื่นเต้นตั้งแต่ยังไม่ถึงสมุยเลย
เรานั่งรถมาแบบหลับ ๆ ตื่น ๆ ในที่สุดก็มาถึงท่าเรือซีทรานประมาณ 06.10 น. (จริง ๆ ต้องถึงก่อนหกโมงเช้าแต่รถดันช้าไม่รู้เพราะอะไร) เราแวะทำธุระส่วนตัวแล้วไปขึ้นเรือทันทีเพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
เรือกำลังเคลื่อนตัวออกจากท่าเรืออย่างช้า ๆ พร้อมกับลมทะเลที่มาปะทะหน้ามันชวนให้ง่วงนอนจริง ๆ
พระอาทิตย์ขึ้นมาพร้อมกับเรือที่กำลังแล่นมันเป็นฉากที่สวยงามจริงๆ ได้เวลาคว้ากล้องออกมาถ่ายพระอาทิตย์กันแล้ว สวยจนไม่อยากพลาดสักชอต
ถ่ายเสร็จบางคนก็มานั่งอัพโหลดภาพถ่ายสวย ๆ เอาไว้แชร์บนโลกโซเชียล
ระยะทางจากท่าเรือดอนสักมายังเกาะสมุยใช่เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง หลังจากที่ถ่ายรูปพระอาทิตย์และวิวโดยรอบบวกกับลมพัดเย็น ๆ พอจะทำให้หลับได้คนละหนึ่งตื่น
ในที่สุดเราก็มาถึงเกาะสมุยบริเวณท่าเรือหน้าทอนเวลาประมาณเกือบเก้าโมงเช้า
เกาะสมุยในตอนนี้ที่เราไปอากาศดีทะเลสวยน้ำใส ๆ นี้ขนาดบริเวณท่าเรือนะครับเนี่ย
นั่งพักถ่ายรูปชิลสักหน่อยก่อนที่จะนั่งรถไปยังที่พักของเรา
ที่พักของเราในครั้งนี้ คือ ที่ท้องพลูรีสอร์ท ราคาเริ่มต้นก็ 299 บาทต่อคืน ถูกมาก ๆ แต่เราพักฟรีเพราะพักที่บ้านพี่สาวที่เรารู้จัก และที่เลือกที่นี้เพราะเงียบสงบ ติดทะเลแถมหาดสวยน้ำใส ไม่วุ่นวาย
หลังเอาสัมภาระเข้าที่พักเราก็มากันที่ร้านกาแฟ 4Monkey บริเวณหาดบางปอที่ไม่ใกล้จากที่พักเราสักเท่าไร
สำหรับผมแล้วผมว่าร้าน 4Monkey บรรยากาศดีมาก ๆ เหมาะแก่การจิบกาแฟเพลินพร้อมหนังสือสักเล่ม
บรรยากาศด้านหน้าร้านกับทะเลใส ๆ หาดทราย ๆ สวย ๆ ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นที่สุด
นักท่องหลายคนเลือกที่จะมาอาบแดดและพักผ่อนที่หาดนี้ เพราะไม่วุ่นวายเท่าหาดเฉวงหรือละไม
จากหาดบางปอเราก็นั่งรถมายังบริเวณบ้านท้องกรูดเพื่อที่จะหาเรือไปเที่ยวยังเกาะแตน เกาะมัดสุม บริเวณนี้จะมีร้านอาหารทะเลมากมายพร้อมทั้งยังมีบริการเรือนำเที่ยวเกาะแตนกับเกาะมัดสุมด้วย เราเข้าไปถามราคาเขาเสนอมาที่ 2,600 บาท สำหรับสี่ชั่วโมงเป็นราคาเหมา เราต่อได้ 2,300 บาท สำหรับหกคน ไม่รวมอาหาร เราออกเดินทางเวลาประมาณ 12.30 น. มุ่งหน้าไปยังเกาะแตน (ช่วงที่เราไปคลื่นลมแรงเลยไปได้แค่เกาะแตนเกาะเดียว)
นั่งเรือหางยาวจากบ้านท้องกรูดมาประมาณ 15-20 นาที ก็จะมาถึงบริเวณเกาะแตน
จุดแรกเราแวะดำน้ำตื้นที่นี่กัน ระหว่างทางที่มาเราเปียกหมดแล้วเนื่องจากคลื่นสาด คราวก็ได้ฤกษ์ลงน้ำกันซะที
