ย้อนกลับไปเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ใครจะเชื่อว่า "เขาหินซ้อน" อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ดินแดนที่เสื่อมโทรม แห้งแร้ง แตกระแหง ดูแล้วไม่น่าจะพัฒนาที่ดินเจริญขึ้นได้เลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปผืนดินแห่งนั้นกลับเขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้นานาพรรณ ด้วยพระอัจฉริยภาพของ "พ่อหลวง" พระมหากษัตริย์นักพัฒนาของชนชาวไทย
เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินทางตามรอยฝ่าพระบาทของพระองค์ท่าน ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมแวะไปชมความเขียวขจีของผืนป่ากันที่ อุทยานแห่งชาติทับลาน ผ่านบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายบอกเล่าเรื่องราวของ คุณ ม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันค่ะ
++++++++++++++++++++
บันทึกการเดินทางชุดนี้เป็นการเดินทางตามรอยฝ่าพระบาทพระองค์ท่านที่ "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน" หนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแก้ไขปัญหาของพสกนิกรชาวไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ กม.53 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ริมทางหลวงหมายเลข 304
วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ คือเพื่อเป็นแหล่งรวบรวมการศึกษา ทดลอง วิจัย และการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตร
ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 50 ปีก่อน พื้นที่เขาหินซ้อนเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ผืนหนึ่งของภาคตะวันออก
แต่ด้วยการทำการเกษตรที่ผิดวิธี การปลูกพืชไร่เชิงเดี่ยว การบุกรุกพื้นที่เพื่อใช้เป็นที่ทำกิน และการใช้ยาฆ่าแมลงที่มากเกินไป
เวลาเพียง 20 ปี ก็เปลี่ยนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ให้เป็นทะเลทราย ไม่สามารถทำมาหากินได้อีก แม้แต่มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชที่ทน ไม่ต้องการน้ำมาก ก็ยังไม่สามารถปลูกได้
ในปี พ.ศ. 2520 ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจึงร่วมกันน้อมเกล้าน้อมถวายที่ดินผืนนี้ จำนวน 264 ไร่ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงสร้างพระตำหนัก
"...ก็เลยถามผู้ที่ให้ที่นั้นนะ ถ้าหากไม่สร้างพระตำหนัก แต่ว่าสร้างเป็นสถานที่ที่จะศึกษาเกี่ยวกับการเกษตรจะเอาไหม เขาก็บอกยินดี ก็เลยเริ่มทำในที่นั้น..." พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จุดเริ่มต้นของการจัดตั้ง "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนตามพระราชดำริ" จึงเริ่มขึ้น แม้จะมีบางท่านเชื่อว่าการจะพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้งดั่งทะเลทรายให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมีความหวังที่จะพัฒนาพื้นที่แห้งแล้งดั่งทะเลทรายแห่งนี้ได้ ก็คือความเชื่อมั่น ... ความเชื่อมั่นที่ว่าหากความเดือดร้อนของประชาชนทราบถึงพระเนตรพระกรรณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์จะไม่ทรงละเลยต่อความทุกข์ยากของราษฎร
จากการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในทุก ๆ ภูมิภาคของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้พระองค์ทรงเข้าใจถึงปัญหาและวิธีการแก้ไขอย่างถูกวิธี ... ผืนดินที่เคยแห้งแล้งแห่งนี้กลับมาเขียวขจีและสดชื่นอีกครั้ง
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นับเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จของการพัฒนาด้านการปรับปรุงบำรุงดิน
การนำวิถีทางแห่งธรรมชาติมาใช้พลิกฟื้นผืนแผ่นดิน โดยการใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก รวมถึงการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน
มีการสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร
มีการจัดทำสวนกล้วยไม้ สวนพรรณไม้หอม
จัดทำแปลงสาธิตการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ ตามแนวทฤษฎีใหม่
มีการจัดทำสวนกล้วยไม้ สวนพรรณไม้หอม
จัดทำแปลงสาธิตการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ ตามแนวทฤษฎีใหม่
ในวันที่พวกเราเข้าไปเยี่ยมชม ยังมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เข้าไปทัศนศึกษากันอย่างไม่ขาดสาย
ที่นี่ไม่เสียค่าบริการใด ๆ ในการเข้าเยี่ยมชมทั้งสิ้น โดยสามารถติดต่อขอยานพาหนะพาชมสถานที่ต่าง ๆ ได้ ถ้ามาเป็นหมู่คณะ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ แห่งนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งที่เกษตรกรและประชาชนทั่วไป เข้ามาศึกษาหาความรู้และได้พักผ่อนหย่อนใจควบคู่ไปอีกด้วย
จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ผมมุ่งหน้าตามทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย เพื่อสัมผัสความงดงามของผืนป่ามรดกโลก ณ อุทยานแห่งชาติทับลาน
หน่วยพิทักษ์สวนห้อม อุทยานแห่งชาติทับลาน ในวันนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม
บ้านพักอุทยานหลังเล็ก ๆ บนเนินเขา กับวิวทิวทัศน์ที่กว้างไกล อากาศสดชื่นยิ่งนัก
ลานกลางเต็นท์ภายในหน่วยฯ สวนห้อม ยังดูว่างเปล่า ผิดกับอีกโซนใกล้ ๆ กันที่ดูคึกคัก
น้ำตกห้วยใหญ่ หนึ่งในน้ำตกของหน่วยพิทักษ์สวนห้อม อุทยานแห่งชาติทับลาน ความสวยงามและสดชื่นยังเป็นจุดเด่น
ระหว่างทางเดินไปน้ำตกอีกแห่งสามารถพบเห็นดอกไม้ป่าประดับประดาสองข้างทาง ความสวยงามของดอกไม้ป่า น้ำตก ธรรมชาติ คงยากไม่น้อยที่จะตัดสินว่าอะไรสวยกว่ากัน ทั้ง 3 สิ่งหล่อหลอมรวมกันให้ธรรมชาติน่าพิสมัย น่าเชยชมเสมอ ๆ
น้ำตกม่านฟ้า เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่สวยงาม ภายในหน่วยพิทักษ์สวนห้อม
ระยะทางที่ไม่ไกล การเดินทางที่ไม่ลำบาก แต่ทำไมยังเป็นตัวเลือกรอง ๆ ลงมากว่าสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ยังเป็นคำถาม
สายน้ำและละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายปะทะผิวกายให้ความรู้สึกสดชื่นทีเดียว
คืนนี้พวกเราขอแอบอิงธรรมชาติ กางเต็นท์พักแรมกันที่นี่ เริ่มมีเพื่อนร่วมเต็นท์มากขึ้นเมื่อตกเย็น
นั่งลงใต้ต้นไม้ มองวิวทิวทัศน์ มองความเขียว รู้สึกผ่อนคลายเอามาก ๆ
ลานกางเต็นท์ของพวกเรายังสามารถมองเห็นผาชมตะวัน ซึ่งอยู่ฝั่งไทยสามัคคี วังน้ำเขียว ได้อีกด้วย
ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำ อากาศเริ่มเย็นลง ความเงียบเริ่มเข้ามาทดแทน
แสงสุดท้าย ดวงตะวันดวงเดิม ความรู้สึกกับสถานที่ใหม่ที่แตกต่าง
ความแตกต่างที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ ต้อนรับผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย
ลานกางเต็นท์อีกโซนหนึ่งที่ดูคึกคักกว่าโซนที่พวกเราพักอยู่
ชีวิตย่อมมีจุดจบและเริ่มต้น มีพบก็ต้องมีพลัดพราก ไม่ต่างจากดวงตะวันที่กำลังลาลับ
ภาพความสวยงามแบบนี้ ต่างเวลา ต่างสถานที่ แต่ไม่แตกต่างซึ่งความสุข
หากแลกได้อยากให้หยุดช่วงเวลานี้ไว้สัก 24 ชั่วโมง แบบไม่ต้องนอน ไม่ต้องพักผ่อน ขอแค่แอบอิงนั่งชมความสวยแบบนี้ก็เพียงพอ
เช้าวันใหม่ดวงตะวันยังไม่มาทักทาย มีหมอกจาง ๆ อากาศไม่เย็นมากนัก สดชื่นมาก ๆ
ค่ำคืนวานบรรยากาศเย็นสบาย ดวงดาวเต็มท้องฟ้า น้ำค้างไม่แรงมากนัก
หากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวและโชคดีอาจได้เห็นทะเลหมอก แต่วันนี้พวกเราโชคไม่ดี
รอดวงตะวันโผล่มาทักทาย พวกเราก็เตรียมรอยยิ้มไว้ทักทายกลับเช่นกัน
แสงสีทองของวันใหม่ อาจไม่สวยเท่าที่อื่น ๆ แต่ก็สวยพอที่ทำให้ผมมีความสุข
สาย ๆ ของวันนั้นผมขอมาสัมผัสบรรยากาศที่ผาชมตะวัน บรรยากาศสดใสทีเดียว มองวิวทิวทัศน์ได้สุดลูกหูลูกตา ดู ๆ ไปก็คล้ายผาเดียวดายที่เขาใหญ่เหมือนกัน
จากลากันไปด้วยภาพบรรยากาศของผาชมตะวันครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ สวัสดีครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ ม่วงมหากาฬLIFE FOR TRAVEL