x close

ใช้ชีวิตให้เนิบช้า เมื่อไปเยือนเมืองน่าน

น่าน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Dr.Kwind สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง...นี่คือคำขวัญของจังหวัดในอ้อมกอดของขุนเขา "น่าน" ดินแดนอุดมด้วยธรรมชาติผืนป่า สายน้ำ ทะเลหมอก หล่อหลอมรวมกับวิถีวัฒนธรรมของผู้คนชาวไทยลื้อ ทำให้เสน่ห์ของน่านไม่ได้มีเพียงธรรมชาติอันพิสุทธิ์ แต่ยังมีศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ที่แฝงด้วยแรงศรัทธาในพุทธศาสนา และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (จังหวัดน่าน) ทำให้นักเดินทางต่างก็อยากลองไปสัมผัสกับจังหวัดน่านสักครั้ง เหมือนกับ คุณ Dr.Kwind สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ลุยเดี่ยวเที่ยวเมืองน่าน เสพความงามของดินแดนแห่งขุนเขา พร้อมกับเก็บเอาความประทับใจต่าง ๆ มาบอกเล่าให้เราได้รู้กัน




           ครั้งแรกกับจังหวัดน่าน และกระทู้รีวิวครั้งแรกกับห้องบลูฯ ครับ แรงบันดาลใจในการไปน่านก็เกิดจากห้องบลูฯ นี่ละครับ ตั้งชื่อกระทู้เข้ากับงานศิลปะน่านที่จัดขึ้นวันนี้ 21-23 กุมภาพันธ์ 2557 ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดน่าน ช่วงนี้น่านน่าไปมาก มีทั้งงานศิลปะ มีทั้งดอกชมพูภูคาที่บานช่วงนี้พอดี เป็นจังหวัดหนึ่งที่ไปแล้วมีความสุขมากครับ

           ก่อนออกเดินทางก็คิดอยู่นานจะไปดีไหม ไปแล้วจะคุ้มเหรอ ไกลนะ จะไปกับใครดี คิดเยอะ 555 คืนวันเสาร์ไปดูหนังเรื่อง Time Line  มีฉากหนึ่งเต้ยบอกว่า "ถ้ามัวแต่รอคนอื่นว่าง คงไม่ได้ไป" วันอาทิตย์ทำงานเสร็จบ่าย ๆ ออกเดินทางเลยละกัน เริ่มออกจากรังสิต 4 โมงเย็น คิดถึงมหาวิทยาลัยที่เคยเรียน เลยแวะนอนที่พิษณุโลก 1 คืน ออกจากพิษณุโลกตั้งแต่ตี 5 ค่อย ๆ ขับรถไปเรื่อย ๆ คนเดียว วิวข้างทางสวยมากครับ ครึ้ม ๆ หน่อยไม่มีแดด สงสัยฝนเพิ่งตกเมื่อคืนนี้



           ไม่เคยไปน่านมาก่อน ดูแผนที่บ้าง ถามเพื่อนบ้าง ดูรีวิวในห้องนี้บ้าง เลยตั้งใจจะไปเริ่มที่ดอยภูคา แวะนอนบ่อเกลือ วันรุ่งขึ้นเข้าเมือง นอนในเมือง 1 คืน แล้วต่อด้วย อช.ศรีน่าน กับ อช.ขุนสถาน สมัยนี้สบายมากครับ มีโทรศัพท์เครื่องเดียวเที่ยวได้หมด Google map ช่วยพาไปได้ทุกที่ หลงบ้าง ถูกบ้าง ถนนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง เริ่มแรกให้มันพาไปดอยภูคา ตั้งใจจะไปดูดอกชมพูภูคา มันพาไปทาง ขึ้นทาง อ.ปัว ระหว่างทางมีวิวสวย ๆ เยอะเลยครับ



           ถนนเส้นนี้ไม่รู้เรียกกว่าอะไรนะครับ มีต้นดอกเหลือง ๆ เต็มเลย นึกถึงถนนที่นครนายกเลยครับ ที่มีดอกสุพรรณิการ์เยอะ ๆ น่ะครับ ถามเพื่อนใน FB ได้ความว่ามัน คือ เหลืองอินเดียครับ มีเต็มถนนสองข้างทางเลย สวยมากครับ ประเทศเราน่าจะปลูกแบบนี้เยอะ ๆ นะครับ

น่าน

           ทางขึ้นดอยภูคา ถนนดีครับ ราดยางตลอด มีทำถนนบ้างช่วงสั้นๆ รถไมีเยอะด้วยครับ อาจเป็นเพราะผมไปวันธรรมดา ช่วงสัปดาห์หน้ามีเทศกาลชมดอกชมพูภูคาพอดี รถอาจจะเยอะกว่านี้ครับ