ทีนี่ปะการังไม่ค่อยเยอะ มีแต่ปลาเยอะใช้ได้เลยล่ะ
ดำผุดดำไหว้กันสักพักใหญ่ นี้ก็เป็นครั้งแรกของหลายคนที่เพิ่งเคยลงดำน้ำตื้น (ส่วนใหญ่ว่ายน้ำไม่เป็น)
น่าเสียดายที่คลื่นลมแรงไปหน่อยเลยทำให้น้ำไม่ค่อยใสสักเท่าไร แต่สำหรับหลายคนและยิ่งเป็นครั้งแรกมันก็สนุกแล้ว
หลังจากดำน้ำและว่ายน้ำกันเสร็จเราก็ขึ้นเกาะแตนแวะทานอาหารกลางวันที่เราซื้อมาด้วย ทานอิ่มแล้วเราก็เดินย่อยสำรวจเกาะแตน
ที่เกาะแตนมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่เป็นป่าโกงกางด้วย แต่ทางเดินเริ่มชำรุดแล้ว (ทางเดินร่มรื่นสวยมาก ๆ)
เราเดินเล่นกันมาเรื่อย ๆ จนมายังอีกฝั่งหนึ่งของเกาะแตน ที่มีหาดทรายสวยและเงียบสงบมาก ๆ แต่ช่วงที่ไปลมแรงพอสมควร
หลังจากที่เดินเล่นกันพักใหญ่ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเดินกลับไปขึ้นเรือกันแล้ว เพราะช่วงเย็นคิดกันไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ไหนสักที่กลัวว่าจะไม่ทัน
นั่งเรือกลับเข้าฝั่งหลายคนก็เริ่มเพลียรวมทั้งผมด้วย ขอหลับสักตื่นแล้วกันนะไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่เรากลับจากเกาะแตนเราก็รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่โรงแรมอินเตอร์คอนสมุย บ้านตลิ่งงาม ที่เป็นจุดดูพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของสมุย
เรามาถึงแอร์บาร์ที่โรงแรมอินเตอร์คอนไม่ทันพระอาทิตย์ตกได้ แต่มองดูแสงสุดท้ายผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว
บอกเลยว่าวิวที่นี่สวยจริง ๆ
เพื่อจะมาดูพระอาทิตย์ตกเราจึงจำเป็นต้องสั่งค็อกเทลมาดื่ม ไม่อย่างนั้นไม่ได้มาดูแน่ ๆ
เราอยู่ที่โรงแรมอินเตอร์คอนจนถึงสองทุ่มกว่าจึงกลับไปหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งแถวท่าเรือหน้าทอน แต่ร้านค้าดันขายเกือบหมดแล้ว จึงตัดสินใจไปทานที่ร้านอาหารแทน เราเลือกร้านอาหารครัวบางปอเพราะมันไม่ไกลจากที่เราพักสักเท่าไร มื้อนี้เราจัดเต็มแบบคนอดอยากเลยทีเดียว มื้อนี้เล่นเอาจุกกันไปตาม ๆ กันเลย
หลังจากที่ทานมื้อค่ำกันจนอิ่มหนำสำราญแล้วก็กลับมาที่พักมา ว่ากันต่อว่าจะเอายัวไงดีสำหรับวันพรุ่งนี้ จริง ๆ แล้วเราอยากไปหมู่เกาะอ่างทองกันแต่ตอนนี้เคาน์เตอร์ทัวร์ปิดหมดแล้ว วันนี้ทั้งวันเราไปเที่ยวเกาะแตนและดูพระอาทิตย์จนมืด เลยไม่ได้จองอะไรเลย คงต้องไปซื้อหน้างานที่ท่าเรือพรุ่งนี้ว่าจะได้หรือไม่
วันนี้ผมยังคงตื่นแต่เช้าและไปเดินเล่นริมทะเลคนเดียว บรรยากาศมันช่างเงียบสงบมาก ๆ เรารอเวลาให้พี่ที่รู้จักมารับไปท่าเรือเพื่อไปซื้อตั๋วไปหมู่เกาะอ่างทอง
พอมาถึงที่ท่าเรือหน้าทอนก็เห็นเรือหลายลำกำลังจอดเทียบท่าอยู่ ได้เวลาไปสอบถามราคาแล้ว เราถามอยู่สองเจ้าซึ่งเจ้าแรกเต็มเจ้าที่สองยังว่างอยู่แต่ราคาสูง เราจึงทำการต่อราคาจาก 1,650 บาท เหลือ 1,000 บาท แต่เขาให้แค่ 1,050 บาท ก็ถือว่าไม่เลวนะ เราไปทัวร์หมู่เกาะอ่างทองกับเรือใหญ่ไม่ใช่สปีดโบ๊ทเป็นทัวร์ที่ขึ้นจุดชมสิวและพายเรือคายักด้วย ถ้าไม่รวมเรือคายักก็น่าจะ 800-900 บาทต่อคน พอถึงเวลาก็มารอเข้าแถวเช็กรายชื่อ
ลืมบอกไปบริเวณท่าเรือหน้าทอนจะมีทั้งเรือทัวร์ เรือเฟอร์รี่และเรือหาปลาจอดเต็มไปหมดอาจจะมีกลิ่นคาวอยู่พอสมควร
ใกล้เวลา 9 โมง เรือก็เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่เกาะอ่างทอง...ออกเดินทางได้
ระยะทางจากเกาะสมุยไปหมู่เกาะอ่างทองก็ประมาณ 1.30 ชั่วโมง ยาวไป ๆ
เรือก็จะเป็นเรือไม้สามชั้นมีพื้นที่ใช่สอยค่อนข้างเยอะ ให้เดินเล่นและนอนอาบแดดได้เลย
เรามาถึงที่เกาะวัวตาหลับตอน 10.30 น. มีเวลาประมาณชั่วโมงเศษ ๆ ในการขึ้นไปยังจุดชมวิวผาจันทร์จรัส ซึ่งแบ่งเป็นสี่จุดด้วยกัน อย่างจุดนี้คือจุดแรก 100 เมตร ทางเดินขึ้นเขาไม่ยากเท่าไร
จากจุดแรกเราก็ยังคงเดินขึ้นเขาต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดนี้ก่อนที่จะถึงยอด 500 เมตร ต้องใช่ความกล้าและระมัดระวังกันหน่อย ไม่อย่างนั้นคงได้แผลแน่ ๆ
ในที่สุดก็มาถึงจุดสูงสุดที่ 500 เมตร วิวสวยอลังการมาก ๆ หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
ระหว่างรอคนที่เหลือก็ถ่ายรูปและชื่นชมความสวยงามของวิวให้เต็มที่
รออยู่สักพักสุดท้ายสมาชิกที่สามารถขึ้นมาได้มีแค่สาม ที่เหลือไม่ขึ้นน่าเสียดายแทนจริง ๆ
จากเกาะวัวตาหลับเราก็นั่งเรือมาต่อกันที่เกาะแม่เกาะ เพื่อมาชมทะเลในหรือลากูนนั้นเอง
ทางเดินขึ้นมาชมทะเลในไม่ยากเดินขึ้นบันไดประมาณ 10 นาที เราก็จะมาพบกับทะเลใน
เดินขึ้นมาอีกนิดเราก็จะมาถึงจุดชมวิวเกาะแม่เกาะ ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้ที่เกาะวัวตาหลับเลย
หลังจากลงจากจุดชมวิวที่เกาะแม่เกาะเราก็เล่นน้ำกันนิดหน่อย ก่อนจะไปพายเรือคายักกัน และนี้ก็เป็นครั้งแรกของหลาย ๆ คนที่เคยพายคายักด้วย
พายคายักที่นี่ก็สนุกไปอีกแบบ หลาย ๆ คนพายชนกันบ้างพายไปคนละทางบ้างก็สนุกดีนะ
มีพายรอดถ้ำ ผ่านช่องแคบโน้นนี่นั้นเรียกเหงื่อได้พอสมควร
ดูท่าแต่ละคน...
