7 สถานที่ล่องแก่งสุดมัน ท้าทายความตื่นเต้น

          7 สถานที่ล่องแก่ง ท้าทายความตื่นเต้น ทั้ง ล่องแก่งนครนายก พัทลุง ปราจีนบุรี สระบุรี พิษณุโลก และล่องแก่ง สตูล
          เมื่อใดที่สายฝนโปรยปรายลงมา นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูฝนกำลังมาเยือนอีกครา ความเขียวชอุ่มกำลังกลับมา และตามแม่น้ำ ลำธาร หรือน้ำตก เริ่มมีกระแสน้ำไหลพรั่งพรูมาหล่อเลี้ยงให้เย็นฉ่ำ ... เชื่อว่าเหล่าบรรดานักเดินทางที่ชอบความท้าทาย คงคันไม้คันมืออยากไปทำกิจกรรมสุดฮอตสำหรับฤดูฝน นั่นก็คือ การล่องแก่ง เพื่อพิชิตความกล้าและทักทายความหวาดเสียว ซึ่งวันนี้กระปุกท่องเที่ยวก็ได้หยิบเอา 7 สถานที่ล่องแก่งสุดมันจากทั่วประเทศมาบอกกันด้วย

1. ล่องแก่งปราจีนบุรี

สถานที่ล่องแก่ง

          วันหยุดฤดูฝนรอคุณอยู่ พบกับความตื่นเต้นท้าทายกับการ "ล่องแก่งหินเพิง" จังหวัดปราจีนบุรี โดยใช้แพยางนั่งได้ประมาณ 8-10 คน ล่องในลำน้ำใสใหญ่ สภาพแก่งน้ำอยู่ในระดับ 3-5 นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการพายสูง เมื่อนักท่องเที่ยวติดต่อล่องแก่งกับผู้ประกอบการแล้ว ผู้ประกอบการ จะพานักท่องเที่ยวไปยังบริเวณ ขญ.9 (ใสใหญ่) และเดินป่าไปยังต้นน้ำ ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที จากนั้นจะเริ่มล่องแก่งมายังจุดสุดท้ายบริเวณ ขญ.9 สถานที่ตั้งหน่วยพิทักษ์ป่า ขญ.9 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี

          ลักษณะของสายน้ำ

          แก่งหินเพิง เป็นแก่งหินตอนปลายสุดของแม่น้ำใสใหญ่ ซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยา เป็นชั้นหินทราย ครั้นเมื่อถึงฤดูฝน กระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเกาะแก่งต่าง ๆ มากมาย แก่งหินเพิงเป็นที่ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม กระแสน้ำบริเวณแก่งหินเพิงจะไหลรุนแรงมาก

          ความตื่นเต้นและท้าทาย

          การล่องแก่งสายนี้จุดเด่นอยู่ที่ตัวแก่งหินเพิงอันเป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง ตัวแก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลานหินหักเทลื่นลงมาจนเกิดเป็นกระแสน้ำวนและเชี่ยวกราก ต้องใช้ความสามารถและทักษะในการพายเป็นอย่างยิ่ง จากจุดเริ่มต้นเหนือแก่งหินเพิงลงมาจะผ่านแก่งวังบอน บริเวณนี้มีโขดหินสองฝั่งขวางกระแสน้ำอยู่ บีบให้กระแสน้ำเข้าหากันเป็นรูปตัววี และถ้าผ่านแก่งวังบอนมาได้ กระแสน้ำหลังแก่งวังบอนจะไหลย้อนทิศทาง ตรงนี้สามารถพักเรือนี้ได้ล่องเรือต่อมาจะพบกับแก่งลูกเสือ ซึ่งมีความสนุกสนานเร้าใจไม่แพ้แก่งหินเพิง และผ่านไปจนถึงแก่งวังไทร และแก่งงูเห่า ซึ่งเป็นแก่งสุดท้ายของการล่องแก่ง สายน้ำช่วงนี้แก่งวังไทรจะมีลักษณะเป็นคลื่นใหญ่ม้วนตัวขึ้นเป็นวง สร้างความตื่นเต้นเร้าใจได้พอสมควร

          แก่งต่าง ๆ ที่ล่องผ่าน

          - แก่งหินเพิง เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง ลักษณะหินของแก่งหินเพิงเป็นแก่งยาวประมาณ 150 เมตร ในช่วงฤดูฝน เป็นสุดยอดของการล่องแก่งทริปนี้