           ก่อนถึงอุทยานนิดเดียว แวะสักการะ องค์พระสมเด็จมหามุนีศรีภูคา กันก่อนนะครับ

น่าน

           ไฮไลท์ของวันแรกครับ "ชมพูภูคา" ช่วงที่ไปต้นที่ดอกบานแล้ว ต้องไปตามทางเดินศึกษาธรรมชาติประมาณ 1 กิโลเมตรครับ วันธรรมดาไม่มีคนพาไป ต้องเดินไปเอง เจ้าหน้าที่แนะนำเส้นทางฟังดูน่าจะง่ายครับ แต่พอเดินจริง ๆ หลงครับ 555 กว่าจะถึงต้นชมพูภูคาหอบครับ ดอกออกหลายช่อ แต่สูงมากครับ เลนส์ที่มีส่องไม่ถึง มือสั่นด้วยครับ เหนื่อยมาก แต่คุ้มค่านะครับ หาดูได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

           ช่วงสัปดาห์หน้า ดอกที่ต้นตรงศาลเจ้าพ่อภูคาน่าจะบานแล้ว ไม่ต้องเดินเหนื่อยละครับ

น่าน

           บนดอยภูคายังมีต้นไม้หายากอีก 2 อย่าง คือ ต้นเต่าร้างยักษ์ ปาล์มดึกดำบรรพ์ยุคเดียวกับไดโนเสาร์ ในประเทศไทยพบที่เดียวบนดอยภูคา อีกต้น คือ กระโถนฤาษี พบได้ตามป่าภาคเหนือเท่านั้นครับ

น่าน

           ลงจากดอยภูคาไปทางบ่อเกลือ ไปอีกทางกับตอนขึ้นครับ ไม่ไกลมากประมาณ 30 นาที ก็ถึงครับ ไปบ่อเกลือก็ต้องดูวิธีต้มเกลือโบราณ มีเกลือสินเธาว์ภูเขาขายด้วยครับ มีที่เดียวในประเทศเช่นกัน (ดอยภูคานี่เป็นแหล่งรวมของหายากจริง ๆ) ขายถูกมาก กิโลกรัมละ 10 บาทเท่านั้นครับ

น่าน

           ที่บ่อเกลือมีไร่สตรอว์เบอร์รีด้วย รู้สึกตอนนี้ที่ไหน ๆ ก็มีไร่สตอว์เบอร์รี ที่นี่ขายกิโลกรัมละ 300 บาทครับ (บนขุนสถานขายแค่ 200 บาทครับ)

น่าน

           คืนแรกที่น่าน นอนที่อุ่นไอมางครับ ไปคนเดียวเค้าคิดแค่ 500 บาท นอนฟังเสียงน้ำไหล อากาศเย็นสบายมากครับ ปีนี้กำลังจะปิดแล้วนะครับ  ลองติดตามข้อมูลได้ใน FB ของเค้านะครับ

น่าน

           ตอนเช้าตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เกือบ ๆ 6 โมง รีบขับรถขึ้นไปจุดชมวิวบนดอยภูคาเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศประมาณ 14 องศาครับ แต่ลมแรง เลยหนาวมากครับ วันนี้ผมครองคนเดียว ไม่มีคนเลยครับ



           หลังจากนั้นมุ่งหน้าเข้าเมืองครับ จุดหมายต่อไปอยู่ที่ "หอศิลป์ริมน่าน" ค่าเข้าชม 20 บาทครับ แนะนำเลยครับ

น่าน

           เข้าเมืองกันต่อเลยครับ ในเมืองวัดสวย ๆ เยอะมากครับ ใกล้ ๆ กันทั้งนั้น เดินเที่ยวได้เลยครับ วัดแรกเลยครับ ใคร ๆ ก็ต้องมา "วัดภูมินทร์" ตอนแรกไม่รู้ว่าในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง "ปู่ม่านย่าม่าน" ที่โด่งดังอยู่ ออกไปวัดอื่นแล้วนึกได้ว่ายังไม่ได้ดู เลยเสิร์ชกูเกิลถึงรู้ว่าที่แท้อยู่ในวัดภูมินทร์นี่เอง

น่าน

           วัดต่อไปอยู่ตรงข้ามวัดภูมินทร์เลยครับ "วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร" เจดีย์สีทองตัดกับฟ้าสีฟ้า สวยมากครับ

น่าน

           ต่อด้วย "พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดน่าน" ที่จัดงาน "น่านเนิบเนิบ" ในพิพิธภัณฑ์มีจัดแสดงงาช้างดำ ด้วยครับ คนที่อ่านเรื่องเพชรพระอุมาน่าจะอยากเห็นงาช้างสีดำนะครับ

น่าน

           ถัดจากพิพิธภัณฑ์เป็น "วัดหัวข่วง" วัดที่น่านสวย ๆ ทั้งนั้นครับ แทบทุกวัดจะมีสิงห์และก็พญานาคเป็นสัญลักษณ์