เมื่อพายมาถึงฝั่งก็มานั่งรอเรือหางยาวมารับไปขึ้นเรือใหญ่เพื่อที่จะเดินทางกลับ
ลืมไปเลยว่าบนเรือมีข้าวให้เรากินด้วย เป็นอาหารง่าย ๆ แต่อร่อย นึกถึงสมัยเรียนตอนประถมเลย ถาดหลุม
เรือที่พามาเที่ยวที่หมู่เกาะอ่างทาง เป็นเรือใหญ่แบบนี้จะดีที่สุดไม่โครงไปมาง่าย แต่วิ่งช้ากว่าเรือสปีดโบ๊ท ถ้าใครชอบชิล ๆ แนะนำเลยครับ หรือใครอยากมาค้างก็มากับเรือแบบนี้แล้วอีกวันก็กลับเรือลำเดียวกันได้
เรากลับจากหมู่เกาะอ่างทองมาถึงที่เกาะสมุยประมาณ 17.30 น. วันนี้เราตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ร้านกะลาซี บริเวณหาดบางมะขาม แต่เราไม่มีรถเลยตัดสินใจเดินไปเรื่อย ๆ รอรถประจำทางผ่านมา
เดินกันไปถ่ายรูปไปชิล ๆ ริมทะเล
และเราก็ได้รถรถสองแถวมาส่งที่ร้านกะลาซี ค่ารถคนละ 20 บาท ถึงซะทีอีกหนึ่งคาเฟ่น่ารักริมทะเล
ไม่รู้ว่าเพราะความหิวหรืออะไรเราเผลอสั่งมาทั้งหมดนี้เลย
ระหว่างนั้นก็นั่งเล่น เดินเล่น ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกกันชิล ๆ
บรรยากาศมันช่างเป็นใจมาก ๆ สวย ๆ และดูโรแมนติกสุด ๆ
หลังจากดูพระอาทิตย์ตกและหาอะไรทานแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ เราไม่มีรถเลยต้องเดิน ๆ แล้วก็เดินกลับที่พัก ไม่ไกลมากแค่ข้ามเขาและก็ลงเขาเท่านั้นเอง
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่สมุยกัน เราขอนอนตื่นสายสักวัน หลังจากที่เหนื่อยมาจากทริปหมู่เกาะอ่างทอง วันนี้เราตื่นกันประมาณ 8-9 โมง แล้วก็มาเดินเล่นหน้าหาดบริเวณที่พัก
อย่างที่บอกไปหาดที่นี้ค่อนข้างเงียบสงบและน้ำใสมาก ๆ จะมีนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวมาพัก...ดูเอาเองว่าบรรยากาศมันน่าพักไหมล่ะ
หากเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ ผมว่ามันก็โอเคนะถ้ามาเจออะไรแบบนี้คงลืมอะไรได้บ้างล่ะ
ใสไม่ใสก็ดูเอาเอง...จริง ๆ ผมว่าไม่จำเป็นต้องไปไหนก็ได้มีหนังสือสักเล่ม เพลงชิล ๆ กาแฟสักถ้วยแต่นี้ก็ฟินแล้ว
เราเดินเล่นถ่ายรูปกันสักพักก่อนจะออกไปหาอาหารเช้ากินกัน
มื้อนี้เป็นมื้อเช้าที่กินตอนเที่ยง เป็นร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ริมถนนแถว ๆ ท่าเรือหน้าทอน รสชาติอร่อยล้ำ หมดนี้ 400 บาทนิด
หลังจากอิ่มแล้วก็ขอเดินถ่ายรูปแถวหน้าทอนย่านการค้าที่ยังคงดูสงบ
ยืนมองทะเลสักหน่อยที่ท่าเรือหน้าทอน ฟินเบา ๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปหาร้านกาแฟบรรยากาศชิล ๆ ริมทะเล นั่งหาข้อมูลอยู่พักใหญ่ก็มาได้ที่ร้าน KafeInn บริเวณใกล้ทางเรือบางรักใกล้กับทางไปพระใหญ่
ร่างกายหลาย ๆ คนต้องการกาแฟและเค้กเลยจัดมานิดหน่อย
นั่งพักที่ร้านนี้สักครู่ก่อนไปที่วัดพระใหญ่เกาะฟาน แต่ไม่ได้แวะนะคนเยอะ คณะ อบต. มากันหลายรถตู้ ถ้าใครมาลองมาแวะไหว้ดู...แต่เราขอผ่าน
เราเลยตัดสินใจมาที่วัดเขาจุก (บริเวณเฉวง) เพื่อมาดูวิวสวยแทน
ที่บริเวณวัดเขาจุกสามารถมองเห็นสนามบินเกาะสมุยด้วย
จากวัดเขาจุกเราก็มายังจุดชมวิวลาดเกาะที่สามารถมองเห็นหาดเฉวงได้
ช่วงนี้ฝั่งตะวันออกบริเวณหาดเฉวงอาจจะมีลมค่อนข้างแรง (ช่วงประมาณธันวาคมถึงกุมภาพันธ์) ไม่อย่างนั้นบรรยากาศสวยกว่านี้อีกแน่นอน
จากนั้นเราก็แวะกินไอศกรีมกะทิสดเจ้าอร่อยที่จุดชมวิวลาดเกาะแก้ร้อนกันสักหน่อย ร้านนี้ขอบอกว่าขายดีจริง ๆ ให้เครื่องมาก ๆ อากาศร้อน ๆ ได้ของแบนี้ช่วยได้เยอะเลย
มุมสงบบริเวณท่าเรือบางรัก
สะพานปลาใกล้ท่าเรือบางรักบริเวณร้าน KafeInn
หลังจากทานไอศกรีมกะทิสดแก้ร้อนกันแล้ว เราก็มุ่งหน้ามายังหาดละไมเพื่อมายังหินตาหินยาย แต่เดี๋ยวก่อนเราขอแวะมาจุดชมวิวที่อยู่ใกล้กันสักนิด ค่าขึ้นจุดชมวิวก็คนละ 10 บาท
จากจุดชมวิวเราก็มากันยังหินตาซึ่งเป็นโขดหินรูปร่างคล้ายสัญลักษณ์ของเพศชายนั่นเอง
ใกล้หินตาก็จะมีหินอีกก้อนหนึ่งที่รูปร่างคล้ายสัญลักษณ์เพศหญิง นั่นก็คือ หินยาย ส่วนประวัติมีป้ายบอกอยู่บริเวณทางเข้าลองไปหาอ่านดูนะ
จากบริเวณหินตาหินยายเราก็นั่งรถกลับมายังที่พักเพื่อเก็บสัมภาระเพื่อจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ
เราจองตั๋วกลับกรุงเทพฯ รอบเวลา 17.30 น. เป็นรถ บขส.999 ป.1 ราคา 692 บาท (รถออกจากขนส่งสมุย 17.30 น. แต่ต้องมาขึ้นเรือรอบเวลา 18.00 น.) เราก็มารอที่ท่าเรือแทนที่จะไปขนส่งสมุย และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเรือและกล่าวลาสมุยสักที
เรือเริ่มเคลื่อนตัวออกจากเกาะสมุยในใจยังไม่อยากกลับเลย อยากจะอยู่ต่อสักพักแต่ด้วยหน้าที่การงานจำเป็นต้องกลับ ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน มันเร็วมาก ๆ เลยว่าไหม
บนเรือเฟอร์รี่ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ก็อยากมาเกาะสมุย
นี่เป็นอีกหนึ่งวันที่เราได้มองพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไป เป็นอีกวันที่พระอาทิตย์สวยมาก ๆ
สมาชิกทุกคนในทริปนี้หยิบกล้องออกมาถ่ายและตั้งหน้าตั้งตาอัพโหลดกันจริงจังมาก ๆ
เรานั่งกันอยู่บนดาดฟ้าเรือ นั่งคุยกันไปเกี่ยวทริปนี้และค่อย ๆ นั่งมองพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไป
แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดไปมันช่างเป็นอีกวันที่สวยงาม แม้การเดินทางครั้งนี้จะจบลงแต่อีกไม่นานเราเชื่อว่าเราจะได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง "เกาะสมุย"
สรุปค่าใช้จ่ายทริปสมุย 3 วัน 2 คืน แบบคร่าว ๆ นะ
Day 1
++ ค่ารถกรุงเทพฯ (หมอชิต)-เกาะสมุย ราคา 692 บาท รวมตั๋วเรือแล้ว
++ ค่าที่พักคืนละ 299 บาท 2 คืน ที่ท้องพลูรีสอร์ท (ฟรี)
++ ค่าเรือหางยาวเที่ยวเกาะแตน 2,300 บาท+ค่าอาหาร 920 บาท+น้ำแข็ง 50 บาท รวม 3,270 บาท/6 คน ตกคนละ 545 บาท
++ ค่าขนมคบเคี้ยว คนละ 45 บาท
++ ค่าค็อกเทล 250-330 บาทต่อคน
++ ค่าอาหารมื้อค่ำที่ครัวบางปอ 12 อย่าง 2,070 บาท/6 คน ตกคนละ 345 บาท
++ รวมค่าใช้จ่ายวันแรก 1,957 บาท บาทต่อคน
Day 2
++ ค่าทัวร์หมู่เกาะอ่างทองโดยเรือใหญ่ คนละ 1,050 บาท
++ ค่ารถสองแถวคนละ 20 บาท
++ ค่าอาหารเย็นที่ร้านกะลาซี (Kalasea) 635 บาท/5 คน ตกคนละ 127 บาท
++ รวมค่าใช้จ่ายวันที่สอง 1,197 บาทต่อคน
Day 3
++ ค่าอาหารเช้า 400 บาท (ฟรี)
++ ค่ากาแฟที่ร้าน KafeInn คนละ 60-100 บาท
++ ค่าไอศกรีมกะทิสด 60 บาท
++ ค่าเข้าจุดชมวิวละไม 10 บาท
++ ค่าของฝากแล้วแต่ใครจะซื้อ (ส่วนตัวไม่ซื้อ)
++ ค่ารถทัวร์เกาะสมุย-กรุงเทพฯ (หมอชิต) 692 บาท
++ ค่ามาม่าบนเรือ 20 บาท
++ รวมค่าใช้จ่ายวันที่สาม 882 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 3 วัน 4,036 บาท
ป.ล. ถ้าต้องจ่ายค่าที่พักในกรณีที่ไม่ได้พักฟรี ตกอยู่ที่คนละ 300-500 บาท ค่าอาหารและค่ารถที่ต้องจ่ายเองกรณีไม่มีคนรู้จักประมาณ 400-500 บาทต่อคน รวมเบ็ดเสร็จทริปสมุย 3 วัน 2 คืน งบ 5,000 บาท เอาอยู่แน่ ๆ ดีไม่ดียังเหลือถ้าไม่ใช้เท่าพวกเรานะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ The Travelerz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก TheTraveler แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยว เมืองน่ารัก ที่พักหลักร้อย