          - แก่งผักหนามล้อม มีลักษณะเป็นวังน้ำขนาดใหญ่กระแสไหลวนไปมา

          - แก่งวังบอน เป็นแก่งหินสั้น ๆ ยาวประมาณ 30 เมตร กระแสน้ำจะไหลลาดเอียงลงมาประมาณ 30 องศาผ่านชั้นหินและเกาะต่าง ๆ จากนั้นน้ำจะไหลเอื่อย ๆ ลงมายังแก่งลูกเสือ

          - แก่งลูกเสือ มีลักษณะเป็นแก่งน้ำเล็ก ๆ มีร่องน้ำสามารถพายเรือยางผ่านไปได้แต่ต้องระมัดระวังอันตรายจากกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา

          - แก่งวังไทร มีลักษณะเป็นแก่งหินกว้างประมาณ 50-60 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร ความกว้างของแก่งพอ ๆ กับแก่งลูกเสือ มีความลาดชันประมาณ 30 องศา กระแสน้ำจะไหลผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ แล้วม้วนตัวเป็นวงคลื่น ต้องใช้ทักษะความชำนาญในการพายเรือค่อนข้างสูง

          - แก่งงูเห่า ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าที่ ขญ.9 ถ้าปริมาณน้ำไม่มากนัก จะแลเห็นเกาะแก่งต่าง ๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำจะไหลท่วมเกาะแก่งต่าง ๆ จนมีลักษณะคล้ายกับฝายกั้นน้ำ

          - การล่องแก่งหินเพิงส่วนมากจะมาขึ้นฝั่งกันบริเวณแก่งวังไทร เพราะมีห้องสุขาและห้องอาบน้ำไว้บริการนักล่องแก่ง หรืออยากจะพักผ่อนนั่งรับประทานอาหารกลางวันที่ทางรีสอร์ตจัดไว้ให้ก็ได้ เป็นอันสิ้นสุดการผจญภัยในแก่งหินเพิง

ติดต่อและจองล่องแก่งล่วงหน้าได้ที่ผู้ประกอบการ ดังนี้...

           - ศักดิ์สุภารีสอร์ท โทรศัพท์ 06 2524 9698 ดูที่เว็บไซต์ saksupha.com และเฟซบุ๊ก Saksupha Resort

           - วังตะพาบรีสอร์ท โทรศัพท์ 08 1983 8335 ดูที่เว็บไซต์ wangtaparbresort.com และเฟซบุ๊ก วังตะพาบรีสอร์ท/Wangtaparb

           - ใสใหญ่ รีสอร์ท โทรศัพท์ 08 2207 2502 ดูที่เฟซบุ๊ก SaiYai Resort

2. ล่องแก่งนครนายก

          แม่น้ำนครนายก เป็นสายน้ำที่มีต้นกำเนิดมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลลงมากลายเป็นน้ำตกนางรอง ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำนครนายก ซึ่งไหลมาจากน้ำตกเหวนรกภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กระแสน้ำไหลแรงในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม โดยจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกอยู่ที่บริเวณสะพานท่าด่าน

สถานที่ล่องแก่ง
ภาพจาก Mr.Moo / shutterstock.com

          ระดับความยากง่ายในการล่องแก่ง

          การล่องแก่งแม่น้ำนครนายกนั้น ระดับความยากง่ายขึ้นอยู่กับฤดูกาล คือ เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ระดับ 2-3

          ระยะเวลาในการล่อง

          สำหรับระยะเวลาในการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

          จุดเด่นของการล่องแก่งสายนี้

           - จุดเด่นของแม่น้ำสายนี้ คือ ตัวแก่งหินสามชั้น กระแสน้ำจะมีลักษณะไหลลดหลั่นกันลงมาคล้ายขั้นบันได เป็นแก่งที่สร้างความตื่นเต้น เร้าใจ ได้พอสมควร แก่งหินสามชั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการพายเรือแคนูหรือเรือคายัก นอกจากแก่งหินสามชั้นแล้ว ยังมีแก่งโขดคุ้งและเกาะแก่ง หลังจากผ่านแก่งต่าง ๆ แล้ว ความรุนแรงของกระแสน้ำจะลดลง

          - เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการล่องแก่งแม่น้ำนครนายก คือ ลำน้ำที่คดเคี้ยวตลอดเส้นทาง การล่องทำให้เราได้มีโอกาสฝึกการพายบังคับเรือยาง หรือแคนู-คายัก ให้เลี้ยวซ้าย-ขวาได้อย่างสนุกสนาน จนสิ้นสุดการล่องแก่งที่บริเวณวังยาว

          แก่งต่าง ๆ ที่จะล่องผ่าน

          - แก่งโขดคุ้ง มีลักษณะเป็นโขดหินโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำในช่วงฤดูร้อน แต่จะจมลงไปในน้ำยามฤดูฝน

          - เกาะแก่ง มีลักษณะเช่นเดียวกันกับแก่งโขดคุ้ง ถ้าในช่วงฤดูร้อนจะมองเห็นเกาะแก่งนี้ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจะท่วมเกาะแก่งนี้จนไม่สามารถมองเห็นได้

          - แก่งหินสามชั้น ถือว่าเป็นไฮไลต์ของการล่องแก่งนางรอง นครนายก ก่อนจะถึงตัวแก่งสามชั้นระยะทางไม่กี่เมตรจะถึงโค้งหักศอกก่อน นักล่องแก่งควรระมัดระวังตัว ตั้งใจพายให้ดีเมื่อถึงโค้งหักศอกนี้ เพราะต่อไปจะเป็นแก่งสามชั้น ซึ่งมีลักษณะเป็นชั้นหินสามชั้น เทลาดเอียงลงมาเป็นขั้นบันได ระยะทางยาวประมาณ 50 เมตร กระแสน้ำจะไหลวนลงมากระทบกับโขดหินน้อยใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำ จนเกิดเป็นลูกคลื่นม้วนตัวเข้าหาหินสูงประมาณหนึ่งเมตร เป็นจุดท้าทายของนักพายเรือคายักและแคนู ซึ่งจะมาประลองกำลังความสามารถกันที่บริเวณแก่งสามชั้นแห่งนี้ แก่งสามชั้นสร้างความตื่นเต้นเร้าใจในการล่องแก่งนี้ได้พอสมควร การล่องแก่งนางรองนครนายก จะไปสิ้นสุดการล่องที่บริเวณบ้านวังยาว

          ช่วงเวลาที่เหมาะสม

          เขื่อนขุนด่านปราการชล โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ปล่อยน้ำเพื่อการชลประทานและการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี

          ข้อควรระวังในการล่องแก่ง

          - สวมชูชีพและหมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อลงล่องแก่ง

          - ปฏิบัติตามกฎแห่งความปลอดภัยโดยเคร่งครัด

          - เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำของไกด์นำทาง

          - งดดื่มสุรา และของมึนเมาในขณะล่องแก่ง

ติดต่อและจองล่องแก่งล่วงหน้าได้ที่ผู้ประกอบการ ดังนี้...

           - ลุงใส ล่องแก่ง นครนายก โทรศัพท์ 08 2469 8001 เฟซบุ๊ก ลุงใส ล่องแก่ง นครนายก

           - ริมน้ำ โฮมสเตย์ (บ้านริมน้ำ) นครนายก โทรศัพท์ 09 4954 2552 เฟซบุ๊ก ริมน้ำ โฮมสเตย์ (บ้านริมน้ำ) นครนายก

           - บ้านสวนสายสมร โทรศัพท์ 08 7030 1824, 08 0566 1901 เฟซบุ๊ก บ้านสวนสายสมร

3. ล่องแก่งพิษณุโลก

สถานที่ล่องแก่ง
ภาพจาก Film photo / shutterstock.com 

          สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้รักการผจญภัยทางน้ำ หรือการล่องแก่งไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ ล่องแก่งลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจัดเป็นสนามล่องแก่งที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวท้าทายตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและปริมาณของน้ำฝน

