เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ คนหาของป่า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายสำหรับ "เกาะช้าง" ซึ่งเป็นเกาะที่ขนาดใหญ่ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแหลมงอบ จังหวัดตราด อาจเพราะมีธรรมชาติอันงดงามทั้งบนบกและในทะเล มีหาดทรายขาวละเอียดที่สะอาดบริสุทธิ์ มีกิจกรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกทำ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับท่องเที่ยวเกาะช้าง คือ ช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน เพราะซึ่งเป็นช่วงคลื่นลมสงบ ส่วนช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน เป็นช่วงฤดูมรสุม ทะเลมีคลื่นลมแรง โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม ส่วนเดือนสิงหาคมมีฝนตกชุกที่สุด นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบสภาพอากาศและคลื่นลมในทะเลก่อนเดินทาง
อะ ๆ แต่สำหรับใครที่อยากไปท่องเที่ยวสไตล์แบ็คแพ็ก แบกเป้ สะพายกล้อง เดินชิล ๆ ที่เกาะช้างด้วยตัวเอง ก็ตาม คุณ คนหาของป่า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวเกาะช้างผ่านบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายสวย ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวข้อมูลก่อนออกเดินทาง...กันเลยจ้า
การไปเกาะช้างครั้งนี้ผมได้เตรียมการมาก่อนด้วยการศึกษาข้อมูลจากเว็บพันทิพห้อง Blueplanet เรานี่แหละครับ ได้ข้อมูลหลาย ๆ อย่างในหลายมุมมองการเดินทาง รีวิวนี้ผมก็ขอเป็นอีกหนึ่งมุมมองของการท่องเที่ยวเกาะช้างสำหรับเพื่อน ๆ ที่คิดจะไปเที่ยว ได้แวะมาอ่านพอเป็นข้อมูลช่วยเพื่อน ๆ สักนิดก็ยังดีครับ ^^
สำหรับการเดินทางเราเริ่มกันที่ กทม.นะครับ เริ่มซื้อตั๋วที่ขนส่งเอกมัย โดยผมไปรถของ บ.เชิดชัยทัวร์ รอบ 23.30 น. ครับ เพราะกะว่าจะได้ไปถึงตอนเช้าพอดีเลย เพราะถ้าไปรอบเร็วกว่านี้สงสัยจะได้นั่ง ๆ นอน ๆ รอเรือนานไปหน่อย
สำหรับตั๋วรถของ บ.เชิดชัยทัวร์ แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบไป-กลับ เลยนะครับ เพราะจะได้ราคาถูกกว่า (พนักงานเขาว่างั้น) แล้วก็ถูกกว่าจริง ๆ เพราะจะได้ตั๋วไปในราคา 241 บาท ได้ตั๋วกลับราคา 215 บาทครับ (ค่ารถโดยสารเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2554) ข้อดีของการซื้อตั๋วกลับก่อนก็คือถ้าเรามีตั๋วแล้วเรายังคิดหาเวลากลับที่แน่นอนไม่ได้ เราสามารถโทรไปสำรองที่นั่งผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ของ บ.เชิดชัยทัวร์ เขาได้ล่วงหน้า 6 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางครับ ทำให้เราแน่ใจว่าเราไม่ตกรถแน่นอน อิอิ
ปล. แต่ตอนจะกลับแฟนผมโทรศัพท์ไปจองตั๋วรอบกลับ พนักงานเขาบอกไม่ต้องจองก็ได้เพราะช่วงนี้รถไม่เต็มแน่นอน ให้มาขึ้นเอาที่ท่ารถที่ตราดเลยครับ
รอบรถของ บ.เชิดชัยทัวร์ ครับ