น่าน

           หิวแล้วแวะกินข้าวกันครับ อีกฟากของพิพิธภัณฑ์มีร้านข้าวซอยอร่อยครับ ชื่อ "ข้าวซอยต้นน้ำ" อร่อยจริงครับ



           เดินจากร้านข้าวซอยไปนิดเดียวเจอ "เสาพระหลักเมือง" ใกล้ ๆ กันเลยครับ เดินเที่ยวไปได้เรื่อย ๆ เป็นเสาหลักเมืองที่สวยมากครับ

น่าน

           ถัดจากศาลหลักเมืองต้องวัดนี้เลยครับ "วัดศรีพันต้น" ตัวอารามเป็นสีทองเหลืองอร่าม สวยงามมากครับ

น่าน

           แวะกินขนมหวานป้านิ่มกันก่อนครับ อยู่ตรงข้ามวัดเลย ผมไปตอน 4 โมงเย็น ป้ายังไม่ขายบัวลอย เลยจัดไอศกรีมข้าวเหนียวดำ+มะม่วงมาก่อนครับ 50 บาท อร่อยดีครับ ร้านปิด 4 ทุ่ม และหยุดทุกวันพุธนะครับ

           ตอนเย็นกลับไปจัดบัวลอยอีกครั้ง เลยได้รูปวัดศรีพันต้นตอนกลางคืนด้วยครับ



           คืนที่สองนอนที่ "เฮือนกำกึ๋น" ตอนแรกว่าจะไปนอน “เฮือนน่านนิทรา” แต่ไม่ได้จองไว้เลยเต็มครับ นอนเฮือนกำกึ๋นห้องน้ำในตัวคืนละ 550 บาท ก็นอนสบายดีนะครับ แอบอยากไปนอนโรงแรมพูคาน่านฟ้า แต่คิดว่าไม่คุ้มเพราะนอนแป๊บเดียว เลยแอบไปถ่ายรูปมาเฉย ๆ



           ลืมไปวัดหนึ่งครับ "วัดสวนตาล" เลยออกมาจากกลุ่มแรกหน่อย แต่ขับรถแค่ 5 นาทีถึง ผมใช้ Google Map นำทางตลอดเลย สะดวกดีครับ

           ป.ล. แต่ Google Map พาไปวัดศรีพันต้นผิดที่นะครับ ไม่รู้ใครไปแอบเช็กอินผิดที่ไว้

น่าน

           ถามพี่ที่เฮือนกำกึ๋นว่าขึ้นพระธาตุเขาน้อยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกี่โมงดี พี่เค้าบอกตอนนี้เช้าไว ไปตั้งแต่ตี 5 ก็ดี แอบคิดในใจ...จะดีเหรอ เมื่อวานนี้ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว ยังขึ้น 6 โมงกว่า ๆ เลย ผมเลยตื่น 05.45 น. ออกจากเฮือนกำกึ๋นเกือบ 6 โมงครับ ขับไปตาม Google Map อีกแล้ว 10 นาที ก็ถึงแล้วครับ ไปถึงมีผมคนเดียว ไม่มีใครมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยเลย ข้อดีของการเที่ยววันธรรมดา ไม่ต้องแย่งกับใครครับ เกือบ 7 โมง ถึงมีพี่อีกคู่หนึ่งขึ้นมา



           ถ่ายมุมมหาชนไปแล้ว (แต่ไม่มีมหาชนมาถ่ายด้วยเลยสักคน) หันมาถ่ายด้านหน้าองค์พระบ้าง แสงกำลังดีเลยครับ ฟ้าเป็นสีฟ้าสวยเลย

น่าน

           สาย ๆ ไปต่อกันที่วัดพระธาตุแช่แห้งเลยครับ ขับรถออกไปไม่ไกลครับ วัดนี้มีพระธาตุแช่แห้ง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีเถาะ และยังมีพระเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีของคนเกิดปีมะเมียด้วยครับ

น่าน

           Google map พาเราไปได้ทุกที่ หลงบ้าง เข้าทุ่งนาของชาวบ้านบ้าง แต่ก็ทำให้ได้วิวสวย ๆ ที่เราไม่เคยเห็น หรืออาจจะไม่สนใจด้วยครับ

น่าน

           มุ่งหน้าสู่ดอยเสมอดาว อช.ศรีน่าน ต่อครับ ตอนไปผ่านเวียงสาอย่าลืมแวะจิบกาแฟ ดื่มนม กินขนมอร่อย ๆ ที่ "จ๊างน่าน" ร้านนมชิค ๆ ชิล ๆ มีงานแสดงศิลปะด้วยครับ ตอนผมไปเป็นลูกค้าคนเดียว พี่หยก กับ พี่กุ้ง น่ารักใจดีมากครับ ยังแนะนำที่เที่ยวให้อีกหลายที่

น่าน

           ขับรถไปอีกชั่วโมงนิด ๆ ไปทาง อ.นาน้อย ก็ถึงดอยเสมอดาว อช.ศรีน่าน ทางดีตลอดครับ รถเก๋งขึ้นได้สบายมาก ตอนไปถึงเกือบ 5 โมงแล้ว กลัวขึ้นขุนสถานไม่ทันก่อนมืด เลยไม่ได้แวะเสาดินนาน้อยเลย

น่าน

           บนดอยเสมอดาวก็อยู่คนเดียวเหมือนเดิมครับ สงสัยนิด ๆ คนหายไปไหนกันหมด เหงา ๆ ดีครับ

           รีบลงจากเสมอดาว แล้วมาขึ้น อช.ขุนสถาน อยู่คนละฝั่งถนนกันครับ ทางขึ้นประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นหลุมบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะราดยางครับ มีทางแยกเล็กน้อย ป้ายบอกทางไม่ค่อยมี อาศัยถามชาวบ้านไปเรื่อย ๆ ครับ ข้างบน อช.จะมีแค่มาม่ากับขนม และของที่ระลึกขายนิดหน่อยนะครับ ควรเตรียมขนมไปจากข้างล่างเลย ที่พักมีบ้านเป็นหลัง ตั้งแต่ แม่จอก 1-4 ครับ ที่ คุณชานมชงเอง มารีวิวไว้ แม่จอก 1 น่าจะวิวดีสุด ผมไม่ได้จองล่วงหน้าเลยได้แม่จอก 2 แอบอุ่นใจที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนนอนบน อช.ด้วย ข้างบนหนาวมากนะครับ ประมาณ 12-14 องศา ลมแรงด้วย ควรมีเสื้อผ้ากันหนาวติดตัว ผมเอาแต่กางเกงขาสั้นไป หนาวสุด ๆๆ ตอนกลางคืนดาวเต็มฟ้าเลยครับ แต่ถ่ายรูปดาวไม่เป็น เลยไม่มีดาวสวย ๆ มาฝากนะครับ

น่าน

           ตอนเช้าตื่นมาครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตกในตัวเมืองน่าน แต่ที่ อช.ไม่ตกครับ เห็นหมอกบาง ๆ ฟ้าครึ้มถึงเที่ยงเลยครับ อากาศดี น่านอนมากครับ ข้างบนมีโฮมสเตย์ แล้วก็มีไร่สตรอว์เบอร์รีด้วยครับ มีพันธุ์ 80 ด้วย กิโลกรัมละ 200 บาท รสชาติไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ ผมว่าที่เขาค้อหวานกว่าครับ

น่าน

           วันนี้ลงจาก อช.เกือบเที่ยงครับ เมื่อวานพี่หยกที่ร้าน จ๊างน่าน แนะนำว่าลองขึ้นแพข้ามฟากไปฝั่งอุตรดิตถ์ แล้วกลับกรุงเทพฯ ทางนั้น ไม่ต้องผ่านแพร่ เลยลองดูครับ จากนาน้อยวิ่งตรงไปนาหมื่น แล้วก็เลี้ยวซ้ายไปทางหมู่บ้านประมงปากนาย ขึ้นเขาลงห้วยบ้างนิดหน่อย แต่ทางดีตลอดครับ มาถึงหมู่บ้านมีร้านอาหารบนแพหลายร้านเลย มีแพนำเที่ยว แพตกปลา แต่ต้องรีบกลับ เลยไม่ได้อยู่เที่ยว ค่าข้ามสำหรับรถเก๋ง 250 บาท รถตู้ 300 บาทครับ ข้ามได้ทีละ 2 คันครับ

น่าน

           จากฝั่งอุตรดิตถ์ขับอีก 6 ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงกรุงเทพฯ เป็นทริปที่เหนื่อยมากเพราะขับรถไปเอง ขับคนเดียวตลอด แต่มีความสุขมากครับ หลงรักเมืองน่านเลย เมืองน่านมีเสน่ห์มาก อากาศดี ผู้คนน่ารัก ขุนเขาสวยงาม มีอะไรให้เพลิดเพลินตลอด ผมไปครั้งแรกไม่อยากกลับเลย หน้าฝนนี้จะกลับไปดูทะเลหมอกตามรอยคุณชานมชงเองอีกรอบ จะแวะไปนอนเวียงสา ไปชิมกาแฟร้านจ๊างน่าน ไปใช้ชีวิตเดินช้าที่น่านอีกรอบแน่นอน



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ใช้ชีวิตให้เนิบช้า เมื่อไปเยือนเมืองน่าน อัปเดตล่าสุด 8 มีนาคม 2567 เวลา 15:20:49 23,464 อ่าน
TOP