          ลำน้ำเข็ก มีแหล่งกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ทางด้านอำเภอเขาค้อ ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ลดหลั่นมาตามเทือกเขา ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ของทุกปี จะมีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก เหมาะสำหรับการล่องแก่งเป็นอย่างยิ่ง โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณบ้านท่าข้าม ล่องไปสู่บริเวณตอนบนของน้ำตกแก่งซอง มีแก่งหินน้อยใหญ่ให้พิสูจน์ความกล้าถึง 17 แก่ง แตกต่างกันออกไป ช่วงแรก ๆ จะเป็นช่วงเตรียมความพร้อมกระแสน้ำจึงค่อนข้างนิ่ง (ระดับ 1) ผ่านไปได้สักระยะหนึ่งสายน้ำจะเริ่มสลับแรงบ้างนิ่งบ้าง (ระดับ 2-5) ทำให้เส้นทางของการล่องมีความยากง่ายไม่เหมือนกัน ส่วนแก่งที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ (ระดับ 5) ก็จะมีด้วยกัน 4 แก่ง ได้แก่ แก่งซาง, แก่งโสภาราม, แก่งนางคอย และแก่งยาว

          จุดเด่นของการล่องแก่งลำน้ำเข็ก คือ จะเป็นเส้นทางน้ำที่ขนานไปกับเส้นทางบก (ทางหลวงหมายเลข 12) จึงทำให้การเดินทางมาท่องเที่ยวสะดวกสบาย สามารถเลือกจุดขึ้น-ลงได้ตามความเหมาะสม ในเรื่องของความปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง เพราะก่อนการลงล่องแก่งจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำขั้นตอนต่าง ๆ ของการพาย การลอยตัวตามกระแสน้ำ การนั่ง และการขึ้น-ลงแพยางอย่างถูกวิธี พร้อมอุปกรณ์เซฟตี้ครบชุด ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ฝีพายประจำเรือ นายหัวและนายท้ายได้ผ่านการอบรมหลักสูตรการล่องแก่งมาตรฐานสากล Best  Practice จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

ติดต่อและจองล่องแก่งล่วงหน้าได้ที่ผู้ประกอบการ ดังนี้...

           - เนเชอรัล ปาร์ค รีสอร์ท เดอ วังทอง โทรศัพท์ 08 1982 7696, 08 6345 3344, 0 3823 1561 ต่อ 3 หรือดูที่เว็บไซต์ naturalparkresort.com

           - น้ำเข็กทัวร์ โทรศัพท์ 08 1594 4844 หรือดูที่เฟซบุ๊ก น้ำเข็กทัวร์ จ.พิษณุโลก

           - วนธารา เฮลท์ รีสอร์ท แอนด์ สปา โทรศัพท์ 05 529 3411 หรือดูที่เว็บไซต์ wanathara.com

           - Rain Forest Resort โทรศัพท์ 0 5529 3085, 08 1395 9575 หรือดูที่เว็บไซต์ rainforestthailand.com และเฟซบุ๊ก Rain Forest Resort

4. ล่องแก่ง สตูล

สถานที่ล่องแก่ง

          ล่องแก่งวังสายธารคลองลำโลน สายน้ำหลักของป่าต้นน้ำปากบารา ที่มีน้ำใส ธรรมชาติสมบูรณ์สองฝั่งคลองเส้นทางของการล่องแก่งสายน้ำที่ใสและเย็นฉ่ำ ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ผ่านแก่งต่าง ๆ ประมาณ 16 แก่ง ที่รอให้นักเดินทางซึ่งหลงใหลความตื่นเต้นได้ไปสัมผัสกับความมัน

ติดต่อและจองล่องแก่งล่วงหน้าได้ที่ผู้ประกอบการ ดังนี้...

           - วังสายทองเทรแวล โทรศัพท์ 08 4117 8583 (คุณนาง) หรือดูที่เว็บไซต์ wangsaitongtravel.com

           - ภูต้นน้ำรีสอร์ท โทรศัพท์ 08 5891 8197 หรือดูที่เฟซบุ๊ก ภูต้นน้ำ ล่องแก่ง สตูล

           - บ้านเสือป่า รีสอร์ท ล่องแก่งสตูล โทรศัพท์ 08 2262 3153 หรือดูที่ เฟซบุ๊ก บ้านเสือป่า รีสอร์ท ล่องแก่งสตูล 

           - นารายณ์ทอง ล่องแก่งสตูล โทรศัพท์ 08 1456 8910 หรือดูที่เว็บไซต์  www.thaikayakclub.com และ เฟซบุ๊ก นารายณ์ทอง ล่องแก่งสตูล

           - ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท โทรศัพท์  08 9598 1712 หรือดูที่เว็บไซต์ satunriverside


           - เรือนเคียงตะวัน โทรศัพท์  08 1189 6906 หรือดูที่เฟซบุ๊ก เรือนเคียงตะวัน

           - อิงธารรีสอร์ท โทรศัพท์ 08 5477 8688 หรือดูที่เฟซบุ๊ก Engthan at Satun

5. ล่องแก่งหนานมดแดง พัทลุง

สถานที่ล่องแก่ง
ภาพจาก Anucha Cheechang / shutterstock.com 

          ล่องแก่งหนานมดแดง ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เป็นทุนเดิมทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้วนำมาประยุกต์กับแนวคิดที่ตกผลึกจากการที่ได้ไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวล่องแก่งในพื้นที่อื่น ๆ แล้วนำกลับมาปรับใช้กับหนานมดแดงจนก่อเกิด "ล่องแก่งหนานมดแดง"

          ล่องแก่งที่นี่ไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาลต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี มีหนานที่ผจญภัยประมาณ 40 หนาน และอีก 5 หนานที่เร้าใจ อาทิ หนานลุงจวน หนานสองพี่น้อง หนานมดแดง หนานยาว และหนานไม้ไผ่ รวมระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งทุกทริปก่อนออกล่องแก่งจะต้องผ่านการอบรมให้ความรู้ทุกครั้ง เพื่อเน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ

          ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08 9873 1464, 08 1370 2123, 08 1082 0206 อีเมล kayaking_nhanmoddang@hotmail.com หรือเว็บไซต์ nhanmoddang.com และ เฟซบุ๊ก ล่องแก่งหนานมดแดง พัทลุง (Nhanmoddang Rafting)

6. ล่องแก่ง แม่น้ำปาย



          นอกจากไปเดินชมวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของคนจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว กิจกรรมกลางแจ้งที่สนุกสนานตื่นเต้น ท้าทาย ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปท่องเที่ยวมากอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ การล่องแก่งแม่น้ำปาย โดยจุดล่องแก่งแม่น้ำปายมีหลายแห่ง ที่นิยมกัน คือ จุดล่องแก่งบ้านน้ำของ ในเขตอำเภอปางมะผ้า

          โดยการล่องแก่งจะล่องไปตามลำน้ำของ ลัดเลาะไปตามซอกภูเขาของป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ และตั้งแคมป์พักค้างคืนในป่าแห่งนี้หนึ่งคืน พอรุ่งเช้าก็พายเรือล่องแก่งไปตามแม่น้ำต่อไปจนบรรจบกับแม่น้ำปาย และไปสิ้นสุดการล่องแก่งบริเวณที่ทำการแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ในเขตหมู่บ้านปางหมู ตำบลปางหมู อำเภอเมือง รวมเวลาล่องแก่ง ในเส้นทางนี้ 2 วัน 1 คืน ซึ่งกิจกรรมระหว่างล่องแก่งที่น่าสนใจ คือ แช่โคลนและเยี่ยมชมน้ำตกซู่ซ่า การพักค้างแรมในแคมป์นั้น บริษัทนำเที่ยวด้านการล่องแก่งจะเป็นคนจัดการเรื่องที่พักและอาหารการกิน ทั้งหมดตลอดกิจกรรม

          ทั้งนี้การล่องแก่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเป็นไกด์และบังคับเรือยาง และการพายเรือต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำหรือ Leader ซึ่งสามารถแบ่งการล่องแก่งเป็น 3 ช่วงด้วยกัน คือ

          1. ช่วงต้นน้ำปายถึงอำเภอปาย เริ่มต้นที่ห้วยช้างเฒ่า หรือห้วยช้างแก้ว ห่างจากอำเภอปายตามระยะทางรถยนต์ประมาณ 16 กิโลเมตร ตามทางลำลองที่มุ่งสู่บ้านเวียงเหนือ และบ้านศาลาเมืองน้อย แล้วเริ่มล่องลำน้ำปายใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงสะพานเวียงเหนือ หรือบ้านจอมพลใกล้ตัวอำเภอปาย การล่องแพสายนี้ควรใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันเต็ม โดยต้องพักแรม 1 คืนก่อนการเดินทางและหลังจากการล่องแพแล้วอีก 1 คืน

          2. ช่วงจากอำเภอปายถึงอำเภอแม่ฮ่องสอน เริ่มต้นที่บ้านหมอแปง ห่างจากอำเภอปายโดยทางรถยนต์ประมาณ 30 กิโลเมตร ระยะทางการล่องแพทั้งหมดประมาณ 70 กิโลเมตร และต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน กว่าจะล่องถึงบ้านปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และต้องใช้แพถึง 2 ชุด เนื่องจากช่วงกลางของแม่น้ำปายมีจุดหนึ่งที่เป็นโตรกธารระดับน้ำต่างกัน คล้ายกับเป็นน้ำตก ซึ่งไม่สามารถล่องแพผ่านได้ต้องขึ้นฝั่งข้ามเขาไปขึ้นแพชุดใหม่แล้วล่องต่อไป

          3. ช่วงอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนถึงเขตชายแดนไทย-พม่า เริ่มต้นจากบ้านห้วยเดื่อ ตำบลผาบ่อง ซึ่งห่างจากอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 6 กิโลเมตร ล่องถึงบ้านน้ำเพียงดิน ซึ่งเป็นเขตต่อแดนระหว่างไทยกับพม่า ปกติแล้วในช่วงนี้นิยมนั่งเรือหางยาวมากกว่าล่องแพ และจากจุดนี้ผู้ที่นิยมล่องไพรด้วยการนั่งบนหลังช้างก็สามารถทำได้เช่นกัน การล่องเรือในช่วงนี้เป็นที่นิยมกันมาก ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ เนื่องจากทิวทัศน์แม่น้ำมีความสวยงาม และระดับน้ำลดหลั่นกันตลอดทาง ใช้เวลาในการไป-กลับ เพียง 2- 3 ชั่วโมง

ติดต่อและจองล่องแก่งล่วงหน้าได้ที่ผู้ประกอบการ ดังนี้...

          - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทรศัพท์ 0 5361 2982-3

          - อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ โทรศัพท์ 0 5361 2996

7. ล่องแก่งภูเกาะ สระบุรี

          หากอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ลองไปล่องแก่ง ณ แก่งภูเกาะ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย โดยจุดลงเรืออยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 2224 กิโลเมตรที่ 13-14 เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร เพลิดเพลินกับการล่องแก่งเรือยางหรือพายเรือคายัก ตลอดสายน้ำผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ กว่า 15 แก่ง เช่น แก่งท่าข้าม แก่งสไลเดอร์ แก่งขวาง แก่งภูเกาะ แก่งวัวข้าม และอีกหลายแก่งด้วยกัน ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

          โดยสามารถล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ เดือนมีนาคม-ตุลาคม โดยยามน้ำลดเหมาะแก่การพายเรือคายัก ส่วนยามน้ำหลากในช่วงฤดูฝนสามารถล่องเรือยางขนาดใหญ่ อีกทั้งบริเวณแก่งยังมีป่าไม้ที่ยังเขียวขจี มีหมู่แมกไม้นานาพรรณ เช่น ต้นสร้อยอินทนิล ต้นโสก ต้นปอกระสา ระหว่างทางจะได้พบเห็นนกน้อยนานาชนิด ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ตลอดเส้นทางการล่องแก่ง

          การเดินทาง

          จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน) เมื่อถึงตัวเมืองสระบุรีให้เลี้ยวขวาใช้เส้นทางนครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) กิโลเมตรที่ 142 ก่อนถึงตลาด อสค. ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2224 (มวกเหล็ก-หนองย่างเสือ) ผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย (ด้านขวามือ) อีกประมาณ 4 กิโลเมตร มีป้ายบอกว่า "ล่องแก่งภูเกาะ" ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะถึงท่าเรือล่องแก่งภูเกาะ

ติดต่อและจองล่องแก่งล่วงหน้าได้ที่ผู้ประกอบการ ดังนี้...

           - อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย โทรศัพท์ 0 3634 6586 หรือรีสอร์ทต่าง ๆ ในอำเภอมวกเหล็ก

           - สระบุรี ล่องแก่ง ภูเกาะและเอทีวี โทรศัพท์ 08 4650 2065 หรือดูที่ เฟซบุ๊ก สระบุรี ล่องแก่ง ภูเกาะและเอทีวี


หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2562

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
,   , E-Marketing กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, tat8.com, tat7.com, wangsaitongtravel.com, kayakingnhanmoddang.blogspot.com และ travelmaehongson.org
         




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
7 สถานที่ล่องแก่งสุดมัน ท้าทายความตื่นเต้น อัปเดตล่าสุด 30 พฤษภาคม 2567 เวลา 17:48:10 112,911 อ่าน
TOP
x close