หลังจากขึ้นรถรอบ 23.30 น. นั่งไปหลับไปจนตื่นขึ้นมาอีกทีประมาณ ตี 5 หรือตี 5 ครึ่งนี่แหละครับ รถทัวร์เขาจะพาเราไปจอดที่หนึ่งมืด ๆๆๆๆ มองไม่ออกเลยครับว่าที่ไหน แต่เขาจะบอกว่าคนที่จะไปเกาะช้างให้ลงรถตรงนี้เลย เดี๋ยวจะมีสองแถวของ บ.เชิดชัยทัวร์ เขามาจอดรับครับ และก็มาจริง ๆ เป็นรถสองแถวสีส้มแบบในภาพ ที่ผมนั่งแล้วคิดว่าเป็นสองแถวที่ขับเร็วที่สุดในประเทศไทยแล้วครับ ขับเร็วมากน่ากลัวสุด ๆ
รูปรถสองแถวสีส้มที่ขับเร็ว ร้อน แรงมาก
หลังจากลงรถสองแถว เขาจะพาเรามาส่งที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติครับ จะมีคนขายมาขายตั๋วรถสองแถวขากลับไปที่ท่ารถตราด กับตั๋วเรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะช้างแบบไป-กลับให้ครับ ให้ซื้อไว้เลยเพื่อความสะดวกครับ รวมทั้งหมด ราคา 220 บาท มาแบบแพ็คเกจเลย (ไม่ต้องงง ตั๋วรูปรถนั่นครับ แต่มันคือตั๋วเรือเฟอร์รี่ครับ)
พอฟ้าสว่างมานิดประมาณ 6 โมงกว่า ๆ ก็จะเริ่มเห็นนู่นเห็นนี่แล้วครับ นี่คือเฟอรรี่ของอ่าวธรรมชาติที่จะพาเราข้ามไปเกาะช้างครับ
พอ 7 โมงเช้า เรือเฟอร์รี่ก็จะออกจากท่าเรืออ่าวธรรมชาติครับ ช่วงนี้ก็มีคนทยอยมากันเรื่อย ๆ ระหว่างทางที่ข้ามไปเกาะช้างเราก็จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นพอดีที่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะครับ สดใสจริง ๆ เช้านี้ ตอนแรกแอบกลัวเพราะมีเสียงฟ้าร้องตลอดเวลา แต่ผิดคาดครับวันนี้ไม่มีฝน
หลังจากนั่งเรือมาประมาณครึ่งชั่วโมงหรือเกือบ เราก็จะมาถึงเกาะช้างแล้วครับ และนี่คือมุมที่คนในห้อง Blueplanet เรามักจะถ่ายกันทุกครั้งเมื่อถึงเกาะช้าง ผมก็ไม่พลาดต้องเกาะกระแสไว้ อิอิ
หลังจากขึ้นฝั่งมาเราก็จะเจอป้ายบอกทางไปหาดต่างๆ (ซึ่งมันก็ทางเดียวกันนั่นแหละ แต่ระยะทางต่างกันนิดหน่อย) สำหรับผมกับแฟนเดินทางแบบแบ็คแพ็กไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า แต่ก็มีตัวเลือกในใจอยู่เป็นบางที่ครับ
ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไม่ได้เอารถส่วนตัวมาก็คือสองแถวครับ สองแถวที่เกาะช้างนี้เขาน่ารักดีนะครับ เพราะสองแถวที่นี่ทุกคนสีขาวหมดเลยครับ สำหรับค่ารถสองแถวปกติเขาคิดคนละ 50 บาท ครับ แต่วันที่ผมไปนักท่องเที่ยวมาน้อยเลยโดนกันไปคนละ 60 บาท พอทำเนาครับ
สำหรับเส้นทางบนเกาะช้างนี้ตอนแรกอ่านจากรีวิวของหลายท่านก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง ก็คือ เส้นทางบนเกาะนี้น้อง ๆ ภาคเหนือเราเลยครับ มีทั้งชัน ทั้งเขา ป่าไม้ เหว มีครบเลยครับ
สำหรับการหาที่พัก ท่านที่มาชิล ๆ แบบผม คือ ไม่ได้จองโรงแรมไว้ มาหาเอาดาบหน้า ขอบอกว่ามีที่พักเยอะมาก ๆ ครับ บนเกาะช้างไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่ซุกหัวนอน แต่สำหรับผมและแฟนเราตั้งใจไว้ว่าอยากจะได้ที่พักที่ติดริมทะเลสวย ๆ ราคาเบา ๆ ไม่แพงครับ เราเลยเริ่มหาที่พักกันเลยตั้งแต่ที่หาดทรายขาวเลยครับ และพาหนะสำหรับการเดินทางบนเกาะช้างเราก็เลือกใช้บริการมอเตอร์ไซค์เช่าครับ อย่างคันนี้ลุงเจ้าของร้านรถเช่าคิดค่าเช่าวันละ 200 บาท มาพร้อมน้ำมันเต็มถัง แต่ตอนคืนต้องเติมให้เขาเต็มแบบเดิมนะครับ ผมเช่าไว้ก่อนล่วงหน้า 2 วัน แกบอกถ้าเช่าวันที่ 3 ด้วย แกคิดค่าเช่าของวันที่ 3 แค่ 150 บาท ครับ ปล.ท่านใดที่เช่ารถมอเตอร์ไซค์มาขับเอง ต้องขับแข็งพอควรนะครับ เพราะเส้นทางหลังจากเลยหาดไก่แบ้ไป ท่านจะเจอทางลงเขาและขึ้นเขาที่น่ากลัวมาก ๆ ครับ ขับไม่ดีล้มแน่ครับ
ผมกับแฟนตระเวนหาที่พักกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า มาได้ที่พักกันก็เกือบเที่ยงครับ และเป็นเรื่องน่าตลกเพราะขับไปไกลถึงไก่แบ้ แวะมาหลายรีสอร์ท สุดท้ายมาได้ที่หาดทรายขาว และเป็นที่แรกที่เราเช่ารถมอเตอร์ไซค์ด้วยครับ คือ หญ้าคาบังกะโล เป็นบังกะโลติดชายหาดเลยครับ มีแอร์ น้ำอุ่น ตู้เย็นพร้อมเลย สุดยอดมากครับ ราคาต่อคืนแค่ 1,300 บาท ไม่มีอาหารเช้าครับ ถูกใจมาก ๆ เลย
เพราะตอนแรกตัวเลือกในใจผมก็คือ หาดทรายขาวรีสอร์ท ครับ ผมกับแฟนหลังจากตระเวนหาที่พักกันตั้งแต่ หาดทรายขาว ถึง หาดไก่แบ้ ก็ยังไม่ถูกใจ มีถูกใจก็คือที่ KP Huts ที่หาดคลองพร้าว เป็นบ้านพักติดหาด หาดสวย แต่ดันไม่มีแอร์เลยต้องขอผ่านครับเพราะผมเป็นคนขี้ร้อนมาก ๆ สุดท้ายมาเจอ หญ้าคาบังกะโล เลยขอโบกมือลา หาดทรายขาวรีสอร์ท ครับ เพราะทางลงไปที่รีสอร์ทโคตรชันครับพี่น้อง ผมพาแฟนไปวัดถนนมาแล้วครับ ได้แผลกันคนละนิดละหน่อย ทางลงเขาชันกว่า 45 องศา อีกครับ เบรคกันจนเบรคไหม้ล่ะพี่น้อง ตอนแรกผมทำท่าว่าจะรอดแล้วแต่โค้งสุดท้ายเล็ก ๆ ก่อนถึงรีสอร์ทดันมีแต่ทราย รถเลยแฉลบสิครับพี่น้อง สุดท้ายเจ็บทั้งคู่ ขำดีครับ
ปล. แต่ถ้าใครเช่ามอเตอร์ไซค์ไปแล้วรถเกิดไปล้มมีรอยขึ้นมาจะซวยแบบผม คือ โดนชาร์จค่าซ่อมไป 800 บาท เพราะสติ๊กเกอร์เขาถลอกต้องเปลี่ยนใหม่ แล้วมีรอยต้องพ่นสีใหม่เขาคิด 800 บาท ไม่งั้นก็ต้องขับไปเปลี่ยนสติ๊กเกอร์ใหม่ให้เขาที่ศูนย์ ประมาณแผ่นละ 400 บาท ค่าแรงพ่นสีใหม่อีกประมาณ 200 - 300 บาท ผมขี้เกียจเสียเวลาเลยจ่าย ๆ ไปครับ ไปเที่ยวไม่อยากคิดมาก
กลับมาต่อกันเรื่องที่พัก สำหรับท่านไหนอยากได้ที่พักดี ๆ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ไกลจากแหล่งช้อปปิ้ง แนะนำที่นี่เลยครับ ราคาไม่แพง ที่สำคัญติดชายหาดเลยครับ ลุงเจ้าของที่พักกับพี่ที่ดูแลก็ใจดีครับ ลดค่าห้องคืนที่ 3 ให้จาก 1,300 บาท เหลือ 1,200 บาท และคืนสุดท้ายผมปวดท้อง ท้องเสียมาก แฟนไปขอยาจากลุงแก ลุงแกยังตื่นมาหาให้เลยครับ (แม้จะไม่มียาก็เถอะ) ถ้าผมมาเกาะช้างอีกจะกลับไปพักที่นี่แหละครับ รักเลยครับ ดูภาพบังกะโลกันก่อนนะครับ นี่ห้องที่ผมพักครับ มีระเบียงกับที่นั่งหน้าห้องด้วยชิลมาก ๆ
สำหรับ หญ้าคาบังกะโล หาไม่ยากนะครับ พอนั่งรถมาลงที่หาดทรายขาวซึ่งเป็นหาดแรกสุดของเกาะช้าง พอเจอ 7-11 แรก ให้เดินเลยมานิดนึงจะเจอทางเล็ก ๆ ลงไปที่ชายหาดเดินลงไปก็เจอเลยครับ (ฝั่งเดียวกับ 7-11 ครับ)
นี่ยืนจากหน้าห้องผมถ่ายไปที่ทะเลครับ เป็นไงครับติดทะเลเลย โดนใจอย่างแรง!
มาต่อเรื่องห้องพัก นี่ภาพด้านในครับเตียงนุ่มนอนสองคนสบายใจครับ ตู้ - โต๊ะเครื่องแป้ง ก็มีให้ใช้ ทีวี - ตู้เย็น ก็มีให้ แหล่มจริงเชียว ห้องน้ำก็แบบบ้าน ๆ สะดวกสบายแถมมีน้ำอุ่นนะครับขอบอก หน้าห้องมีเสื่อให้ยืมด้วยครับ เหมาะมากกับตอนเย็นเอาเสื่อไปกางนอนเล่นกันที่หาดสองคนชิล ๆ ครับ
สำหรับกิจกรรมบนเกาะช้างวันแรก ๆ ก็แนะนำให้ไปเที่ยวกันที่ หมู่บ้านบางเบ้า ไม่ก็ น้ำตกคลองพลู ครับ แล้วจากนั้นตอนเย็นก็ค่อยแวะไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่หาดไก่แบ้ครับ ตามผมมาเลยว่ามีอะไรบ้าง ไปหมู่บ้านบางเบ้ากันก่อนเลย ที่นี่มีร้านอาหารและแหล่งช้อปของที่ระลึกมากมายครับ ผ้าสีสันสดใสเหมาะกับการเที่ยวทะเลชิล ๆ เสื้อผ้าและที่ระลึกก็มีให้ช้อปเพียบครับ
มาเที่ยวเกาะแบบนี้ทั้งทีต้องไม่ลืมนี่เลยครับ โปสการ์ด เอามาเขียน ๆ ส่งให้เพื่อน ๆ หรือคนที่เรารักซะหน่อยนะครับ มาทั้งทีอย่าให้ความทรงจำหายไปง่าย ๆ นะครับ ผมจัดไปเกือบสิบแผ่นเขียนซะเมื่อยเลย ซึ่งหลังจากเราได้โปสการ์ดแล้วถ้าเขียนเสร็จแล้วเราจะไปส่งโปสการ์ดกันที่ตู้ไปรษณีย์จรวดแห่งเดียวในไทย ที่จุดชมวิวไก่แบ้ครับ ไปรษณีย์จรวดเป็นยังไงรอดูกันต่อไปเด้อ
หลังจากเดินเที่ยวกันที่หมู่บ้างบางเบ้าแล้ว เดินมาอีกหน่อยสุดปลายทางจะเจอนี่ครับ ประภาคารบางเบ้า เป็นจุดแลนด์มาร์คไว้มาถ่ายรูปกันชิล ๆ ครับ
บริเวณนี้จะเป็นที่จอดเรือของบริษัทต่าง ๆ ที่จะพานักท่องเที่ยวไปทัวร์ดำน้ำตามจุดต่าง ๆ ด้วยครับ ซึ่งโปรแกรมดำน้ำผมแนะนำให้ไปวันที่สองของการอยู่บนเกาะช้างครับ เพราะต้องใช้เวลาทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็นกันเลยทีเดียวนะจะบอกให้ ดำกันจนเมื่อย
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปเสร็จ เดินกลับไปที่หมู่บ้านบางเบ้า ว่าจะหาเค้กในตำนานสักหน่อย (เคยเห็นพูดกันในรีวิวของบลูฯ นี่แหละ...จัดเลย) และนี่คือร้าน บางเบ้าดีไลท์ (ความจริงเขาเขียนเป็นอังกฤษนะ อิอิ) สั่งมาเลยบราวนีในตำนาน รสชาติโอเคเลยครับ ไม่แพง ก้อนละ 60 บาท พูดแล้วอยากกินอีกจัง
หลังจากหม่ำเค้กเสร็จ ตอนนั้นก็เย็นแล้วครับ เลยรีบบึ่งรถมอเตอร์ไซค์กลับไปที่จุดชมวิวที่หาดไก่แบ้ เพราะเดี๋ยวพระอาทิตย์จะตกดินซะก่อน พอมาถึงก็จะเจอลานกว้าง ๆ พอจอดมอเตอร์ไซค์ได้หลายคัน และก็เจอนี่เลยตู้ไปรษณีย์จรวด ใครซื้อโปสการ์ดมาก็มาเขียนส่งให้เพื่อน ๆ กันที่นี่แหละ
ทันพอดีกับพระอาทิตย์ตกครับ สวยสุด ๆ ใครมากับแฟนหาอะไรทำซึ้ง ๆ ก็ดีนะ ส่วนผมอยากทำอะไรซึ้ง ๆ แต่คนเยอะมาก ๆ เลยซึ้งไม่ออก 555+
นักท่องเที่ยวมาชมพระอาทิตย์ตกดินกันตรึมครับ
พระอาทิตย์ตกแล้ว แต่เสียดายไม่ได้เห็นแบบตกทะเล แต่ก็สวยซึ้งใจสุด ๆ ครับ คิดถึงเกาะช้างจัง
1 วัน ผ่านไป ... เช้าวันต่อมาผมกับคุณแฟนก็ติดต่อขอซื้อแพ็คเกจดำน้ำจากพี่เจ้าของบังกะโล แกก็พาไปติดต่อปรากฏว่าดันเป็นที่เดียวกับที่ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์ (อีกแล้ว) เป็นอะไรที่ขำดีครับ สำหรับแพ็คเกจดำน้ำที่ผมซื้อเป็นของ Koh Chang Boat Trip ในราคา 500 บาท พาไปดำน้ำ 4 เกาะ ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า - 5 โมงครึ่งครับ โดยจะมีรถสองแถวของบริษัทมาจอดรับที่หน้าบังกะโลตอน 8 โมงเช้า สะดวกดีจัง
ตั๋วไปดำน้ำครับของ Koh Chang Boat Trip ตอนแรกแอบกลัวว่าบริษัทนี้เราไม่เคยเห็นในรีวิวอื่น ๆ เลย ส่วนมากจะเจอแต่ของ บ.อิทธิพลทัวร์ กับ บ.ศรัทธาทัวร์ บริษัทนี้เราจะเจออะไรข้างหน้า แค่แอบคิดแต่ก็ไม่ได้กลัวมาถึงแล้วลุยเลย เป็นไงเป็นกันครับ ปล.ราคาในตั๋วเขียนไว้ 700 บาท แต่ผมกับคุณแฟนซื้อมาแค่ 500 บาท/คน นะครับ ไม่รู้เป็นโปรโมชั่นอะไรหรือเปล่า??
พอเวลา 8 โมงเช้า รถสองแถวของบริษัทก็มาจอดรับเราที่หน้าบังกะโลเลยครับ เอ้า...ลุย
พอนั่งรถมาได้สักระยะเขาก็จะพาเรามาลงที่ปากทางเข้าหมู่บ้านบางเบ้าครับ ให้เราเดินต่อเข้าไปที่ท่าเรือบางเบ้าเองเลย ใครหิวก็หาโอกาสซื้อขนมกินตอนนี้แหละครับ
ต่อกันที่เรือของ Koh Chang Boat Trip เรือที่เราจะฝากใจ ฝากชีวิตไปด้วยครับ อิอิ บนเรือมีแต่ฝรั่งตรึมครับ
ระหว่างนั่งเรือไปที่เกาะแรกคือ เกาะยักษ์ใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็เป็นเวลาพอสมควรครับ แต่ระหว่างทางก็จะมีการเอ็นเตอร์เทนลูกค้าเป็นระยะ ๆ ไปครับ สนุกดีครับโดยเฉพาะซุปเปอร์แมนของเรือเรา ฮามากครับ ระหว่างนั่งเรือไปก็เห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลเลย โอ้ย...เราจะเป็นอะไรไหม ชักแอบกลัวแล้ว เพราะทั้งผมกับแฟนว่ายน้ำไม่เป็นกันทั้งคู่ครับ ที่มานี่มาด้วยใจล้วน ๆ ลุยกันสักตั้งไปเลย แต่เห็นฝนแบบนี้แอบกลัวนะ
โฉมหน้าซุปเปอร์แมน ผู้เอ็นเตอร์เทนลูกค้าของเรือเราครับ อารมณ์ดีมาก ๆ สักพักตาซุปเปอร์แมนก็ชี้อะไรบางอย่างให้พวกเราดูครับ นั่นคือ!!!
ดอลฟิน!! ดอลฟิน!! ทุกคนลุกมาดู โอ้แม่เจ้า ปลาโลมาเป็นฝูงเลยครับ 5-6 ตัว ได้มั้ง กำลังว่ายตามเรือลำหนึ่งอยู่ เกิดมายังไม่เคยเห็นโลมาตามธรรมชาติแบบนี้เลยครับ คุ้มมากจริง ๆ ทริปนี้ อันนี้ต้องยืมภาพของกล้องแฟนมาลง เพราะกล้องผมซูมไกลไม่ได้ แถมถ่ายไม่ทันอีกตะหาก ฮ่า ๆ
ต่อกันเลย อันนี้ปลาโลมาหลังจากที่เขาว่ายตามเรือลำข้างหน้าเรา สักพักก็มีการมาว่ายรอบเรือเราด้วยครับ แต่ผมถ่ายไม่ทันเพราะมีแต่ฝรั่งมุงอยู่ข้างเรือเต็มไปหมด อดเลยเรา เลยยืมภาพจากกล้องแฟนมาลงอีกภาพครับ เขาถ่ายทันพอดี
หลังจากฝูงปลาโลมาผ่านไป ฝนก็เริ่มตกลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนก็วิ่งเข้ามาหลบฝนกันหมด และหลังจากนั้นไม่นานสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสิ่งหนึ่งก็กำลังจะแสดงตัวให้พวกเราได้เห็น ...
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากฝนลงเม็ดคือ พายุงวงช้าง (เรียกถูกหรือเปล่าหนอ) ซึ่งเกิดมาไม่เคยเห็นอะไรกับตาแบบนี้เลยครับ ผมเป็นคนเชียงรายยิ่งไม่มีโอกาสได้พานพบสิ่งนี้ พอมาเห็นกับตา โอ้ย...ขนลุกครับ ไม่ใช่กลัวแต่ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ แม่เจ้า
หลังจากลูกแรกปรากฏออกมา ก็มีลูกที่สองลงตามมาครับ
หลังจากเราแล่นเรือผ่านพายุไป (แอบคิดว่าโชคดีที่ไม่ก่อตัวขึ้นใกล้เรือ) เราก็ใกล้จะถึงเกาะแรกแล้วครับคือ เกาะยักษ์ใหญ่ ระหว่างทางเห็นทะเลมีสองสีแบบนี้แปลกดี บริเวณที่น้ำสีฟ้าน่าจะเป็นจุดที่น้ำตื้นมั้งครับ ใครทราบมาอธิบายให้ผมฟังหน่อย
มาถึงแล้วครับเกาะแรกใน 4 เกาะ คือ เกาะยักษ์ใหญ่ ทางเรือเขาบอกว่าไม่ให้เราขึ้นไปบนเกาะ เพราะบริเวณรอบ ๆ เกาะหอยเม่นเยอะมาก ๆ ครับ ให้ดำกันรอบ ๆ ก็พอ หลังจากเรียนรู้วิธีการใส่สน็อกเกิ้ลจากพนักงานบนเรือ ก็เตรียมพร้อมลุยกันเลยดีกว่า ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ใจสู้ครับ
นี่คือสน็อกเกิ้ล ผู้ช่วยในการดำน้ำของเราครับ เรียนรู้วิธีการใช้จากบนเรือแล้วโดดตูมลงน้ำเลยครับ สำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็นท่านจะเหลือเชื่อกับสิ่งที่ตาท่านไม่เคยเห็นแบบผม แบบว่าสุด ๆ ครับ เกิดมาไม่เคยคิดและไม่กล้าคิดที่จะมาดำน้ำเลยครับ ขอให้ท่านเชื่อมั่นในเสื้อชูชีพว่าช่วยคุ้มตัวเราได้พอตัว + กับใจกล้าแล้วลุยเลยครับ พอมาเห็นกับตาประทับใจมาก ๆ โอ้ย...ธรรมชาติไทยเราสวดยอดครับ ปล.ท่อสน็อกเกิ้ล ต้องรักษาดี ๆ นะครับ เพราะถ้าหลุดหายไปเสียเงิน 200 บาท นะครับ ผมทำหลุดไปแล้วครั้งหนึ่ง เกือบเสียเงินแต่มีคนเก็บได้เลยรอดตัวไป อิอิ
พอดำน้ำเสร็จขึ้นมาจากเกาะยักษ์ใหญ่พร้อมความประทับใจ ซึ่งเขาให้เวลาเราเต็ม ๆ 1 ชั่วโมง ในการชื่นชมธรรมชาติครับ สำหรับลูกผู้ชายอย่างเราใครว่ายน้ำไม่เป็นก็ต้องป๋อมแป๋ม ๆ ไปแบบผม ไม่งั้นใครพาแฟนไปก็จับมือแฟนดำน้ำดูปะการัง ดูปลากันไป ใครมาโสดคงเหงาหน่อย ๆ ส่วนสาว ๆ ไม่ต้องกลัวครับ เพราะเหล่าซุปเปอร์แมนของเรือเขาบริการสาว ๆ เต็มที่ครับ เชื่อผม อิอิ พอขึ้นเรือมาก็ได้กินข้าวเลยครับ แกงเขียวหวาน + ผัดวุ้นเส้น + ไข่เจียว ที่สุดแสนธรรมดา แต่โคตร ๆๆๆ อร่อยยามเหนื่อยครับ อิอิ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เรือจะพาเราไปเกาะต่อไป ซึ่งไม่ไกลจากเกาะแรกคือ เกาะรัง เกาะนี้มีหาดทรายสีขาว ลงเล่นได้ด้วยครับ หลังจากขึ้นหาดทรายมาจะมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเพียบ แต่ใครจะเอากล้องไปล่ะครับ เพราะต้องว่ายน้ำจากเรือไปขึ้นหาดไกลพอสมควรเลย บริเวณหาดจะมีเปลือกหอยสวย ๆ เศษปะการังที่หักเยอะมาก ๆ ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ ครับ
1 ชั่วโมง ผ่านไปกับเกาะที่สอง เรือก็พาเราไปเกาะที่สามก็คือ เกาะโล้น เกาะนี้เป็นสุดยอดแห่งความประทับใจของผมกับแฟน เพราะระหว่างที่ลงไปดำน้ำป๋อมแป๋ม ๆ มีลูกเรือของบริษัทคนหนึ่งมาใกล้ ๆ แล้วถามพวกเราว่า
"ไปดำน้ำรอบเกาะกับผมไหม เดี๋ยวผมพาไป..."
พวกเราก็ตกลง โดยเขาว่ายไปเรื่อย ๆ มือข้างหนี่งจับชูชีพไว้ ส่วนผมเกาะชูชีพแฟนจับมือผมดำน้ำไปด้วยกันรอบเกาะโล้น ขอบอกว่าสุดยอดที่สุดครับที่ได้เห็นธรรมชาติใต้ทะเล โลกที่เราไม่รู้จัก โคตร ๆแห่งความประทับใจ ขอบคุณพี่คนนั้นมาก ๆ ถ้าไม่มีเขาเราคงไม่ได้เห็นโลกอีกโลกที่เราไม่เคยเห็นได้ชัดเจนแบบนี้
หลังจากขึ้นจากเกาะที่สาม ทางเรือก็เตรียมอาหารไว้ต้อนรับอีกแล้วคือ บาร์บีคิว แบบไม่เสียบไม้ให้เราคนละชุดครับ อร่อย อิ่ม ลืมเหนื่อยกันไปเลย คุ้มอีกแล้ว
เกาะสุดท้ายของทริปการดำน้ำ ก็คือ เกาะหวาย ครับ เกาะนี้มีรีสอร์ทส่วนตัวด้วย และสามารถดำน้ำตื้นได้รอบเกาะเลยครับ สวยมาก ๆ น้ำใส คิดถึงมาก
ต่อกันเลย รีวิวเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้วครับ ผมพักอยู่เกาะช้าง 4 วัน 3 คืน วันสุดท้ายผมก็เลยแวะไปที่ น้ำตกคลองพลู ครับ เขาว่าถ้ามาเกาะช้างไม่ได้ไปน้ำตกคลองพลูก็เหมือนเที่ยวเกาะช้างไม่ครบ 100% นะครับ
สำหรับค่าเข้าชมน้ำตกคลองพลู ผู้ใหญ่ (รึเปล่า?) อย่างเรา ๆ ก็เสียเงินกันคนละ 40 บาท ครับ ช่วย ๆ อุทยานฯ หน่อยนะครับ
น้ำตกคลองพลูครับ สวยดีครับ แต่ไม่ได้เล่นน้ำ ไปชมก็พอใจล่ะครับ
สรุปไปเกาะช้างครั้งนี้ สุดยอดแห่งความประทับใจครับ ขอบคุณ ... ที่มีเธอเคียงข้างซ้อนท้าย ขอบคุณ ... ที่ธรรมชาติยังคงความงาม รอให้เราไปชื่นชมเสมอ ขอบคุณ ... โอกาสและเวลาดี ๆ ที่เป็นใจให้เราเลือกไปเกาะช้าง และสุดท้ายขอบคุณ ... ที่มีเธออยู่ด้วยกันตลอด I Love Koh Chang ครับ
สรุปข้อดีข้อเสียทั้งหมดสำหรับผมนะครับ
ข้อดี
- ธรรมชาติยังคงงามเหมือนเดิม
- รีสอร์ท + ที่พัก มีให้เลือกเยอะมากมายบนเกาะช้าง ไม่ต้องกลัวไม่มีที่นอน
- ผู้คนที่ผมพบเจอมานิสัยดีทั้งนั้นครับ
- เดินทางไปเกาะง่าย สะดวก สบาย ปลอดภัย
- อาหารการกินหาได้ง่าย
ข้อเสีย
- เส้นทางบนเกาะช้างสูงชันมาก บางช่วงก็เป็นเหว ขับรถต้องระวังมาก ๆ บางที่ถนนมีดินถล่มลงมาด้วยครับ อันตรายอย่างแรง
- คนเยอะมาก แต่โดยส่วนมากเป็นฝรั่ง ใครชอบแบบส่วนตัวคงต้องไปพักไกล ๆ เลย แถว Lonely Beach ครับ
สรุปแล้วรักเกาะช้าง (อีกแล้ว) ครับ มีโอกาสก็จะกลับไปอีก สรุปค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ของผม
- ค่าที่พัก หญ้าคาบังกะโล คืนละ 1,300 บาท x 2 คืน ส่วนคืนที่สาม เขาลดให้เหลือ 1,200 บาท
- ค่าเช่ามอไซค์ วันละ 200 บาท x 2 วัน วันสุดท้ายเขาลดให้เหลือ 150 บาท
- เติมน้ำมันเต็มถังเสียไป 160 บาท
- ค่ารถจากเอกมัย - ตราด แล้ว ตราด – กทม. รวมแล้ว 456 บาท
- ค่าเรือเฟอร์รี่ ไป - กลับ + สองแถวรับส่งจากตัวเมืองตราดไป - กลับ อ่าวธรรมชาติ รวม 220 บาท
- ค่าสองแถวไปหาดทรายขาว 60 บาท จาก หาดทรายขาวกลับมาท่าเรือ 50 บาท
- แพ็คเกจดำน้ำ 500 บาท/คน
ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ จะแค่นี้ครับ ค่าข้าว ค่ากินนี่ต้องแล้วแต่ท่านล่ะครับ สำหรับผมกับแฟนกินมื้อเย็นหนักสุด สองคนตกแค่มื้อละ 300 กว่าบาทครับ อิ่มพุงปลิ้นละกันครับ ตีไปสำหรับทริปนี้จัดเงินไปคนละ 5,500 - 6,000 บาท ก็โอครับ ยิ่งมีคนหารเยอะยิ่งสบายครับทริปนี้ ไปเที่ยวเกาะช้างกันเยอะ ๆ นะครับพี่น้อง สวย...คอนเฟิร์มจากรีวิวเด้อ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก