วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์สนุก ๆ เป็นการเดินทางไปค้นหาอันซีนไทยแลนด์ที่หลาย ๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ผ่านบันทึกการเดินทางของ คุณ O-kitikhun สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปสัมผัสกับ Unseen in Thailand : ผจญภัยมหาถ้ำลำคลองงู และถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายมาให้เราได้ชมกัน อ๊ะ ๆ แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับอุทยานแห่งชาติลำคลองงูกันก่อนดีกว่า
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ตั้งอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งด้วยลำห้วยที่ไหลวกวนและสลับซับซ้อนผ่ากลางผืนป่ากัดเซาะเพิงผาเทือกเขาหินปูน จนกลายเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง ประกอบกับการสะสมของตะกอนหินปูนที่ใช้เวลานานแสนนาน จึงเกิดเป็นหินงอกหินย้อยประติมากรรมของธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้ภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูจึงมีถ้ำหลายแห่งที่น่าเดินทางเข้าไปสำรวจความงดงาม เช่น ถ้ำเสาหิน, ถ้ำนกนางแอ่น, ถ้ำน้ำตก และถ้ำใหญ่ เป็นต้น โดยแต่ละถ้ำจัดได้ว่าเป็นถ้ำที่มีความงดงามและมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งการเดินทางเข้าชมถ้ำภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูนั้น
จะต้องมีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า
รวมทั้งต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าชมถ้ำและเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินทาง
รวมทั้งผู้นำทางที่ชำนาญเส้นทาง ช่วงเดือนที่เหมาะสม
ได้แก่ เดือนมีนาคม-พฤษภาคมของทุกปี
เนื่องจากในฤดูฝนระดับน้ำในถ้ำจะสูงมากไม่สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ ทั้งนี้
สอบถามรายละเอียดที่ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ตู้ ปณ.4 ปทจ.ทองผาภูมิ
จังหวัดกาญจนบุรี 71180 โทรศัพท์ 08 6175 4786, 08 1856 6518, 08 4913
2381, 08 5299 1484 (ดูเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู)
เอาเป็นว่าพอรู้จักกับอุทยานแห่งชาติลำคลองงูแบบพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาตาม คุณ O-kitikhun สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปผจญภัยกันได้แล้วค่ะ
เอาเป็นว่าพอรู้จักกับอุทยานแห่งชาติลำคลองงูแบบพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาตาม คุณ O-kitikhun สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปผจญภัยกันได้แล้วค่ะ
+++++++++++++++++++
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ตั้งอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ถนนสายที่จะไปสังขละบุรี ขอบอกว่าทริปนี้มันแอดเวนเจอร์มากกกกกก ทั้งเดินป่า ปีนเขา ว่ายน้ำ โดดน้ำ แล้วปีนเขาต่อ แล้วก็มาว่ายน้ำอีก แล้วก็ปีนอีก มันสุดยอดมาก ๆ แล้วอีกวันเราก็ไปต่อกันที่ ถ้ำนกนางแอ่น ถ้ำนี้สวยมาก โถงถ้ำก็อลังการมาก ๆ การเดินทางก็สนุก โดดน้ำ ว่ายน้ำ ปีนเขา ถ้ำนี้ประทับใจมาก เดินทางไม่เหนื่อยมาก ถ้ำสวยและสนุก ดูจากรูปอาจจะดูน่ากลัวนิด ๆ แต่มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือเราตลอด จัดเจ้าหน้าที่ 1 คน ต่อนักท่องเที่ยว 3 คน ปลอดภัยครับ
บริเวณถ้ำเสาหินจะเปิดให้เข้าชม เฉพาะช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เพราะถ้าเป็นช่วงอื่นน้ำจะเยอะ...อันตราย ส่วนของผมไปวันที่ 3-4 พฤษภาคม 2557 พอดีน้ำยังน้อยอยู่เลยยังเข้าได้ แต่เค้าเปิดให้กรุ๊ปของเราเป็นกรุ๊ปสุดท้ายแล้ว เค้าจะปิดถ้ำแล้วเปิดใหม่ปีหน้า เรียกได้ว่ากลุ่มเราเป็นกลุ่มปิดถ้ำประจำปีนี้ 5555
การเตรียมตัว
1. ถุงกันน้ำ Ocean Packs
2. ไฟฉายแบบคาดหัว
3. ขนม น้ำ น้ำหวาน พกไปให้พอระหว่างเดิน
4. เสื้อผ้าที่ใส่ไปควรเลือกตัวที่ราคาไม่แพงมาก
5. ไฟฉายกำลังแรงสูงมากหรือสปอตไลท์
รูปที่อยู่ในรีวิวนี้จะมีจากกล้องของผม คือ รูปที่ไม่มีกรอบ และรูปจากกล้องของเพื่อนผม คือ รูปที่มีกรอบสีขาว เพื่อความครบถ้วนของข้อมูลที่นี่ครับ
เราพักกันที่บ้านพักรับรองของอุทยาน ส่วนค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่จะบริจาค เราเดินทางไปถึงที่ทำการอุทยานประมาณตีหนึ่งของวันที่ 3 พฤษภาคม 2557 คือ ทางมืดมากและเป็นลูกรัง ขึ้นเขา-ลงเขา ประมาณ 20 กิโลเมตร สุดท้ายก่อนถึงที่ทำการ เมื่อถึงที่ทำการหลับเป็นตาย เพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางไปถ้ำเสาหิน โปรแกรมของเรามี 2 วัน 2 คืน (วันแรกไม่นับเพราะกว่าจะถึงก็ตี 1)
วันแรก : ออกเดินทางไปถ้ำเสาหิน เดินไป-กลับ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 วันเต็ม
วันที่สอง : เดินทางไปถ้ำนกนางแอ่น ไป-กลับ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาครึ่งวัน
เดินทางไปถ้ำเสาหินโดยนั่งรถกระบะของอุทยานไปประมาณ 10 กิโลเมตร แล้วลงเดินต่ออีก 2 กิโลเมตร แบ่งเป็นเดินลง 1 กิโลเมตร ปีนก้อนหินลง 1 กิโลเมตร คือ ก่อนไปฟังดูไม่น่ายาก แต่พอไปจริงบอกเลยว่าเดินลงจนขาสั่นเพราะมันดิ่งลงอย่างเดียว 1 กิโลเมตรเต็ม ทั้งทางลาดลง ทั้งปีนก้อนหินลง ขาไปอะไม่เท่าไร แต่ขากลับนี่สิ แบบว่ากลับทางเดิมไง คือ แบบปีนขึ้นยังไง เพื่อนผมถึงขั้นบอกว่า "ชั้นจะนอนที่นี่" 5555
ตามธรรมเนียมครับ ต้องถ่ายกับป้ายก่อน
เริ่มออกเดินยังไม่มีอะไร เดินชมธรรมชาติไปก่อน หลอกให้ตายใจ
ระหว่างทางเดินช่วงนี้ยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ กินลมชมวิวไปเรื่อย สังเกตว่าเราจะใส่ชูชีพเดินป่าก็เพราะว่าเราจะต้องได้ลงน้ำกันต่อ ก็ใส่ไว้เลยของใครของมัน
บรรยากาศเดินป่าอีกสักรูป
แล้วก็เริ่มมีเดินขึ้นบ้างละ
ก็เริ่มมีทางลงแล้ว จากรูปอาจจะดูไม่ชันมากแต่ของจริงมันชันกว่านี้
ค่อย ๆ ดูบรรยากาศการปีนลงไปเรื่อย ๆ ครับ
ค่อย ๆ ไต่กันลงไป
มันชันมากจริง ๆ ครับ ก้นถลอก ขาสั่นหมด บางคนไถลก้นไปตามก้อนหิน เสื้อขาดก็มี ถึงบอกว่าไม่ควรเอาเสื้อราคาแพงมาใส่เดินที่นี่
หลังจากไต่กันมาได้ระยะทางเกือบ ๆ 1 กิโลเมตร (เจ้าของกระทู้ถ่ายมาได้ไม่เยอะครับ เหนื่อยจริงจัง) ก็เจอน้ำตกให้ได้นั่งพักเอาแรงกันสักพักก่อนจะไปลุยในถ้ำกันต่อ
ปากทางเข้าถ้ำเสาหิน จุดหมายของเราในวันนี้
นี่คือวิธีการเดินเข้าปากถ้ำ ไต่ทางแคบ ๆ แบบนี้ไปครับ ค่อนข้างอันตรายเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือตลอด แต่ !!!!!! จากรูปจะเห็นว่าเค้ารอช่วยทุกคน แล้วเหลือผมรั้งท้ายคอยถ่ายรูป พอผมกำลังจะเดินข้ามทางนี้ไปเท่านั้นล่ะ เจ้าหน้าที่เค้าก็เดินนำหน้าผมไป เอ๊ะ เค้าไม่กลัวผมตก หรือเค้าคิดว่าผมไม่น่าทะนุถนอม น่าจะช่วยเหลือตัวเองได้ ?? คือแบบงง ตรูเดินไปเองก็ได้ หึหึ
พอผ่านทางน่าหวาดเสียวเมื่อกี้ไป เราก็มาเดินลุยน้ำกันต่อ ข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วปีนขึ้นอีกนิดนึงไปเข้าปากถ้ำ ตรงนี้แอบลื่น ต้องเดินระวัง ๆ มีคนหนึ่งในนี้ลื่นมาแล้ว 555
เข้ามาในปากถ้ำกันแล้วครับ ของจริงนี่ใหญ่มาก
มาถึงเสน่ห์ของที่นี่กันแล้ว และชูชีพที่ใส่กันมาตั้งนานจะได้ใช้ประโยชน์สักที เราจะมาว่ายน้ำกันต่อครับ และไฟฉายคาดหัวที่ซื้อมาจะได้ใช้ประโยชน์ก็ตอนนี้ล่ะ
เริ่มลงน้ำกันแล้วครับ ในถ้ำมืดมากควรเตรียมไฟฉายมาให้พร้อม
พอว่ายน้ำแบบทวนกระแสน้ำ (เพราะน้ำไหลออกจากถ้ำ แต่เราว่ายเข้าถ้ำ) มาสัก 50 เมตร ก็ขึ้นจากน้ำมาปีนกันต่อ
กระแสน้ำค่อนข้างแรง เจ้าหน้าที่จะมีเชือกขึงไว้ให้เราค่อย ๆ ไต่ตามเชือกทวนกระแสน้ำเข้ามา
อีกสักรูป ค่อย ๆ สาวเชือกเข้ามาแล้วมีเจ้าหน้าที่คอยพยุงขึ้นฝั่ง
ทางชัน กระแสน้ำแรง ต้องคอยมีคนช่วยดึงตัวขึ้น
ก่อนที่เราจะถึงเสาหินตามภาพ ที่จริงต้องลงว่ายน้ำแล้วก็ปีนเหมือนรูปที่ผ่านมาอีกประมาณสองครั้ง แต่ต้องเก็บกล้องเข้า ๆ ออก ๆ บ่อยเกินไป น้ำจะเข้ากล้องเลยไม่ได้เก็บรูปมา นี่ก็คือ Climax ของที่นี่ เสาหินปูน ความสูง 62.5 เมตร สูงที่สุดในโลก ซึ่งที่จริง ก็คือ หินงอกหินย้อยที่โตมาเชื่อมกันกลายเป็นเสา จากรูปจะเห็นตัวคนสีส้มข้างขวาของรูป เทียบกับความสูงของเสาหินที่ใหญ่โตมาก เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นมา รูปนี้ผมถ่ายมาได้ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากแสงสว่างไม่พอ ภาพเบลอมาก ถ้าจะถ่ายให้เห็นความอลังการของที่นี่แบบชัด ๆ ต้องจ้างคนแบกสปอตไลท์เข้ามา และต้องเอาขาตั้งกล้องมาด้วย เพราะโถงถ้ำใหญ่มาก สูงมาก และมืดมาก ไฟฉายเล็ก 4 ตัว ไฟฉายใหญ่ 1 ตัว และไฟฉายแรงสูงราคาพันกว่าบาทที่ผมถอยมาเพื่อสิ่งนี้ก็ไม่เพียงพอที่จะถ่าย รูปนี้ออกมาให้ดูดีได้ ส่วนขาตั้งกล้องผมก็ไม่ได้เอามาด้วย เพราะไม่กล้าเสี่ยงให้เปียกน้ำ แต่พอเข้ามาถึงที่นี่ก็แอบเสียดายจริง ๆ ที่ไม่ได้เอามา
อีกสักรูปกับเสาหินเทียบกับตัวคน
ได้เวลาว่ายน้ำกลับออกจากถ้ำครับ ความสนุก คือ ตรงนี้ 555
ในถ้ำมีค้างคาวนะครับ ค่อนข้างมีกลิ่นฉุนนิดหน่อย
ขากลับออกมาเจ้าหน้าที่จะพามาทางลัดครับ แต่ต้องวัดใจนิดหน่อยตรงนี้ คือ ต้องกระโดดน้ำสูงประมาณ 3-4 เมตร ขาสั่นกันเลยทีเดียว ส่วนถ้าใครไม่อยากกระโดดก็ต้องยอมเดินอ้อมครับ ในถุงสีเหลืองที่เพื่อนผมกำลังโยนลงมาก่อนโดดน้ำ ในนั้นมี Nikon d3200 ครับ อยู่ในถุง Ocean Pack
โชว์กระโดดน้ำครับ ใครไม่อยากเดินอ้อมก็จัดเลย
พอกระโดดน้ำลงมากันแล้ว เราก็มานั่งกินข้าวริมน้ำตกกัน เวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ หิวมาก อาหารก็เป็นข้าวผัดกะเพราง่าย ๆ ใส่ถุงมาแบบนี้ เรียกได้ว่ากินกันตายเพื่อให้มีแรงเดินกลับ ตรงนี้ล่ะที่บอกว่าควรพกน้ำและขนมมาให้พอ เพราะขากลับมันโหดมาก ถ้ายังจำได้ขามาเราไต่หินลงมา และขากลับเรากลับทางเดิมยังไงครับ เพราะฉะนั้นขากลับมันก็คือการปีนก้อนหินขึ้น ระยะทางเกือบ ๆ 1 กิโลเมตร คือขากลับผมไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับ เพราะแค่แบกเอาร่างตัวเองขึ้นมาให้ได้ก็แทบตาย ไม่มีแรงจะงัดกล้องขึ้นมาถ่ายเลยครับ สิ่งเดียวที่นึกถึงตอนเดินกลับคือน้ำ แต่น้ำเราหมดไปแล้ว !! พอแบกร่างขึ้นมาได้ถึงที่จอดรถ (ซึ่งไม่มีน้ำ) โชคดีของพวกเราที่ตรงที่จอดรถมีช่างก่อสร้างเป็นคุณลุงกับคุณป้ามาสร้างห้อง น้ำนักท่องเที่ยวตรงนั้น และสายตาผมก็เหลือบเห็นกระติกน้ำ ณ จุดนั้นด้านได้อายอดครับ ขอน้ำเค้ากินเลยครับ อารมณ์นั้นคุณป้าช่างก่อสร้างเหมือนนางฟ้ามาโปรด น้ำเย็นสดชื่นจริง ๆ อยากจะกระโดดกอดคุณป้าจริง ๆ
เช้าวันที่สองเราจะไปถ้ำนกนางแอ่นกัน แต่ ๆๆๆ ก่อนไปครั้งนี้เราไม่มีพลาดเหมือนคราวก่อนแล้ว ลงร้านขายของชำก่อนเลย จัดเตรียมเสบียงพร้อม คราวนี้ถึงขั้นเอาโค้กขวดลิตรไปด้วย มือหนึ่งว่ายน้ำ มือหนึ่งกอดขวดโค้กเลยล่ะครับ
เช้าวันใหม่เริ่มออกเดินกันอีกครั้ง
การเดินทางไปถ้ำนกนางแอ่นไม่ลำบากเท่าถ้ำเสาหิน เดินสบาย ๆ มีบันได
เมื่อเดินมาถึงปากถ้ำจะเจอป้ายประตูทะลุมิติ มันจะทะลุมิติยังไงมาดูกัน
เอาล่ะ...เราจะมาทะลุประตูมิติกัน โดยการมุด ๆๆๆ
ทางเดินเป็นซอกแคบ ๆ ยังกะในหนัง
นี่ครับจุดขายของตรงนี้ เหมือนเป็นป่าอยู่กลางถ้ำ ให้ Feeling เหมือนทะลุมาอีกป่าหนึ่งหลังถ้ำ
เทียบกับขนาดตัวคน
แล้วก็เดินกันต่อ จะเห็นว่าขนาดของถ้ำมันใหญ่โตมากจริง ๆ
ข้างซ้าย คือ ปากถ้ำ ส่วนข้างหน้าเป็นน้ำที่ไหลออกมาจากถ้ำ
แล้วก็มาถึงจุดวัดใจอีกจุดครับ กระโดดน้ำแล้วก็ว่ายน้ำกันต่อ จุดจุดนี้จะสูงกว่าจุดกระโดดน้ำที่ถ้ำเสาหินเล็กน้อย แต่ไม่มีทางเดินอ้อมนะครับ คราวนี้กระโดดอย่างเดียว
เอาล่ะ...มาเตรียมตัวกระโดดกัน
พร้อม !!!!
ณ จุดนี้คงเปลี่ยนใจไม่ทันแล้ว 5555
พอกระโดดน้ำลงมาแล้วก็มาลอยละล่องว่ายน้ำกันต่อ พร้อมกับหอบหิ้วขวดโค้กมาด้วย 555
บางจุดน้ำตื้นก็ต้องลงเดินแบบนี้
พอว่ายน้ำมาได้สักระยะก็ถึงปากถ้ำอันต่อไป อันนี้เราจะว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำกันครับ
เตรียมเข้าถ้ำกันต่อครับ
เอาล่ะ มาลุยกันต่อ
พอเปียกกันแล้วก็มาเดินกันต่ออีก
แสงลอดมาระหว่างปากถ้ำ
เทียบกับขนาดคนจะเห็นว่าขนาดของโถงถ้ำใหญ่มาก ๆ
จุดนี้เรียกได้ว่าเป็น Climax อีกที่หนึ่งของที่นี่ ตรงนี้กระแสน้ำค่อนข้างแรง เจ้าหน้าที่จะมีเชือกให้เราจับ แล้วค่อย ๆ ให้ตัวเราไหลไปตามกระแสน้ำ จับให้มั่นนะครับ ไปอย่างนั้นได้ไหลไปตามน้ำไกลแน่ ๆ
ไหลไปแบบนี้ปลายทางมีคนรอรับ
จับให้มั่นนะครับ
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
บรรยากาศภายในถ้ำ
หินงอกหินย้อยภายในถ้ำ
ออกจากถ้ำมาเดินกันต่อครับ
ปีนก้อนหินคม ๆ กันต่อไป
ปากถ้ำอันถัดไป
โถงถ้ำอีกอันครับ หินก้อนใหญ่ ๆ ทางซ้ายมือเรียกว่าหินเอเลี่ยน เหมือนมั้ยล่ะครับ
เจอเอเลี่ยนครับ
หินเอเลี่ยนอีกมุมครับ
เทียบกับตัวคน
หินอีกอันที่อยู่หลังหินเอเลี่ยน ชื่อหินอนาคอนด้า
หินมือแม่นากครับ ส่วนอันล่าง ๆ เป็นหินนางเงือก สังเกตดี ๆ จะเหมือนนางเงือกนั่งหันหลัง
หินอนาคอนด้าแบบใกล้ ๆ
ดูเอเลี่ยนกันอีกสักรูป
เอาล่ะ เมื่อมาชื่นชมหินรูปร่างต่าง ๆ กันแล้ว ก็มาถึงจุดวัดใจจุดสุดท้ายข้าง ๆ หินเอลี่ยนนี่ล่ะครับ จุดนี้เป็นจุดกระโดดน้ำสูงประมาณ 5-6 เมตร แค่ก้มดูยังไม่ทันกระโดดยังขาสั่นเลยครับ
เตรียมทำใจก่อนกระโดด
เมื่อทำใจได้แล้วก็กระโดด !!!!!!!!!!!
ระหว่างทางที่ว่ายน้ำมา จุดนี้ก็เป็นอีกจุดที่สามารถกระโดดน้ำได้...เป็นจุดแถมครับ ถ้าจะกระโดดนี่ต้องปีนขึ้นไปเองนะครับ มันไม่ใช่ทางผ่าน ตรงนี้มันสูงมาก ไม่ต่ำกว่า 7 เมตรแน่ ๆ มีเพื่อนผมมันขึ้นไปกระโดดคนเดียว
เอาล่ะครับ รูปมันช่างเยอะเหลือเกิน ผมขอส่งท้ายด้วยรูปนี้ละกัน เสน่ห์ของที่นี่คือ Adventure แบบดิบ ๆ ถ้าใครยังพอมีแรง กล้ากระโดดน้ำ และไม่กลัวความสูง แนะนำให้มาครับ เมืองไทยของเรายังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ เช่นที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติแท้ ๆ สำหรับคนที่ชอบเดินป่าอยากให้มาลองครับ ความสนุกมันอยู่ตรงที่ปีน ว่ายน้ำ และกระโดดน้ำนี่ล่ะ ^^ ผมก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะครับ